ลุ่มลึกอิสราวดี 58

แก้วประเสริฐ


                    ลุ่มลึกอิสราวดี  58
        เมื่อชายหนุ่มตรวจสภาพภายในเมืองศิระสุริยันต์เสร็จสมบูรณ์ พร้อมให้จัดสร้างอารามวัดขึ้นภาย
ในเขตราชฐานเป็นวัดทางพุทธศาสนาพร้อมจัดส่งทูตเดินทางไปยังชมพูทวีปอัญเชิญพระภิกษุมาครอง
วัดแก่ท่านผู้เฒ่า   ครั้นงานสร้างอารามหลวงเสร็จสมบูรณ์   ชายหนุ่มก็ปรึกษากับผู้เฒ่าเพื่อหาทางปราบ
ดาภิเษกขึ้นครองราชย์สมบัติเมืองศิระสุริยันต์   ครั้นได้ฤกษ์งามยามดีแล้ว  ก็จัดประชุมเหล่าอำมาตย์
แม่ทัพนายกองขุนทหารทั้งหลายทันทีภายในท้องพระโรง  ผู้เฒ่าก็ทรงประกาศแก่เหล่าอำมาตย์แม่ทัพ
นายกองขุนทหารทั้งหลายให้ทราบว่า  
        บัดนี้สมควรจะหากษัตริย์ขึ้นปกครองเมืองศิระสุริยันต์ได้แล้ว  จึงเห็นสมควรอัญเชิญให้ท่าน
มหาอุปราชทรงขึ้นครองราชย์สมบัติสืบต่อไป ซึ่งได้ปรึกษากับท่านมหาอุปราชแล้วถึงฤกษ์งามยามดี
ว่าบัดนี้จะปราบดาภิเษกเป็นปฐมกษัตริย์แห่งเมืองศิระสุริยันต์ขึ้นใหม่แทนที่ล่มสลายไปในนามว่า
พระเจ้าศิระสุริยะชัย แห่งราชวงศ์ ศิระสุริยะราชัน พวกท่านจะเห็นเป็นประการใด
   
      เหล่าบรรดาอำมาตย์แม่ทัพนายกองขุนทหารทั้งหลายต่างเปล่งเสียงแสดงความยินดีเป็นอย่างยิ่ง 
จึงอัญเชิญ พระมหาอุปราชให้นางสนมกำนัลซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นลูกของเหล่าแม่ทัพนายกองทั้งสิ้น
นำพานรองรับมหามงกุฎมาทันที  พร้อมฝ่ายนางรำ ฝ่ายดนตรีเพื่อเฉลืมฉลองการปราบดาภิเษกครั้งนี้
      ครั้นบรรดานำพานทองที่วางด้วยมหามงกุฎที่จัดสร้างขึ้นใหม่ เป็นลวดลายงดงามยิ่งนักตรงหน้า
มหามงกุฎประดับด้วยไข่มุกเรืองแสงตรงกลางพระมหามงกุฎส่งแสงแวววาวรายล้อมด้วยแก้วนพเก้า
แล้วล้อมด้วยเพชรนิลจินดาเรียงรายรอบลวดลายเป็นลายช่อลายดอกไม้พร้อมก้านช่อซึ่งทำด้วยทองคำ
เมื่อท่านผู้เฒ่ารับพานที่รองมหามงกุฎมาแล้วก็ยื่นน้อมถวายแก่องค์ท่านมหาอุปราชทันที  ชายหนุ่ม
ก็นำมหามงกุฎขึ้นครอบบนศีรษะทันที  เสียงมโหรีและนางรำฟ้อนถวายพร้อมโปรยปรายดอกไม้
ที่ส่งกลิ่นหอมนานาชนิดไปยังพระแท่นบัลลังก์ทันใด    ครั้นปราบดาภิเษกขึ้นครองราชย์สมบูรณ์
       พระเจ้าศิระสุริยะชัยก็นั่งลงยังบัลลังก์พร้อมทรงรับสั่งแก่เหล่าอำมาตย์แม่ทัพนายกองขุนทหาร
ทั้งหลายทันที   ว่านับแต่นี้เป็นต้นไปให้ทุกๆคนแม้แต่ภายในครอบครัวตลอดจนบริวารทั้งหลาย
ให้เพิ่มชื่อคำว่าศิระนำหน้าหากมีบุตรชายให้ใช้คำว่า”ศิระ”นำหน้าทุกๆคน เพื่อจะได้แสดงว่า
เป็นชาวเมืองศิระสุริยะราชันและขอท่านผู้เฒ่ามหาอำมาตย์ใหญ่แห่งเมืองศิระสุริยะราชัน
จงนำสาสน์ของข้าไปแจ้งและปิดประกาศให้เหล่าประชาราษฎร์ที่มาพึ่งพาอาศัยในเมือง
ศิระสุริยะราชันทราบทุกนาย นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
        แล้วทรงมอบสาสน์ให้ท่านมหาอำมาตย์ใหญ่รับไปคัดลอกให้เหล่าทหารไปประกาศทั้งทาง
ทหารและปิดไว้ในที่สาธารณะชนทั่วๆไปด้วย    ท่านผู้เฒ่ามหาอำมาตย์ใหญ่น้อมถวายบังคม
เข้ารับพระราชสาสน์แล้วถอยออกมาส่งมอบให้อาลักษณ์ส่วนตัวรีบไปจัดการโดยด่วน โดยปราศ
จากแว่นแคว้นเมืองใดๆทั้งสิ้น ด้วยเป็นไปตามพระประสงค์ขององค์เหนือหัวเพื่อมิให้เอิกเกริกนัก
เพียงแต่ส่งสาสน์ไปให้แก่เจ้าเมืองอิสราวดีทราบเท่านั้นหลังจากปราบดาภิเษกแล้ว ทรงสั่งเลิกประชุม
       ครั้นเจ้าเมืองอิสราวดี พระเจ้าอโนรธาทราบก็เสด็จพร้อมเครื่องราชบรรณาการมาเยี่ยม  
พระเจ้าศิระสุริยะชัยก็ทรงขอร้องแก่พระเจ้าอโนรธาว่าหากจะแจ้งแก่เมืองแว่นแคว้นต่างๆ
ก็ไม่ต้องส่งเครื่องราชบรรณาการมาหรือเสด็จมาเอง  พระเจ้าศิระสุริยะชัยจะเสด็จไปเยี่ยมเยียนเอง
  เมื่อพระเจ้าอโนรธาทราบความพระประสงค์เช่นนั้นก็น้อมรับ  แต่ขอทราบเหตุผลซึ่งพระองค์ก็ทรง
ชี้แจงว่าไม่ต้องการให้เอิกเกริกทำความเดือดร้อนด้วยพึ่งสร้างเมืองใหม่ๆ  การต้อนรับจะไม่
สมพระเกียรติแก่เหล่าเจ้าเมืองทั้งหลาย  ด้วยประชาราษฎร์ยังไม่พร้อมการทางการก็ยังต้องปรับปรุงอีก
       พระเจ้าอโนรธาก็ทูลขอพบพระราชบุตรีด้วย   ชายหนุ่มก็ไม่ขัดข้องทรงให้ทหารองครักษ์ฝ่ายในนำ
พระเจ้าอโนรธาหรือมหาอำมาตย์ที่ปรึกษาใหญ่นั่นเอง เข้าพบกับเจ้าหญิงจันทิราเทวีทันที  ดังนั้นพ่อลูก
ก็ถามไถ่ความทุกข์สุขกันและกัน  และเจ้าเมืองอิสราวดีก็ทรงปลาบปลื้มพระหฤทัยยิ่งนักที่ทราบว่าชายหนุ่ม
นั้นเอ็นดูรักใคร่   เพียงสงสัยว่าเหตุใดยังไม่ปราบดาภิเษกเหล่าพระมเหสีทั้งหลายขึ้น
       เจ้าหญิงก็ทรงพระสรวลพลางกระซิบตอบแก่เจ้าเมืองอิสราวดีให้ทราบ  ดังนั้นพระองค์ก็ทรงพระสรวล
นึกชมพระบารมีเจ้าเมืองศิระสุริยะราชันที่สามารถครองใจนางงามได้ถึงแปดพระองค์ 
  ครั้นได้เวลาก็ไปเฝ้าชายหนุ่มแล้วก็ฝากฝังราชบุตรีแล้วเสด็จกลับไปยังเมืองอิสราวดี 
  ขอทรงอนุญาตให้แจ้งข่าวแก่บรรดาเมืองต่างๆให้ทราบด้วยและแจ้งความประสงค์เพราะเคยร่วมรบผ่านศึก
สงครามมาด้วยกันทราบ  มิฉะนั้นอาจจะทำให้บรรดาเจ้าเมืองต่างๆน้อยพระหทัยได้    
ชายหนุ่มก็อนุญาตแต่ให้แจ้งแก่บรรดาเจ้าเมืองว่าพระองค์จะเสด็จไปเยี่ยมเยียนเอง
    เมื่อเจ้าเมืองอิสราวดีเสด็จกลับไปแล้ว   ชายหนุ่มให้นึกถึงแม่นางพรายทั้งสองว่าจะทำฉันท์ใดดีจึงเรียกแม่นาง
ทั้งหกมาร่วมปรึกษากัน  ครั้นเมื่อแม่นางทั้งหกฟังแล้วก็ทรงเล่าการคืนร่างของแม่นางพรายให้แม่นางฟังถึงการ
กลับคืนร่างของทั้งสอง   เมื่อแม่นางทั้งหกได้รับฟังชายหนุ่มกล่าวเช่นนั้น  ต่างพากันปรึกษากันแล้วแม่
นางอิสราวดีนารีก็ทรงพระดำรัสว่า
     “เรื่องแม่นางพรายทั้งสอง  น้องทั้งหกจะพยายามช่วยท่านพี่เองอย่าได้กังวลสิ่งใดไปเลยเพค่ะ”
     “ พี่ขอขอบใจน้องทั้งหกเป็นอย่างมากช่วยสอดส่องว่าใครสิ้นชีพไปแต่อย่าให้เกินสามวันเป็นอันขาด
หากได้ร่างที่ไม่เกินหนึ่งวันก็จะทำพิธีได้เร็วเท่านั้น”
     “แล้วชาตาของแม่นางทั้งสองล่ะกำหนดไว้เมื่อไหร่มีกำหนดหรือไม่เพค่ะ”
     “ ตามตำราที่พี่ศึกษามานั้นคงจะภายในเดือนนี้แหละ  แต่ทว่าภายในเมืองของพวกเรานั้น มีบรรดาครอบครัว
ของเหล่าทหารเท่านั้น   ได้ข่าวว่าภายในอาณาเขตรอบๆล้วนแต่หัวหน้าเผ่าต่างๆจะพากันมาขอพึ่งพิงอาศัยด้วย
เรื่องนี้พี่เองให้ท่านผู้เฒ่าเป็นผู้คัดเลือก   หากเหมาะสมก็ให้เข้ามาอาศัยภายในเมืองได้  พี่เองนั้นไม่อยากจะให้เป็น
ที่เอิกเกริกไปนัก  ด้วยต้องการจะอยู่สถานที่สงัดจึงมาเลือกชัยภูมิแถบนี้  ฉะนั้นยากแก่คนค้นพบยิ่งนักน้องรัก
  หากเดี๋ยวคืนนี้พี่เองจะเฝ้าตรวจดวงดาวอีกครั้งหนึ่งว่าสิ่งที่กล่าวมานี้นั้นจะอยู่ทางทิศใด”  ชายหนุ่มเอ่ยขึ้น
       ครั้นเวลาค่ำนางพรายปรากฏร่าง  ชายหนุ่มก็ให้แม่นางพรายทั้งสองไปหาแม่นางทั้งหกทันทีว่าตัวเองจะขอ
ศึกษาด้านดาราศาสตร์สักหน่อย  ครั้นแม่นางพรายรับทราบก็เดินหายไปทันที   ชายหนุ่มก็เสด็จออกมายังระเบียง
ห้องบรรทม   ออกมายืนเพ่งท้องฟ้า ซึ่งเป็นข้างแรมปราศจากดวงจันทร์จึงปรากฏดาวมากมายระยิบระยับ
พร่างพรายไปทั่ว   ชายหนุ่มพลางนึกถึงหนังสือตำราทางด้านดาราศาสตร์ทบทวนทันที
         บัดดลก็เห็นดาวทอแสงเจิดจ้าสองดวงพุ่งล่วงหล่นมาทางทิศตะวันออกเฉียงใต้คู่กันมาก็ให้นึกแปลกใจยิ่งนัก
ครั้นทบทวนตามตำราก็ทรงทราบทันทีว่า   บัดนี้ถึงโอกาสของแม่นางพรายทั้งสองแล้วที่จะได้ร่างกลับคืนมาเป็น
มนุษย์ได้   จึงหันหลังกลับเข้ายังพระที่บรรทมรีบนำหนังสือมาทบทวนอีกครั้งหนึ่งก็แจ้งประจักษ์ทันทีก็ทรงดี
พระราชหฤทัยนัก  ว่าพรุ่งนี้จะออกไปตรวจยังทิศตะวันออกเฉียงใต้บางทีอาจจะได้เค้ามูลมาบ้างแล้วก็ทรงพระ
บรรทมทันที
       ครั้นรุ่งเช้าท่านมหาอำมาตย์ใหญ่ว่ามีหัวหน้าเผ่ามาขอพึ่งพาพระบารมีเข้าร่วมอาศัยในเมือง
ศิระสุริยะราชันขอเข้าอยู่อาศัย     ชายหนุ่มทรงถามไปว่าแล้วหัวหน้าเผ่าดังกล่าวนั้นมาทางทิศใด
หรือท่านพ่อลุง  ท่านมหาอำมาตย์ใหญ่ก็ทูลว่า
       “อันหัวหน้าเผ่านี้มีคนติดตามมาจำนวนมากนับได้เป็นหมื่นคนมาทางทิศตะวันออกเฉียงใต้พระเจ้าข้า”
เมื่อชายหนุ่มได้รับฟังก็ให้สะดุ้งพระหทัยยิ่งนัก จึงดำรัสขึ้นว่า
         “ท่านพ่อลุงงั้นเดี๋ยวหลานจะออกไปรับด้วยตัวเอง ด้วยสังหรณ์ใจอย่างไรชอบกลว่า
จะได้สิ่งที่สมปรารถนาในคราวนี้เองแหละ  ขอให้ไปเรียกแม่นางทั้งหกให้ติดตามไปด้วยนะ”
          “พระพุทธเจ้าข้า  จะรีบไปแจ้งแก่เหล่าเจ้าหญิงทั้งปวงเดี๋ยวนี้ แล้วพระองค์จะเสด็จเมื่อใดหรือพระเจ้าข้า”
          “เมื่อครบถ้วนรวมพ่อท่านลุงแล้ว  ก็ออกเดินทางไปรับได้เลย”  ชายหนุ่มกล่าว
  พอตกเกือบเที่ยง กษัตริย์แห่งศิระสุริยะราชันพร้อมด้วยมหาอำมาตย์ใหญ่และแม่นางทั้งหก
พร้อมด้วยขุนทหารก็ออกเดินทางไปคอยรับหัวหน้าเผ่าตามทิศดังกล่าวทันที 
   ครั้นขบวนของหัวหน้าเผ่าแลเห็นก็ให้ตกใจยิ่งนักที่เห็นเหล่าบรรดาทหารและองค์กษัตริย์มารับด้วยตนเอง
เช่นนั้น   ก็รีบเข้าไปถวายตัวทันที
        “ข้าแด่องค์เจ้าเหนือหัว  ข้าหม่องอุระกะหัวหน้าเผ่าคิกิแห่งดินแดนเทือกเขาคุระกะนำเผ่ามาเพื่อหวังพึ่ง
พระบรมโพธิ์สมภารพระเจ้าข้า  ข้ามวลเหล่าชาวเผ่าขอน้อมถวายพระพรพระองค์พระเจ้าข้า”   แล้วพลางหันไป
สั่งแก่ชนเผ่าให้น้อมถวายความเคารพทันที       บรรดาชาวเผ่าทุกๆคนต่างทรุดตัวลงกราบถวายตัวทันที
พลันชายหนุ่มก็ถามหัวหน้าเผ่าทันทีว่า  มีบุตรธิดากี่คน   หัวหน้าเผ่าก็บังเกิดใบหน้าสลดลงทันทีพลางกราบทูลว่า
    “ข้าพระองค์มีบุตรหนึ่งบุตรีแฝดสองพระเจ้าข้า   แต่ในระหว่างทางก่อนจะถึงเมืองบุตรีของข้าไม่ทราบด้วยเหตุ
ใดพึ่งจะเสียชีวิตไปในขณะจะพบพระองค์เองพระเจ้าข้า”   หัวหน้าเผ่าสะกดกลั้นน้ำตามิให้ไหลแต่อดที่จะหลั่ง
ออกมาก     ครั้นชายหนุ่มทราบเช่นนั้นก็บังเกิดความดีใจยิ่งนักจึงก้มลงประคองหัวหน้าเผ่าทันทีแล้วพลางกล่าว
แก่หัวหน้าเผ่าหม่องอุระกะว่าอย่าเสียใจไปเลยเป็นธรรมดาของมนุษย์ทั่วๆไปทุกๆคน   
       “ถ้าอย่างงั้นเราขอศพบุตรีท่านทั้งสองซึ่งเป็นฝาแฝดให้แก่เราเพื่อนำเข้าไปยังวังท่านจะเห็นเป็นประการใด”
       “ข้าพระองค์มาครั้งนี้ตั้งใจและแจ้งแก่ชาวเผ่าทุกๆคนจะซื่อสัตย์ถวายตนอย่าว่าแต่เพียงเท่านี้เลย  แม้แต่ชีวิต
ของข้าพระองค์และชาวเผ่าทุกๆคนก็สละให้พระองค์ได้หากพระองค์ไม่รังเกียจคนป่าเช่นพวกข้าพระเจ้าข้า”
        “เอาล่ะเราจะให้มหาอำมาตย์ใหญ่หาที่พักอาศัยภายในกำแพงเมืองให้แก่พวกท่าน  แต่ทว่าบุตรีท่านเราจะ
นำไปเข้าวังเดี๋ยวนี้เลยนะ”  ชายหนุ่มกล่าว
       “นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณแก่ข้าพุทธเจ้าและชาวเผ่ายิ่งนัก  แต่เพียงสงสัยว่าพระองค์จะนำศพบุตรีข้า
พระองค์ไปด้วยเหตุใดหรือซึ่งปราศจากประโยชน์ใดๆทั้งสิ้น พระเจ้าข้า”  หัวหน้าเผ่าสงสัยยิ่งนัก
       “เอาเถอะในเมื่อท่านยกให้แก่เราแล้ว  ต่อไปท่านจะรู้เองแหละ  ไหนๆล่ะศพบุตรีท่านขอดูหน่อยซิ”
         หัวหน้าเผ่าหันไปทางบุตรชายพลางสั่งให้นำร่างที่ปราศจากชีวิตทั้งสองเข้ามาทันที   ครั้นร่างหญิงสาว
ซึ่งพึ่งเสียชีวิตไป นอนคลุมร่างอยู่บนเกวียนมาถึง  ชายหนุ่มก็ไปเปิดดูหน้า  ก็ให้สะดุ้งในใจนักด้วยนางนี้
ช่างสวยสดงดงามและใบหน้ายังคล้ายๆกับแม่นางพรายทั้งสองยิ่งนัก ก็ทรงพอพระราชหฤทัย หันไปเรียก
เจ้าหญิงทั้งหกมาเพื่อให้รีบนำไปยังห้องข้างพระแท่นบรรทมโดยด่วน  เหล่าทหารองครักษ์ที่ติดตามมา
ก็รีบลากเกวียนเพื่อจะออกไป เจ้าหญิงทั้งหกครั้นแลเห็นใบหน้าของหญิงสาวบุตรีหัวหน้าเผ่าต่าง
ก็งุนงงใบหน้าช่างละม้ายคล้ายกับแม่นางพรายทั้งสองยิ่งนัก   ก็ให้ดีใจเป็นอย่างยิ่งนึกถึงคำของชายหนุ่ม
ที่กล่าวไว้ก่อนแล้ว  เจ้าหญิงทั้งหมดก็รีบนำหน้าทหารแล้วต่างควบคุมไปเอง
        ครั้นอำมาตย์ใหญ่ผู้เฒ่าก็นำหัวหน้าเผ่าและชาวเขาทั้งหมดเข้าเมืองและจัดสถานที่ให้พักอาศัย ส่วนชาว
เขาประมาณหมื่นคนทั้งครอบครัวก็ถูกจัดนำไปพักยังทิศตะวันออกเฉียงใต้ทันที    ชายหนุ่มครั้นสมประสงค์
ดังเจตนารมณ์ก็ให้ทรงเบิกบานพระหฤทัยยิ่งนัก   เมื่อครั้นท่านผู้เฒ่ามาถึงแล้วแจ้งว่าได้จัดสถานที่ให้หัวหน้า
เผ่าตลอดบริวารและครอบครัวพักอาศัยตลอดจนให้ตั้งชื่อศิระนำหน้าชายทุกๆคนด้วยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ชายหนุ่มก็กล่าวกับท่านผู้เฒ่าว่า
        “พ่อท่านลุง โปรดแจ้งแก่พระธิดาทั้งหกและบรรดาทหารทั้งปวงว่าห้องข้างพระทีนั้นห้ามบุคคลใดเข้ามา
บัดนี้ข้าเองจะถือศีลนุ่งขาวห่มขาวตลอดเจ็ดทิวาราตรี  ห้ามขาดมิให้ใครเข้ามาในห้องเด็ดขาด    อ้อๆๆๆโปรด
เรียกเจ้าหญิงทั้งหกให้แก่หลานด้วยเถิด  อีกอย่างหนึ่งให้จัดเครื่องพิธีตามนี้ให้ครบถ้วนอย่าขาดแม้แต่อย่างเดียว
พลางส่งกระดาษเขียนข้อความให้แก่ท่านผู้เฒ่าทัน  ข้ามิอาจจะรอช้าได้จะทำพิธีคืนนี้เลยล่ะ” 
        “เดี๋ยวข้าเองจะเรียกบรรดาเจ้าหญิงให้พบโดยด่วนนะพระเจ้าข้า”  ท่านผู้เฒ่ากล่าวแล้วรีบไปจัดการตามที่
ชายหนุ่มสั่งการทันที
       สักครู่เจ้าหญิงทั้งหกก็เข้ามาพบชายหนุ่ม   ชายหนุ่มครั้นไม่เห็นใครๆก็กระซิบเสียงเบาๆพอจะได้ยินว่าให้
รีบจัดการศพหญิงสาวโดยเปลื้องเสื้อผ้าออกให้หมด ให้นอนบนแท่นไม้หอมที่ให้พ่อลุงไปจัดการแล้ว เราจะถือ
ศีลตลอดเจ็ดวันเจ็ดคืน   และขอร้องให้เจ้าหญิงอย่าได้เข้ามาหรือให้ใครเข้ามาโดยเด็ดขาดมิฉะนั้นพิธีจะเสียไป
 ขอให้เจ้าหญิงช่วยดูแลคนด้วย ส่วนด้านอาหารนั้นให้วางผลไม้และน้ำไว้กะเพียงใช้ได้ครบเจ็ดวันก่อนจะทำพิธี
พี่จะเริ่มในค่ำนี้ด้วยจะไม่ทันการณ์    บรรดาเจ้าหญิงทั้งเจ็ดก็หัวร่อพลางรับคำว่าจะจัดเวรยามกันเองท่านพี่ไม่
ต้องกังวลหรอก   แล้วพวกนางก็ไปจัดเตรียมเสื้อผ้าสองชุดและจัดการตามที่ชายหนุ่มสั่งไว้ทันที
 
        ครั้นได้เวลาชายหนุ่มก็แต่งกายชุดขาวพลางกำชับบรรดาเจ้าหญิงอีกครั้งแล้วก้าวเข้าสู่ห้องพิธีทันที เข้าไป
ยังที่นั่งที่ตั้งอยู่เบื้องหน้าศพหญิงสาวที่ถูกเปลือยกายหมดสิ้น   แล้วก็เริ่มเข้าสมาธิทำพิธีทันทีมิรอช้ายกมือร่าย
พระเวทย์ตามตำราทุกๆประการ....................
        * แก้วประเสริฐ. *

Cartoon_Animation_08.gifn016.gif				
comments powered by Disqus

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน