เมฆหมอกและสายลม ตอนที่ 11 ผีเสื้อราตรี
พ.จินดา
.....ตอนที่ 11 ผีเสื้อราตรี
........ดวงตะวันเริ่มลับเหลี่ยมฟ้า ความมืดเริ่มโรยตัวเข้ามาแทนที่ หากเป็น ณ ที่แห่งหนึ่ง ที่ห่างไกลตัวเมืองแถบชนบท ความสว่างจากแสงไฟนีออนจะทอแสง
ขับไล่ความมืดแต่ไม่นานนักความสว่างจากดวงนีออนเหล่านี้ก็จะค่อยๆดับหายลงไปจนในที่สุดกลับกลายเป็นความมืด และเงียบสงัดเข้ามาแทนที่บ่งบอกให้รู้ว่าได้เวลาพักผ่อนของผู้คนในถิ่นนี้แล้ว แต่ หากเป็น ณ ที่หนึ่งที่ความเจริญทั้งด้านสังคมและวัตถุ กำลังเปล่งประกาย ทั่วทุกถิ่นที่จะเต็มไปด้วยแสงไฟหลากสี
สวยงามที่แย่งกันส่องแสงละลานตาแก่ผู้พบเห็น ถนนบางสายยังคลาคร่ำไปด้วยผู้คนและรถราที่วิ่งกันขวักไขว่ไปมา
......ถนนสายสะพานปลาก็เช่นกัน สองริมข้างทางเต็มไปด้วยร้านค้าที่นำโต๊ะ เก้าอี้ออกมาวางเพื่อต้อนรับแขกที่ชอบออกมาหาความสำราญในยามราตรี แต่ละร้านต่างประดับประดาไปด้วยหลอดไฟนีออนหลากสีพร้อมพนักงานหญิงสาวที่แต่ละนางแล้วอายุคงไม่ต่ำกว่า 16 ปี และคงไม่เกิน 25 ปี แต่งหน้าทาปากดูสวยงามอยู่ในชุดที่ค่อนข้างจะโชว์หรืออวดทรวดทรงในบางส่วนให้ดูชัดเจนยิ่งขึ้น
......คืนนี้ หมอกรและทิวาเพื่อนหนุ่ม ตั้งแต่สมัยเรียนรุ่นเดียวกัน จนจบออกมาก็มาทำงานอยู่ในจังหวัดเดียวกัน ทุกๆวันสิ้นเดือนเขาทั้งสองมักจะนัดมาพบปะพูดคุยแลกเปลี่ยนทัศนคติในการทำงานซึ่งกันและกัน จวบจนค่ำก็พากันออกท่องราตรีตามประสาของคนหนุ่มโสด เช่นนี้เป็นประจำ เสียงเพลงดังกระหึ่มมาจากตู้เพลงใบเขื่องที่วางอยู่ด้านหลังร้าน ที่ติดป้ายว่า "ร้านป้าอร"ด้วยเพลงของนักร้องหญิงยอดนิยม ดังเร้าใจ กระชากจังหวะให้เกิดความมันส์ ความสนุกสนาน บรรดาแขกที่อยู่ในร้านต่างส่งเสียงร้องบ้างก็ปรบมือตามจังหวะเพลง หมอกรมองปราดเดียวก็ทราบว่าแขกดังกล่าวเป็นพวกชาวเรือ ซึ่งชีวิตส่วนใหญ่อยู่กลางทะเล เมื่อมีโอกาสขึ้นฝั่งก็หาความสนุกสนานกันอย่างเต็มที่ พวกเขาเหล่านั้นไม่มีพิษมีภัยกับใคร ไม่เอะอะโวยวายอาละวาด เหมือนแขกอื่นๆที่เมาแล้วทำตัวกร่างเกเร ดังนั้นหมอกรจึงสบายใจเมื่อแวะมาเที่ยวแถวนี้ เพลงเดิมจบแล้วแต่จะมีเพลงใหม่ดังเข้ามาแทนที่เมื่อใดที่ยินเสียงเหรียญหล่นกระทบในตู้เพลง มันจะดังสลับกัน หากดังสลับกันบ่อยๆป้าอรเจ้าของร้านมักจะยิ้ม เพราะนั่นคือส่วนแบ่งที่ไม่น้อยที่ป้าอรแกจะได้รับจากเจ้าของตู้เพลง
......หมอกรและทิวา เลือกโต๊ะนั่งด้านใน เพราะไม่เกะกะผู้คนที่สัญจรไปมาบนทางเท้าและรถราที่วิ่งกันไปมาบนท้องถนน
"ป้าอร เอาผัดเครื่องในไก่ราดข้าว 2 ที่พร้อมไข่ดาว" หมอกรร้องสั่ง เขาสนิทกับเจ้าของร้านพอสมควรเพราะอาศัยเป็นลูกค้าประจำ
"เบียร์เย็นๆสักหน่อยไหม กร" ทิวาถาม " ตามใจ"
"เบียร์เย็นๆ ด้วยป้า" ทิวาสั่ง
"ได้จ้า แตนหนูเอาเบียร์พร้อมแก้วใส่น้ำแข็งไปให้แขกหนุ่มหล่อทั้งสองคนนั่น"
ป้าอรร้องสั่งเด็กในร้าน
"แตน ต่อยเจ็บไหม" หมอกรกระเซ้าเด็ก เมื่อหล่อนนำเบียร์และแก้วมาให้
"เฮ้ยก็ขอซื้อไปเลี้ยงดู ซิว่ะ ป้าแตนขายตัวเท่าไหร่" ท้ายประโยคทิวาถามป้าอร
"ไม่ขายจ้า ให้เช่า ป้าเลี้ยงไว้เอง" ป้าอรหันมาตอบ ก่อนก้มหน้าง่วนอยู่กับกะทะทำอาหารตามที่แขกสั่ง
"นั่งลงก่อน ซิ" หมอกรบอกแตน พลางมองดูหล่อน อายุคงไม่เกิน 18 ปี ผิวค่อนข้างขาวประกอบกับแสงไฟในร้านที่ขับผิวหล่อนดูให้ขาวยิ่งขึ้น ใบหน้ากลมมน
รูปไข่ ขนตางอน ผมยาวประบ่าดำเป็นเงางามยามเมื่อลมพัดผ่านพาให้เส้นผมนั้นปลิวสยาย ดังใบสนที่ลู่ลมชวนให้น่ามอง หล่อนส่งยิ้มให้ รอยยิ้มนั้นได้รูปดังคันธนูโก่งศร ประกอบกับลักยิ้มบุ๋มสองข้างแก้มเพิ่มความเป็นเสน่ห์ในตัวหล่อนยิ่งนัก ไม่ทราบว่านานเท่าไหร่ที่หมอกรหลงไปกับรูปหน้าของสาวแตน มารู้สึกอีกครั้ง ก็ต่อเมื่อเจ้าทิวาเพื่อนรัก บอกให้แตนพาเขาเข้ามานั่งคุยข้างในส่วนตัว
.......มันเป็นอาคารไม้ด้านหลังร้านที่ซอยเป็นห้องเล็กๆหันหน้าเข้าหากันตรงกลางมีไม้กระดานวางทาบไว้ 2 แผ่นเพื่อให้เดินสวนกันไปมาได้ แตนพาหมอกรมาหยุดอยู่ที่ห้องหนึ่งเกือบในสุด ภายในห้องมีเพียงที่นอนฟูก 1 หลังวางอยู่ชิดฝา อีกด้านมีลวดเส้นเล็กขึงพาดยาวกับฝาห้องยึดกับหัวตะปูทำเป็นราวผ้า หัวนอนข้างที่นอน มีเพียงโต๊ะแป้งเล็กๆที่ด้านบนโต๊ะนอกจากขวดน้ำแล้วก็มีถุงยางอนามัยที่ยังไม่ได้ใช้วางอย่ 1 อัน ในห้องทีไม่กว้างนักมีเพียงแสงสว่างจากหลอดไฟแรงเทียนสีเหลืองนวลที่แขวนห้อยอยู่กลางเพดานห้อง
หมอกร มองดูอย่างเวทนาและสงสารก่อนที่จะเอ่ยถามแตน " ผมสงสารจัง มีอะไรให้ช่วยก็บอก"
"ขอบคุณค่ะ แต่ไม่ต้องหรอก แตนจะบอกอะไรให้ ผู้ชายทุกคนที่เข้ามาในชีวิตของแตนมักจะเอ่ยเช่นนี้ แต่ท้ายสุดมันจะจบลงที่นั่น ไฟราคะหื่นตัณหาไงละค่ะ" หล่อนชี้นิ้วไปยังที่นอนฟูกผืนนั้น ด้วยสีหน้าที่นิ่งเรียบ
หมอกรรู้สึกว่าลำคอแห้งผาก น้ำลายเหนียวหนืดกลืนค่อนข้างลำบาก
......ชั่วเวลาคืนนั้น คืนแห่งความสุขของชายหนุ่ม แต่อาจเป็นความทุกข์หรือความจำเป็นของหญิงบางคน หมอกรอาจไม่เข้าใจในชีวิตของแตน ทำไมหล่อนจึงต้องมาใช้ชีวิตอย่างนี้ทั้งที่อายุยังน้อย ชีวิตของเธอน่าจะพบแต่สิ่งที่ดีๆและมีครอบครัวที่ดี มีลูกที่น่ารัก เขาเสียดายเธอแต่ไม่ใช่เสียดายกับบางสิ่งที่เธอสูญเสียไป เขาเสียดายโอกาสที่ดีๆที่แตนควรได้รับเฉกเช่นเด็กสาวคนอื่นๆ เธอไม่ใช่หญิงรักสนุกหรือชิงสุกก่อนห่าม แต่เพราะเหตุใดเธอจึงยอมตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ หญิงกลางคืน คนทุกคนย่อมมีเหตุผลส่วนตัวเสมอ ขอให้เป็นคนดีก็เพียงพอ
.......ตะวันเริ่มโผล่พ้นขอบฟ้าขับไล่ความมืดก่อนหน้านี้ อีกไม่นานแดดคงกล้า ผีเสื้อที่หลากสีสวยงาม ปีกงามที่บอบบางก็คงบินว่อนหากินกับอาหารที่หอมหวาน
หากอยู่ท่ามกลางดอกไม้ที่เปล่งประกายความสวยงามของพฤษชาติแล้ว ผีเสื้อเหล่านี้ก็สวยงามยิ่งนัก เปรียบเช่นเมื่อคืนที่ผ่านมา ผีเสื้อราตรี ที่งดงาม
หล่อนไม่ได้งดงามด้วยปีกหรือครีบหาง แต่หล่อนงดงามด้วยใจ ต่างหากเล่า