.:::+:::.เรื่องเล่าก่อนนอน.:::+:::.
หนูสน
ตั้งแต่เด็ก สองพี่น้อง (แย่งกัน) นอนกอดแม่คนละข้าง
แม่นอนกลาง และต้องนอนหงาย
ห้ามหันหน้าไปด้านใดด้านหนึ่ง
(ลูกจะว่าลำเอียง) นอกจากเพลงค่าน้ำนม
ที่แม่ร้องกล่อมตั้งแต่เกิด
แม่จะต้องเล่านิทานที่สอดแทรกคำสอนให้ฟังก่อนนอนเสมอๆ
นิทานเรื่องเดิม ที่ฟังทุกคืน ไม่มีเบื่อ
แม้ว่าแม่จะเหน็ดเหนื่อยจากการทำงาน
แต่แม่ก็ไม่บ่น
เปล่งเสียงสำเนียงขับขานเรื่องราวเดิมๆ
ที่ลูกคะยั้นคะยอให้เล่าให้ฟังอยู่ก่อนนอนทุกคืน
บางครั้งเสียงจะขาดๆหายๆไปบ้าง (แม่ง่วง...)
เล่าผิดๆถูกๆบ้าง (แม่ลืม?...)
ลูกน้อยก็คอยกระเซ้าเย้าแหย่
จนแม่เข้าสู่นิทรารมย์อย่างมีความสุข
กับเสียงของลุกน้อยที่เจื้อยแจ้วเล่านิทาน(ที่จำได้จนขึ้นใจ)
ขับกล่อมอย่างเพลิดเพลิน (ไม่รู้จักหลับจักนอนได้แล้วเนาะ...
แม่จะหลับสนิทก่อนนิทานจบทุกที
รู้จากการที่แม่เปิดโรงสี เสียงสนั่น555+)
แม่เปรียบว่าเหมือนปลาทูสามตัวนอนเรียงกันในเข่ง
เมื่อแม่พลิกตัวไป ลูกก็นอนแนบกับแผ่นหลังของแม่
แม่ก็จะปลอบว่า
ลูกรักเอาไว้ข้างหลัง ลูกชังเอาไว้ข้างหน้า
(ต้องพูดเบาๆ เดี๋ยวอีกคนได้ยิน) เหมือนลิงเลี้ยงลูก
แม่จะสอนว่า แม่ลิงยามห้อยโหนไปตามกิ่งไม้หรือป่ารกชัฏ
ต่างหอบหิ้วลูกลิงตัวจ้อยไปด้วยเสมอ ตัวหนึ่งอยู่ในอ้อมกอดของแม่
อีกตัวต้องเกาะเกี่ยวอยู่ด้านหลัง ยามแม่ห้อยโหนโจนทะยาน
โดนกิ่งไม้หนามตวัดเกี่ยวต้องกายเป็นแผลบ้าง
ลูกลิงตัวจ้อยที่อยู่เบื้องหลังของแม่
จะได้เติบโตและเรียนรู้ความเข้มแข็งอดทน
สามารถดำรงชีวิตด้วยลำแข้งของตนเองได้
ดีกว่าลูกลิงที่ คอยอยู่แต่ในอ้อมกอดของแม่
ไม่เคยสัมผัสถึงความยากลำบาก ความเจ็บปวดจากขวากหนาม
จนเข้าทำนอง พ่อแม่รังแกฉัน
แม่เลี้ยงลูกทั้งสองให้เป็นลูกรัก
แม้ตอนเด็กจะไม่ค่อยเข้าใจนัก
แม้ว่าแม่ต้องคอยนอนพลิกตัวไปมาทั้งคืนก็ตาม
เพื่อจะได้เป็นลูกรักบ้าง ลูกชังบ้าง
เพียงได้อยู่ใกล้แม่ แค่นี้ก็อุ่นใจแล้ว...