ลุ่มลึกอิสราวดี 60

แก้วประเสริฐ


                   ลุ่มลึกอิสราวดี  60
     เมื่อหัวหน้าอาลักษณ์ออกเดินทางไปยังท้องพระโรงแล้ว  ชายหนุ่มก็เดินไปยังห้องพระอักษร
อ่านข้อความที่ท่านมหาอำมาตย์เขียนพลางหัวร่อ  แล้วก็ร่างหนังสือขึ้นมาใหม่เมื่อลงนาม
และประทับตราแผ่นดินเรียบร้อยแล้ว  ก็แต่งกายโดยมีนางกำนัลคอยช่วยเหลือ   ครั้นเรียบร้อย
แล้วก็ออกเดินทางตามด้วยทหารองครักษ์  เข้าสู่ยังท้องพระโรงทันที  
      ครั้นมาถึงมวลเหล่าทหารองครักษ์ก็ส่งสียงแจ้งแก่บรรดาขุนนางทั้งหลายให้ทราบ
       “พระเจ้าอยู่หัวเสด็จแล้ว”
บรรดาเหล่าอำมาตย์แม่ทัพนายกองต่างยืนพลางเปล่งเสียงถวายพระพรดังลั่นไปทั่วท้องพระโรง
ครั้นชายหนุ่มก้าวนั่งบนบัลลังก์  พลางไต่ถามทุกข์สุขของประชาชนทั้งหลาย  ท่านอำมาตย์และ
แม่ทัพนายกองก็ทูลขึ้นว่า
       “ข้าพระองค์ได้ออกตรวจสอบถามความเป็นอยู่ของบรรดาประชาราษฎร์ต่างอยู่เป็นสุขดี
และทำมาหากินเจริญรุ่งเรืองพระเจ้าข้า”
       “และเหล่าพวกท่านทั้งหลายล่ะการกินอยู่เป็นอย่างไร”
        “ด้วยพระบารมีของพระองค์พวกข้าทั้งหลายต่างก็ไม่เดือดเนื้อร้อนใจกินอยู่อย่างพอเพียงตาม
รับสั่งของพระองค์และยังได้แจกจ่ายบรรดาอาหารแก่พวกที่ยากไร้มิให้เดือดร้อนพระเจ้าข้า”
         “งั้นดีแล้ว เมื่อประชาราษฎร์อยู่เป็นสุขเช่นนี้เราก็ให้สบายใจยิ่งขึ้น  ขอให้พวกท่านทั้งหลาย
จงหมั่นเอาใจใส่ต่อปวงประชาทั้งปวง  ด้วยพวกเรานี้อยู่ได้ก็ด้วยประชาชนทั้งหลายที่นำเงินต่างๆ
มาให้พวกเราได้ใช้จ่ายบำรุงกองทัพ  ฉะนั้นขอให้พวกท่านสำนึกถึงบุญคุณของเหล่าประชาราษฎร์
อย่าคิดว่าเราเป็นข้าราชการแล้วมีฐานันดรสูง  อย่าได้ดูหมิ่นดูแคลนแก่ประชาชนทั้งหลาย ใช้อำนาจ
โดยหวังผลประโยชน์ส่วนตัวเลย  ที่เมืองเราอยู่ได้อย่างดีก็เหตุที่ประชาชนเป็นผู้อุปการะทั้งสิ้น ด้วย
พวกเรามีหน้าที่ขจัดทุกข์บำรุงสุขและปกป้องพวกเขาให้รอดพ้นจากอันตรายต่างๆ  หากยังติดยึดใน
อำนาจราชศักดิ์เห็นว่ามียศถาบรรดาศักดิ์สูงกว่าเขาก็จะทำให้เมืองเราเดือดร้อนและทำให้พวก
       ประชาชนเกิดความปั่นป่วนการส่งส่วยเข้าสู่ท้องพระคลังก็จะเกิดการอำพรางปิดบังเพราะต้อง
นำผลประโยชน์มามอบให้แก่พวกท่านอีกทางหนึ่ง  ฉะนั้นเป็นการเบียดเบียนทำให้เขาไม่บริสุทธิ์ใจได้
ข้าหวังว่าท่านทั้งหลายคงจะเข้าใจในคำพูดของเรานะ”
        “พระเจ้าข้า    ในเมื่อเป็นพระดำรัสของพระองค์พวกข้าพุทธเจ้าจะจำใส่เหนือเกล้าและกำชับมวล
เหล่าทหารทั้งปวงให้ยึดถือแนวทางนี้เช่นกันพระเจ้าข้า”   บรรดาอำมาตย์แม่ทัพนายกองขุนทหาร
ทั้งหลายต่างเปล่งเสียงโดยพร้อมเพรียงกัน
        “เอาล่ะท่านทั้งหลาย เมื่อได้ยินคำกล่าวของพวกท่านข้าเองก็สบายใจนัก  ด้วยข้าได้ใช้คนไปเที่ยว
สอดส่องอยู่อีกทางหนึ่งแล้วเหมือนกัน  ก็จริงดังที่พวกท่านแจ้งแก่เรา จึงขอขอบใจพวกท่านทั้งหลาย
ไว้ในที่นี้ด้วย  ข้าเองยังมีเรื่องหลายประการจะแจ้งให้พวกท่านทราบ”  ชายหนุ่มกล่าว
       “ท่านหัวหน้าอาลักษณ์มารับคำสั่งจากเราแล้วอ่านทีละฉบับให้เหล่าบรรดาข้าราชการทั้งปวงฟัง”
      ครั้นหัวหน้าอาลักษณ์ได้น้อมถวายพระพร  แล้วคุกเข่าลงยื่นมือรับหนังสือทั้งสามฉบับแก่ชายหนุ่ม
แล้วก็   ถวายคาราวะ  ถอยหลังออกมาแล้วยืนขึ้นอ่านคำสั่งขององค์เจ้าเหนือหัวทันที
       “ข้าศิระสุริยะชัยราชันย์ ขอประกาศแต่งตั้งบรรดามวลเหล่าอำมาตย์แม่ทัพนายกองขุนทหารทั้งหลาย
ว่า  ในเมือบ้านเมืองเราได้รับการช่วยเหลือจากพวกท่านทั้งหลายในการรวบรวมบรรดาแว่นแคว้นเมืองต่างๆ
เป็นปึกแผ่นเดียวกันแล้ว  ถึงแม้ว่าอำนาจนี้จะมอบให้เมืองอิสราวดีปกครองแทนก็ตามทีแต่เมืองอิสราวดี
นั้นแต่โบราณกาลมาก็นับเนื่องเป็นสายเลือดอันเดียวกันกับพวกเรา  พวกท่านใช้สติปัญญาและความกล้าหาญ
มาด้วยความลำบากยิ่ง  ไม่ทอดทิ้งข้ายังสู้อุตส่าห์มารับใช้ข้าสร้างเมืองใหม่ขึ้นได้  จึงเห็นสมควรจะได้รับการ
พิจารณาจากข้าที่มิอาจนิ่งนอนใจได้  จึงขอแต่งตั้งดังต่อไปนี้
       ให้ท่านมหาอำมาตย์ใหญ่ที่ปรึกษา  ศิระมหาสุรเดชาธิบดี ขึ้นดำรงตำแหน่ง พระปิตุลาของข้า ท่านแม่ทัพ
ใหญ่ ศิระสุรินทราบดี ขึ้นดำรงตำแหน่ง มหาอำมาตย์ใหญ่ฝ่ายขวา ศิระสุรเดชเดชาขึ้นดำรงตำแหน่งมหาอำมาตย์
ใหญ่ฝ่ายซ้าย  ท่านศิระสุรการขึ้นดำรงตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ ท่านศิระนายะเดชะ ท่านศิระสุระ ท่านศิระนิละกะ 
ท่านศิระสุระเดชะ ท่านศิระกะยอ ขึ้นดำรงตำแหน่งรองแม่ทัพใหญ่ฝ่ายที่ปรึกษา ส่วนแม่ทัพที่ควบคุมทหารเมือง
ทั้งเก้าที่มาร่วมอยู่กับเรา อันมีนามดังนี้
ท่านศิระนายะเดชะ ท่านศิระขึ้นดำรงตำแหน่งรองมหาอำมาตย์ใหญ่เป็นอำมาตย์ที่ปรึกษา ท่านแม่ทัพแห่งเมือง
ทั้งเก้าขึ้นดำรงตำแหน่งอำมาตย์ที่ปรึกษา   ส่วนรองแม่ทัพของเมืองทั้งเก้าให้ขึ้นดำรงตำแหน่งแม่ทัพ บรรดานาย
กองทั้งหลายให้ขึ้นดำรงตำแหน่งรองแม่ทัพให้เลื่อนตำแหน่งขึ้นมาตามลำดับชั้น ส่วนท่านศิระนรินทร์สุรการแห่ง
กองทัพม้าทั้งปวงให้ขึ้นดำรงตำแหน่งแม่ทัพหัวหน้าหน่วยองครักษ์และหน่วยพลรบพิเศษควบคุมภายใน
พระราชวังทั้งหมดขึ้นตรงแก่ข้าแต่เพียงผู้เดียว  ส่วนบรรดาพลทหารให้เลื่อนขั้นขึ้นอีกคนละสามขั้นทุกๆนาย 
บรรดาหัวหน้าเผ่าต่างๆให้ขึ้นเป็นอำมาตย์ที่ปรึกษาแก่ท่านรองอำมาตย์ใหญ่ส่วนรองหัวหน้าเผ่าให้ขึ้นดำรง
ตำแหน่งแม่ทัพขึ้นตรงกับแม่ทัพใหญ่และรองท่านแม่ทัพส่วนไพร่พลเผ่าต่างๆให้เป็นชาวเมืองศิระสุริยันทั้งปวงนับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป 
 ต่อมาหัวหน้าอาลักษณ์ก็อ่านฉบับที่สองขึ้นในท่ามกลางมวลเหล่าข้าราชการทั้งปวงว่า   บัดนี้บุตรฝาแฝดซึ่งเสีย
ชีวิตไปแล้วนั้นของท่านศิระอุระกะซึ่งข้าได้ชุบชีวิตขึ้นมาใหม่แต่หาได้เป็นบุตรีดังเก่าด้วยลืมอดีตไปหมดสิ้นแล้ว  ยกให้เป็นพระราชบุตรีของท่านพระปิตุลาของข้าให้ดำรงตำแหน่งเจ้าหญิงของพระปิตุลา  มีพระนามว่าเจ้าหญิง
ประกายแดงเทวี เจ้าหญิงประกายเขียวเทวีนับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป    แล้วหัวหน้าอาลักษณ์ก็อ่านหนังสือฉบับที่สามติดต่อทันที่
         ข้าเองครั้นครองราชย์สมบัติยังหาผู้สืบราชสมบัติต่อจากข้าและยังไม่มีพระมเหสี จึงคิดใคร่จะ
พระสยุมพรกับพระมเหสีดังนี้   เจ้าหญิงอิสราวดีนารีขึ้นดำรงตำแหน่งเอกอัครมเหสีเจ้าหญิงจันทิราเทวีขึ้นดำรง
ตำแหน่งเอกอัครมเหสีฝ่ายขวา  เจ้าหญิงเรวดีอรทัยเทวีขึ้นดำรงตำแหน่งเอกอัครมเหสีฝ่ายซ้าย เจ้าหญิงกัลยาเทวี 
 เจ้าหญิงประกายแดงเทวี เจ้าหญิงประกายเขียวเทวี เจ้าหญิงสิริกัลยาเทวี และเจ้าหญิงสิรินภาวดีเทวี ขึ้นดำรงตำแหน่งพระมเหสี   ส่วนการพระสยุมพรนั้นให้ถือฤกษ์ในอีกสามวันข้างหน้าให้เหล่ามหาอำมาตย์น้อยใหญ่
รีบจัดขึ้นพร้อมอัญเชิญเจ้าปกครองแว่นแคว้นต่างๆมาร่วมในพิธีด้วยนับแต่นี้เป็นต้นไป   ครั้นหัวหน้าอาลักษณ์
อ่านหนังสือจบก็นำทูลยังองค์ราชันย์ทันใด
      ครั้นพระเจ้าสุริยะชัยราชันย์ฟังหัวหน้าอาลักษณ์ฝ่ายในอ่านสิ้นก็ทรงดำรัสขึ้นอีกว่า
   “การที่เราอัญเชิญเจ้าเมืองเหล่าแว่นแคว้นต่างๆมานั้น  ก็เพื่อเป็นพระเกียรติแก่เหล่าพระมเหสีทั้งหลาย 
 ขอให้ข้าราชการทุกๆนายถือว่าเป็นภารกิจของตัวเองด้วยนะ”
   “พระย่ะค่ะ    พวกเกล้ากระหม่อมจะรีบดำเนินให้เสร็จก่อนพระเจ้าข้า”
     เมื่อเหล่าบรรดาอำมาตย์แม่ทัพนายกองขุนทหารและเหล่าพลทหารที่ได้ยินด้วยมีทหารรายงานแจ้งให้
เหล่าพลทหารที่ยืนเรียงรายอยู่ลานหน้าท้องพระโรง ต่างก็ปลื้มปิติยินดีกันทุกถ้วนหน้า ต่างยิ้มแย้มแจ่มใส
พากันไชโยร้องก้องถวายพระพรทันที   เสียงของเหล่าบรรดาทหารกึกก้องสะท้านไปทั่วเมือง  เมื่อเหล่า
ทหารที่รักษากำแพงเมืองครั้นทราบก็ต่างพากันเปล่งเสียงร้องขึ้นมาด้วย   เมื่อบรรดาประชาราษฎร์ครั้น
ทราบ  ล้วนแล้วแต่ใบหน้าแจ่มใสเสียงร้องอวยพรกึกก้องไปทั่วทั้งเมือง  ทำให้เมืองล้วนแต่เสียงไชโย
โห่ร้องกังวานไปทั่ว   
       แล้วพระเจ้าสุริยะชัยราชันย์    ก็ทรงเรียกเหล่าบรรดาข้าราชบริพารที่แต่งตั้งขึ้นใหม่มารับ
เครื่องอิสริยยศตามตำแหน่งตลอดพื้นที่ใช้ทำมาหากินตามตำแหน่งโดยถ้วนหน้าทุกๆคนแล้วสั่ง
ให้เลิกประชุม  พวกบรรดาข้าราชบริพารก็ทูลถวายบังคมลา   แล้วก็รีบไปดำเนินการตามรับสั่งมิรอช้า
      ข่าวการเฉลิมฉลองเมืองและการสยุมพรขององค์ราชันย์  ก็ถูกแพร่ข่าวกระจายไปทั่วบรรดาแว่นแคว้น
ต่างๆด้วยเวลาอันรวดเร็ว   บรรดาเจ้าเมืองทั้งแว่นแคว้นต่างๆก็จัดเครื่องบรรณาการเป็นของขวัญรีบออก
เดินทางมายังเมืองศิระสุริยะชัยมิรอช้า    ยิ่งพระมเหสีเมืองหงสาก็ยิ่งตื่นเต้นมากกว่าใครบัดนี้เมืองหงสานั้น
พระมเหสีมอบราชสมบัติให้ท่านอลองพญาขึ้นครองราชย์แทนตามหนังสือที่ชายหนุ่มมอบให้  ทั้งสองพระองค์
แห่งเมืองหงสาก็จัดของขวัญและรีบเดินทางมาทันที
        บรรดาประชาชนชาวเมืองศิระสุริยะชัยต่างก็ช่วยประดับประดาบ้านเรือนแห่งตนให้สวยสดงดงาม บรรดา
เหล่าทหารทั้งหลายก็เปลี่ยนชุดใหม่ให้สง่าผ่าเผยงดงามยิ่งนัก เมื่อก่อนครบกำหนดวันพระราชพิธีพระสยุมพรขึ้น
เหล่าบรรดาเจ้าเมืองแว่นแคว้นต่างๆ  เมื่อมาถึงเมืองก็ให้ตกใจยิ่งนักด้วยเมืองแห่งศิระสุริยะชัยหาได้เป็นดั่งเมือง
ของพวกตนเองก็หาไม่  ทั้งกำแพงเมืองหอคอยประตูรบก็แปลกประหลาดยิ่งนัก  ก็ให้นึกชมเชยความสามารถ
เจ้าเมืองแห่งศิระสุริยะชัยยิ่งนัก  เมื่อแลเห็นถึงกับอุทานกันทุกๆเมือง   เมื่อเจ้าเมืองต่างๆมากันเกือบครบการจัด
งานครั้งนี้เจ้าเมืองอิสราวดีมาร่วมช่วยทหารชาวเมืองศิระสุริยะชัยเป็นจำนวนมาก มาถึงก่อนบรรดาเมืองทั้งหลาย
       เมื่อเจ้าเมืองทยอยกันมาเกือบครบยกเว้นเมืองหงสาที่อยู่ไกลยังมาไม่ถึง     ครั้นชายหนุ่มได้รับแจ้งว่าทางเมือง
หงสามาถึงแล้วและทราบว่าพระแม่เจ้าสิริสาอลงกรณ์วดีเสด็จร่วมมาด้วย  ก็จัดเหล่าสนมกำนัลตลอดจนบรรดา
พระมเหสีทั้งแปดองค์ออกไปต้อนรับถึงนอกเมือง   เมื่อทางบรรดาเมืองหงสามาเห็นว่าองค์ราชันย์เสด็จมาเอง
ก็ยิ่งปลาบปลื้มพระหฤทัยยิ่งนัก   พระเจ้าแผ่นดินอลองพญา ครั้นเห็นชายหนุ่มยืนม้าอยู่รายเรียงด้วยพระมเหสี
เหล่าสนมกำนัลนางและทหารรักษาพระองค์  ก็ทรงลงจากหลังมาย่อกายถวายคาราวะแก่ชายหนุ่มทันทีพร้อม
ทรงตรัสว่า
       “หม่อมฉันอลองพญาข้าแผ่นดินของพระองค์ขอถวายพระพรพระเจ้าข้า”
       “แล้วท่านสบายดีหรือไม่ท่านอลองพญา”  ชายหนุ่มกล่าวพลางแย้มยิ้ม
        “ด้วยพระบารมีปกเกล้าสบายดี  ได้ครอบครองแผ่นดินหงสาก็ด้วยพระองค์ทรงแต่งตั้ง บัดนี้หม่อมฉันทราบ
จากพระแม่เจ้าหมดแล้วพระเจ้าข้า”  พลางก้มลงกราบชายหนุ่มทันที    ชายหนุ่มหัวร่อพลางเอ่ยขึ้นว่า
        “อันข้าเองนั้นต้องการให้ท่านหาประสบการณ์ในการศึกนี้ไว้  ด้วยในอนาคตท่านนี้ย่อมจะสามารถขยาย
อาณาเขตต่อไปด้วยเป็นเมืองที่ใกล้กับต่างประเทศอยู่และย่อมทำให้ไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินเป็นสุขยิ่ง หากสิ้นข้าไป
แล้วแว่นแคว้นที่ปกครองขึ้นใหม่อาจจะกระด้างกระเดื่องขึ้นได้อีก แม้นจะมีเจ้าเมืองอิสราวดีคอยควบคุมก็ตาม
แต่ท่านอายุมากแล้ว ส่วนท่านยังหนุ่มแน่นย่อมเป็นที่พึ่งพาอาศัยของบรรดาแว่นแคว้นต่างๆได้  ข้ามองออกว่า
ต่อไปความเจริญรุ่งเรืองจะอยู่ที่เมืองหงสา  ต่อไปชื่อเมืองนี้ควรจะเปลี่ยนเป็นหงสาวดีหากเจ้ากลับไปแล้วเรา
ก็ขอให้เจ้าเปลี่ยนชื่อเมืองใหม่เป็นเมือง “หงสาวดี”เพื่อเป็นสิริมงคลโดยอาศัยติดพระนามพระแม่เจ้าไว้ด้วย”
       “ข้าพระองค์จะทรงถือปฏิบัติพระเจ้าข้า  บัดนี้พระแม่เจ้าเหนือหัวก็เสด็จมาในพระราชรถแล้วพระเจ้าข้า”
       “ถ้าอย่างงั้นข้ากับเจ้าก็ไปรับเสด็จด้วยกันเถิด”   พลางหันไปทางบรรดาพระมเหสีที่ยื่นเรียงรายอยู่ให้เข้า
ไปถวายบังคมแม่เจ้าอยู่หัว  พลางกล่าวว่า
        “น้องหญิง  พี่เองนั้นเคารพท่านพระแม่เจ้าดุจดั่งพระมารดาของข้า   ขอให้ไปร่วมกันถวายบังคมด้วยกันเถิด”
       ครั้นเจ้าเมืองหงสาได้ยินเช่นนั้นก็ให้ถึงกับตลึงที่กษัตริย์แห่งเมืองศิระสุรุยะชัยทรงพระดำรัสเช่นนั้นก็ยิ่งให้
ความเคารพนับถือมากยิ่งขึ้นๆ    เมื่อพระราชรถมาถึงทั้งหมดก็ไปคอยต้อนรับหน้าพระสูตร ทันทีที่พระสูตรเปิด
ออก ร่างพระแม่เจ้าแห่งเมืองหงสาเสด็จลง  ชายหนุ่มและเหล่าองค์หญิงต่างๆก็เข้าไปถวายบังคมทันที  
พระแม่เจ้าเมืองหงสานึกไม่ถึงว่าองค์ราชันย์จะเสด็จมาด้วยตนเองก็ทรงปลื้มปิติน้ำพระเนตรหลั่งไหลทันที
พร้อมเข้าสวมกอดยังชายหนุ่ม  พลางดำรัสว่า
        “สร้างความลำบากแก่โอรสข้าแล้วแม่จะไปหาเองก็ได้นี่นา”
        “หามิได้เสด็จแม่ หน้าที่ของลูกคือต้องมารับเสด็จแม่ถึงจะถูกพระเจ้าข้า”
         “แม่เองนั้นก็อยากจะขออะไรลูกสักหน่อยว่าจะรับคำได้หรือไม่”  พระนางดำรัสถาม
          “เมื่อเสด็จแม่ทูลมีหรือลูกจะให้ไม่ได้พระเจ้าข้า”
           “ดีแล้วลูกข้า  หลังจากพระราชสยุมพรเสร็จ  แม่ก็จะขออยู่ที่เมืองศิระสุริยะชัยไม่กลับเมืองหงสาแล้วลูก
จะว่าประการใด”
           “หากเป็นพระประสงค์ของเสด็จแม่ลูกบังเกิดความตื้นตันใจยิ่งนัก จะได้ปรนนิบัติรับใช้เสด็จแม่ด้วย”
ชายหนุ่มกล่าว    ครั้นพระแม่เจ้าสิริสาอลงกรณ์วดีได้ยินเช่นนี้ก็สวมกอดพลางจุมพิตพระปรางทั้งสองข้างของ
ชายหนุ่มทันที”
            “แม่ได้ยินนี้ก็ให้ปลื้มใจยิ่งนัก  แม่ขอฝากชีวิตไว้แก่เจ้าก็แล้วกัน นี่หรือคือองค์หญิงที่จะมาเป็นพระมเหสี
ของลูก  โอ้ช่างงดงามทั้งแปดพระองค์เชียวนะลูกรักของข้า”   พระนางชมเชยบรรดาองค์หญิงทั้งหลาย  ทำให้
บรรดาเจ้าหญิงทั้งแปดต่างเขินเอียงอายไปทุกๆพระองค์.................
           *  แก้วประเสริฐ. *

Cartoon_Animation_08.gifn016.gif				
comments powered by Disqus
  • กิ่งโศก

    17 มีนาคม 2553 17:09 น. - comment id 115841

    ติดตาม ต่อครับครู อิอิ..
    
    อิงพงศวดาร เลยนะครับนี่
    
    ผม .จำชื่อแม่ทัพนายกอง ได้ไม่หมดนะครับ อิอิ..
  • แก้วประเสริฐ

    17 มีนาคม 2553 21:32 น. - comment id 115851

    36.gif16.gif36.gif
    คุณ กิ่งโศก
    
         ครูเองเขียนไม่มีแบบแผนเมื่อเขียนไปแล้ว
    ก็เลยอิงพงศาวดารไปเลย อิอิ ชื่อนั้นสำคัญมากผิด
    ไม่ได้หรอกครูเองยังต้องจดไว้เสมอๆแหละ ด้วยตั้ง
    เองทั้งสิ้น เพราะไม่ชอบเลียนแบบใครๆเน๊อะ  
         ตอนหน้าจบแล้ว อิอิ อ่านมาได้ไม่อ่านตอน
    จบอีกหรือ  ศิษย์ที่ครูรักยิ่ง รักเสมอ
    
              16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif
  • กระต่ายใต้เงาจันทร์

    18 มีนาคม 2553 21:29 น. - comment id 115940

    ตามมาอ่านค่ะ   ตอนหน้าจบรอนะค่ะ
    
    คุณลุงแก้วลงกลอนเหมือนงอนใครแฮะ
    
    หลานก็แค่แวบๆไปอ่านน้อยใจใครค่ะ
    
    
                                  เคารพรักคุณลุงเสมอ
                                      กระต่ายน้อย
  • แก้วประเสริฐ

    19 มีนาคม 2553 12:28 น. - comment id 115959

    36.gif16.gif36.gif
    คุณ กระต่ายน้อย
    
         การแต่งกลอนนั้นลุงเองบัดนี้ไม่ได้น้อยใจ
    ใครหรอก แต่เวลาเขียนงานร้อยแก้วหรือร้อย
    กรองนั้น ลุงจะทำจิตอารมณ์ให้ว่างๆไว้เสมอๆ แต่
    สิ่งเก่าๆในจิตใต้สำนึกจึงออกมาซึ่งคงเป็นอดีตกาล
    นมนากาเลมานั่นแหละ  กลอนเกือบทุกก่อนจึง
    ล้วนออกมาแนวเศร้าปนหวานเกือบทั้งสิ้น จะมี
    นอกเหนือไปกว่านี้ก็ต้องฝืนจิตอารมณ์ไว้       
         ส่วนตอนหน้าจบแน่นอนต้องเข้าไปอ่านให้
    ได้นะ  และอ่านกระทู้ที่ลุงตอบศิษย์ลุงไว้ด้วย
    เป็นเกร็ดเล็กๆน้อยๆเท่านั้นเอง
         ลุงก็รักหลานมากเช่นเดียวกัน รักเสมอ
    
             16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน