เสเพล
สะพั่งสะท้านไมภพ
เสเพล
ผมสะพั่งสะท้านไมภพ ได้รับคำเชิญให้ไปร่วมกอล์ฟก๊วน ไปก็ไป การที่ไม่ได้ตีมานานราวสามปี ก็ต้องมีการเตรียมการซักซ้อม
ใกล้บ้านมีสนามซ้อม จึงได้ขับสามสองสามจีแอลเอ็กมาสด้าสีเทาออกปฏิบัติการ
เมื่อถึงสนาม เก้าถาด เมื่อผ่านไปสองถาด ตีไปส่ายหน้าไป แต่ทว่าไม่ได้รอดไปจากสายตาของเจ้าของสนาม บุรุษวัยหกสิบ ผิวหน้าเปล่งปลั่ง เหมือนเฒ่าทารก เข้ามาขอโทษ และชี้แนะให้เรื่อง แขนซ้ายไม่เหยียดตรง ลำตัวไม่ยกขึ้น และก็การบิดมือขวาตามการฟอลโล่วทรู
สี่ถาดหลังดูเหมือนว่าจะไปได้ไกลและสวยงาม และท่านเจ้าสำนักยังบอกกล่าวอีกว่า ไม่มีทางที่ลูกจะไปตรงทุกครั้ง และแนะนำให้ผมไปฝึกกับโปรกอล์ฟเพื่อความก้าวหน้า
ผมสะพั่งสะท้านไมภพ หัวเราะ กล่าวขอบคุณและพูดกับเจ้าของว่า ผมเพียงแต่หวังเคาะลูกเล่นแล้วก็คุยเท่านั้น
เจ้าของสนามเตือนว่าหากจะไปเล่นตอนบ่ายอย่าไดร์ฟมากไปเดี๋ยวจะหมดแรงซะก่อน ผมขอบคุณพี่อีกครั้งหนึ่ง(ผมมักจะไม่เรียกใครว่าลุง เพราะมันกระเทือนใจคนที่ถูกเรียก)
ในสนามกอล์ฟ
แป๊ก ลูกกอล์ฟกลิ้งโค่โร่ออกไปแบบไร้ทิศทางและไร้เรี่ยวแรง แต่อย่างไรก็ตามด้วยความพยายามอยู่ที่ไหนความพยายามก็อยู่ที่นั่น
หลุมแรก สิบ หลุมสอง เก้า หลุมสาม แปด หลุมสี่ หก แค๊ดดี้ให้ข้อแนะนำว่า ยังงี้ไม่ต้องบอกลายน์ก็ได้ แต่ผมสะพั่ง กลับติงว่า หากไม่ให้ไลน์แล้วละก็ จะกลายเป็นยี่สิบครั้งต่อหลุมไป
การตีกอล์ฟครั้งนี้ ได้เช่ารถกอล์ฟ ขับฉวัดเฉวียนในแฟร์เวย์อย่างเมามัน
อากาศที่ร้อนขนาดหนัก เบียร์เย็นจนเบียร์ร้อน น้ำ เป๊บซี่ ล้วนถูกกรอกไหลลงลำคอ จนกระทั่งจบหลุมสิบแปด ผมสะพั่งสะท้านไมภพร้องไชโยออกมาด้วยความดีใจ
ระหว่างการเล่นได้ใช้เงินเลี้ยงน้ำไปหลายตังค์ แต่ทว่ากลับเป็นความสุขอย่างหนึ่งที่ได้ใช้เงินให้กับความทุกข์กายของบรรดามนุษย์ที่ร่วมก๊วน
การต่อรองไม่เอา เพราะไม่อยากนับ และไม่อยากนับผิด และอยากจะเป็นเพียงการตีเล่นๆไปเรื่อยๆเท่านั้น
นับว่ามีความสุขสนุกแบบไฮโซ
ในยามค่ำคืนในห้องคาราโอเค ผมนั่งจิบเหล้าทีละเล็กละน้อย เฝ้ามองสิ่งที่ผมกำลังทำอยู่ และคิดไตร่ตรองไปเรื่อยๆกับสิ่งที่ผมเผลอปากชวน
แค๊ดดี้สามคนกับเด็กหนึ่งคนสนุกสนานกันอยู่ ต่างคนต่างก็ดื่มฮันเดร็ด ร้องเพลง พูดจากันในสำเนียงและสาระที่ซื่อๆออกแนวชาวบ้าน บ้างก็แปลกๆในความเข้าใจ และสู้ต่อชีวิตในแบบที่แปลกแตกต่างอย่างอดทน ที่เรียกได้ว่าอย่างเหลือเชื่อ ผมนั่งมองแล้วก็ยิ้มๆ ไม่ได้เสียดายเงิน เพราะเรื่องราวอย่างนี้จะมีสักกี่คนที่ได้เห็น
ผมสะพั่ง ไม่ได้ต้องการการร่วมประเวณีหรือล่วงเกินทางเพศแต่ประการใด เพราะเมื่อนึกแล้วก็ถือว่าคงเป็นเวรกรรมที่ต้องชดใช้ และเมื่อไม่ได้สร้างเวรเพิ่มก็คงจะค่อยๆหมดไปเอง
เด็กเสริฟเวียตนามมองผมตาแป๋ว
ผมก็เลยอำไปว่าพาเมียสามลูกหนึ่งมากินข้าว
เธอบอกว่าเลี้ยงไหวหรือ
ผมหัวเราะ
สักพักเธอบอกว่าอยากเป็นคนที่สี่บ้าง
ปิ๊งๆๆๆ
การที่ทำอะไรแล้วมีสติยั้งคิดเนี่ยมันดียังงี้นั่นเอง และรับสภาพที่เกิด พิจารณา ไตร่ตรอง เห็นความบ้า และไม่มีใครรู้ว่าในความคิดของผม
บ้านของเราที่อบอุ่น ผิวกายเนื้อเมียที่เรียบรื่นอบอุ่น ช่างมีคุณค่ามากที่สุดในโลกนี้จริงๆ
สะพั่ง สะท้านไมภพ - satanmipop at 1935.in.th
11/05/2010 - 08:20 - 125.24.110.