ฝากรักฟากฟ้า แสงตะวันทอสีแห่งยามสนธยา ล่วงจะลาลับกลับคอยรองรับฟื้นสู่ยามรัตติกาล.... ร่างกำยำสูงโปร่งชายหนุ่มค่อนข้างล่วงวัยเข้าสู่กลางคน.......... ผมสีดอกเลาขึ้นอยู่ประปรายสอดแทรกผมอันดำขลับยาวย้อยปรกเป็นลอนลงบนใบหน้า แม้นอายุจะล่วงวัยย่างผ่านพ้นแห่งชายฉกรรจ์ แต่ก็ยังแฝงซึ้งถึงความหล่อเหลา ด้วยใบหน้าคมซึ้ง ดวงตาเปล่งประกาย วงหน้าอันยาวรับรูปเป็นสัดส่วนของชาย บ่งบอกถึงในอดีตที่ผ่านมา ที่ยังหลงเหลือแฝงไว้ของชายหนุ่มร่างนี้ กำลังทอด อารมณ์ประดุจดั่งหยกเนื้องามขาวสะอาดที่แกะสลักไว้ มองไปยังปลายขอบฟ้า คล้ายจะค้นหาหรือแฝงสิ่งในใจออกมา ท่ามกลางขุนเขาป่าพงไพรพนาอันเขียวชอุ่ม ร่างเขานั่งเหม่อมองท้องฟ้านั่งทอดอารมณ์บนก้อนหินที่ปูลาดราบเรียบประดุจสร้าง โดยน้ำมือมนุษย์มิปาน ใต้ต้นไม้โศกใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านสาขาขยายเป็นพุ่มใหญ่ ด้านหลังเป็นภูเขาสูงชัน ล้วนแล้วพฤกษานานาพันธุ์กิ่งก้านใบ เขียวชอุ่ม บ้างมีดอกกล้วยไม้บนคาคบส่งกลิ่นฟุ้งกระจายไปไกลตามสายลมเอื่อยๆ หอมโชยล่องมากระทบนาสิกประดุจหนึ่งเทพทิพย์ที่คล้ายๆจะชโลมจิตอารมณ์ที่ ประหนึ่งค่อนข้างจะเงียบเหงาแสนเศร้า เสียงน้ำตกแว่วมาเป็นระยะๆ สลับกับเสียง ดนตรีธรรมชาติที่เสียดสีของต้นไม้ต่างๆ เสียงวิหคร้องเรียกหากัน ตลอดจนบรรดา สิงห์สาราสัตว์ ลิง ค่าง บรรดาสัตว์ต่างก้องกังวาน ยามตะวันจะลับหายไปเข้าสู่วันแห่งราตรี ภายในบริเวณที่เขานั่งรายล้อมรอบเรียงรายไปด้วยพืชพันธุ์ไม้ แต่บริเวณที่เขานั่งนั้น กลับเป็นชะง่อนผาจึงแลเห็นความเปลี่ยนแปลงของเหล่าหมู่เมฆบนท้องฟ้า........ เบื้องหน้า สายตาชายหนุ่มมองไปบนฟ้าคล้ายๆครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ภาพเมฆสีขาวแต่บัดนี้กลับถูกแสงหลากหลายฉาบไว้ สลับหมุนเวียนเปลี่ยนไปๆมาๆ ทอพวยพุ่งสาดลอดเหล่าหมู่เมฆเป็นลำแสงอันสดสวยงามนัก ไปยังก้อนเมฆหนึ่งแล้ว ไปยังอีกก้อนหนึ่ง หักมุมเปลี่ยนแปลงของเหล่าเมฆสลับเป็นสรรสีต่างๆนาๆ สร้างภาพของเมฆที่กำลังล่องลอยอย่างเชื่องช้า เป็นภาพสัตว์ วิมานนาๆชนิด บ้างคล้ายเหล่าสตรีที่กำลังเริงร่ายระบำบนท้องฟ้า ด้วยหมู่เมฆถูกสายลมพัดสลับวนเวียนไปๆมาๆแปรเปลี่ยนนานัปการ ร่างชายหนุ่มถอนหายใจออกมาประหนึ่งดุจดั่งจะระบายสิ่งซ่อนเร้นภายในใจให้คลาย สิ่งที่ฝังลึกไว้ในห้วงของเขาส่งผ่านไป ยามเมื่ออดีตเก่าพลิกย้อนหวนคืนกลับมาในห้วง แห่งความหลัง ทำให้ชายหนุ่มต้องสลัดศีรษะเขาเบาๆ ต่อเหตุการณ์ที่ประดังขึ้นเปรียบ เสมือนดั่งจะขับไล่สิ่งที่เก็บไว้ให้เหือดแห้งไป อนิจจาสิ่งที่หมักหมมยามเงียบสงัด ของธรรมชาติภายในป่าและภูผาเช่นนี้ใยเล่าจะขัดขืนได้เล่า เขาบิดตัวไปๆมาๆผ่อนคลายความเมื่อยขบและลืมสิ่งนั้นๆ แต่ห้วงแห่งสภาวะยังคงคอยติดตามสะท้อนออกมาจนได้ หลายต่อหลายครั้งที่ทำเช่นนี้ มันมีทั้งความสุขและความปวดร้าวที่แฝงลึกไว้สลับผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันออกมา อากาศเริ่มเย็นลงไปเรื่อยๆยามตะวันอยู่ยอดเหนือพุ่มไม้คล้ายๆจะอำลาไปดุจดั่ง เขาที่ต้องหลีกเร้นหนีความเจ็บปวดร้าวลึกที่เปรเปลี่ยนไปฝากไว้กับธรรมชาติ มาดแม้นว่าเขาจะลืมโดยเอาธรรมชาติอันแสนบริสุทธิ์เป็นเครื่องชำละล้างจิตใจก็ตามที แต่สิ่งภายในเหล่านี้มันไหลย้อนลึกสลับขึ้นไปๆมาๆ สร้างความปั่นป่วนอารมณ์อัน ร้าวรอนของเขายิ่งนักยากที่ใครเล่าจะสอดแทรกเข้ามาจุนเจือลดทอนได้ ในเมื่อสิ่งที่เขาหวังไว้พร้อมกับวิมานน้อยๆที่อุตส่าห์วิริยะสร้างขึ้นมา ต้องพังพินาศไปอย่างที่เขามิอาจจะกลับไปมองสิ่งเหล่านี้ได้อีกเลย..... สิ้นแล้วสิ้นความหวัง สิ้นหมดทุกๆอย่าง หากเป็นชายอื่นคงจะไม่ปวดร้าวเช่นเขา แต่นี่เป็นเขาซึ่งรักมั่นเชื่อมันต่อใจของตัวเองมาก ด้วยคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้แก่ตัว ของเขาเอง ดังนั้นจึงมิอาจจะหลีกเลี่ยงหลบหลีกพ้นสิ่งเหล่านี้ไปได้.....โอ้อนิจจา......... คุณชายๆขอรับ.....เสียงเรียกของชายชราผู้ดูแลคฤหาสน์ที่ปลูกขึ้นแบบกึ่งตะวัน ตกและตะวันออก ภายในบริเวณเนื้อที่ประมาณห้าไร่เศษๆ ภายในจัดเป็นระเบียบสลับ อารยะธรรมผสมผสานกันได้อย่างแนบเนียน ใช่แล้วสิ่งเหล่านี้เขาเองเป็นคนออกแบบ เขียนแบบแปลนทั้งสิ้น ด้านหลังคฤหาสน์เรียงรายไปด้วยบ้านเล็กๆน้อยๆที่เขามอบให้ บรรดาคนรับใช้ บ้างก็มีครอบครัว บ้างก็ไม่มี ประมาณสักหกเจ็ดคน แต่ละหลังนั้นจัด เป็นระเบียบเรียบร้อย ชายหนุ่มเป็นคนรักความสะอาดยิ่งนัก ดังนั้นทุกๆคนทราบเรื่องนี้ ดีจึงกระทำด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ ด้วยเขามักจะมาตรวจตราหมั่นดูความเรียบร้อย กับบรรดาบ้านพักเหล่านี้เสมอๆ เขาเองเคยกำชับและเคยไล่ออกไปก็เสียหลายคน เนื่องจากไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบที่เขาวางไว้ ชายหนุ่มสะดุ้งยามที่กำลังพิจารณาเรือนดอกไม้นาๆชนิดที่เขาเสาะหามาทั้งปลูกใน กระถาง และแขวนไว้ กำลังออกดอกบานสะพรั่งส่งกลิ่นหอมเย้ายวนหลากหลาย ครั้นได้ยินเสียงเรียกจากชายชรา จึงหันหน้าไปมองซึ่งผู้เรียกนั้นมีร่างกายกำยังลำสัน ค่อนข้างชราแต่งกายเรียบร้อย พลางเอ่ยถามว่า มีอะไรหรือพ่อจ้อย????....... ร่างชายชราน้อมกายลงประสานมือเข้าด้วยกัน พลางเอ่ยว่า คุณหญิงท่านให้กระผมมาตามคุณชายไปพบขอรับ...... อ้อ!!!.....อย่างนั้นหรือ ไปเรียนคุณแม่ด้วยว่าเดี๋ยวสักครู่จะขึ้นไปหานะ.... ขอรับๆ...คุณชาย กล่าวเสร็จชายร่างฉกรรจ์ก็ก้มศีรษะแล้วถอยออกไป เดินกลับขึ้นตึกเพื่อเรียนให้คุณหญิงทราบ สักครู่ใหญ่ร่างชายหนุ่มก็ก้าวเข้ามายังห้องโถงที่ตรงกึ่งกลางมีตั่งแต่ไม่มีที่พิงตั้งอยู่ตรง กลางบนตั่งมีหมอนสามเหลี่ยม ข้างตั่งมีโต๊ะเล็กๆใช้เป็นที่วางของจำเป็น บนตั่งนั้นร่างหญิงชรา นอนตะแคงข้างท้าวหมอน ที่ปลายเท้ามีหญิงสาวกำลังบีบนวดให้อยู่ เรียกผมหรือครับคุณแม่????..... จ๊ะๆ...พ่อรุทธ์ แม่มีเรื่องหนึ่งจะปรึกษาลูกว่าคิดอ่านประการใดดี ด้วยเป็นเรื่องของลูก แม่เองไม่อยากไปยุ่งเกี่ยวด้วยหรอกจ้า อ้อๆๆๆ...แม่ทราบมาว่าคุณหญิงเสาวนีย์เขาโทรฯมา บอกแม่ว่า ลูกกับลูกสาวเขามีความสัมพันธ์กันมาก็เนิ่นนานแล้ว เขาเป็นฝ่ายหญิงจะทำอะไร ก็รีบๆนะ เขาเองก็ไม่รังเกียจฝ่ายเรา อีกอย่างเหตุการณ์ไม่สู้ปกตินักด้วยทางพ่อของ คุณดารณี ไปรับปากกับเพื่อนถึงเรื่องลูกสาวเขา เขาเห็นว่าแม่กับเขาเป็นเพื่อนสนิทมาสมัยยังเรียนหนังสือกันมา อันที่จริงเขาเพียงบอกให้แม่รู้ ด้วยเห็นลูกกลับหนูดารณีชอบพอกัน ส่วนแม่ไม่เป็นปัญหาหรอกจ้า..... ร่างชายหนุ่มอึ้งไปพักหนึ่ง ก็เดินเข้ามานั่งข้างตั่งแล้วพลางเอ่ยว่า แล้วคุณดารณีล่ะแม่ เขารู้เรื่องนี้หรือเปล่าล่ะ เรื่องนี้...แม่ไม่รู้หรอก แต่แม่รู้ว่าหนูดารณีนั้นเชื่อฟังคุณพ่อเธอมากจ้า อีกประการหนึ่งเด็ก คนนี้ก็เป็นเด็กที่ดี มีมารยาทเรียบร้อยทั้งยังไม่ชอบการเที่ยวเตร่ดุจเพื่อนๆเขาจ๊ะ แต่ทว่าๆ....... มีอะไรอีกหรือลูก?????... คือว่า....ผมอยากจะให้เรือนหอที่สร้างไว้ด้านข้างตึกเราเสร็จเรียบร้อยเสียก่อนครับ ด้วยเราสอง ได้ทำความตกลงกันไว้ ผมบอกว่าหากเสร็จเมื่อใดก็จะให้คุณแม่ไปสู่ขอ และยังกล่าวว่าจะขอหมั้น ไว้ก่อน คุณดารณีบอกว่าอย่าเรื่องมากนักหากไปสู่ขอก็หมั้นและแต่งกันเลยจะได้ไม่ต้องเปลือง ค่าใช้จ่ายโดยไม่จำเป็นครับคุณแม่ผมก็ตามใจเธอ อีกอย่างหนึ่งตอนนี้งานสร้างเรือนหอนั้น ก็เสร็จไปแล้วหกสิบเปอร์เซ็นต์แล้วครับคุณแม่ ผมเองก็อยากจะไม่ให้เกิดเรื่องขึ้นภายหลังครับ จะเกิดเรื่องอะไรอีกล่ะ???...พ่อรุทธ์ ตึกเราก็ใหญ่โตจะให้แม่อยู่คนเดียวเลยหรือ.... ไม่ใช่อย่างนั้นครับคุณแม่...ผมหมายความว่าอย่างไรเขาก็เป็นคนอื่นจะเหมือนผมไม่ได้ที่คลุกคลี มาโดยตลอด และอีกอย่างหนึ่งอยากให้เขาเป็นตัวของตัวเองอีกด้วยครับ ส่วนการปรนนิบัติเขาก็จะ มาคอยปรนนิบัติคุณแม่ทุกๆวันอยู่ คุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ อ้อๆ???.....หากเป็นเช่นนั้นก็ตามใจลูกเถอะนะ เราก็มีกันสองคนเท่านั้นเอง แต่ลูกกลางวันก็มาอยู่เป็นเพื่อนแม่ที่นี่ก็แล้วกันนะ ครับๆ...ผมเองไม่ห่างคุณแม่ไปหรอกครับ จะอยู่คอยปรนนิบัติคุณแม่ ยกเว้นไปดูกิจการงาน เท่านั้นครับ.... แล้วเมื่อไหร่ล่ะจ๊ะพ่อรุทธ์จะเรียบร้อยแม่จะได้ไปบอกคุณหญิงเขา เขาก็เป็นห่วงทางเราเหมือนกัน ด้วย สามีเธอนั้นเป็นคนเอาแต่ใจตัวเองเป็นใหญ่มักจะไม่ค่อยฟังใครๆเขาหรอก และอีกอย่างหนึ่ง คุณหญิงเสาวนีย์ก็อยากจะเป็นทองแผ่นเดียวกับเรากระชับสัมพันธ์กันมากกว่าเป็นเพื่อน เมื่อไหร่ล่ะ?????.... คุณแม่บอกทางโน้นเถอะครับว่า ขอให้ผมสร้างเรือนหอเสร็จเสียก่อนจะให้คุณแม่ไปสู่ขอครับคงไม่นาน..... แล้วเขาจะรอลูกหรือแม่เองก็สงสัยเหมือนกัน ด้วยทางพ่อเขาความเห็นไม่สอดคล้องกับ คุณหญิงเสาวนีย์เสียด้วย ทางโน้นเอาแต่ใจตัวเอง แม่ว่าจะช้าไปนะลูก???..... หากเรามีวาสนาต่อกันแล้วจะช้าหรือเร็วก็คงไม่เป็นปัญหานะครับคุณแม่ ชายหนุ่มเอื้อนตอบผู้เป็นมารดา ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ตามใจลูกเถอะ นี่แม่มาบอกให้ลูกรู้ไว้ก่อนนะ ทำให้แม่นึกถึงคำเขากล่าวไว้ ว่า เวลาและนาทีจิตนารีย่อมเป็นอื่น รักที่หวานชื่นกลับขมขื่นก็มากไปจ้า.... แม่เองก็เห็นว่าลูกรักชอบพอกับเขามาก ก็เพียงมาแจ้งให้ทราบเท่านั้น หากลูกมีธุระก็ไปทำได้ แล้วจ้า แม่จะพักผ่อนสักหน่อยยิ่งแก่มากเท่าใด ร่างกายก็ปวดเมื่อยมากเท่านั้นนะ...... ครับคุณแม่..... แล้วร่างร่างหนุ่มก็เข้าไปกอดคุณหญิงพลางหอมแก้มมารดา ลุกขึ้นเดินออกไป คุณหญิงมอง ลูกชายคนเดียว พลางยิ้มและนึกภาวนาขอให้อย่ามีอะไรเกิดแก่ลูกคนนี้เถอะ พลางย้อนคิดไปถึง ตอนยังเป็นวัยรุ่นอยู่ ลูกคนนี้ไม่เคยทำความเดือดร้อนให้พ่อแม่เลย เรียนก็จัดอยู่ในแนวหน้าเสมอ แต่มารู้จัก หนูดารณีก็ตอนเรียนมหาวิทยาลัยด้วยกัน หญิงชรารู้ว่าลูกคนนี้เป็นคนใจเดียวเสมอ เป็นคนตรงไปตรงมา แต่ค่อนข้างจะเก็บสิ่งต่างๆไว้ในตัวเองไม่ระบายอะไรให้ใครๆฟังเลย หญิงชราจึงได้แต่ทอดถอนใจ แล้วพลางสั่งให้เด็กสาวที่หยุดการบีบนวดให้ทำงานต่อไปพลางนอน หงายหลับตาพริ้ม............ ชายหนุ่มนาม อนุรุทธ์ หรือ รุทธ์ตามที่คุณหญิงผู้เป็นมารดาเรียก เดินย้อนกลับไปยังเรือนไม้ อีกครั้งหนึ่ง พลางนึกถึงใบหน้าอันหวานซึ้งรูปไข่ ดวงตามกลมโต มีรอยลักยิ้มข้างซ้าย ยามหล่อน ยิ้มช่างสวยงามเสียนี่กระไร เขานึกถึงรูปร่างทรวดทรงสูงระหงส์ได้สัดได้ส่วน หากไปเป็นดาราหรือ นางแบบก็ไม่น้อยหน้ากว่าใครๆหรอก อีกไม่นานนะขอให้บ้านเราเสร็จก่อนจึงจะให้คุณแม่ไปสู่ขอ ตามประเพณี ทั้งสองสนิทสนมไปเที่ยวด้วยกันเสมอๆแต่ก็มิได้ล่วงเกินใดๆทั้งสิ้น ทั้งสองรับปากว่า ขอให้เราแต่งงานกันก่อนนะ ชายหนุ่มให้สัญญาดังนั้นปัญหาต่างๆจึงไม่เกิดขึ้น อีกฐานะเล่าก็ทัดเทียม กันไม่ห่างกันมากนัก พ่อแม่หล่อนรึก็เป็นนักธุรกิจกว้างขวางเป็นที่รู้จักในวงสังคม ส่วนแม่หล่อนก็เป็นคนกว้างขวาง ในระดับคุณหญิงคุณนาย ยกเว้นแม่เขาเท่านั้นที่ไม่ค่อยจะไปสุงสิงกับบรรดาคุณหญิงคุณนายทั้งหลาย ยกเว้นแม่ของหล่อนเท่านั้น ที่รักใคร่กันมากระหว่างการเรียนและติดต่อมาตลอดไม่เคยห่างกันเลย จึงรู้ใจกันและกันยิ่ง เขาเองหลังจากคุณพ่อเสียไปหลายปี ก็เข้าควบคุมกิจการค้าต่างๆทั้งในประเทศและนอกประเทศ คนเดียว ด้วยความรู้ความพากเพียรอุตสาหะ กิจการก็รุ่งเรืองเป็นที่นับหน้าถือตาในวงสังคมและ การเมือง แต่เขาเป็นคนที่วางตัวเฉยๆกับสิ่งเหล่านี้ แต่ก็ช่วยเหลือเพื่อปูทางในกิจการเขาเท่านั้น หลังจากชมบรรดาต้นไม้ที่กำลังออกดอกเบ่งบานส่งกลิ่นหอมโชยมา เขาก็เดินไปดูการก่อสร้างที่อยู่ ไม่ห่างไกลจากตัวตึกเท่าไหร่นัก เขามองแบบแปลนที่เขาเขียนขึ้นไว้และสั่งให้ผู้ควบคุมจัดการพร้อม เดินเข้าไปตรวจสอบจนเกิดความพึงพอใจแล้ว เขาก็ออกมาจากบริเวณนั้น......... เวลาผ่านไปการก่อสร้างยังไม่เรียบร้อย ด้วยเขาเป็นคนพิถีพิถันนักส่วนใหญ่เสร็จเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียง ตบแต่งภายในซึ่งเขาสั่งของมาตบแต่งห้องหอต่างๆ ชายหนุ่มยิ้มกับตนเองในทางกลับกัน เขาก็ยังติดต่อกับหญิงสาว แล้วพามาดูหอรักแห่งนี้ด้วย เขาถามหล่อนว่าต้องการอะไรเพิ่มเติมอีก หรือไม่ หญิงสาวได้แต่ยิ้มยืนพิงร่างชายหนุ่มพลางกล่าวว่า ในเมื่อพี่รุทธ์เข้าคุมงานเอง พิมหรือจะสู้พี่ได้ล่ะ พิมหรือดารณีกล่าวพลางแหงนหน้ายิ้มกับ ชายหนุ่ม ไม่แน่นะพิม สิ่งนี้ต้องตามใจผู้อยู่จ๊ะ แล้วเขาก็หัวร่อ ทั้งสองก็ห่อร่อ ชายหนุ่มสวมกอด หญิงสาวไว้ในทรวงอก แล้วก้มลงจูบบนหน้าผากหญิงสาว หญิงสาวหลับตาพริ้มยินยอมพร้อมใจ เสมอ อีกไม่นานนะเราสองคนจะได้มาอยู่ที่นี้นะพิม จ๊ะพี่.....เราจะมาสร้างเรือนหอหลังนี้ให้มีความเฉิดฉันท์จ๊ะ หล่อนกล่าวด้วยน้ำคำอ้อยอิ่งหวาน จนชายหนุ่ม เคลิบเคลิ้ม ครั้นเรือนหอหลังนี้เรียบร้อยสมบูรณ์ แต่แล้วเหตุการณ์ที่เขาไม่คิดมาก่อนก็เกิดขึ้น คุณแม่ท่าน ได้เสียไปตามอายุขัยอย่างกะทันหัน ดังนั้นงานที่คาดหวังไว้ว่าจะไปสู่ขอก็ต้องชะงักไปด้วย ตามโบราณกล่าวไว้ว่า ต้องให้พ้นล่วงเวลาไปสามปี ก่อนถึงจะจัดงานมงคลได้ เหตุฉะนี้เขาจึงแจ้งให้หล่อนทราบ หลังจากจัดงานศพคุณแม่ไปแล้ว ทางฝ่ายหญิงก็มิได้กล่าวว่ากระไร กลับบอกว่า ขอให้พี่สบายใจได้ พิมจะคอยพี่เสมอจนกว่าพี่จะสบายใจจ๊ะ เขาก็เริ่มมีอาการซึมเศร้าด้วย ความผูกพันระหว่างแม่ลูกนั้นลึกซึ้ง บัดนี้เขาอยู่ตัวคนเดียว โพธิ์ทองหักไปอีกต้นแล้วคงเหลือเขา แต่เพียงผู้เดียว ระยะนี้เขาไม่ใส่ใจที่จะทำกิจการค้าเท่าไหร่แล้ว งานเขาก็จำเป็นต้องห่างออกไปอีก ตามคำกล่าวของคนโบราณ ซึ่งจะไม่เชื่อก็ไม่ได้อีกประการหนึ่งไม่อยากให้คนเขานินทาว่ากล่าวได้ บรรดาสิ่งที่ไม่เคยคิดหวังต่างๆใยจึงแทรกซ้อนขึ้นกับเขา ดังนั้นชายหนุ่มจึงมอบภาระการงานให้คนเก่าคนแก่ที่เขาเคารพซื่อสัตย์สมัยคุณพ่อเป็นดูแลแทนเขา ชายหนุ่มได้แต่โศกเศร้าเสียใจในการจากไปของคุณแม่ เขาจึงสงบใจด้วยการไปบวชวัดที่ เขาศรัทธา เพื่อศึกษาธรรมและหาความสงบในด้านจิตใจเขา แต่กระนั้นหญิงสาวก็คอยมา ปรนนิบัติอยู่ เขาตั้งใจว่าจะบวชแทนคุณพ่อแม่สักสิบห้าวัน และด้วยธรรมอันลึกซึ้งจึงได้บวช ต่อจนครบพรรษา ด้วยเรื่องความรักนั้นยังไม่ครบกำหนดที่จัดงานมงคลได้ จึงเอาธรรมเข้า กล่อมจิตใจเขาไปพลางๆก่อน........ หลังจากสึกออกมาเหตุการณ์ก็กลับตาละปัดไปเสียสิ้น ดารณีถูกคุณพ่อเธอบังคับให้แต่งงาน กับลูกเพื่อนของคุณพ่อเธอ หล่อนโศกเศร้าเสียใจมากแต่ด้วยความรักที่เชื่อฟังคุณพ่อเธอมาตลอด จึงทำให้ ความรักเขากับหล่อนต้องขาดสะบั้นลงไป เพื่อทดแทนคุณบิดาซึ่งถูกเหตุการณ์ทาง การเมืองบีบบังคับ ในเมื่อเหตุการณ์เช่นนี้ทำให้หล่อนเกลียดสิ่งต่างๆที่เข้ามาทำลายความรัก สิ่งที่หล่อนหวังไว้ภายในห้วงใจเธอตั้งใจไว้ว่าหากแต่งงานวันใด ก็จะไม่ขออยู่เมืองไทยอีก ต่อไปซึ่งไม่เฉพาะคนรอบข้างแม้แต่การบ้านการเมืองก็มาสร้างความรักหล่อนจนพินาศสิ้น ดังนั้นหล่อนถึงจำเป็นต้องแต่งงานทั้งๆที่ไม่มีความรักกับเพื่อนพ่อสักนิดเดียว แต่ ด้วยความรักคุณพ่อเชื่อฟังมาตลอด อีกประการหนึ่งความรักแท้จริงของหล่อนเองนั้นได้ มอบให้แก่เขาจนหมดสิ้นเสียแล้ว แต่หล่อนอ้างกับคุณพ่อเธอว่า หากเธอแต่งงานแล้วจะไม่ขออยู่ เมืองไทย จะไปอยู่ต่างประเทศ คุณพ่อเธอตกลงภายหลังแต่งงานแล้วเธอและครอบครัวได้ออก เดินทางไปอยู่ที่ประเทศอเมริกา เพื่อหลีกหนีความรักอันแสนขมขื่นที่เธอทำไว้กับเขา และยังได้ มีจดหมายสารภาพความผิดครั้งนี้ที่ผิดสัญญาด้วยความรักและทดแทนพระคุณจะไม่ขอกลับเมืองไทย ตราบชั่วชีวิตของหล่อน แม้ว่าอะไรๆจะเกิดขึ้นอีกก็ตามคงปล่อยให้เป็นไปตามวาสนาเท่านั้น.... ปานดั่งสายฟ้าฟาดแสกหน้าชายหนุ่ม จดหมายได้ล่วงหลุดจากมือยามได้อ่านและร่างเขาก็ค่อยๆ ทรุดร่างลง สิ้นแล้วสิ้นสุดทุกๆอย่างที่หวังไว้ เขามองเรือนหอน้อยที่สร้างเรียบร้อย หยาดน้ำตา ไหลซึมตกใน หวนนึกถึงความทุกข์ที่เขาไประบายกับอุปัชฌาย์ที่เขาบวชเรียนมา ท่านเคยกล่าวไว้ ว่า สิ่งที่รักมากย่อมเศร้าโศกมากเป็นธรรมดานะโยม ไม่มีสิ่งใดหรอกที่จะยั่งยืนทุกๆอย่างต้อง เปลี่ยนแปลงดับไปหมดสิ้น โยมจงหมั่นตรึกตรองข้อนี้ให้ดีๆแล้วปรับปรุงแต่งอารมณ์เสียใหม่ นะโยมนะ แล้วทุกอย่างก็จะเห็นแจ้งก็จะพ้นจากทุกข์นั้น ชายหนุ่มมานั่งคิดและทบทวน เสียงนี้ยังก้องกังวานเข้ามายังห้วงลึกแห่งหัวใจยามเมื่อเขาไปนมัสการพระอุปัชฌาย์ เขาไม่รู้ว่า จะระบายให้ใครนอกจากอาจารย์ที่อบรมสั่งสอนเขายามบวชเท่านั้น หากโยมเชื่ออาตมาควรไปหาที่สงบๆเจริญวิปัสสนาสมาธิ มีสิ่งนี้เท่านั้นที่จะช่วยชำระจิตใจ เธอได้นะโยม สิ่งที่ดีที่สุดคือความสงบ ธรรมชาติเท่านั้นที่จะช่วยผ่อนคลายได้ไม่มากก็น้อยโยม ดังนั้นเขาจึงมอบหมายหน้าที่การงานทั้งการดูแลบ้านให้คนที่เขาไว้ใจได้ ออกเดินทางมายัง ต่างจังหวัดอันเป็น บริเวณที่คุณพ่อคุณแม่ซื้อไว้สร้างบ้านน้อยๆอันอุดมไปด้วยพฤกษานานาพันธุ์ ธรรมชาติอันงดงาม เขาพักและบัดนี้ได้มานั่งชมความงามของธรรมชาติ ณ บริเวณนี้ ใช่แล้ว ธรรมชาติเท่านั้นที่จะชำระจิตใจเขาให้เยือกเย็นได้ ใช่แล้วธรรมเท่านั้นที่จะลบล้างสิ่งซ่อนเร้นใน จิตใจเขาได้ ชายหนุ่มมองไปที่ขอบฟ้าอันสุดเท่าที่สายตาเขาจะแลเห็นได้ พลางนึกถึง หญิงอันเป็นที่รักยิ่ง โอ้ดารณีจ้า.....ถึงแม้นพี่ไปได้แต่พี่ก็ไม่สร้างความปวดร้าวให้แก่เธอและครอบครัวหรอก พี่เองยอม รับความโศกเศร้านี้ไว้เพียงผู้เดียว ประดุจต้นโศกที่แม้จะทอดกิ่งก้านสาขาสวยงามดอกที่สวยงามแต่ ทว่าก็ยังถูกเรียกว่าเป็นต้นโศกอยู่ดี เหมือนเราที่บัดนี้ประหนึ่งดั่งต้นโศก ที่ไร้ซึ้งกิ่งก้านสาขาเสียแล้ว ใบก็ล่วงหลุดหายไป นับวันคอยแต่จะแห้งเหี่ยวเฉาตายไปกาล สุขเถิดที่รัก...... สุขเถิด....ด้วยใจพี่นี้สัญญาว่าจะขอมีแต่เธอเพียงคนเดียว......... ประดุจต้นโศกถึงอย่างไรก็ยังเป็นต้นโศกที่คอยแต่จะอับเฉาตายไป พี่ขอฝากใจถึงเธอด้วยนะขอบฟ้าจ๋าจงนำใจ........ ของข้าไปส่งให้ถึงเธอด้วยนะ ดารณีที่รักๆพี่ลาลับมิลาร่วงต่อบ่วงใจที่พี่แสนหวง................ ๐ รวดร้าวใดไหนเล่าเท่าเคล้าโศก วิปโยคทรวงในยามไม่เห็น รักปนโศกโศกรักมักลำเค็ญ สุดหนีเร้นเช่นโศกหัวอกเรา............๛จบ. * แก้วประเสริฐ. *
2 ตุลาคม 2553 12:46 น. - comment id 119244
เสียงฝากรักฟากฟ้ามาอ้อยอิ่ง คงจำได้ว่าหญิงสวยเป็นแน่ ลืมเอาแว่มาช่วยสายตาแล รักโลภหลงคนแก่ยังไม่ลืม อิอิ ดูรูปสวยก็พอแล้วละ อิอิ
2 ตุลาคม 2553 16:17 น. - comment id 119245
คุณ ฤกษ์ ครับจริงๆนะผมมองภาพแล้วซึุ้งมาก ครับแบบโรแมนติคนะครับ ส่วนเรื่องเขียน ก็เขียนแก้เหงาๆแหละ พ่อรูปหล่อไม่ต้อง เอาสาวมาแบ่งให้นะบอกล่วงหน้าก่อน รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
30 กันยายน 2553 09:40 น. - comment id 119270
ชีวิตรักแสนเศร้านะคะคุณลุง ถ้าหลานพบเช่นนี้ คงจะทำใจยากเหมือนกันค่ะ
30 กันยายน 2553 20:15 น. - comment id 119276
คุณ เพียงพลิ้ว หลานรักเอ๋ยในโลกนี้หาความแน่นอน ยากนะ ต้องทำใจไว้ก่อน ลุงก็แค่เขียนไป ตามเรื่องเล่นๆเท่านั้นเองแหละ รักหลานเรา มากเสมอ แก้วประเสริฐ.
3 ตุลาคม 2553 11:05 น. - comment id 119301
สมัครเป็นเจ้าสาวคอยปลอบใจคุณรุทธ์ได้ไหมเนี่ย อิอิ คุณแก้วสบายดีนะคะ ดูแลสุขภาพนะคะ เชียงรายช่วงปลายฝน อากาศกำลังดีค่ะ
3 ตุลาคม 2553 12:08 น. - comment id 119304
คุณ แจ้นเอง ขอบคุณมากครับที่ห่วงใยสุขภาพผม ผมเขียนเรื่องนี้ขึ้นมาตามแต่อารมณ์ครับ ก็ด้วยเหตุที่คล้อยตามนั่นแหละครับ หรือครับ เชียงรายผมไปหลายๆครั้งไป งานแต่งงานเพื่อนผม เขาเป็นคนเชียงราย ไปนอนพักอาทิตย์หนึ่งเห็นจะได้ครับ เขา แต่งงานกับคนเชียงรายด้วยกัน แต่บ้านเย็น แฟนเขาอยู่ออกไปเรียกว่าใกล้ๆเขามากหนาว เสียด้วยตอนไป บ้านเพื่อนผมอยู่ที่บ้าน กองงาม ไปตอนนั้นประมาณเดือนธันวาฯ เห็นจะได้ หนาวมากสมัยก่อนหนาวจริงๆ เรียกว่าวันหนึ่งอาบน้ำครั้งเดียว อาบตอน บ่ายโมงกว่าก็สั่นเสียแล้ว ต้องทานเหล้า สมัยนั้นทานอยู่ สีฟันเสร็จไปซื้อของที่ ตลาด จะเรียกตลาดก็ไม่เชิงนัก เพราะ เขาเอาของมาขายกันแบบสมัยโบราณ เปี๊ยบเลยครับ ต่างคนต่างขายกองๆไว้ กับดินมีใบตองตึุงปูรองครับ ผมไปซื้อ หมูสะดุ้งเลยครับเขาเอาเขียงก็ไม่ใช่ เป็นท่อนไม้สัก นำหมูมาสับโปกๆ ไม่ได้ แล่เหมือนกรุงเทพนะครับ ท่อนไหนสับ เป็นชิ้นๆแล้วขึ้นตาชั่ง มาบ้านต้องมานั่ง แล่เนื้อต่างหากเพราะมันรวมทั้งกระดูก อีกด้วยครับ ช่วงนั้นเชียงใหม่มีงานฤดู หนาวประจำปีด้วย ขับร้องโดยวงสุนทราภรณ์ สมัยครูเอื้อยังมีชีวิตอยู่ยังไม่แก่มากครับ เพื่อนผมเป็นคนเชียงใหม่พาเที่ยวครับ ไปนั่งทานเหล้าฟังเพลง เพื่อนผมส่งภาษา เหนือผมฟังออกบ้างไม่ออกบ้างจ้อกัน เพลิน ส่วนผมก็นั่งทานเหล้าคุยกับเพื่อน ที่ไปจากกรุงเทพด้วยกัน 3 คนฟังเพลง เพลินเชียวล่ะครับ เอาล่ะพูดถึงเชียงราย ให้นึกถึงอดีต ตอนนั้นเชียงรายเชียงใหม่ อุดมไปด้วยพืชนานาชนินต้นไม้ก็ใหญ่ๆ มาก มาระยะหลังไปครั้งสุดท้ายหายเกือบ เกลี้ยงหมดครับ นับเป็นเวลานานมาก ที่ไม่ได้ไปเหนือ สมัยก่อนไปมากที่สุด กว่าทุกๆภาคครับ ขอบคุณ รักเสมอโม้ มามากแล้วล่ะครับ แก้วประเสริฐ.
5 ตุลาคม 2553 10:52 น. - comment id 119319
ครูเก่งจังเลยค่ะ ทั้งกลอน เรื่องสั้น ฝีมือแบบนี้ หาใครเทียบได้จริงๆ ดีใจที่ได้เป็นลูกศิษย์ครูแก้วค่ะ อิ แต่หนูเขียนได้คงไม่เกิน 1 หน้าก็จบแล้ว ดูแลสุขภาพด้วยค่ะครูฯ
5 ตุลาคม 2553 15:03 น. - comment id 119321
คุณ แก้วประภัสสร การศึกษาเรื่องร้อยกรอง ก็ควรจะศึกษา ด้านร้อยแก้วด้วยนะ ด้วยเหตุมันจะสัมพันธ์ ในการเขียนของเราอีกทางหนึ่งด้วย การร้อยแก้วนั้นหากเขียนเกี่ยวกับเหตุ การณ์ทั่วๆไปโดยเฉพาะเรื่องส่วนตัวนั้นไม่ ยากหรอก แต่หากมาเขียนแต่งเป็นเรื่องราว นี่ซิจะยากมาก ด้วยต้องอาศัยประสบการณ์ ตลอดความคิดอ่านในการสร้างและมี จินตนาการความรอบรู้จิปาถะมากมาย การแต่งเป็นเรื่องราวนั้นไม่ใช่ง่ายๆต้อง ผสมผสานอักษรสอดคล้องกับเรื่องและ คำพูดของตัุวลครด้วย แต่ครูคิดว่าเธอ สามารถทำได้ด้วยอ่านถ้อยสำนวนการ เขียนเธอซึ่งดีแล้วจ้า รักศิษย์เราเสมอ แก้วประเสริฐ.
6 ตุลาคม 2553 07:11 น. - comment id 119334
อ่านจนจบด้วยความประทับใจค่ะครู ภาษาน่าอ่าน สละสลวย มองเห็นภาพเลยค่ะ
6 ตุลาคม 2553 12:22 น. - comment id 119347
คุณ อนงค์นาง ศิษย์รักเอย ไม่ว่าเราจะทำอะไรให้ เราเอาใจใส่ลงไปในสิ่งที่เราทำนั้นๆ ผลก็ จะได้ตามความปรารถนาของเรา เช่นเรา ทำงานก็ควรรักงานนั้นๆ การเขียนหนังสือ ก็เหมือนกันเราต้องรักตัวอีกษร ก็จะได้ อักษรที่ดีๆมาให้แก่เรา การเขียนร้อยกรอง เราก็เอาใจเราใส่ลงไปในตัวอักษรบังคับ อักษรให้อยู่ในกฏเกณฑ์นั้นๆ ร้อยกรองก็ จะออกมาตามใจปราถนา ร้อยแก้วก็ลักษณะ เดียวกันจ๊ะ การเริ่มต้น การสนทนา การ วางตัวบุคคลให้พอเหมาะพอควรแก่ฐานะ เราเอาใจเราใส่ลงไปในตัวลครนั้นๆ หมาย ถึงเราอยู่ร่วมกับเขาด้วย นั่นแหละตัวหนังสือ มันก็จะสละสลวย และได้อารมณ์ อุปมาดังที่ครูเคยกล่าวไว้เสมอๆว่า การงานเปรียบเสมือน การเชิดหุ่น หากหุ่นนั้นแม้นจะสร้างขึ้นอย่างสวยงาม หรือไม่งามก็ตาม หากทิ้งไว้วางไว้มันก็ ขาดชีวิตจิตใจไม่สวยงาม หากเรานำมา เชิดตามทำนองของเพลงนั้นๆแล้วเราใส่ อารมณ์เข้าไปในหุ่นนั้น ตามลักษณะหุ่น หุ่นนั้นก็จะสละสลวยอ่อนช้อยเป็นที่ ต้องตาต้องใจทำให้คนดูคล้อยตามหุ่นเรา ยกตัวอย่างง่ายๆคือการทำอาหารคาว หวานของศิษย์เรา ทำไมดูน่ารับประทาน ทั้งๆที่ไม่ได้ทานสักหน่อย ภาพออกมา ดูสดชื่น สวยงาม ก็ด้วยศิษย์เราเวลาทำ ตั้งใจทำคล้อยใส่อารมณ์ลงไปในอาหาร หวานคาวที่จะทำ แล้วนำมาตบแต่งให้ดู สวยงามก็เพียงแค่แลภาพ เท่านั้นอารมณ์ คนเสพย์ก็จะคล้อยตามออกมาเช่นเดียว กันกับงานทุกๆชนิด หรืออย่างที่ครูมัก จะบอกศิษย์เสมอๆว่า ทุกๆครั้งในการ เขียนให้ใส่อารมณ์เราเข้าไปในตัวหนังสือ ด้วย รักเขาเขาก็จะรักเรา จงทำจิตใจเรา ให้รักกลอน กลอนก็จะรักเรา เมื่อทั้งสอง อย่างผสานกันเป็นหนึ่งเดียวอารมณ์สุนทรีย์ ก็จะบังเกิดขึ้นทันที งานเขียนก็ไม่กระด้าง แข็งทื่อ อ่านแล้วคนไม่สบอารมณ์ การ ที่จะดีหรือไม่ดีเรามักจะไม่รู้หรอก นอก จากคนอ่านและเข้าใจในลักษณะนี้ถึงจะ รู้หมายถึงคนที่ผ่านการงานด้านนี้มา เอาละบอกแค่นี้ก่อนนะ นี่ก็ยาวมาก แล้วกระมัง ลองทำตามครูแนะนำไว้นะ ทุกๆครั้งเราต้องทำใจเราให้ผ่องแผ้วแล้ว ใส่อารมณ์ลงไปหนังสือก็จะโลดแล่นไป กับอารมณ์ที่ผ่องใส คนอ่านก็จะหวั่นไหว ไปกับอารมณ์เราด้วยจ้ิา รักศิษย์เราเสมอ แก้วประเสริฐ.
25 ธันวาคม 2553 10:00 น. - comment id 120758
แวะมาอ่านงานพี่ชาย