ฉันเป็นครูอยู่ในโรงเรียนประถมแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ในย่านที่มีความเจริญแล้วพอสมควร ความเจริญที่ฉันว่านั้นฉันวัดเองโดยดูจากหมู่บ้านจัดสรรที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ พร้อมๆ กับการเกิดขึ้นของบรรดาโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ เมื่อหลายสัปดาห์ก่อน ฉันมาโรงเรียนแต่เช้าเนื่องจากเป็นเวรของฉันที่จะต้องมาดูแลความเรียบร้อยของเด็กนักเรียนในตอนเช้าก่อนเข้าเรียน ฉันยืนดูเด็กๆ ที่ผู้ปกครองพามาส่งที่หน้าประตูโรงเรียน เด็กๆ ส่วนใหญ่ยิ้มแย้มแจ่มใส ยกมือไหว้ฉัน พร้อมกล่าวคำว่า “สวัสดี ครับ/ค่ะ คุณครู” เด็กบางคนก็ร้องไห้ พ่อ แม่ก็ต้องปลอบกันแล้วปลอบกันอีก กว่าแกจะหยุดร้อง และยอมเดินเข้าโรงเรียนแต่โดยดี เมื่อใกล้เวลาเข้าเรียน ฉันเดินเตร่ไปใต้ถุนอาคารเรียน ตรงไปที่บริเวณสวนเด็กเล่น เพราะฉันชอบบริเวณนี้มันเงียบสงบและเป็นธรรมชาติที่ฉันสัมผัสได้ วันนั้นฉันพบว่ามีเด็กนักเรียนหญิงคนหนึ่งเธอกำลังวิ่งไล่จับผีเสื้อแสนสวยตัวหนึ่งในสวนเด็กเล่น มี นกกระจอกอีก 2-3 ตัว บินไล่จิกตี และส่งเสียงดังร้องแข่งกัน เด็กน้อยหยุดจ้องมองดูนกกระจอก 2-3 ตัวนั้น ฉันเดินเข้าไปหาเด็กหญิงคนนั้นพร้อมทั้งถามว่า “ทำไมยังไม่เข้าห้องเรียนอีกละค่ะ” เด็กหญิงนิ่งเงียบสักครู่แล้วตอบกลับมาว่า “หนูกำลังจะไปแล้วค่ะ” ฉันถามต่อว่า “แล้วหนูกำลังจ้องมองอะไรอยู่ละค่ะ” เด็กนักเรียนหญิงคนนั้นหันมามองฉันด้วยแววตาแจ่มใส พร้อมกับตอบว่า “มองนกกระจอกอยู่ค่ะ มันบินไล่กันอยู่ แล้วมันก็ส่งเสียงแข่งกันด้วยค่ะ หนูชอบความเป็นธรรมชาติแบบนี้ค่ะคุณครู” ฉันมองลงไปที่รองเท้าของเด็กน้อย แล้วร้องขึ้นว่า “รองเท้าหนูเปื้อนดินหมดแล้ว เช็ดให้เรียบร้อยก่อนขึ้นห้องเรียนนะค่ะ” เด็กน้อยคนนั้นรีบเช็ดรองเท้าของเธอทันที แล้วยกมือไหว้ฉันก่อนจะวิ่งขึ้นห้องเรียนไป 2-3 วันหลังจากนั้น ฉันก็ยังเห็นเด็กนักเรียนหญิงคนเดิมยังวิ่งเล่นอยู่บริเวณสวนเด็กเล่นแถวนั้นตามประสาของแก ถ้าเย็นวันไหนที่ผู้ปกครองยังไม่มารับแกก็จะนั่งเล่นอยู่แถวนั้นไม่ไปไหน ฉันเคยนั่งคุยกับเด็กหญิงคนนี้ จึงรู้ว่าเธอชื่อน้องปรางทิพย์ แต่แกให้เรียกว่า น้องปราง ฉันถามแกว่าทำไมชอบมาอยู่แถวนี้ แกก็ตอบว่า “หนูชอบเล่น ชอบเดินบริเวณที่เป็นดิน มีต้นไม้ มีผีเสื้อ มีนก หนูชอบอยู่กับธรรมชาติ” แกบอกต่อไปอีกว่าบ้านที่แกอยู่เป็นหมู่บ้านแห่งหนึ่งเดินไปที่ไหนก็มีแต่ปูนซิเมนต์ ต้นไม้ไม่ค่อยมี นก ผีเสื้ออะไรก็ไม่มีให้เห็น ฉันนึกในใจว่าเด็กสมัยนี้ก็อย่างนี้แหล่ะ ช่างน่าสงสาร ไม่เหมือนสมัยฉันเป็นเด็กมีที่ให้วิ่งเล่นเยอะแยะ ไล่จับนก จับแมลง จับปลา อะไรสารพัด ในท้องทุ่งนา แสนมีความสุข และหลังจากนั้นไม่นานฉันได้ข่าวว่าทางผู้บริหารของโรงเรียนมีโครงการจะก่อสร้างอาคารใหม่ที่จะใช้เป็นห้องเรียนคอมพิวเตอร์เพื่อพัฒนาเด็กนักเรียนให้เรียนรู้ และรู้จักใช้ประโยชน์จากเครื่องคอมพิวเตอร์กันตั้งแต่เล็กๆ เพื่อให้เด็กนักเรียนได้รู้จักการค้นคว้าหาความรู้ได้เองทางอินเตอร์เน็ท ส่วนวัตถุประสงค์ประการต่อมาของทางโรงเรียนคือเพื่อพัฒนาความเจริญให้แก่โรงเรียนให้เป็นโรงเรียนที่มีความเป็นเลิศทางวิชาการ โดยบริเวณที่ใช้ในการก่อสร้างอาคารหลังใหม่นี้ คือ บริเวณสวนเด็กเล่น การก่อสร้างอาคารใหม่ดำเนินไปและจำเป็นต้องตัดต้นไม้ต่างๆ ในบริเวณนั้นทิ้ง ซึ่งมีทั้ง ต้นหูกวาง ต้นตีนเป็ด ต้นสน รวมถึงไม้ดอกต่างๆ บริเวณนั้น เช่น ต้นดอกเข็ม ต้นดอกชบา ต้นชวนชม มีการกั้นพื้นที่ไว้เพื่อไม่ให้เป็นอันตรายต่อเด็กเล็กๆ ที่จะเดินเข้ามา เช้าวันหนึ่ง ฉันได้พบเด็กนักเรียนหญิงคนเดิมอีก คนที่ชื่อ น้องปราง เธอยืนเหม่อลอยอย่างเศร้าสร้อย ฉันเข้าไปหาเธอแล้วถามเธอว่า “เป็นอะไรไปหรือเปล่าวันนี้” เธอตอบกลับมาว่า “หนูไม่เป็นอะไรหรอกค่ะคุณครู แต่หนูเสียดายต้นไม้ เสียดายผีเสื้อสวยๆ เสียดายนกกระจอกค่ะ” แล้วเธอก็ถามฉันกลับว่า “ทำไมเค้าต้องตัดต้นไม้ แล้วสร้างตึกด้วยล่ะค่ะ อย่างนี้นกกระจอกก็ไม่มีที่อยู่สิค่ะคุณครู” ฉันนิ่งไม่ตอบ เธอถามฉันต่อไปว่า “เค้าจะสร้างอะไรเหรอค่ะคุณครู” ฉันเงียบ เธอจึงถามย้ำอีกว่า “เค้าจะสร้างอะไรหรือค่ะคุณครู” ฉันนั่งย่อตัวลงและหันไปที่เด็กน้อยคนนั้นและตอบว่า “เค้าจะสร้างห้องคอมพิวเตอร์ให้พวกหนูเรียนกันไงล่ะคะ หนูชอบเล่นคอมพิวเตอร์หรือเปล่า” เด็กน้อยนิ่งเงียบไม่ตอบ สักครู่แกก็ถามกลับมาอีกว่า “คุณครูว่านกกระจอกกับห้องคอมพิวเตอร์อะไรมันสำคัญกว่ากันเหรอค่ะ”ฉันนิ่งงันไม่คิดว่าเด็กน้อยจะมาถามฉันอย่างนี้ สักครู่ฉันได้ยินเสียงสัญญาณบอกให้นักเรียนทุกคนเข้าแถวเพื่อเคารพธงชาติและเข้าห้องเรียน ฉันหันไปชวนเด็กน้อยเข้าชั้นเรียน โดยปล่อยให้คำถามที่แกถามไว้นั้นลอยผ่านไปกับสายลม เผื่อว่าจะมีใครได้ยินและให้คำตอบแทนฉันได้บ้าง
9 กรกฎาคม 2553 16:51 น. - comment id 117899
นกกระจอก ก็สำคัญ อย่างน้อยก็ทำให้ น้องหนูเห็นแล้วมีความสุข ที่ได้เห็นพวกเขา ส่งเสียงร้อง แต่เราไม่ได้ทำลายเขานี่คะ ปลูกต้นไม้ รอบๆ บริเวณโรงเรียนให้มากขึ้น เดี๋ยวเขาก็มาอยู่เองค่ะ อีกมุมของห้องคอมพิวเตอร์ ตอนนี้ก็ดูเหมือน จะมีความสำคัญมาก โลกทุกวันนี้ อยู่แค่ปลายนิ้วสัมผัส รวดเร็ว ว่องไว ทันโลก คอมพิวเตอร์ ช่วยหนูๆได้เยอะทีเดียวค่ะ ไม่ต้องเสียเวลา ค้นหาเป็นวันๆ กว่าจะพบ ข้อมูลที่หนูๆอยากได้.. ขอบคุณเรื่องสั้น ที่เล่าสู่กันฟังจ้า
9 กรกฎาคม 2553 17:11 น. - comment id 117901
ขอบคุณครับที่แวะเข้ามาอ่าน และฝากข้อคิดเห็นไว้ เข้ามาแอ๊บไข่ไปด้วยหรือเปล่าเนี่ย
9 กรกฎาคม 2553 18:54 น. - comment id 117902
เพราะระบบนิเวศที่เสียไป เลยทำให้เกิดเรื่องเช่นนี้ หิ้วไข่มาฝาก จะได้ไม่มีใครแย่งกัน
9 กรกฎาคม 2553 19:05 น. - comment id 117903
ขอบคุณมากมายที่เข้ามาอ่านและฝากความคิดเห็นดีๆ ไว้ ช่วยกันดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมนะครับ แถมเอาไข่มาฝากอีก ขอบคุณ ขอบคุณ อ้าว...ไม่รู้เพื่อนๆ ที่ชอบแอ๊บไข่ไปไหนกันหมดนา... หรือยังไม่ได้เวลาตื่นนอนเนี่ย
9 กรกฎาคม 2553 20:56 น. - comment id 117904
.....นกกระจอกกับห้องคอมพ์พิวเตอร์ ตัดต้นไม้ใหญ่ เพื่อนำไปก่อสร้างบ้าน สิ่งเหล่านี้อะไรสำคัญกว่ากัน ตอบยากเหมือนกันนะเนี่ยะ ความสำคัญของสิ่งของต่างๆอยู่ที่คุณค่าการใช้งาน แต่ต่อไปนี้อดวิ่งไล่ผีเสื้อทำไงดี....... ปล. ไม่ได้มาแฮ๊บไข่ รอเม้นท์ที่8 หรือ 9 ก่อน ค่อยย่องๆมาแฮ๊บ อิอิ
9 กรกฎาคม 2553 21:15 น. - comment id 117905
การพัฒนาใดๆ ในปัจจุบันต้องพิจารณาให้รอบด้านทั้งด้านสิ่งแวดล้อมและวิถีชีวิตชุมชนอย่ามุ่งแต่เพียงการพัฒนาอย่างเดียว... ว่าแต่วันนี้ตื่นนอนเร็วจัง
9 กรกฎาคม 2553 21:17 น. - comment id 117909
9 กรกฎาคม 2553 21:17 น. - comment id 117910
9 กรกฎาคม 2553 21:17 น. - comment id 117911
9 กรกฎาคม 2553 21:18 น. - comment id 117912
ฟองละ3.50จ้า
9 กรกฎาคม 2553 21:20 น. - comment id 117913
ทอดไข่(แฝด)ฉลอง
9 กรกฎาคม 2553 21:25 น. - comment id 117914
อ้าว... ทำไมทำกันอย่างนี้ ฉกไปต่อหน้าต่อหน้าเห็น เห็นเลย
10 กรกฎาคม 2553 18:00 น. - comment id 117952
อีกหน่อย นกกระจอกคงมีแต่ในคอมพิวเตอร์นะคะ น่าสงสารจัง ความเจริญที่ต้องแลกกับวิถีชีวิตแบบเรียบง่าย ไม่รู้จะคุ้มเปล่าน๊อ วิถีชีวิตที่ธรรมชาติและมนุษย์พึ่งพาอาศัยกัน อ่านแล้วสะท้อนใจนะคะ นั่งถอนใจเลย
10 กรกฎาคม 2553 18:01 น. - comment id 117953
ปล.ช่วงนี้งดไข่เน้อฝูงเพิ่ล ข่มใจแระเดินออกไปโดยไม่มองไข่
10 กรกฎาคม 2553 22:27 น. - comment id 117982
13+14........ไอ่ลิงโคลอน กลับบ้านๆๆๆ เดี๋ยวตีตาย มาเล่นซนที่นี่ อิอิ