จอกแหนลอยนิ่ง
สะพั่งสะท้านไมภพ
หน้าตึกเพชรสว่าง มีชายคาและถนนใต้ชายคาสำหรับให้รถจอดได้ ถัดออกไปเป็นท่าน้ำ และท่าน้ำนี้เองได้มีจอกแหนกลุ่มหนึ่งลอยนิ่งๆอยู่ก็แปลกดี ประดาจอกแหนกลุ่มนี้กลับไม่ไหลลอยล่องออกไปตามกระแสน้ำ
สะพั่ง สะท้านไมภพ ยืนมองดูจอกแหนดังกล่าวอย่างพินิจ
มันช่างเหมือนตัวตนของเราอย่างยิ่งในปัจจุบัน ณ บริบทนี้ ยังคงลอยนิ่งๆตรงนี้ หรือมาทำงานที่นี้ แต่ทว่าในอนาคตย่อมจะต้องลอยล่องไปแน่
การที่มาทำงาน ณ ที่แห่งหนึ่งนั้น บางครั้งมันดูเหมือนกับว่าเป็นความต้องการส่วนบุคคล หรือในความลึกล้ำในจิตใจของตน แต่กับสะพั่ง แล้วย่อมไม่ใช่ สะพั่ง มาทำงานตามประสงค์ของสวรรค์ที่ได้ลิขิตไว้แล้ว การมาก็ได้ทำหน้าที่ให้กับที่ทำงานได้อยู่รอดกับงานที่ดูเหมือนว่าจะไม่มีทางทำได้ แต่ทว่าสะพั่ง กลับทำได้อย่างสำเร็จ ตราบใดก็ตามที่ยังมีความจำเป็นจะต้องช่วยเหลือในการทำงาน ณ ที่นี้แล้ว สะพั่ง ก็ยังต้องคงอยู่ทำให้ด่อไป
มีวันหนึ่งมีกระดาษแผ่นหนึ่งมีพระราชโอวาทบทหนึ่ง ผมเห็นความมีคุณค่าของกระดาษใบนั้น ใช่เลย ผมกลับมาจากสถานที่ที่ได้รับ แล้วเอามาแปะข้างฝาที่ทำงาน และอ่านอีกหลายๆเที่ยว ใช่เลย
ต่อความหลงลืมตนในการทำงานของผม ซึ่งบางครั้งก็ร้อนแรงออกแนวซาดิสต์และถึงขึ้นวิปลาส แต่ทว่าด้วยสติสัมปชัญญะที่ระลึกรู้ได้ทัน จึงสามารถลดระดับดีกรี และกลั่นกรองให้ผลออกมาในแนวทางที่เกิดประโยชน์แต่ส่วนรวมก็เท่านั้น แต่ทว่าด้วยความที่ยังเล็ก ไม่สามารถคะคานอะไรได้ต้องปล่อยให้ผู้ใหญ่เขาว่ากันไป และสลดใจในความที่จิตใจของเขาที่ยังไม่ถึงขั้นพอ
ก็เท่าที่สวรรค์กำหนด
จอกแหนก็เหมือนสะพั่ง ถึงเวลาไปก็ไป
ในการที่ทำงานด้วยหัวใจอย่างมีสติปัญญาพร้อม
ไม่น่าเชื่อว่าจะรู้เรื่องราวได้อีกมากมาย
สามารถมีหัวใจที่อบอุ่น
สามารถทนต่อความเลวร้ายเล่ห์ลิ้นได้อย่างไม่น่าเชื่อ
และยังสามารถสร้างความเกรงใจให้อย่างไม่เคยมาก่อน
เริ่มเห็นเรื่อยๆ
กับการทำความดี
อย่างที่เคยเขียนไปแล้วในบทก่อนๆโน้น
ว่าการทำความดี ผลที่ได้ก็ต้องเป็นความดี แต่ก็ต้องใช้การพิจารณาให้ลึกๆถึงจะชัดเจน
เป็นเพียงแค่จอกแหนก็พอ
ขอบพระคุณที่ติดตามผลงาน