แวววัน : เพื่อนเก่าในวัยเด็ก

ทรายกองดิน

          ในสมัยที่เป็นเด็กนั้น  นอกจากหนังสือตำราที่ใช้ในการเรียน การอ่านเพื่อสอบแล้ว ก็ยังมีหนังสืออ่านนอกเวลาที่คุณครูให้อ่านและสั่งให้ทำรายงานย่อความส่งคุณครูด้วย  โดยเท่าที่พอจำได้นั้น มีหนังสือที่ใช้อ่านนอกเวลาอยู่ประมาณ 3 เล่ม คือ แมงมุมเพื่อนรัก , น้ำพุ และแวววัน
          เค้าโครงเรื่องของทุกเล่มก็พอจำได้มาจนถึงทุกวันนี้ แต่สำหรับเล่มที่จดจำได้มาก และประทับใจเป็นพิเศษนั้น เห็นจะเป็นเรื่องแวววัน เพราะอะไรนะหรือ ก็เพราะเป็นหนังสือที่มีความหนามากที่สุดที่เด็กอย่างผมคิดในตอนนั้น  ดังนั้นจึงต้องใช้เวลาอ่านอยู่นานหลายวัน รวมทั้งทำย่อความไปด้วย กว่าจะเสร็จ ก็เล่นเอาบ่นกับตัวเองอยู่หลายรอบว่าทำไมคุณครูช่างใจร้ายเหลือเกินให้นักเรียนอ่านหนังสือหนาขนาดนี้ แล้วเรื่องแวววันนั้นก็ไม่ใช่นวนิยายที่อ่านแล้วสนุกอะไรสักเท่าไร
          ผ่านมานานหลายสิบปีแล้ว บังเอิญได้ไปเดินเที่ยวตลาดนัด ได้พบร้านขายหนังสือเก่าร้านหนึ่ง พร้อมๆ กับเห็นหนังสือเล่มเก่าๆ เล่มหนึ่งเหมือนคุ้นหน้าคุ้นตากัน เหมือนเคยรู้จักกัน ถูกวางขายอยู่ข้างถนน ราคาเดิมในหนังสือ 35 บาท ถามคนขายว่าจะขายเท่าไร คนขายบอกว่า 30 บาท ควักเงินซื้อเลยโดยไม่ต่อราคาอะไร เพราะรู้ซึ้งถึงคุณค่าของวรรณกรรมเรื่องนี้ดีว่ามีคุณค่าเกินกว่าราคาที่ต้องจ่าย และเมื่อได้กลับมาอ่านทบทวนอีกครั้งก็รู้สึกว่าอ่านเข้าใจและซาบซึ้งยิ่งกว่าตอนสมัยเรียน นั่นอาจเป็นเพราะความคิดและประสบการณ์ที่มากขึ้น อย่างเช่นที่พ่อของแวววันบอกว่าจะอยู่อย่างน้ำ หรืออยู่อย่างหิน หรือในตอนสุดท้ายที่แวววันบอกกับพันธุ์ สุรีย์ว่า ตะวันขึ้นแล้ว ดอกไม้บานแล้ว สายน้ำไม่ทวนกลับมาทางเก่าอีกแล้ว หน้าผายังอยู่ค้ำฟ้า ไม่มีสิ่งใดทำลายมันได้นอกจากกาลเวลานับล้านปี ซึ่งตอนนั้นอ่านแล้วยังไม่เข้าใจ
          สรุปว่าก็อ่านแวววันจบลงไปอีกรอบ ด้วยความเข้าใจและซาบซึ้งในวรรณกรรม อีกอย่างหนึ่งคือ อ่านคราวนี้ไม่ต้องทำรายงานย่อความส่งคุณครูด้วย หลังจากนั้นพลิกไปอ่านดูรายละเอียดของนวนิยายเรื่องนี้จากผู้เขียนหลังเล่มเขียนไว้ว่า "...เรื่อง แวววัน นี้ เขียนเมื่อปี พ.ศ. 2514 ก่อนการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่เราท่านทราบกันดี เหตุการณ์ ฉาก ท้องเรื่องเป็นสภาพชีวิตก่อนหน้า 2514 ไปอีกกว่า 10 ปี คือในราวปี 2500-2508 ผู้เขียนได้พยายามจำลองภาพชีวิตชาวสวนพลูธนบุรี ในยุคนั้นไว้อย่างละเอียดที่สุดเท่าที่จะจำได้ แม้จะยังไม่สมใจ เพราะการผูกเรื่องเป็นนวนิยายนั้นมีขอบเขตจำกันในการบรรยายอยู่ หากบรรยายสภาพชีวิตมากเกินไปก็จะกลายเป็นสารคดีไปเลย กระนั้นก็ยังหวังว่า ผู้อ่านจะพอนึกภาพชีวิตของชาวสวนชานเมืองกรุงเทพฯ ออกว่าเป็นเช่นไร เพราะปัจจุบันภาพเช่นนี้ก็จะหาดูได้ยากเสียแล้ว นอกจากจะบุกบั่นเดินทางเข้าไปในสวนลึกจริงๆ ซึ่งเป็นการลำบากอยู่หากไม่รู้แหล่งเช่นผู้เขียนซึ่งเคยอาศัยอยู่ และเติบโตในถิ่นนั้นมา และมีความประสงค์จะสะท้อนภาพชีวิตที่ตนเคยพบเคยเห็นไว้ในผลงานของตน.... หลายสิ่งหลายอย่างใน แวววัน เริ่มล้าสมัย อัตราเงิน ความคิดของนักศึกษา ฯลฯ เพราะฉะนั้นเมื่อท่านอ่านก็ต้องทำความเข้าใจเสียก่อนว่ากำลังอ่านเรื่องอดีตเมื่อ 15 ปีมาแล้ว และแวววันเป็นนวนิยายที่ผู้เขียนมิได้ตั้งใจจะผูกเรื่องให้อ่านสนุก จึงไม่ค่อยมีอะไรชวนให้ตื่นเต้นนัก..."
          พออ่านจบ คำนวณได้ว่าหนังสือแวววันเล่มนี้มีอายุมาประมาณ 39 ปีแล้วเริ่มตั้งปีที่เขียน ซึ่งก็นับว่าเหมือนได้กลับมาพบเจอเพื่อนเก่าสมัยวัยเด็กกันอีกครั้ง เลยอดใจไม่ได้ที่จะเขียนระบายความรู้สึกออกมาให้อ่านกัน				
comments powered by Disqus
  • ฉางน้อย

    2 กรกฎาคม 2553 17:29 น. - comment id 117401

    3...... อุย หวายๆ  ไม่ได้คิดแบบนั้นนะคะ
    
    ขอประทานอภัย หากทำให้คุณเข้าใจผิด
    
    อ่ะนะ ยิ้มๆๆค่ะ ยิ้มน๊า  ....46.gif46.gif  
    
     อ่ะ ดื่มกาแฟก่อนนะคะ นะๆๆๆ   59.gif59.gif
    
    ไม่กล้าคิดแบบนั้นสักติ๊ดดดด เดียว  
    
    .........46.gif65.gif74.gif
  • ทรายกองดิน

    2 กรกฎาคม 2553 18:10 น. - comment id 117402

    2.gif  มีการตบหัวแล้วลูบหลังกันด้วย ไม่ให้อภัยด้วย...แอบมาว่าเราคิดว่าเราไม่รู้33.gif
    ใครที่ไหนเค้ามาดื่มกาแฟกันตอนเย็นๆ กัน อย่างนี้กันล่ะครับ61.gif
    ใช่สิ ไม่กล้าคิดสักติ๊ดด เดียว แต่คิดมากมายเลยใช่ไหมล่ะ รู้หลอกน่า72.gif
    ไม่รู้ ไม่ชี้แล้ว ไปล่ะ65.gif
  • ทรายกองดิน

    2 กรกฎาคม 2553 18:14 น. - comment id 117403

    ล้อเล่นนะ หายโกรธแล้วครับ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านครับ  ว่างๆ เข้ามาอ่านอีกนะครับ36.gif29.gif
  • ฉางน้อย

    2 กรกฎาคม 2553 18:46 น. - comment id 117404

    5...... คนแถวบ้านฉางน้อยเรียกว่า  ตบหัวแล้วลูบหาง อิอิ  แมวไง เมี๊ยวๆหง่าววววว12.gif12.gif12.gif46.gif65.gif  
    
    ......คุณกินกาแฟตอนไหนอ่ะ ไม่กินตอนเย็น
    
    อ่อ กินตอนร้อนๆ เนอะ  เข้าใจแระ อิอิ .....46.gif65.gif  
    
    ม่ะรุ้ ม่ะชี้ แระ ไปด้วยๆๆ.....
    
    ตามตรูดไปติดๆ ห้ามคิดค่าตาม แฮ่..แฮ่...65.gif46.gif74.gif
  • ฉางน้อย

    2 กรกฎาคม 2553 18:48 น. - comment id 117405

    6....... โห กว่าจะตะกายปีนเข้าบ้านคุณได้อ่ะ
    
    เหมือนจิ้งจกเลยอ่ะคุณเอ้ยยย
    
    คอมพ์ของฉางน้อยโหลดช้ามั๊กมั่ก 
    
    ไม่ทันใจวัยรุ่นเล๊ยยย   19.gif20.gif46.gif
  • ฉางน้อย

    2 กรกฎาคม 2553 16:10 น. - comment id 117413

    เอ.. เรื่องแวววัน ไม่แน่ใจว่าเคยอ่านป่าว 
    
    ไม่เคยมั้งคะ
    
    แต่จำได้เรื่องมอม ของหม่อมหลวงคึกฤทธิ์น่ะค่ะ อ่านแล้วร้องไห้ด้วย   
    
    สงสารมอมจัง เฮ้อ.......หลายเรื่องที่เคยอ่านเป็นหนังสือนอกเวลา
    
    แต่ไม่เคยจำได้สักเรื่อง แฮ่..แฮ่...  65.gif46.gif
  • ฉางน้อย

    2 กรกฎาคม 2553 16:18 น. - comment id 117415

    อ่ะ .....แวววันเขียนใน พ.ศ.2514   เค้ายังไม่เกิดเลยอ่ะ   11.gif  
    
    แต่เคยอ่านน๊า เรื่องน้ำพุ น่ะค่ะ .....11.gif
  • ทรายกองดิน

    2 กรกฎาคม 2553 16:35 น. - comment id 117418

    กำลังบอกว่าคนเขียนนี่แก่ใช่หรือเปล่าเนีย2.gif

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน