จุดพลิกผัน....

คีตากะ

การเตือนที่เร่งด่วน
-    ดร.เจมส์ แฮนเซน ผู้อำนวยการสถาบันเพื่อการศึกษาอวกาศกอดดาร์ดของนาซ่า สหรัฐอเมริกา เตือนว่าถึงแม้มาตรฐานการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์(CO2) ที่หนาแน่นที่สุดที่บังคับในปัจจุบันต้องต่ำกว่าเดิมเพื่อรับประกันความอยู่รอดของดวงดาว เขากล่าวว่า”สิ่งที่เราค้นพบคือเป้าหมายที่เรามุ่งหวังไว้นำไปสู่หายนะ หายนะที่ถูกรับประกัน”
-    นักวิทยาศาสตร์ชาวออสเตรเลีย ศาสตราจารย์ดร.โรส การ์นัว เตือนว่าเรามีเวลาและทางเลือกอย่างจำกัดสำหรับการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ การวิจัยของเขาบอกว่าออสเตรเลียต้องลดการปล่อยแก็สเรือนกระจกลงมากกว่า 90% ภายในปี 2593
-    นักวิทยาศาสตร์มากกว่า 600 คนจากทั่วสหรัฐอเมริการะบุในจดหมายถึงสภาคองเกรสอย่างเร่งด่วนให้มีการผ่านร่างกฎหมายว่าต้องลดการปล่อยแก็สเรือนกระจกต่ำกว่า 65% ในจดหมายนั้น นักวิทยาศาสตร์ยังแถลงว่า”ภาวะโลกร้อนแสดงให้เห็นในระยะยาวของภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่เคยเกิดขึ้นกับทรัพยากรที่อาศัยยู่บนดาวเคราะห์โลก”
-    นายกรัฐมนตรีคนก่อนของอังกฤษ นายโทนี่ แบลร์กล่าวว่าเราต้องลงมือปฏิบัติอย่างจริงจังใน 2 ปีต่อจากนี้ โดยกล่าวว่าเราได้มาถึงจุดวิกฤตตอนนี้เพื่อการตัดสินใจเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แม้จะมีการใช้กฎเกณฑ์ป้องกันที่นุ่มนวลที่สุด ยังคงประสบความล้มเหลวในการปฏิบัติต่อการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศในขณะนี้ ซึ่งเป็นการขาดความรับผิดชอบและไม่น่าให้อภัยอย่างที่สุด
-    ในการเปิดการประชุมทั่วไป 2 วันเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ นายบาน คี มุน กระตุ้นให้ประเทศที่พัฒนาแล้วเริ่มที่จะขับเคลื่อนเพื่อตอบโต้กับผลกระทบจากภาวะโลกร้อน เขาเน้นย้ำถึงความจำเป็นที่จะสนับสนุนเทคโนโลยี่สะอาด อุตสาหกรรมและงานแบบใหม่ๆ และรวบรวมความเสี่ยงของการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศเข้าไปในนโยบายและวิธีปฏิบัติของประเทศ
-    ดร.เดวิด อาร์เซอร์ ศาสตราจารย์ทางวิทยาศาสตร์ด้านธรณีฟิสิกส์ แห่งมหาวิทยาลัยชิคาโก สหรัฐอเมริกา แถลงว่าผมมีความคิดว่าเราได้ผ่านขีดจำกัดอันตรายไปแล้ว ปริมาณน้ำแข็งทะเลในมหาสมุทรอาร์กติกได้ลดจำนวนลงกว่าหลายปี แต่ในปี 2550 มันได้แตกออกเป็นเสี่ยงๆ และการเกิดแผ่นดินไหวและการเร่งการเคลื่อนตัวของน้ำแข็งในกรีนแลนด์ ผมคิดว่านี้คือสัญญาณบอกว่าเรากำลังอยู่ในดินแดนที่อันอันตราย
-    การสังเกตุผลที่ตามมาของแนวโน้มภาวะโลกร้อนในสหรัฐอเมริกาซึ่งประกอบด้วยการเกิดไฟป่าที่ถี่มากขึ้น ต้นไม้จำนวนมากล้มตายจากแมลงศัตรูพืช ธารน้ำแข็งละลายในมอนทานา และการขาดแคลนน้ำอย่างรุนแรงในหลายๆ รัฐ สตีเฟน ซอนเดอร์ประธานองค์การภูมิอากาศแห่งเทือกเขาร็อกกี้กล่าวว่ามันได้เริ่มขึ้นแล้ว เราจะได้เห็นผลกระทบและนักวิทยาศาสตร์กำลังบอกเราว่ามันกำลังจะแย่ลงลงอย่างเห็นได้ชัด
-    นักวิทยาศาสตร์ชาวกรีก ดิมิทรีส ลาลาส กล่าวว่าเราได้เห็นอุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วงฤดูร้อน ประมาณ 6-7 องศาเซลเซียสตลอดสองสามปีที่ผ่านมา ในขณะที่อุณหภูมิโดยเฉลี่ยได้เพิ่มขึ้นในส่วนอื่นๆ ของโลกประมาณ 3-4 องศาเซลเซียสแล้ว
-    การวิจัยเมื่อเร็วๆ นี้โดยกรีนพีซได้สรุปว่าระดับน้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้น การลดลงของแหล่งน้ำจืด และการเปลี่ยนแปลงของฤดูมรสุมเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศซึ่งจะนำไปสู่การไร้ที่อยู่อาศัยของประชาชนชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จำนวนกว่า 125 ล้านคน
-    นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียนายเควิน รูด และเลขาธิการองค์การสหประชาชาตินายบาน คี มุนเห็นด้วยที่ว่าการดำเนินการเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นไปอย่างล่าช้ามาก
-    คณะกรรมาธิการยุโรประบุว่าความเสี่ยงในการเกิดสึนามิเกี่ยวข้องโดยตรงกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในโมร็อกโค นอร์เวย์ ไอซ์แลนด์ สเปน และเมดิเตอร์เรเนียนตะวันออก ซึ่งกำลังพัฒนาระบบเตือนภัยล่วงหน้าเพื่อป้องกันภัยให้แก่ประชาชน
-    ดร.เท็ด สแคมบอส หัวหน้านักธรณีวิทยาน้ำแข็ง มหาวิทยาลัยโคโลราโด สหรัฐอเมริกากล่าวว่าในบริเวณขั้วโลก ใครก็ตามที่ทำงานวิทยาศาสตร์ขั้วโลก ไม่มีใครตั้งคำถามว่าเราอยู่ในโลกที่ร้อนขึ้นหรือไม่ ? เราอยู่ในความกังวลเพราะเราเห็นน้ำแข็งอยู่ในพื้นที่ทุกปีและแผ่นน้ำแข็งที่อยู่ที่นั่นมานานถึง 10,000 ปี นับตั้งแต่ยุคน้ำแข็งครั้งล่าสุดได้อันตธานหายไปเพราะว่าสภาพภูมิอากาศได้ร้อนขึ้นอย่างมากและในตลอดเวลา 20-30 ปีที่ผ่านมามันยิ่งร้อนมากขึ้นเรื่อยๆ 
-    ในคำกล่าวของชาวสก๊อตว่ามีการกัดเซาะชายฝั่งทะเลเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ริชาร์ด ล๊อคเฮดเลขาคณะรัฐมนตรีเพื่องานชนบทและสิ่งแวดล้อมกล่าวว่ามันกำลังเกิดขึ้นขณะนี้และเราต้องช่วยกัน
-    ผู้เชี่ยวชาญด้านการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศเชื่อว่าประเทศอังกฤษ ฝรั่งเศสและทางตอนเหนือของยุโรปจะประสบกับฝนตกหนักอย่างรุนแรงเพิ่มขึ้นอีก 20-30% จะนำไปสู่การเพิ่มโอกาสของการเกิดน้ำท่วมฉับพลันอย่างรุนแรง

จุดผลิกผัน
สถาบันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ สหราชอาณาจักรระบุว่ามี 9 บริเวณของโลกที่ถูกคุกคามอย่างวิกฤตที่สุดจากระบบภูมิอากาศ ทั้งหมดกำลังประสบกับความเครียดอย่างรุนแรง จุดผลิกผันที่สำคัญประกอบด้วย
1) การละลายของชั้นน้ำแข็งที่อาร์กติก
2) การละลายของแผ่นน้ำแข็งที่กรีนแลนด์
3) การพังทลายของแผ่นน้ำแข็งแอนตาร์กติกาตะวันตก
4) การตายของป่าฝนอะเมซอนเนื่องมาจากกระบวนการกลายเป็นทะเลทราย
5) การพังทลายของลมมรสุมฤดูร้อนของอินเดีย
6) การตายของป่าบอรีลทางตอนเหนือ

จุดพลิกผันที่ 1-3 : มหาสมุทรอาร์กติก แผ่นน้ำแข็งกรีนแลนด์และแอนตาร์กติกกำลังหายไปในอัตราที่เร่งด่วนเกินกว่าสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดที่ปรากฏในภาพยนต์
-    จากข้อมูลในฤดูร้อนปี 2550 ฤดูกาลละลายของทะเลอาร์กติก มีนักวิทยาศาสตร์จำนวนเพิ่มมากขึ้นสรุปว่าน้ำแข็งทะเลอาจหายไปทั้งหมดในช่วงฤดูใบไม้ร่วงปี 2551-2555 เร็วขึ้น 30 ปีจากที่เคยคาดการณ์เอาไว้ก่อนหน้า นักวิทยาศาสตร์ผู้ทำการทำนายนี้ประกอบด้วย ดร.เจย์ ซวอลลี่ นักวิทยาศาสตร์โครงการสำรวจระบบโลกแห่งนาซา ดร.หลุยส์ ฟอร์เทีย ผู้อำนวยการวิทยาศาสตร์การวิจัยเครือข่ายอาร์ติกแห่งแคนาดา และดร.โอลาฟ ออฮึม หัวหน้านักวิทยาศาสตร์สำนักงานเลขาธิการปีขั้วโลกสากลแห่งนอร์เวย์
-    นักวิทยาศาสตร์ องค์การบริหารเพื่อการศึกษาการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐอเมริกา(NASA) ประกาศว่าน้ำแข็งที่มีอายุเก่าแก่กว่า หนากว่าของน้ำแข็งอาร์กติกขณะนี้ก่อตัวขึ้นเพียง 30% ของน้ำแข็งที่ปกคลุมขั้วโลกทดแทนน้ำแข็ง 30% ที่ลดลงตลอด 20 ปีที่ผ่านมา
-    นักวิทยาศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยเบริน ศึกษาตัวอย่างแท่งแกนน้ำแข็งจากกรีนแลนด์และแอนตาร์กติกาพบว่าภาวะโลกร้อนช่วงศตวรรษที่ผ่านมารุนแรงที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับ 22,000 ปี (22 สหัสวรรษ) ก่อน พร้อมด้วยอัตราที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง 
-    ในเดือนมีนาคม แอนตาร์ติกาตะวันตกพบกับการแตกตัวของหิ้งน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่สุด 15 ปีล่วงหน้าก่อนที่เคยคาดการณ์ ซึ่งกำลังเตือนนักวิทยาศาสตร์ถึงการเร่งของมันในการจมลงสู่ท้องทะเล

จุดพลิกผันที่ 4
ป่าฝนอะเมซอนอยู่ภายใต้การคุกคาม
-    เกือบ 20% ของแก็สเรือนกระจกมีต้นกำเนิดมาจากการทำลายป่า ด้วยการเริ่มต้นถางป่าเพื่อใช้ที่ดินในการปลูกหญ้าเลี้ยงสัตว์ ปลูกพืชอาหารสัตว์ หรือปลูกพืชเพื่อทำเชื้อเพลิงชีวภาพ
-    ดร.โจส มาเรนโกและเพื่อนร่วมงานชาวบราซิล สรุปว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นสาเหตุของความแห้งแล้งครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์อะเมซอนช่วงปี 2548 ทิ้งไว้เพียงแม่น้ำสาขาย่อยของแม่น้ำอะเมซอนอันยิ่งใหญ่ที่แห้งขอด
-    การปศุสัตว์ สิ่งแวดล้อม และการพัฒนาเพื่อแก้ไขความยากจนภายใต้องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติคำนวณว่า ป่าอะเมซอน 70% ถูกตัดไปเพื่อการผลิตเนื้อสัตว์

จุดพลิกผันที่ 5
ฤดูมรสุมอินเดียได้เพิ่มมากขึ้นอย่างไม่แน่นอน
มรสุมอินเดียมีรูปแบบที่แปรปรวนอย่างมากได้นำไปสู่ความหายนะ
-    ในปี 2548 ฝนตกเพียงวันเดียวในวันที่ 26  กรกฎาคมก่อให้เกิดน้ำท่วมที่มุมไบวัดปริมาณน้ำฝนได้ถึง 944 มิลลิเมตรและมีผู้ประสบภัยกว่า 1,000 คน
-    ในปี 2549 ลมมรสุมนำฝนมาล่าสุดที่เขตมาราทวาดาของรัฐมหาราชตระเป็นสาเหตุให้เกิดน้ำท่วมพัดพาหมู่บ้านกว่า 400 หลังคาเรือนจมหายและก่อให้เกิดผู้สูญหายจำนวน 700 ชีวิต
-    ผลกระทบจากน้ำท่วมในปี 2550 ทำให้ประชาชนมากกว่า 19 ล้านคนต้องอพยพโยกย้ายถิ่นฐานและมากกว่า 1,300 ชีวิตสูญหาย รวมทั้งอินเดียและบังคลาเทศ

จุดพลิกผันที่ 6
การละลายของชั้นดินเยือกแข็งคงตัว(เพอร์มาฟรอสต์)ในป่าบอรีลกำลังปลดปล่อยแก็สคาร์บอนไดออกไซด์และมีเทนสู่ชั้นบรรยากาศ เป็นปัจจัยที่ยังไม่ได้นับรวมเข้าไปในการคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในปัจจุบัน
-    โครงการสิ่งแวดล้อมของสหประชาชาติ(UNEP)เรียกร้องให้มีการวิจัยอย่างเร่งด่วนของอัตรายจากแก็สมีเทนที่ถูกปล่อยจากชั้นดินเยือกแข็งที่ละลาย ซึ่งเป็นแรงขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศให้คุกคามเร็วกว่าการคาดการณ์ในปัจจุบัน ผู้อำนวยการของยูเอ็นอีพี อชีม สเตนเนอร์ กล่าวว่าความไม่รู้เกี่ยวกับปริมาณและอัตราของมีเทนที่ปล่อยจากอาร์กติกที่ละลายทำให้มันมีหัวข้อที่กว้างมากสำหรับการพิจารณาความเสี่ยงของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
-    นักวิทยาศาสตร์กังวลว่าแบคทีเรียในดินบริเวณที่เคยเยือกแข็งมาก่อนเหมือนอาร์กติกจะเพิ่มคาร์บอนไดออกไซด์ปล่อยสู่บรรยากาศเป็นการเร่งให้สภาพภูมิอากาศร้อนขึ้นอีก พื้นดินสะสมคาร์บอนมากเป็น 2 เท่าของบรรยากาศ ดร.อิริค เดวิดสัน นักวิทยาศาสตร์อาวุโส ศูนย์วิจัยวูดโฮล ในรัฐแมซซานชูเสส สหรัฐอเมริกา กล่าวว่า สิ่งนี้เป็นเหมือนกับระเบิดเวลา ในความคิดผม กำลังรอที่จะถูกปล่อยออกมา มีการสะสมปริมาณคาร์บอนอย่างมหาศาลในชั้นดินเยือกแข็งคงตัวและทั้งหมดเหล่านี้เป็นผลเกี่ยวเนื่องอย่างรวดเร็วให้เกิดการสลายตัว ถ้าชั้นดินเยือกแข็งคงตัวละลาย
-    ด้วยอุณหภูมิที่ร้อนขึ้นกำลังละลายชั้นดินเยือกแข็งคงตัวใต้เท้าของพวกเขา ประชาชนในซาล์ลุตทางตอนเหนือของคิวเบค แคนาดา พิจารณาถึงการย้ายเมืองทั้งหมดออกไปให้ไกลจากโคลนถล่ม อาคารและถนนพังทลาย
-    ชาวบ้านท้องถิ่นในอลาสก้าเรียกร้องเงินค่าเสียหายจากบริษัทที่รู้จัก ซึ่งผลิตแก็สเรือนกระจกปริมาณมาก เพื่อช่วยพวกเขาย้ายหมู่บ้านที่สร้างอยู่บนชั้นดินเยือกแข็งคงตัวที่กำลังละลาย
-    อุณหภูมิในป่าบอรีลในไซบีเรียและอลาสก้าเพิ่มสูงขึ้นเป็นสองเท่ากว่าอุณหภูมิเฉลี่ยที่เพิ่มสูงขึ้นในส่วนอื่นๆ ของดาวเคราะห์โลก
-    ดร.เคทีย์ วอลเตอร์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ของลิมโนโลจี แห่งมหาวิทยาลัยอลาสก้ายืนยันว่ามีเทนกำลังถูกปล่อยจากชั้นดินเยือกแข็งคงตัวที่กำลังละลายและเกิดเป็นฟองผุดขึ้นมาจากทะเลสาบอาร์กติกที่หนาวเย็นมาก ดร.วอลเตอร์ กล่าวว่าชั้นดินเยือกแข็งคงตัวเป็นเหมือนกับระเบิดเวลาที่รอการปะทุ เมื่อมันละลายไปเรื่อยๆ มีเทนปริมาณ 10,000 เทรากรัม(10,000 ล้านตัน) สามารถถูกปล่อยออกมาสู่บรรยากาศเพิ่มภาวะโลกร้อนให้สูงขึ้น เธอแถลงว่าแก็สคาร์บอนปริมาณ 950 จิกะตัน(950 พันล้านตัน) ถูกกักไว้ในชั้นดินเยือกแข็งคงตัวใต้พื้นทะเลสาบไซบีเรีย ซึ่งมากกว่าคาร์บอนไดออกไซด์ที่อยู่ในชั้นบรรยากาศเวลานี้เสียอีก
-    ผู้เชี่ยวชาญด้านภูมิอากาศแห่งนาซา ดร.เจมส์ แฮนเซน แถลงว่า ในยุคประวัติศาสตร์ การปล่อยมีเทนจากการละลายของชั้นดินเยือกแข็งและแนวตะกอนที่ไม่เสถียรบนไหล่ทวีปใต้มหาสมุทร อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ก่อให้เกิดภาวะโลกร้อนรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์โลก

สภาพภูมิอากาศเกี่ยวข้องกับเรื่องสุขภาพ
-    หลังจากการเกิดน้ำท่วมในอังกฤษเมื่อฤดูร้อนที่แล้ว สัตวแพทย์ได้พบกับคลื่นความรุนแรงของเหตุการณ์การเกิดโรคร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่อสัตว์เลี้ยงและสัตว์ป่า พวกเขาชี้ให้เห็นว่ามนุษย์ตกอยู่ในความเสี่ยง บางส่วนของโรคนี้สามารถติดต่อข้ามสายพันธุ์ได้
  
-    แพทย์จากโรงพยาบาลสำหรับเด็กป่วย ในโตรอนโต ออนทาริโอรายงานว่าที่อยู่อาศัยของพาหะนำโรค เช่น หมัดเห็บและยุงกำลังขยายจำนวนไปทั่วพื้นที่อยู่อาศัยอันหนาแน่นของประชากรแคนาดาเพราะว่าภาวะโลกร้อน
-    รายงานแจ้งโดยมหาวิทยาลัย แสตนฟอร์ดในแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกายืนยันถึงความสัมพันธ์โดยตรงระหว่างการเพิ่มขึ้นของระดับคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศกับการเพิ่มขึ้นของอัตราการตายของมนุษย์
-    องค์การสุขภาพโลกยุคใหม่รายงานว่าสภาพอากาศที่รุนแรงกับและภัยพิบัติธรรมชาติสามารถนำความเครียดหลากหลายที่เกี่ยวข้องกับปัญหาด้านจิตใจและการฆ่าตัวตาย
-    รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณะสุขของอินโดนีเซีย ซิติ ฟาดิลาห์ สุพาริแถลงว่า ประชาชนในประเทศจำนวน 150,000 คน ตายทุกปี เนื่องมาจากการเปลี่ยนแลงสภาพภูมิอากาศเป็นสาเหตุให้เกิดการเจ็บป่วย
-    ดร.เจฟเฟรย์ ดีเมนแห่งมหาวิทยาลัยอลาสก้า อธิบายว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกำลังส่งผลกระทบต่อสุขภาพสาธาณะชนในรัฐทางเหนือทั้งหมดของสหรัฐอเมริกาด้วยความเจ็บป่วยจากพาหะนำโรคจำนวนมาก
-    รายงานเมื่อเร็วๆ นี้จากแพทย์ในสมาคมแพทย์อังกฤษ(BMA) แถลงว่าภาวะโลกร้อนสามารถนำโรคเช่น ไข้มาลาเรีย มาสู่สหราชอาณาจักร เหมือนกับความเจ็บป่วยอย่างมะเร็งผิวหนังและโรคลมแดดผลจากคลื่นความร้อนที่เพิ่มขึ้น
-    แพทย์ด้านสิ่งแวดล้อมของออสเตรเลียมีรายงานออกมาอธิบายผลกระทบอย่างรุนแรงของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่อสุขภาพมนุษย์จากความเจ็บป่วยทีเกี่ยวข้องกับความร้อนและสภาพอากาศที่รุนแรง มีการเพิ่มสูงขึ้นของโรคภูมิแพ้และโรคที่มียุงเป็นพาหะนำโรค
    การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นสาเหตุให้เกิดความแห้งแล้ง เชื้อเพลิงชีวภาพและความต้องการเนื้อสัตว์กำลังสร้างอาหารที่ไม่ปลอดภัย ความไม่สงบ และความอดอยากหิวโหย

เหตุผล
-    หนังสือพิมพ์สหราชอาณาจักร เดอะ การ์เดียนกล่าวว่า การกินเนื้อสัตว์เป็นสาเหตุสำคัญของความอดอยากในโลกและการขาดแคลนอาหาร ในบทความเรื่อง “ทำไมวีเก้นจึงถูกต้องในทุกๆ ด้าน” จากการสอบถามผู้ไม่เป็นมังสวิรัติ นักหนังสือพิมพ์ จอร์จ มอนบอทอธิบายว่าความต้องการเนื้อโดยความมั่งคั่งของโลกผลักดันให้ราคาธัญพืชสูงขึ้นมากต่อผู้โชคร้าย เพราะต้องใช้ธัญพืชมากกว่า 5 ปอนด์เพื่อจะสร้างเนื้อสัตว์ให้ได้ 1 ปอนด์ ทุกๆมื้อของอาหารที่ประกอบด้วยเนื้อสัตว์เป็นการเอาอาหารโดยตรงมาจากปากของผู้ยากไร้
-    ประธานคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (IPCC) ดร.ราเจนดรา  เค ปาเชารี กล่าวว่าการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศกำลังเป็นอันตรายต่อความปลอดภัยทางด้านอาหารที่อยู่ในบริเวณของธารน้ำแข็งที่กำลังละลาย
-    เลสเตอร์ บราวน์ประธานของสถาบันนโยบายแห่งโลกที่สหรัฐอเมริกา แถลงว่าความต้องการเชื้อเพลิงชีวภาพกำลังต้องจ่ายแพงมากขึ้นในตลาดสำหรับผู้โชคร้าย ขณะที่การเพาะปลูกของชาวนาและการขายพืชผลการเกษตรไปเพื่อทำเชื้อเพลิงแทนที่จะเป็นอาหาร
-    ด้วยปริมาณฝนที่มีลดลง 20% ในช่วง 35 ปีที่ผ่านมาและเหลือสำรองแค่ 10% ของความจุ ทำให้เกาะไซปรัสกำลังประสบกับการขาดแคลนน้ำเป็นประวัติการณ์
-    สมาชิกพิเศษด้านสิทธิทางอาหารของสหประชาชาติ ยีน ซีเกลอร์ เรียกร้องให้หยุดการผลิตกระบวนการทำเชื้อเพลิงชีวภาพในปัจจุบัน โดยกล่าวว่า “พวกมันเป็นอาชญากรรมที่ขัดต่อมนุษยธรรม” เพราะว่ามันกำลังเป็นสาเหตุของการขาดแคลนอาหารโลกและนำไปสูความอดอยากหิวโหยในโลก
-    เลขาธิการสหประชาชาติ นายบาน คี มุนเรียกร้องให้มีการทบทวนเรื่องเชื้อเพลิงชีวภาพอีกครั้งในการเป็นแหล่งพลังงานทางเลือก ด้วยการคิดถึงผลกระทบของการผลิตที่กำลังมีต่อราคาอาหารโลก

สถานการณ์ในปัจจุบัน
-    ประเทศผู้ผลิตข้าวอย่าง อินเดีย จีน เอาแลค(เวียตนาม) และอียิปต์กำลังจำกัดปริมาณการส่งออกข้าว กำลังผลักดันให้ราคาข้าวสูงยิ่งขึ้นไปอีก
-    การจราจลด้านอาหารมีการปะทุไปทั่วโลก จากเม็กซิโกไปถึงอียิปต์ จากเมาริทาเนียไปถึงไฮติ ซึ่งหลายคนกำลังตายด้วยความยากจนอย่างมากในอียิปต์
-    ในอินเดีย คนหลายล้านคนต้องลดอาหารตนเองลงจากวันละสองมื้อเป็นมื้อเดียว และในเอล ซัลวาดอร์มื้ออาหารลดน้อยลงกว่าครึ่งหนึ่งแล้วตอนนี้ เมื่อเทียบกับสองปีที่แล้ว

ทางแก้ปัญหาที่ 1
ลดปริมาณแก็สมีเทน
การลดร่องรอยของแก็สมีเทนอาจเป็นก้าวที่สำคัญที่สุดที่เราสามารถหยุดยั้งอัตราการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้อย่างรวดเร็วและซื้อเวลาวิกฤตเพื่อเยียวยาสิ่งแวดล้อม
-    ผู้เชี่ยวชาญด้านภูมิอากาศ เจมส์ แฮนเซนกล่าวว่าเราอาจจะสามารถรักษาน้ำแข็งทะเลอาร์กติกเอาไว้ได้ ถ้าเราลดมีเทนลง เขาแถลงว่ามันเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากในการตระหนักว่ามันไม่ใช่เป็นเพียงแค่คาร์บอนไดออกไซด์ ดร.แฮนเซน อธิบายว่ามีเทนกำลังมีผลกระทบที่ยิ่งใหญ่ต่อการร้อนขึ้นของอาร์กติกมากกว่าคาร์บอนไดออกไซด์(CO2) มีเทนมีอานุภาพมากกว่าคาร์บอนไดออกไซด์อย่างน้อย 25 เท่า
-    องค์การพิทักษ์สิ่งแวดล้อมของสหรัฐอเมริกา (EPA) ได้ขึ้นบัญชีว่าแหล่งผลิตมีเทนอันดับหนึ่งที่มีสาเหตุมาจากมนุษย์คือการเลี้ยงสัตว์เพื่อเป็นอาหาร ตามมาด้วยพื้นที่ฝังกลบขยะ เหมืองถ่านหิน และการรั่วไหลจากท่อแก็สธรรมชาติ
-    องค์การอาหารและการเกษตรของสหประชาชาติได้ประมาณว่าการเลี้ยงสัตว์เพื่อใช้เป็นอาหารคิดเป็น 37% ของแก็สมีเทนที่มาจากมนุษย์

หลีกเลี่ยงการทานเนื้อสัตว์
-    นักวิทยาศาสตร์ด้านพื้นผิวโลกจากทั่วโลกแถลงว่าก้าวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเพียงก้าวเดียวที่แต่ละคนสามารถทำได้ในการพลิกผันภาวะโลกร้อนคือการหยุดการทานเนื้อสัตว์
-    ดร.คริส แรพเลย์ ผู้อำนวยการพิพิทธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งลอนดอนและอดีตหัวหน้านักสำรวจแอนตาร์กติก ผู้สนับสนุนการเป็นมังสวิรัติ(วีเก้น)เพื่อช่วยรักษาดาวเคราะห์โลก กล่าวว่ามันใช้พลังงานในระยะยาวน้อยกว่าอาหารที่มาจากเนื้อสัตว์ ดังนั้นกุญแจสำคัญในการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศก็คือการเป็นมังสวิรัติ(วีเก้น)
-    ทางเวปเอริธท์เซฟ.โออาร์จี รายงานว่านักสิ่งแวดล้อมกำลังมองข้ามมังสวิรัติที่เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิผลมากที่สุดในการต่อต้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในช่วงชีวิตเราได้อย่างไร โดยแถลงว่าควรยอมรับความจริงแล้วว่ามีเทนเป็นสาเหตุที่สำคัญของภาวะโลกร้อน การลดภาวะโลกร้อนจะเป็นเรื่องง่ายๆ  ถ้าประชาชนเปลี่ยนมาทานอาหารมังสวิรัติ(วีเก้น)

ทางแก้ปัญหาที่ 2
รัฐบาลและสื่อมวลชนสนับสนุนอาหารมังสวิรัติ (วีเก้น)
-    การเลี้ยงสัตว์เพื่อเอาเนื้อสร้างแก็สเรือนกระจกปริมาณมากกว่าการคมนาคมขนส่งทั่วโลกรวมกัน รายงานที่ถูกตีพิมพ์โดยหน่วยงานปศุสัตว์ภายในองค์การอาหารและเกษตรของสหประชาชาติพบว่าการปศุสัตว์คิดเป็น 18% ของการแพร่แก็สเรือนกระจกโดยรวม รายงานยังกล่าวอีกว่าการเลี้ยงสัตว์เพื่อเป็นอาหารทำลายสิ่งแวดล้อมอย่างมาก ดังนั้นการลดผลกระทบของมันควรจะเป็นนโยบายสูงสุดด้านสิ่งแวดล้อมของทุกรัฐบาล
-    ตามที่นักข่าวด้านสิ่งแวดล้อม แอนดรู เรฟคิน ของหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ สหรัฐอเมริกา กล่าวว่า“ทางเลือกอาหารของเราก็เป็นทางเลือกของพลังงานที่จำเป็นในบางระดับด้วยเช่นกัน และที่จริงแล้วในแง่ของมังสวิรัติ มันเป็นสิ่งที่มีคุณค่าอื่นๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่ดี มีการใช้น้ำปริมาณมาก มีมลภาวะจำนวนมากที่เป็นผลมาจากฟาร์มเลี้ยงสัตว์ขนาดใหญ่ ดังนั้นการกินที่ลดห่วงโซ่อาหารลงกำลังเป็นบางสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์จำนวนมากรู้สึกว่าการเพิ่มมากขึ้นของประชากรโลกกำลังเป็นบางสิ่งซึ่งควรมีความสำคัญ
-    ดร.เคิร์ก สมิธ ศาสตราจารย์ด้านสุขภาพสิ่งแวดล้อมโลกแห่งมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียที่เบิร์กเลย์ สมาชิกของคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (IPCC) แถลงว่ารัฐบาลควรเก็บภาษีเนื้อสัตว์เพื่อลดการบริโภคลงและนำไปสู่การลดระดับมีเทน
-    รัฐมนตรีว่าการกระทรวงปกป้องสิ่งแวดล้อมของฟอร์โมซา(ไต้หวัน) นายวินสตัน ดัง แนะนำว่าประชาชนควรทานเนื้อสัตว์ให้น้อยลงเพื่อปกป้องดาวเคราะห์โลกจากภาวะโลกร้อนและอนุรักษ์น้ำและแหล่งทรัพยากร
-    ผู้ออกกฎหมาย เยอรมัน เรเนท คุนาสต์ แนะนำให้เปลี่ยนแปลงนโยบายด้านการเกษตรเพื่อหยุดยั้ยการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ ประกอบด้วยการลดการบริโภคผลิตภัณฑ์นมและเนื้อสัตว์
-    วุฒิสมาชิก แอนดรู บาร์ทเลทต์ของรัฐควีนแลดน์ ออสเตรเลีย กล่าวว่า “ไม่มีอะไรง่ายกว่า ราคาถูกกว่า และรวดเร็วกว่าการที่เราสามารถทำการลดการแพร่ของแก็สเรือนกระจกที่ปล่อยออกไปส่วนบุคคลลงด้วยการตัดปริมาณของผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์และนมที่เราบริโภคออกไป
-    ที่ประชุมของเมืองแคมเดน ในลอนดอนกำลังเสนอให้ห้ามการเสริฟเนื้อสัตว์ที่ห้องอาหารคณะทำงานอันเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการลดการแพร่กระจายของแก็สเรือนกระจก
-    นักหนังสือพิมพ์ชาวแคนาดา เคท ฮาร์ทฟิลด์ แนะนำว่าเขตต่างๆ ของแคนาดาควรจะเริ่มเก็บภาษีเนื้อสัตว์เพื่อลดการแพร่ของแก็สเรือนกระจก เขากล่าวว่าเราพูดกันถึงคาร์บอนไดออกไซด์มากเหลือเกิน เราลืมไปว่ามันไม่ได้เป็นแก็สเรือนกระจกเพียงชนิดเดียว หรือเป็นตัวอันตรายที่สุดเท่านั้น การเลี้ยงปศุสัตว์ปล่อยคาร์บอนสู่บรรยากาศส่วนมากผ่านการถางทำลายป่า(การปศุสัตว์ต้องใช้พื้นที่และอาหารจำนวนมาก) แต่ก็ไม่มีอะไรเทียบได้กับความน่ากลัวของปริมาณแก็สมีเทนและไนตรัสออกไซด์ที่แพร่โดยฝูงปศุสัตว์และโรงปุ๋ยคอก
-    นายพา ออสมัน จาร์จู ผู้อำนวยการของกรมทรัพยากรน้ำในแคมเบีย แถลงว่าระบบอาหารของเราจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงด้วย ถ้าเราหันมาทานอาหารมังสวิรัติ นั่นควรจะช่วยอย่างมากในการรักษาดาวเคราะห์โลก
-    พาร์ ฮอล์มเกรน นักอุตุนิยมวิทยาของโทรทัศน์สวีเดนและอาจารย์ด้านภูมิอากาศแถลงว่าถ้ามีคนมากขึ้น มากขึ้น ทานเนื้อสัตว์มากขึ้น มากขึ้น นั่นจะสร้างปัญหาอย่างใหญ่หลวง เพราะพลังงาน เพราะความจริงที่ว่าสัตว์บางส่วนเหล่านี้กำลังกินอาหารซึ่งความจริงแล้วเราสามารถกินได้เช่นกัน และยังมีปัญหาที่สัตว์สามารถสร้างแก็สเรือนกระจกได้อีกด้วย
-    บทความในนิวยอร์กไทม์เขียนโดยมาร์ก บิทต์แมน ไม่ใช่นักมังสวิรัติ อธิบายต้นทุนสูญเสียในการบริโภคเนื้อสัตว์ต่อดาวเคราะห์ของเรา สุขภาพของเรา และต่อผู้ยากไร้

ทางแก้ไขที่ 3
ปรับมาตรฐานคาร์บอนให้เป็นศูนย์
-    ดร.อาร์ยัน แมคฮิจานิ ประธานของสถาบันถังความคิด(Think Tang) เพื่อการวิจัยพลังงานและสิ่งแวดล้อมของวอชิงตันดีซี สหรัฐอเมริกา รายงานว่ามีความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจยักษ์ใหญ่อย่างสหรัฐอเมริกาจะเป็นกลางทางคาร์บอนโดยใช้เทคโนโลยีที่มีอยู่ เขากล่าวว่าเป้าหมายของการมีคาร์บอนไดออกไซด์เป็นศูนย์มีความจำเป็นในการลดอันตรายที่เกี่ยวของกับการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ
-    ทุกวันนี้ ต้นทุนด้านพลังงานลมเป็นสิ่งที่ปราศจากของเสียมลพิษและมีความปลอดภัยเมื่อเทียบกับพลังงานนิวเคลียร์
-    การคมนาคมขนส่งคิดเป็น 13% ของการแพร่แก็สเรือนกระจกในโลก นักสิ่งแวดล้อมและผู้ก่อตั้งมูลนิธิก้าวที่สูงขึ้น(Step It Up) บิล แมคคิบเบนแถลงว่า นอกจากการเดิน การขี่จักรยาน หรือโดยสารรถขนส่งสาธารณะ ยานพาหนะที่ใช้ไฟฟ้า สกุตเตอร์ จักรยาน และรถไฟพบว่าเป็นการแก้ไขปัญหาที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากที่สุดที่ได้รับจากเทคโนโลยีที่มีอยู่
-    โครงการอ็อฟเซทผ่านองค์การต่างๆ เช่น คาร์บอนฟาวด์ ดอท โออาร์จี (carbonfound.org) สามารถช่วยลดการปล่อยคาร์บอนลงได้
-    โมนาโคเสนอเงินจูงใจต่อพลเมืองเพื่อสนุนในการซื้อรถพลังงานสะอาด
-    การอนุรักษ์พลังงานเป็นวิธีที่ถูกที่สุด เร็วที่สุดในการลดการใช้พลังงาน รวมทังการใส่กระจกสามเท่า อุดรอยรั่วทั้งหมด และการหุ้มฉนวนบ้านของคุณ
-    ติดตั้งแผงรับพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อการใช้กระแสไฟฟ้า และเครื่องทำน้ำอุ่นพลังงานแสงอาทิตย์

ทางแก้ปัญหาที่ 4
การปลูกป่าทดแทน
ผู้เชี่ยวชาญด้านสภาพภูมิอากาศ 300 คนจากทั่วโลก ลงนามประกาศ ณ การประชุมเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของสหประชาชาติ ที่เกาะบาหลี เริ่มต้นกล่าวว่าถ้าเราสูญเสียป่า เราก็พ่ายแพ้ในการต่อสู่กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
-    การลดการส่งจดหมายขยะประมาณว่าเฉลี่ยบ้านเรือนในสหรัฐอเมริกาได้รับจดหมายขยะและใบโฆษณา ซึ่งทำลายป่าของภูเขาร็อกกี้ สวนสาธารณะแห่งชาติทุกๆ 4 เดือน บริษัทต่างๆ เช่น www.greendimes.com ช่วยผู้คนให้ลดจดหมายขยะได้ถึง 90%และปลูกต้นไม้ชดเชยหนึ่งต้น สำหรับแต่ละใบโฆษณาที่ถูกยกเลิก
-    ในโอเวน ซาวด์ แคนาดา กลุ่มต้นไม้ของออนแทรีโอ สอนประชาชนถึงเทคนิคการปลูกต้นไม้และแนะนำพวกเขาถึงโครงการกระตุ้นการเก็บภาษีป่าซึ่งเสนอการลดภาษีทรัพย์สินถึง 75% เพื่อการปลูกต้นไม้ชดเชยภาวะโลกร้อน
-    วันที่ 1 เมษายน 2551จดหมายจาก ดร.เจมส์ แฮนเซน ส่งไปถึงนายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย เควิน รูด โดยบอกว่าพวกเราอยู่ในจุดที่ ผู้นำที่กล้าหาญเป็นสิ่งจำเป็น ผู้นำที่สามารถเปลี่ยนแปลงเส้นทางประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ การจะเอาชนะเกี่ยวกับการพัฒนาพลังงานที่มีประสิทธิภาพและเทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสภาพภูมิอากาศเป็นสิ่งที่เร่งด่วนและสำคัญเพื่อการบรรเทาวิกฤติทางสภาพภูมิอากาศที่เริ่มปรากฏให้เห็นรางๆ วิธีที่สามารถทำได้ขณะนี้ยังคงนำโลกไปสู่หนทางที่ลดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

เราต้องรักษาดวงดาวนี้ไว้เพื่อที่เราจะได้อยู่ได้ก่อน เพราะว่าถ้าน้ำแข็งละลายหมด ถ้าขั้วโลกละลายหมด และจากนั้นถ้าทะเลอุ่นขึ้นแล้วก๊าซก็จะถูกปล่อยออกมาจากมหาสมุทร และเราทั้งหมดก็จะถูกพิษจากก๊าซจากมหาสมุทร….Supreme Master Ching Hai
                    Be Veg,Go Green 2 Save The Planet
                สำหรับข้อมูลเร่งด่วนสามารถรับชมได้ที่
                 www.SupremeMasterTv.com/SOS
				
comments powered by Disqus

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน