ต่อ ตอนที่ 2 เย็นมากแล้ว บรรยากาศรอบตัวเงียบสงัดมีเพียงเสียงลมทะเลที่พัดลู่ต้นสนริมหาดเสียงหวีดหวิวชวนโหยหวนสลับกับเสียงคลื่นที่ดังกระทบฝั่งเป็นระยะ "คุณหมอครับ กลับบ้านพักกันเถอะครับผมเตรียมอาหารมื้อเย็นไว้ให้แล้ว" เจ้าน้อย เด็กผู้ชายที่กรรับมาอยู่เป็นเพื่อน ชีวิตของเจ้าน้อยดูช่างอาภัพ พ่อเสียชีวิตแม่มีครอบครัวใหม่ ตัวเจ้าน้อยเองอายุก็เพิ่งย่าง 14 ปี ดูเป็นเด็กน่ารัก ใสซื่อ กรรับอุปการระเลี้ยงดูและนำมาเรียนหนังสือที่บนเกาะแห่งนี้ ความรัก ความเอ็นดู เอื้ออาทรที่เขามีต่อเด็กชายผู้นี้ จึงเป็นต้นเหตุที่มาของการบอกเลิกลาของคนรัก เพียงเพราะเข้าใจว่ากรรักชอบกับเด็กคนนี้มากกว่าผู้อุปการะ "ไปซิ น้อย" กรคว้ากระเป๋าเป้เดินเกาะบ่าเจ้าน้อย ไปตามเส้นทางหาดทรายที่ขาวโพลนทอดสู่เบื้องหน้า บนเกาะแห่งนี้ไร้ไฟฟ้า เหมือนบนฝั่ง จะมีก็เพียงแสงไฟนีออนจากแบตเตอรี่หรือจากบ้านที่มีเครื่องปั่นไฟ สำหรับบ้านพักหมออนามัยแสงสว่างมีเพียงตะเกียงนำมันก๊าดเท่านั้น คืนนี้ก็เช่นกันเหมือนกับทุกคืนที่ผ่านมาร่วม 1 ปี แล้วที่กรมาทำงานที่นี่ แสงสว่างจากตะเกียงดวงน้อยบนบ้านพักหลังอนามัย ทีเจ้าน้อยจุดขึ้น ได้ขับไล่ความมืดที่เริ่มโรยตัวเข้ามา "เป็นอะไร ครับอาหมอ น้อยเห็นอาหมอดูเงียบๆพิกล ไม่หัวเราะสนุกสนานเหมือนเดิมเลย " น้อยเป็นเด็กช่างสังเกตและฉลาดเกินตัว วันก่อนแม่ของเจ้าน้อยให้สามีใหม่ขับเรือหางยาวมารับลูก เจ้าน้อยวิ่งแอบหนีไปหลบซ่อนอยู่บนเขาหลังเกาะวันกับคืน กว่ากรจะรู้เรื่องก็แม่เจ้าน้อยมาบอกฝากฝังเลี้ยงดูให้ดี มันรัก เป็นห่วงหมอมากกว่าแม่ของมัน แม่เจ้าน้อยพูดก่อนจะกลับเข้าฝั่งพร้อมกับสามีใหม่ เกือบเที่ยงคืน แล้วที่กร ชำระสะสางเรื่องส่วนตัวจนเสร็จก็ออกมานั่งหน้าระเบียงบนบ้านพัก สักครู่เจ้าน้อยก็ตามออกมาไม่นานก็นอนหลับหนุนตักอาหมอที่มันรัก ความเงียบยามกลางคืน ที่มีแสงสว่างจากดวงจันทร์ทอประกายแสงเหลืองนวลอ่อนๆกระทบกับพื้นทราย หากคนเคยมาเที่ยวหรือพักผ่อนใช้ชีวิตกลางธรรมชาติเช่นนี้ คงชอบและมีความสุข แต่สำหรับกร นั้น เวลาที่อยู่มา 1 ปี ทำให้สิ่งต่างๆที่ผ่านมาแม้ดูสวยงามแต่ก็ธรรมดา ทว่าสำหรับคืนนี้นอกจากเจ้าน้อยแล้ว สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าคือเพื่อนในยามเหงา ค่อนรุ่ง กรต้องสะดุ้งเมื่อมีเสียงเรียกจากกลุ่มคนแปลกหน้า ทางด้างล่างบ้านพัก "หมอครับหมอ ช่วยเพื่อนผมหน่อย" กรลุกงัวเงีย จากที่นอนในห้องมือควานหากลักไม้ขีดเพื่อจุดตะเกียง ไม่นานนักเขาก็ก้าวลงบันไดมาเพื่อดูแหล่งที่มาของเสียงเรียก ตอนที่ 3 แขกยามวิกาล
11 กรกฎาคม 2553 21:23 น. - comment id 117936
ผู้เขียนได้แสดงให้เห็นว่า บางครั้งสิ่งที่เราเห็น สิ่งที่เราได้ยิน อาจไม่ใช่ความจริง หรือถูกต้องเสมอไป หากเรานำมาตัดสินหรือชี้ว่าคนๆนั้นดีหรือไม่ดี เพียงเพราะเราคิดเอาเอง นั้นนำมาซึ่งความผิดพลาดที่ยิ่งใหญ่ที่ไม่อาจอภัยได้ ตนเองทำลายความเชื่อมั่นของตนเองแล้วใครล่ะจะศรัธาตัวเรา จริงไหมครับ จากผู้เขียน พ.จินดา