ลุ่มลึกอิสราวดี 56

แก้วประเสริฐ


               ลุ่มลึกอิสราวดี  56
  ครั้นเวลาสาย ฝ่ายเมืองอิสราวดีก็เปิดประตูเมือง นำโดยนักพรตชีวะกะแห่งขุนเขาจิระเวคิน
และนักบวช นิรุเวคินแห่งขุนเขาบุระกะควบม้านำเหล่าทหารอันมีแม่ทัพใหญ่มังสุระศรีนำ
ทหารอิสราวดีมาประมาณหลายหมื่นกระจายออกเป็นหน้ากระดานทั้งทหารม้าและทหารเท้า
    เสียงกลองรบดังระรัวขึ้นภายในค่ายซึ่งเห็นเหตุการณ์ก็ตีกลองรบแจ้งแก่ฝ่ายชายหนุ่มเพื่อทราบ
ดังนั้นชายหนุ่มก็จัดทัพออกมาประจันหน้าฝ่ายข้าศึกทันที   แต่ครั้งนี้นอกจากหน่วยรบพลธนู
ของเมืองทั้งสามแล้ว  ก็ให้แม่ทัพใหญ่นำกองกำลังยกติดตามมาห่างๆอีกหลายหมื่นนายพร้อม
อาวุธยุทโธปกรณ์พร้อมแต่ให้อยู่ในระยะพลธนูจะยิงธนูใส่ยังข้าศึกได้  เมื่อพลทหารเท้าให้จัด
โล่กำบังอาวุธโดยแจ้งให้ทำเป็นกล่องสำหรับบังลูกธนูค่อยๆเคลื่อน แต่ไม่ต้องใกล้ชิดนัก
      เมื่อชายหนุ่มสั่งการทั้งทางปีกซ้ายปีกขวากองกลางแล้ว   ก็ขี่ม้าพร้อมท่านผู้เฒ่าร่วมกับทหาร
ทั้งสามเมืองทะยานเข้าเผชิญหน้าเหล่านักพรตและนักบวชทันที  ทั้งสองต่างก็ไม่ปราศรัยกันและ
กันทางฝ่ายนักพรตก็ร่ายเวทย์มนต์เสียงท้องฟ้าคำรามเมฆฝนสายฟ้าแวบวาบกระจายไปสิ้น
ท่านผู้เฒ่าทราบทันทีว่าสายฝนหากหลั่งลงมานั้นล้วนแต่เป็นกรดทั้งสิ้น  ก็ร่ายพระเวทย์พลางยก
พัดที่นำติดมาด้วย ออกโบกไปยังท้องฟ้าทันที   ปรากฏลมพายุหมุนพาบรรดาก้อนเมฆซึ่งเริ่มมี
ฝนโปรยปราบตกลงมาอย่างหนัก    สายฝนเมื่อตกยังพื้นดินก็ปรากฏเป็นควันพวยพุ่งขึ้นทันที
      แต่เหล่าพายุได้พัดก้อนเมฆต่างๆที่โปรยปรายฝนนั้นกลับหวนไปสู่ยังบรรดาเหล่าทหารของ
เมืองอิสราวดีจำนวนหลายหมื่นต่างร้องครวญครางด้วยฝนนั้นล้วนแต่เป็นน้ำกรดทั้งสิ้น ครั้น
นักพรตเห็นดังนั้นก็ตกใจ รีบร่ายมนต์ให้บรรดาสายฝนหยุดทันที บัดดลก้อนเมฆต่างๆก็หาย
ไปสิ้น  แต่พายุของท่านผู้เฒ่าซึ่งโบกพัดอยู่ก็เกิดพายุพัดกระหน่ำหมุนเป็นวงๆเข้าไปยังร่าง
นักพรตแต่หาทำอันตรายมันได้ไม่  แต่บรรดาทหารที่เรียงรายก็ต่างแตกกระเจิงบ้างก็ถูกลมหมุน
พัดลอยขึ้นไปในอากาศต่างร้องระงมไปทั่วแม้กระทั่งกำแพงเมืองบรรดาเหล่าทหารต่างก็ตกจาก
กำแพงเมืองไป
        ครั้นนักพรตไม่สามารถจะห้ามพายุดังกล่าวได้ก็นำน้ำเต้าออกมาบริกรรมแล้วโยนไปในอากาศ
บัดดลน้ำเต้านั้นก็ขยายใหญ่แล้วดูดเอาพายุเข้าไปในน้ำเต้าจนหมดสิ้น   ในครั้งนี้นักบวชก็โยนดาบ
ขึ้นไปในอากาศกลายเป็นงูยักษ์ตัวมหึมาแผ่แม่เบี้ยฉกกัดบรรดาทหารของชายหนุ่มและชายหนุ่มทันที
ชายหนุ่มหาได้หวั่นไหวใดๆไม่พลางเรียกกระบองนาคราชออกมาถือแล้วร่ายพระเวทย์โยนขึ้นไปทันใด
กระบองนาคราชก็กลับกลายเป็นพญานาคเจ็ดเศียรตัวใหญ่พ่นไฟออกไปยังงูยักษ์มิได้ช้า 
       เมื่องูยักษ์เห็นเป็นพญานาคก็ตัวสั่นคลายพังพานลงเพื่อจะหลบหนีแต่  ร่างพญานาคนั้นถึงตัวก่อน
ก็ขบกัดไปยังร่างของงูยักษ์แล้วม้วนตัวมัดร่างงูยักษ์  อำนาจซึ่งข่มกันอยู่แล้วงูยักษ์ก็ถูกพญานาค
กัดหัวขาดทันใดและรัดร่างงูยักษ์แน่น    บัดดลร่างงูยักษ์ก็กลับกลายเป็นกระบีหักเป็นสีท่อนตกลงมายัง
พื้นดินทันที
     พลันมันก็หันไปสั่งแม่ทัพใหญ่ให้ยิงธนูเข้าใส่ยังกองทหารที่ดาหน้าเข้ามาทันที ฝ่ายทหารก็ปฏิบัติตาม
คำสั่งของชายหนุ่ม เหล่าธนูก็มิอาจจะทำประการใดแก่เหล่าทหารของชายหนุ่มได้ จึงหมายจะเข้ารบด้วย
ส่วนแม่ทัพใหญ่ไม่ให้เข้าต่อสู้เพียงให้ทหารยิงธนูโต้ตอบเท่านั้นคอยคำสั่งต่อไป  ทางฝ่ายของทหาร
ชายหนุ่มบางหน่วยอาวุธล้วนอาบยาพิษจึงทำลายทหารเมืองอิสราวดีล้มตายลงเสียส่วนมาก
        แต่ร่างชายหนุ่มกลับโดนแรงดูดของน้ำเต้าร่างพุ่งเข้าไปในน้ำเต้ายักษ์ซึ่งภายในประกอบด้วยน้ำกรด
แต่บรรดาน้ำกรดหาได้ทำอันตรายใดๆแก่ชายหนุ่มได้ต่างแยกตัวหุ้มห่อมิอาจเข้าไปยังร่างของชายหนุ่ม
ได้ด้วยชายหนุ่มแขวนห้อยดวงแก้วของพญานาคาที่เป็นลูกน้องของท่านพญานาคราชไว้  ชายหนุ่มดึง
ดาบด้านหลังออกแทงไปยังด้านข้างน้ำเต้าเพื่อจะออกมา  แต่มีดหาได้ทำอันตรายใดๆแก่น้ำเต้ายักษ์ได้
         ได้ยินเสียงนักบวชหัวร่อลั่นดังเข้ามาที่น้ำเต้าของนักพรตดูดร่างชายหนุ่มหาย คงเข้าใจว่าบัดนี้คง
จะเสียชีวิตไปแล้วด้วยน้ำกรดภายในน้ำเต้า  นักพรตครั้นดูดร่างชายหนุ่มเข้าไปแล้วก็หันปากน้ำเต้ามา
ยังท่านผู้เฒ่าแต่ไม่อาจจะทำอันตรายท่านผู้เฒ่าได้อย่างใด    จึงปิดปากน้ำเต้าแล้วหันหน้ามาทาง
ท่านผู้เฒ่าผู้เรืองเวทย์พลันลงจากหลังม้าทันใด
     พลางแล้วก้มลงกราบยังพื้นธรณีพลางร่ายพระเวทย์กอบเอาผิวดินแล้วพนมมือร่ายเสกซัดไป
ยังร่างนักพรตและนักบวชทันที   ผงดินทั้งหลายก็กลายเป็นอาวุธจำนวนมากพุ่งเข้าใส่ยังนักพรต
และนักบวชแต่หาได้ทำอันตรายแก่มันได้อีก   มันส่งเสียงหัวร่อพลางควบม้าพุ่งเข้ามาหาท่านผู้เฒ่า
ควงดาบเพื่อเข่นฆ่าท่านผู้เฒ่า   ทันใดนั้นท่านผู้เฒ่าหลับตาลงกราบไปยังพื้นแผ่นดินอีกครั้งหนึ่ง
พลางร่ายพระเวทย์    บัดดลม้าสองตัวที่บรรทุกนักพรตและนักบวชต่างร้องกึกก้องแผ่นดินที่มันยืน
อยู่ต่างแยกออกจากกัน  ทำให้ร่างม้าหล่นลงไปในผิวดินทันที 
       ครั้นนักพรตและนักบวชเห็นเช่นนั้นมันก็กระโดดลงจากหลังม้าทันที   แต่พอเท้ามันเหยียบพื้นดิน
ก็ถูกพระแม่ธรณีสูบลงสู่พื้นดินจนเหลือครึ่งตัวส่วน นักบวชนั้นเล่าถูกจมหายไป   
ร่างนักพรตยกน้ำเต้าชูขึ้นน้ำเต้า ก็ขยายใหญ่เป็นน้ำเต้ายักษ์ตัวนักพรตจับเชือกที่พันอยู่รอบคอ
น้ำเต้ายักษ์ที่ผูกเชือกไว้เพื่อมิให้ร่างมันจมดินต่อไป   ส่วนน้ำเต้ายักษ์มิได้จมดินเชือกที่ผูกคำน้ำเต้า
ก็ขาดร่างของนักพรตก็ถูกพื้นดินสูบหายไป   จบสิ้นชีวิตโสมมของนักบวชทั้งสองทันที จึงเหลือเพียง
น้ำเต้ายักษ์ที่กักขังชายหนุ่มอยู่มิอาจจะออกมาได้ 
 
       ทำให้บรรดาแม่นางทั้งหกต่างร้องหวีดว้ายสั่งทหารให้เข้าประจัญบานกับทหารเมืองอิสราวดีทันที
แม่ทัพใหญ่เมื่อได้รับฟังเช่นนั้นก็รีบสั่งหน่วยทหารทั้งหลายให้บรรดาแม่ทัพทั้งหลายให้ลั่นกลองรบเข้า
ประจัญบานกับทหารเมืองอิสราวดีเกิดการรบพุ่งขึ้น  บรรดาเมืองทั้งสามต่างก็ใช้อาวุธที่อาบยาพิษยิ่ง
และฟาดฟันทหารเมืองอิสราวดีจนหาได้มีผู้ใดรอดชีวิตไปได้  แม้แต่แม่ทัพใหญ่ถูกลูกธนูอาบยาพิษ
ตกจากหลังม้าสิ้นใจตายไป   หลังจากพวกที่หลงเหลืออยู่ก็พากันหลบหนีเข้าเมืองไปหมดสิ้น  
 แม่นางอิศวรดีนารีก็สั่งให้ทางหยุดออกนอกจากระยะของทหารพลธนูบนกำแพงเมือง
แต่พระองค์ทรงม้านำเหล่าแม่นางทั้งห้าดินเลียบกำแพงเมืองโชว์ตัวแก่บรรดาเหล่าทหารบนกำแพงเมือง   
        ครั้นบรรดาเหล่าทหารและนายกองที่ยังมีความซื่อสัตย์ต่อพระแม่เจ้าก็พากันสั่งให้ทหารหยุดยิง
ทำร้ายแก่แม่นางทั้งหกทันที   พร้อมกับหันธนูและต่างชักดาบเข้าต่อสู้กับบรรดาทหารเมืองอิสราวดี
ที่ฝักใฝ่เจ้าเมืองใหม่   จนเกิดการสู้รบกันเองขึ้นและทหารฝ่ายพระแม่เจ้าต่างก็ตะโกนแจ้งแก่
บรรดาทหารที่จงรักภักดีเก่าที่เฝ้าประตูเมืองให้ทราบเป็นทอดๆไปทันที   จึงเกิดการต่อกันเอง
ระหว่างบรรดาทหารเมืองอิสราวดี   ฝ่ายนายกองที่ปลอมตัวเป็นพ่อค้าก็รวบรวมบรรดาพวกพ้อง
       เข้าช่วยทหารฝ่ายจงรักภักดีมิให้เสียเปรียบแล้วพากันไปเปิดประตูเมืองของเมืองอิสราวดีทั้งสี่ด้าน
ครั้นประตูเมืองถูกเปิดและไม่มีการยิงธนูจากเทินกำแพงของเหล่าทหารอิสราวดีต่อไป  เจ้าลิงขนทอง
และเจ้าลิงขนขาวก็เรียกพวกบรรดาลิงทังหลายที่กระจายไปทั่ว ต่างเรียกพากมันมาลิงขนขาวก็สั่งการ
แก่บรรดาฝูงลิงทั้งปวง  บรรดาลิงก็ต่างทยอยปีนป่ายไปยังบ้านเรือนแล้วพากันจุดเพลิง  แม้แต่พระราชวัง
ก็ถูกบรรดาลิงปีนป่ายวางเพลิงเสียสิ้นเกิดความชุลมุนแก่บรรดาชาวบ้านและพระราชวังรอบนอกที่ถูก
วางเพลิงจากพวกฝูงลิงเหล่าบริวารของเจ้าลิงขนขาว
     ฝ่ายชายหนุ่มที่ตกอยู่ภายในน้ำเต้ายักษ์นั้นครั้นจนปัญญาก็ให้นึกถึงท่านท้าวพญาธนาธิบดีนาคาได้จึง
เอ่ยเรียกให้มาช่วยสามครั้ง    ครั้นท่านท้าวพญานาคราชได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือ  บัดดลก็เกิดฟ้า
ร้องคำรามลั่นท้องฟ้ามืดสนิทร่างของพญานาคราชก็ปรากฏร่าง   พลางเดินเข้าไปหาน้ำเต้ายักษ์แล้วพ่นไฟ
ออกจากปากท่านพญานาคราชทันใด   แสงไฟจากปากของพญานาคราชก็ทำเปลือกน้ำเต้ายักษ์ระเบิดทันที
ร่างชายหนุ่มก็หลุดรอดออกมาได้  ครั้นแลเห็นท่านพญานาคราชก็ทรงกราบคาราวะทันที   ท่านท้าว
พญานาคราชก็ทรงหัวร่อตบไปบนไหล่ แล้วเอ่ยว่า
       “บัดนี้เรื่องของเราเสร็จแล้วจะขอลากลับไปก่อน  ส่วนทางนี้เรามิขอเกี่ยวข้องให้เป็นหน้าที่ของเจ้าก็
แล้วกัน   ชายหนุ่มก็เรียนท่านผู้เฒ่ามาทำความคาราวะท่านท้าวพญานาคราช   ท่านผู้เฒ่าทราบเหตุการณ์
ก็เข้าไปถวายบังคมท่านท้าวพญานาคราช  ท่านพญานาคราชก็กล่าวฝากชายหนุ่มแก่ท่านผู้เฒ่าแล้วเรียก
ให้ใกล้เข้ามาแล้วกระซิบสั่งบางอย่างแก่ผู้เฒ่าทันที   ท่านผู้เฒ่าก็ก้มน้อมลงกราบท่านพญานาคราชอีกครั้ง
    ท่านพญานาคราชก็อวยพรให้ทั้งสองแล้วร่างก็ค่อยๆจางหายไปท้องฟ้าก็แจ่มใสดังเดิม   ทหารก็เข้ามา
รายงานว่า   บัดนี้เจ้าแม่เมืองได้เดินเลียบกำแพงตัวเมืองแล้วทำให้ภายในเมืองเกิดการต่อสู้กันเองระหว่าง
ทหารที่จงรักภักดีกับทหารฝ่ายเจ้าเมืองทรยศกันแล้ว   ส่วนเจ้าขนทองกับขนขาวโมโหโกรธมากตอนนี้มัน
ระดมบรรดาลิงทั้งหลายต่างเข้าต่อสู้กับทหารฝ่ายกบฏและเผาเมืองหมดแล้ว   
        เหล่าทหารทั้งสี่ด้านมุมเมืองต่างบุกเข้าเมืองอิสราวดีแล้ว    ครั้นชายหนุ่มได้รับฟังรายงานเช่นนี้ก็ผิวปาก
เรียกเจ้าสีเทาทันที   ม้าคู่กายดีใจวิ่งเข้ามาหาชายหนุ่มก็กระโดดขึ้นหลัง พร้อมเรียกม้าให้ท่านผู้เฒ่าขึ้นขี่เข้า
ไปยังเมืองทันที    ด้านฝ่ายเจ้ามังสุระบดีครั้นทราบเหตุการณ์จากฝ่ายเสนาบดีก็ตกตลึงไม่คิดว่าเหตุการณ์นั้น
จะรวดเร็วเกิดคาด   และยังได้รับรายงานว่าเกิดการต่อสู้กันเองในเมืองอีกด้วยตลอดจนบ้านเมืองราชวังล้อม
รอบของเหล่ามเหสีสนมกำนัลนางต่างถูกเพลิงเผาจากฝูงลิงมากมายนัก   ก็ยิ่งตกใจหันไปทางทหารคู่ใจที่ยืน
อยู่สั่งทหารออกต่อสู้ทันทีด้วยมันรู้ว่าไม่สามารถจะหนีไปทางใดได้แล้ว
        ด้วยบริเวณมหาราชวังบัดนี้เต็มไปด้วยทหารฝ่ายข้าศึกจึงให้ทหารองครักษ์ฝ่ายตนปกป้องพระราชวังไว้ปิด
ประตูหน้าต่างให้หมดสิ้น   หัวหน้าทหารองครักษ์ก็ต่างถืออาวุธปกต้องด้านประตูหน้าต่างทั้งสิ้น   เสียงโห่ร้อง
ของเหล่าทหารฝ่ายข้าศึกได้ยินมาถึงในท้องพระโรง   บัดนี้เสียงการต่อสู้ได้สิ้นสุดลงแล้วบรรดาทหารที่ฝักใฝ่ต่อ
พวกกบฏต่างล้มตายหมดสิ้น เหลือทหารทีจงรักภักดีต่อพระแม่เจ้าต่างวางอาวุธ  แต่ชายหนุ่มบอกว่าไม่ต้องหรอก
ข้าเชื่อใจและซึ้งใจถึงความจงรักภักดีของพวกเจ้าทุกๆคน  ขอให้ทำตัวให้สบายใจบรรดาเหล่าทหารดีใจยืนขึ้น   
       เจ้าหญิงอิสรวดีนารีก็ทรงกล่าวขอบใจทหารที่จงรักภักดีว่าหากเราได้กลับคืนสู่ตำแหน่งเมื่อใดพวกเจ้าจะอยู่
ในการพิจารณาความดีความชอบทั้งสิ้น  ทำให้บรรดาทหารเหล่านี้พากันน้อมกราบถวายบังคมแล้วยืนขึ้นก้าวนำ
หน้าชายหนุ่มและพระแม่เจ้าขอตนเอาสู่เขตราชฐานทันที  ชายหนุ่มให้โอบล้อมไว้ทุกๆด้าน ส่วนท้องพระโรงนั้น
ถูกปิดสนิททั้งทางประตูหน้าต่าง  จึงให้ทหารนำท่อนไม้มาพังประตูพระราชวังทันที
       ครั้นประตูพังทลายลงแล้วชายหนุ่มพร้อมแม่ทัพนายกองก็พากันทยอยเข้ามาทั้งสิ้น แต่เจ้าอำมาตย์กบฏและ
ครอบครัวทั้งหมดพร้อมหน้ากัน ต่างถูกห้อมล้อมด้วยเหล่าทหารที่ยังซื่อสัตย์ มันอยู่ต่างถือดาบปกป้องคุ้มครอง
มันไว้   นายกองเหมี่ยวนรธาครั้นเห็นนายกองที่วางอำนาจในตลาดยิ่งนักจำได้  ก็หัวร่อร่า
พลางหันไปถามทันที
       “ท่านนายกองสบายดีหรือ ยังจำข้าได้หรือเปล่าล่ะ”
นายกองที่ยืนเคียงข้างอำมาตย์กบฏครั้นได้ยินก็นึกทบทวนเหตุการณ์แล้ว พลันก็กล่าวว่า
       “เจ้าเองหรือทำไมข้าจะจำเจ้าไม่ได้เจ้าพ่อค้า”
นายกองเหมี่ยวนรธาพลันหัวร่อ  บัดนี้ถึงเวลาของเจ้าแล้วที่ข้าจะชำระหนี้ค้างเสียที
  ครั้นหันไปทางชายหนุ่ม แต่ถูกชายหนุ่มห้ามปรามไว้จึงหยุดเสีย   
       พลันเจ้าหญิงพระแม่เมืองแห่งอิสราวดีพลางกล่าวขึ้นว่า
      “แล้วท่านล่ะท่านอำมาตย์ใหญ่ยังสบายดีอยู่หรือไง”
อำมาตย์ใหญ่ทรยศ หัวร่อทันทีมีเกรงกลัวใดๆพลางกล่าวว่า
      “อันข้าเองนั้นหวังมาเนิ่นนานแล้วต่อองค์หญิงแต่กลับได้รับการปฏิเสธ ข้าจึงกระทำการเช่นนี้มิคิดว่าเจ้าหญิง
จะหนีรอดไปได้  เมื่อหวนกลับมาเช่นนี้ก็มาตายเสียด้วยกันเถิด”
        มันกล่าวจบพลางหลับตาร่ายมนต์ขึ้นทันที    ชายหนุ่มเห็นเช่นนั้นก็รีบปลดสายที่คล้องคอลูกแก้วพญานาคา
มาเสกกำกับรีบคล้องคอยังแม่นางอิสรวดีนารีทันที   บัดดลฝ่ามือของเจ้ามหาอำมาตย์ทรยศก็ใหญ่แล้วมีแสงพุ่ง
ออกมาสู่ยังร่างองค์หญิงทันที    แต่พอลำแสงไฟเมื่อมาถึงร่างองค์หญิงก็หยุดชะงักสะท้อนกลับไปสู่ร่างของ
อำมาตย์กบฏทันที  แสงไฟลุกไหมมือทั้งสองมัน  มันสะดุ้งตกใจรีบร่ายมนต์เป่ายังมือมันทั้งสองไฟก็หายไป
       มันจึงล้วงเอาอาวุธที่อาจารย์มอบมาให้ทั้งหมดพลางร่ายมนต์ขว้างออกมาทันทีปรากฏเป็นอาวุธต่างๆและ
สัตว์ทั้งหลายพุ่งเข้าทำร้ายแก่เจ้าหญิงและบรรดาทหารทั้งปวง  ชายหนุ่มและผู้เฒ่าก็ร่ายพระเวทย์พลางโยน
ของประจำตัวออกไป กลายเป็นนกวายุภักดิ์กระบองนาคราชที่แยกตัวเองออกเข้าทำร้ายอาวุธต่างๆและ
สัตว์ทั้งทางบกและทางอากาศทันที   สัตว์ทางบกเจ้าขนทองและขนขาวต่างก็พุ่งทะยานเข้าต่อตี
ด้วยอาวุธประจำกายซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นของทนสิทธิ์กับบรรดาสัตว์ต่างๆทั้งหลาย...........
           * แก้วประเสริฐ. * 

Cartoon_Animation_08.gifn016.gif				
comments powered by Disqus
  • กระต่ายใต้เงาจันทร์

    16 มีนาคม 2553 09:49 น. - comment id 115814

    11.gif
  • แก้วประเสริฐ

    16 มีนาคม 2553 10:38 น. - comment id 115817

    36.gif16.gif36.gif
    คุณ กระต่ายน้อยฯ
    
        อากาศทางนี้ร้อนมากๆเสียด้วย ทางเหนือคง
    ไม่ร้อนเท่าไหร่นะ  รักเสมอ
    
            16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน