ความศรัทธาอยู่ที่ใด
กระต่ายใต้เงาจันทร์
ความศรัทธาอยู่ที่ใด
ในแง่มุมของความศรัทธา เป็นสิ่งที่จับต้องไม่ได้ ฉะนั้นความศรัทธาคงอยู่ที่หน้าตาแต่ละคนสร้างขึ้นมาในตัวเองไม่ว่าด้านไหนดีหรือเลวสมควรทำหรือไม่สมควรทำมนุษย์มักเอ่ยคำและหาเหตุผลมารองรับตัวเองเสมอ
ความศรัทธาคงน้อยลงไปเรื่อยๆในโลกแห่งโลกาภิวัตน์ เมื่อความศรัทธาในด้านดีลดลง ความเมตตาค่อยๆเลือนหาย ความเห็นแก่ตัวและเอาอารมณ์เป็นที่ตั้งย่อมมีอำนาจเหนืออื่นใด เพื่อความอยู่รอดของตัวเอง เพื่อความพอใจของตัวเอง
เพื่ออำนาจของตัวเอง เพราะสังคมเริ่มแบ่งพรรคแบ่งพวกแบ่งฝ่าย มนุษย์จึงดิ้นรนตามสัญชาติญาณการอยู่รอด
ความรัก ชีวิต ความเมตตา ศาสนาเริ่มห่างไกลออกไปทุกทีเพราะทิศทางการดิ้นรนเริ่มเข้มข้นขึ้นเพราะเศรษฐกิจย่ำแย่ลงจุดหมายของความฝันเริ่มหริบหรี่เลือนลางดุจแสงหิ้งห้อยใต้แสงจันทร์
แต่ถ้ามาย้อนดูหน้าประวิติศาสตร์เช่น มหาตะมะคานธีท่านทำให้อินเดียไม่เป็นเมืองขึ้นเพราะมีความศรัทธาและเสียสละ
แม้ในทางพระพุทธศาสนาคงต้องยกให้พระพุทธทาส
ในตัวเราเองถ้ากลัวการเปลี่ยนแปลง กลัวลำบาก ท้อถอยกับสิ่งที่ได้เจอ ความทุกข์ยิ่งได้ใจความศรัทธายิ่งอ่อนแรงซึ่งมักเกิดขึ้นได้กับมนุษย์ทุกคนทุกชนชั้นทำให้ความอดทนสิ้นสุดลง ไม่เชื่อถือเรื่องคุณธรรม ให้ความสำคัญของอำนาจ วัตถุเหนือสิ่งอื่นใด
ความศรัทธาที่ซุกซ่อนย่อมจมหายแทบหาไม่เจอ ดังนั้นความศรัทธาต้องมีความกล้าบวกเข้ามาด้วย จึงจะเกิดศักยภาพแบบไร้ขีดจำกัดลองค้นหาตัวตนในตนเองให้ดี เพราะเรามักมีสิ่งดีๆติดตัวมาด้วยเสมอ เพียงค้นหาให้เจอก็เท่านั้น
อยู่ที่เราจะค้นเจอหรือไม่ บางคนเจอแต่กลับไม่รู้วิธีใช้ คงมีบ้างเพราะ บางคนศรัทธาในอำนาจ ศรัทธาในรูปร่างหน้าตา หรือศรัทธาที่ชอบยกตนข่มท่านอยู่เหนือคนอื่น
ก็เหมือนที่ว่า ถ้าเราอยู่ใกล้ผู้ใดแล้ว อบอุ่น มีความสุข อยากพบ อยากเจอ อยากพูดคุย สนทนา อยากไหว้ อยากกราบนั้นคือ ศรัทธาที่แท้จริง
แต่ในทางกลับกันถ้าผู้ใด ใช้อำนาจที่มีอยู่ในมือ ไปในทางที่ผิด ข่มขู่ ยัดเหยียดเรียกร้องแต่เรื่องที่ตนเองชอบและพอใจ เอาแต่ใจตัวเองเป็นที่ตั้ง ไร้หลักเมตตาและไร้มนุษยธรรม การสร้างความศรัทธาแบบนี้คงสะท้อนและตอบสนองมาในทางตรงกันข้าม
ทุกคนจึงต้องมีความศรัทธาแต่ต้องเป็นการสร้างความศรัทธาที่ถูกวิธีตามสำเร็จจึงจะตามมาและได้รับการยกย่อง
กระต่ายใต้เงาจันทร์