ลุ่มลึกอิสราวดี 57
แก้วประเสริฐ
ลุ่มลึกอิสราวดี 57
ทำให้บรรดาสัตว์ทั้งหลายต่างหายวับไปทันที กระบองนาคราชที่แยกตัวบางกระบองก็
พุ่งเข้าเสียบไปยังร่างของอำมาตย์กบฏทะลุด้านหลังไป ส่วนประคำของท่านผู้เฒ่าก็เป็นดวงเพลิง
เข้าเผาผลาญบรรดาอาวุธและสัตว์น้อยใหญ่ดับสิ้นไปหมด เหล่าทหารองครักษ์ที่เรียงรายถือ
อาวุธต่างใช้อาวุธป้องกันตัวเองแต่ไม่อาจต้านทานอาวุธของชายหนุ่มกระบองนาคราชได้
ส่วนสัตว์บนอากาศต่างถูกนกวายุภักดิ์ทำลายเสียสิ้นแล้วแล้วจิกกินบรรดาสัตว์ต่างๆ ครั้นหมดแล้ว
ก็กลับมาหาชายหนุ่มทันที ชายหนุ่มก็เก็บเข้าสู่ย่ามไว้ ส่วนประคำของท่านผู้เฒ่าเมื่อสิ้นภาระก็
กลับรวมตัวกันคืนสู่ท่านผู้เฒ่าต่อไป
กระบองนาคราชที่แยกตัวออกก็กลับเข้าไปยังกระบองที่ฝังตัวอยู่ในร่างของอำมาตย์กบฏ ที่ยังไม่ตาย
ส่วนบรรดามเหสีและเหล่าเครือญาติมันทหารองครักษ์ต่างสิ้นชีวิตไปหมดสิ้น เสียงเจ้าอำมาตย์ใหญ่กบฏ
กล่าวด้วยเสียงแผ่วเบาๆว่า เหตุการณ์ทั้งหมดนี้ล้วนแล้วเกิดจากเจ้าหญิงทั้งสิ้น ด้วยข้าเองนั้นก่อนเก่าก็มี
ความรักใคร่ในองค์หญิงทำหน้าที่นี้มาเพื่อองค์หญิงตลอดมา แต่องค์หญิงช่างไร้น้ำใจแก่ข้านัก
บัดนี้ข้าจะตายแล้วขอเพียงบอกให้องค์หญิงทราบว่าข้ารักองค์หญิงมากนัก พอกล่าวจบร่างมันก็
สะท้านเฮือกใหญ่แล้วก็สิ้นใจตายไปทันที
เสียงครั้งสุดท้ายของอำมาตย์มังสุระบดีถึงกับทำให้เจ้าหญิงซึมเซาลงไป แต่เพียงชั่วประเดี๋ยวเดียวก็ปกติ
พลางนึกในใจว่า อันเรื่องความรักนั้นมิใช่ว่าจะบังคับใจใครก็หาได้ไม่เรื่องเหล่านี้เองหรือถึงทำให้แผ่นดินต้อง
พากันเดือดร้อนไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินไป แต่มหาอำมาตย์มังสุระบดีนั้นมีครอบครัวอยู่แล้วก็หาได้คิดคำนึงก็หาไม่
ยังมักมากในกามคุณในหญิงอื่นอีกน่าสมควรตายจริงๆ พลางหันไปกล่าวแก่ชายหนุ่มทันที
“หม่อมฉันมิคาดคิดเลยว่าอันอำมาตย์นี้เพียงคิดเอื้อมในสิ่งที่สูงแม้นตัวเองจะมีครอบครัวอยู่แล้วก็ยังมักมาก
ในสิ่งที่ไม่สมควรยิ่งนัก จึงทำให้แผ่นดินนี้ถึงกับลุกเป็นไฟไปเสียสิ้น แต่ด้วยความทะเยอทะยานของมันหาก
มันคงหวังในราชบัลลังก์มากกว่ากระมังเพค่ะ”
ชายหนุ่มได้ฟังเช่นนั้นก็ทราบเป็นอย่างดีถึงแม้ว่ามันจะได้ในสิ่งที่มันต้องการ แต่ความโลภของมันหาได้สิ้น
สุดลงไม่ ด้วยนิสัยมันก็คงจะเหมือนกับอาจารย์มันนั่นแหละ จึงหาได้เกิดความสงสารแก่มันแต่ประการใดจึงได้
ปลอบองค์หญิง
“ข้าคิดว่ามันเป็นเรื่องของความมักใหญ่ใฝ่สูงมากกว่านะน้องเรา การที่มันอ้างนี้ก็อาจจะเพียงข้อกล่าวอ้าง
เท่านั้น ขอให้น้องหญิงอย่าคิดและคำนึงให้มากนัก บัดนี้แผ่นดินอิสราวดีนครก็อยู่ในมือของน้องเราแล้ว อีก
ไม่ช้าเมื่อเหตุการณ์ก็คงจะเข้ารูปเข้ารอย พี่จะพยายามจัดสร้างสิ่งที่ถูกทำลายไปให้ใหม่ขึ้นและยิ่งใหญ่กว่า
เดิมอีก ส่วนแว่นแคว้นอื่นๆนั้นพี่เองก็จะมอบให้ขึ้นตรงแก่เมืองอิสราวดีต่อไป ส่วนพี่นั้นก็จะออกเดินทาง
อีกครั้งหนึ่ง”
“อ้าวแล้วท่านพี่จะไปที่ใดเล่าล่ะ ไม่อยู่ครองเมืองอิสราวดีร่วมกับน้องหรือไงจะปล่อยให้น้องต้องรอพี่อีก
นานเท่าใดเลยหรือ” องค์หญิงทรงดำรัสด้วยน้ำเสียงสั่นเครือยิ่งนัก
“ไม่หรอกน้องหญิง อันตัวพี่เองหาได้จากน้องพี่ไปก็หาไม่ เพียงแต่จะไปสร้างเมืองใหม่ คือเมือง ศิระสุริยันต์
ยังดินแดนที่ท่านผู้เฒ่าเคยอยู่มา เมื่อสร้างเมืองศิระสุริยันต์เรียบร้อยแล้วพี่เองก็จะมีฐานะสมศักดิ์ศรีเทียบเท่ากับ
น้องพี่ จะได้ไม่เป็นที่ครหานินทาจากเหล่าประชาชนและแว่นแคว้นอื่นๆอีก แต่ทว่าดินแดนนั้นอาจจะห่างไกล
แต่ก็ไม่มากนักระหว่างเมืองเราทั้งสอง แต่ตอนนี้ขอให้น้องพี่จงอยู่ปกครองเมืองอิสราวดีรอพี่ก่อนอีกไม่ช้า
พี่เองจะมาสยุมพรกับน้องพี่ตามขนบธรรมเนียมประเพณีต่อไปและก็จะยังไม่เป็นที่ครหานินทาของเหล่าประชา
และแว่นแคว้นอื่นๆอีก พี่ให้สัญญาจ๊ะ” ชายหนุ่มกล่าวพลางรวบตัวหญิงสาวมาสวมกอด
“ส่วนดวงแก้ววิเศษนี้พี่มอบให้น้องถือว่าเป็นสัญญาผูกพันก็แล้วกันนะ” ชายหนุ่มกล่าว
องค์หญิงอิศวรดีนารี ครั้นได้รับฟังคำชี้แจงของชายหนุ่มล้วนแล้วแต่มีเหตุผลทั้งสิ้น ก็เอ่ยขึ้นว่า
“ท่านพี่ทรงตรัสเช่นนี้ก็สมควรหรอก แต่ดวงแก้วดวงนี้ถือเป็นตัวแทนที่จะชโลมน้ำใจน้องได้บ้างแต่น้องใคร่
ติดตามท่านพี่ไปสร้างเมืองด้วย ท่านพี่คงจะไม่ปฏิเสธนะ
“ใจพี่นี้ก็อยากจะให้น้องพี่ไปร่วมสร้างเมืองด้วยกัน แต่เห็นว่าภายในเมืองยังวุ่นวายอยู่นัก ขอให้น้องหญิง
จัดการให้เรียบร้อยเสียก่อนแล้วค่อยไปดูการสร้างเมืองของพี่ก็แล้วกันนะ พี่จะเขียนแผนที่มอบแก่น้องหญิงไว้
เพื่อเดินทางไปยังเมืองใหม่จ๊ะน้องหญิง” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้น
“สัญญาต้องเป็นสัญญานะเสด็จพี่ น้องจะรีบจัดการบ้านเมืองแต่งตั้งมวลเหล่ามหาอำมาตย์คัดเลือกตลอด
จนแม่ทัพขึ้นใหม่ ครั้นทางนี้เรียบร้อยแล้วพี่ก็จะออกเดินทาง แต่แม่นางทั้งห้าจะอยู่กับน้องได้หรือไม่เพค่ะ”
“อย่างนี้พี่เองก็ห้ามใจแม่นางทั้งห้าไม่ได้หรอก ให้น้องพี่ถามเหล่าแม่นางเองก็แล้วกัน”
เมื่อแม่นางอิสรวดีนารีได้ฟังดังนั้นก็คิดว่าจริงการบังคับจิตใจคนนั้นไม่สมควรยิ่งจึงหันไปถามบรรดาแม่นาง
ทั้งห้าทันที แต่ก็ได้รับคำปฏิเสธทั้งสิ้นว่าจะติดตามชายหนุ่มไปด้วยมีสัญญากันไว้ก่อนแล้ว ครั้นแม่นางอิสรวดีนารีได้ฟังเช่นนั้นก็พา ทอดถอนพระหฤทัยพลางสวมกอดแม่นางทั้งห้าทั้งขอสัญญาว่าจะร่วมกันอยู่หากเมื่อสร้าง
เมืองใหม่แล้วข้าเองก็เห็นจะสละราชสมบัตินี้ เพื่อไปอยู่ร่วมกับท่านพี่ด้วยกันนะ
ครั้นแม่นางทั้งหมดต่างเข้าใจกันแล้ว นับแต่นั้นมาชายหนุ่มก็จัดแจ้งตบแต่งเมืองเสียใหม่ใช้เวลานานเกือบ
ปีจึงสมบูรณ์เรียบร้อย แม่นางอิสรวดีนารีก็เถลิงราชสมบัติต่อไป เมื่อเมืองเรียบร้อยแล้วชายหนุ่มก็ประกาศใน
ที่ประชุมเหล่าทหารหาญทั้งหลาย พร้อมจัดสิ่งของกำนัลแก่เหล่าทหารทั้งปวงตลอดจนสิ่งของไปมอบให้แก่เจ้า
เมืองต่างๆด้วย แล้วให้บรรดาทหารทั้งหมดเดินทางกลับเมืองได้ แต่แม่ทัพนายกองและเหล่าทหารบางคนไม่
ยินยอมกลับจะขอกลับไปกับชายหนุ่มเพื่อสร้างเมืองใหม่ต่อไป และให้บรรดารองแม่ทัพนายกองบางคนที่มี
ครอบครัวกับทหารที่มีครอบครัวเดินทางกลับไป เหลือพวกที่ยังไม่มีครอบครัวเท่านั้นที่ชายหนุ่มยอมให้ติดตาม
ไปยังสถานที่คิดว่าจะสร้างเมืองต่อไป ส่วนเจ้าลิงขนทองและลิงขนขาวก็นำพวกลิงทั้งหลายเข้าอาศัยอยู่ในป่า
ใกล้วิหารต่อไป เจ้าลิงทั้งหลายยินยอมรับเจ้าขนทองขนขาวเป็นหัวหน้ามันสืบไป
ดังนั้นจึงมีทหารเป็นจำนวนมากนับได้สามสี่หมื่นที่ติดตามชายหนุ่มไปพร้อมด้วยแม่นางหญิงทั้งห้าก็ไป
แจ้งแก่แม่นางอิสราวดีนารีเจ้าเมืองแห่งอิสราวดีว่าบัดนี้สมควรจะต้องขอจากลาไปก่อน แต่แม่หญิงอิสรวดีผู้
ชาญฉลาดกับขอตัวแม่ทัพใหญ่ที่ปรึกษากองทัพของชายหนุ่มไว้ให้อยู่เพื่อได้รวมปกครองอิสราวดีต่อไป
ครั้นท่านมหาอำมาตย์ใหญ่ที่ปรึกษานั้นความมุ่งหมายคือจะติดตามชายหนุ่มไปด้วย ก็ต้องถูกชายหนุ่มขอร้อง
ให้อยู่ช่วยแม่นางอิสรวดีนารีต่อไป ครั้นได้เวลาออกเดินทางทั้งสองต่างอำลาอาลัยซึ่งกันและกันแม่นางเจ้าเมือง
ก็จัดมอบบรรดาช่างฝีมือต่างๆมอบให้แก่ชายหนุ่มเพื่อจะใช้ในการสร้างเมืองต่อไป
พอได้เวลาอันสมควรแล้วชายหนุ่มก็นำกำลังที่คงยินยอมพร้อมใจสามสี่หมื่นนายพร้อมนายช่างฝีมือของ
เมืองอิสราวดีก็ออกเดินทางไปยังวิหารของผู้เฒ่าทันที ครั้นเมื่อถึงยังวิหารของท่านผู้เฒ่ามังมหาเดชาธิบดีแล้ว
ก็สั่งให้รื้อวิหาร วางแผนกับท่านผู้เฒ่าวางรากฐานสร้างเมือง ศิระสุริยันต์ขึ้นใหม่ทันที ครั้นการก่อสร้างใกล้จะ
เสร็จสมบูรณ์เรียบร้อยแล้ว แม่ทัพก็มารายงานว่า
“บัดนี้มีกองกำลังทหารหน่วยหนึ่งกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้พระเจ้าข้า”
ชายหนุ่มได้รับฟังเช่นนั้นก็ให้ฉงนใจยิ่งนักว่าเส้นทางนี้ยากนักจะมีผู้ใดทราบ เป็นทัพใดหนอที่ล่วงรู้ส่งกำลัง
มาได้ ดังนั้นชายหนุ่มจึงให้รีบจัดเตรียมกำลังทัพไว้เพื่อป้องกันเมืองที่ไม่สำเร็จยกทัพออกเดินทางไปรับหน้า
ก่อนกำลังจะมาถึงเมือง ครั้นทัพทั้งสองปะหน้ากันชายหนุ่มถึงกับตกตลึงทันที พลางหัวร่อลั่น
“น้องหญิงทำให้พี่ตกใจคิดว่าเป็นทัพใดเล่าที่รู้เส้นทางลืมไปว่าได้ทำแผนที่นี้ให้น้องแต่เพียงผู้เดียว”
พลางลงจากหลังม้าพร้อมหน่วยทหารม้าที่เขาฝึกมาด้วยตัวเองก็พากันนำครอบครัวติดตามมาเพื่อสร้างเมืองใหม่
ลงจากม้าทั้งสิ้น ทหารทั้งหลายพากันน้อมกายถวายความเคารพแก่เจ้าหญิงทันที ทันใดนั้นแม่นางอิสรวดีนารี
ก็ลงจากหลังม้าพร้อมน้อมกายถวายคาราวะแก่ชายหนุ่มพลางเอื้อนเอ่ยว่า
“บัดนี้เมืองอิสราวดีต่างเรียบร้อยหมดสิ้นด้วยพระบารมีของท่านพี่แว่นแคว้นต่างๆพากันส่งเครื่องราช
บรรณาการมาให้ทุกปี แต่น้องที่ขอท่านมหาอำมาตย์ใหญ่ที่ปรึกษาแก่ท่านพี่ไว้นั้นด้วยเหตุที่วางกลยุทธ์มิ
ให้ท่านพี่ระแวงสงสัย บัดนี้น้องได้สละราชบัลลังก์เมืองอิสราวดีแล้วมอบให้ท่านมหาอำมาตย์ใหญ่
ท่านเหมี่ยวมังกะยอชวาขึ้นครองราชย์สมบัติแทน ตอนแรกท่านมิยินยอมแต่น้องเล่าเรื่องต่างๆว่าอันน้อง
จันทิรานั้น หากท่านเหมี่ยวมังกะยอชวาขึ้นครองราชย์ฐานันดรของน้องจันทิราก็จะเสมอกับน้องเพค่ะ
อีกประการหนึ่งความดีความชอบของท่านเหมี่ยวมังกะยอชวามีมากมายนัก เมืองอิสราวดี หากเป็นหญิงครอง
ราชต่อไปไม่ช้าไม่นานก็จะเกิดความยุ่งยากเกิดขึ้นอีก ส่วนใหญ่การตัดสินใจย่อมจะสู้ชายมิได้ ท่านเหมี่ยวมัง
กะยอชวาท่านเป็นผู้สูงอายุเพียบพร้อมด้วยคุณวุฒิและวัยวุฒิมีความรักซื่อสัตย์ต่อท่านพี่มากนัก น้องคิดอ่าน
ด้วยความรอบคอบแล้วจึงมอบให้ท่านเหมี่ยวมังกะยอชวาตัดสินใจคัดเลือกแม่ทัพนายกองและมหาอำมาตย์เอง
ด้วยความเฉลียวฉลาดของท่านเหมี่ยวมังกะยอชวา ต่างให้จัดการประลองอาวุธคัดเลือกบุคคลเพื่อเป็นแม่ทัพ
นายกองทั้งหมดร่วมกับผู้มีฝีมือในเมืองอิสราวดีที่ไม่ใช่ทหารด้วย จึงได้แม่ทัพเสริมขึ้นอีกมากมาย ส่วนแม่ทัพ
ใหญ่นั้น ท่านเหมี่ยวมังกะยอชวาต่างให้แม่ทัพทั้งหลายเรียกมาตรวจสอบแต่ละคน จนได้แม่ทัพใหญ่ขึ้นมา
ส่วนมหาอำมาตย์ก็ทำเช่นเดียวกับด้านทหาร
คือการคัดเลือกแล้วมาสอบถามความรู้ความสามารถทางการเมืองด้วยตนเองจึงได้มีอำมาตย์ใหญ่แต่ไม่แต่ง
ตั้งเป็นมหาอำมาตย์เพียงซึ่งมีแต่อำมาตย์เพียงสองสามนายเท่านั้น จนเกิดความร่มเย็นเป็นสุขแก่มวลเหล่าไพร่ฟ้า
ประชาราษฎร์เมื่อเหตุการณ์สงบร่มเย็นเช่นนี้ น้องก็ประกาศต่อเหล่าอำมาตย์แม่ทัพนายกองขอสละราชสมบัติ
มอบให้แก่ท่านเหมี่ยวมังกะยอชวาแต่งตั้งนามใหม่ว่า “พระเจ้าอโนรธา” เป็นราชวงศ์ใหม่คือ”อโนรธา” แล้ว
จึงออกเดินทางโดยแจ้งบ่งบอกให้แก่ท่านเหมี่ยวมังกะยอชวาทราบถึงเจตนารมณ์ของข้า ตอนแรกท่านปฏิเสธ
แต่น้องขอร้องท่านว่าให้เห็นแก่บ้านเมืองด้วยเถิด เขาถึงได้ยอมรับแล้วมอบทหารให้แก่น้องจำนวนหนึ่ง”
พร้อมให้ทหารที่ติดตามานำครอบครัวมาทั้งสิ้นด้วย
ครั้นแม่นางกล่าวจบลง ชายหนุ่มก็รีบเข้าไปสวมกอดแล้วหันไปแสดงความยินดีแก่แม่นางจันทิรา
ว่าเดี๋ยวนี้มีฐานันดรเป็นเจ้าหญิงแห่งเมืองอิสราวดีด้วย แม่นางทั้งสี่ก็พลอยแสดงความยินดีแก่แม่นางจันทิรา
ทั้งสิ้น ทำให้แม่นางจันทิราถึงกลับน้ำตาคลอด้วยความปิติยินดี ยิ่งทราบว่าท่านพ่อบัดนี้ได้ขึ้นครองราชย์สมบัติ
เมืองอิสราวดีก็ให้หายห่วงใย พลางโผเข้าสวมกอดชายหนุ่มทันใด แม่นางทั้งสี่ก็เข้าร่วมสวมกอดกันกลมเกลียว
ทำให้ชายหนุ่มถึงกับปลื้มปิติยินดียิ่งนัก แล้วทั้งหมดก็นำเหล่าทหารหาญกลับไปยังเมืองที่กำลังสร้างใกล้
จะเรียบร้อยแล้ว ทหารที่มาใหม่ก็ร่วมแรงร่วมใจเข้าช่วยสร้างเมืองใหม่ด้วยทั้งหมด
ครั้นแม่นางอิสรวดีนารีเห็นดังนั้นก็ให้ปลาบปลื้มพระหทัยยิ่งนัก ชายหนุ่มจึงได้เชิญแม่นาง เข้าไปพักผ่อนยัง
ที่พำนักชั่วคราว แต่แม่นางทั้งหกเมื่อเข้าไปยังที่พักแล้วต่างก็หยอกเย้ากันว่าถ้าหากเรามีสามีคนเดียวกันจะเป็น
ฉันท์ใดเล่า เหล่าพวกแม่นางที่ถูกแม่นางจันทิราสอบถามก็ต่างพากันขวยเขินเอียงอาย แล้วก็ย้อนถามแม่นาง
จันทิราเช่นเดียวกัน ทั้งหมดต่างก็พากันหัวร่อบอกว่าแล้วแต่ฝีมือใครจะมีบุตรธิดาให้ถือเป็นการประลองยุทธ์
ก็แล้วกัน ทั้งหมดทั้งๆที่เอียงอายต่างก็แจ่มใส่ระรื่นยิ่งนัก
แล้วก็ชวนกันออกไปควบคุมการก่อสร้างที่ท่านผู้เฒ่าเป็นแม่งานอยู่ ต่างคนต่างช่วยเหลือท่านผู้เฒ่าดูแลงาน
ต่างๆ ดังนั้นงานสร้างปราสาทเมือง ตลอดวังต่างๆพร้อมกำแพงเมืองที่ผู้เฒ่าห่วงใยเคร่งครัดเป็นที่สุดประกอบ
ด้วยวัสดุที่เป็นก้อนหินใหญ่ที่ผ่านการทดลองความแข็งแกร่งทั้งสิ้น เวลาผ่านไปไม่นานการสร้างก็สำเร็จลุล่วง
ท่านผู้เฒ่าก็ให้นำธงศิระสุริยันต์ชักขึ้นบนกำแพงประตูเมืองแปดด้านทันที อันเมืองศิระสุริยันต์นี้แปลกกว่า
บรรดาแว่นแคว้นเมืองอื่นๆซึ่งมีแค่สี่ด้าน ส่วนทางเมืองศิระสุริยันต์นั้นกับมีประตูเมืองถึงแปดประตูทีเดียว
เมื่อครั้นชายหนุ่มเห็นเช่นนั้นก็ให้ปลาบปลื้มยินดีเป็นยิ่งนัก ยิ่งรอบๆเมืองนั้นเป็นคูน้ำรายล้อมรอบเมืองและ
ประดับไปด้วยดอกปทุมสีสันต่างๆกันกว้างขวางนัก หากศัตรูรุกเข้ามาย่อมจะต้องผ่านคูคลองที่กว้างขวางนี้ก่อน
ถึงจะเข้าเมืองได้ ส่วนประตูนั้นผิดกับประตูเมืองทั้งหลายโดยมีลอกใช้ชักสะพานประตูเมืองเพื่อข้ามคลองที่กว้าง
แล้วยังมีประตูปิดอีกชั้นหนึ่งซ้อนอยู่ด้วย กำแพงเมืองนั้นก็สูงยิ่งนักประกอบด้วยหอบังคับการถึงสิบหกหอใช้
สำหรับบัญชาการรบ
ส่วนด้านหน้าวังกลับเป็นลานกว้างให้พระมหากษัตริย์ออกว่าราชการข้างนอกวังผิดกับแว่นแคว้นต่างๆเสีย
สิ้นเนื่องจากชายหนุ่มเป็นคนวางแบบแปลนไว้เอง ภายในวังท้องพระโรงก็แบ่งเข้าได้เฉพาะอำมาตย์และแม่ทัพ
นายกองตามลำดับชั้น ตลอดใช้สำหรับรับแขกเมืองอีกด้วย ภายในอลังการยิ่งนักประดับประดาด้วยลวดลาย
สีสันต่างๆนาๆ ประดับด้วยไข่มุกเรืองแสงยังตรงกลางเครื่องหมายที่จัดสร้างเป็นสุริยันต์ล้อมด้วยดาวหกแฉก
ตรงกลางเป็นไข่มุกเรืองแสงหนึ่งลูก ส่วนราชบัลลังก์หัวท้าวพระแขนพระที่นั่งฝังด้วยไข่มุกเรืองแสงข้างละลูก
อีกหนึ่งลูกให้ประดับบนเหนือผนักพิงเป็นรูปสุริยันต์ล้อมด้วยดาวหกแฉกตรง
กลางฝังด้วยไข่มุกหนึ่งลูกเช่นเดียวกันของแท่นบัลลังก์ที่สร้างไว้ด้วยลวดลายสวยสดงดงามยิ่ง ส่วนไข่มุกที่เหลือสอง
ลูกให้เก็บไว้ในที่เก็บในห้องพระบรรทมซึ่งชายหนุ่มเป็นคนเก็บไว้เอง
เมื่อการสร้างสมฤทธืผลแล้วก็ให้ฉลองแก่บรรดานายช่างทั้งหลายพร้อมแจกของกำนัลให้ หากผู้ใดคิดจะ
กลับยังเมืองอิสราวดีก็ไม่ขัดข้องแต่ประการใด แต่บรรดานายช่างฝีมือทั้งปวงเพียงขอให้นำครอบครัวกลับมา
อยู่ยังเมืองศิระสุริยันต์นครด้วย ชายหนุ่มก็อนุญาตให้ไปนำครอบครัวมาได้ ภายในตัวเมืองมีที่พัก
ของบรรดาแม่ทัพนายกองอำมาตย์ เหล่าองครักษ์ไว้เรียบร้อย เมื่อชายหนุ่มตรวจสอบความเรียบร้อย
พร้อมแม่นางทั้งหกแล้ว
ก็ให้นึกถึงแม่นางพรายทั้งสองทันที เขาตรวจดูดวงชาตาตามตำราบ่งบอกไว้เห็นว่าสมควรจะหาร่างให้
แก่แม่นางพรายทั้งสองได้แล้ว จึงปรึกษากับนางทั้งหกทันที................
* แก้วประเสริฐ. *