ลุ่มลึกอิสราวดี 52

แก้วประเสริฐ


                ลุ่มลึกอิสราวดี  52
           ข่าวการสวรรคตของสมิงนราบดินทร์ทราบไปยังฝ่ายในพระมเหสีและเหล่าสนมกำนัลทั้งหลายต่างตกใจ
เป็นยิ่งนักมิอาจจะล่วงรู้ชะตากรรมของตนเองว่าจะเป็นอย่างไร  ครั้นชายหนุ่มเข้าเมืองก็พบท่านมหาอำมาตย์ของ
เมืองมะละแหม่งน้อมถวายการต้อนรับและอัญเชิญเข้าสู่ท้องพระโรงทันที  ชายหนุ่มพร้อมเหล่านายทัพนายกอง
รวมทั้งหญิงสาวทั้งห้าที่แต่งกายเป็นทหารก็พากันเข้าไปยังท้องพระโรงตามชายหนุ่มเคียงข้าง  เมื่อชายหนุ่มมา
ถึงยังบัลลังก์ ก็ขึ้นนั่ง ส่วนบรรดาแม่ทัพนายกองที่ถูกคุมตัวในการศึกก็ทยอยเข้ามาฝ่ายพลทหารก็คอยอยู่ข้าง
นอก
       เมื่อชายหนุ่มนั่งลงยังบัลลังก์แล้วก็ให้แก้มัดเหล่าแม่ทัพนายกองทั้งปวง  พลางชมเชยสมิงนราบดินทร์
ต่างๆนานาว่าสมกับเป็นเชื้อชาติชายทหารยิ่งนัก  ที่รักไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินให้อำมาตย์ท่านจงจัดการให้สมกับ
เกียรติพระยศตามประเพณีทุกๆประการ  เราจะไม่ลงโทษแก่พวกอำมาตย์และเหล่าขุนนางทหารใดๆทั้งสิ้น
ครั้นบรรดาอำมาตย์และเหล่าแม่ทัพนายกองทั้งหลายครั้นได้ยินชายหนุ่มกล่าวเช่นนี้  ต่างก็พากันน้อมถวาย
บังคมทูลให้สัตย์ปฏิญาณตนว่าจะขอซื่อสัตย์รับใช้ตราบชั่วชีวิตที่พระองค์ทรงพระราชทานอภัยให้
       แล้วสั่งให้มหาอำมาตย์เข้าไปเชื้อเชิญพระมเหสีตลอดเหล่าวงศานุวงศ์ให้เข้ามาหาโดยด่วน  ครั้นเมื่อได้
รับคำบัญชาดังนั้น มหาอำมาตย์แห่งเมืองมะละแหม่งก็ทูลถวายบังคมแล้วเข้าไปยังฝ่ายในตามรับสั่ง
ประมาณสักครู่ใหญ่ๆ   พระมเหสีและเหล่าบรรดาวงศานุวงศ์ต่างๆก็เข้ามาถวายบังคมแก่ชายหนุ่มทันที  
ดังนั้นชายหนุ่มจึงลุกจากราชบัลลังก์ เข้าไปน้อมถวายบังคมทูลแล้วอัญเชิญให้นั่งยังที่ส่วนพระองค์มเหสีทันที
พร้อมทั้งชมเชยกษัตริย์แห่งเมืองมะละแหม่งให้พระมเหสีและเหล่าวงศานุวงศ์ทราบถึงความกล้าหาญชาญชัย
เป็นอันมาก  
      “ขอพระนางอย่าได้เป็นห่วง เราจะถวายพระเกียรติพระศพให้สมศักดิ์ศรีตามขนบธรรมเนียมประเพณีของ
เมืองทุกๆประการ  เราอาจจะไม่อยู่นานเมื่อเสร็จก็จะรีบออกเดินทางทันที”  ชายหนุ่มกล่าว
      “ตามกฎมณเฑียรกำหนดไว้ว่าหากตกเป็นเชลยแล้วให้ข้าจงอยู่ใต้เบื้องยุคลบาทของ
พระองค์ตลอดไป เพค่ะ”  พระมเหสีกล่าวทูลขึ้น
       “ไม่หรอกกฎของเมืองใดๆล้วนแล้วต่างกันทั้งสิ้น  แต่สำหรับข้าเองนั้นหาได้ยึดถือมั่นในขนบธรรมเนียมนี้
แต่ประการใดไม่  ขอพระแม่เจ้าจงอย่าได้ยึดติดมั่นเถิด  ขอให้ทรงเสวยความสำราญตามพระราชหฤทัยเถิด”
        “เหตุด้วยว่าเมื่อเมืองจะสิ้นกษัตริย์ไปมิได้  ข้าเองจำเป็นอย่างยิ่งต้องแต่งตั้งกษัตริย์องค์ใหม่แต่ว่าข้าจะให้
คนของข้าขึ้นครองราชย์สมบัติหาใช่ว่าจะไม่ไว้ใจพวกท่านก็หาไม่ ขอพระแม่เจ้าจงทรงเห็นพระหทัยหม่อมฉัน
ด้วยเถิดพระเจ้าข้า”
        “แล้วแต่ท่านมหาอุปราชจะคิดทำการใดก็สุดแล้วแต่พระองค์เถิด  หม่อมฉันยินดียอมรับทุกประการ เพค่ะ”
       “แล้วพระองค์มีราชบุตรธิดากี่พระองค์ ข้าเองอยากรู้นัก”
         “หม่อมฉันมีเพียงราชบุตรีพระองค์เดียว  ส่วนนางสนมมีราชบุตรประมาณสักสามพระองค์ชายเพค่ะ”
ครั้นชายหนุ่มทราบดังนี้แล้ว   จึงเรียกมังกะยอกับมังนิละกะเข้ามากระซิบสอบถามทันทีว่าผู้ใดมีครอบครัวหรือยัง
ครั้นทราบว่ามังกะยอหาได้มีครอบครัวใดไม่ก็ทรงยินดี  แล้วให้กลับไปประจำหน้าที่ได้  เมื่อทั้งสองทูลเสร็จก็
กลับไปยืนคอยรับสั่งต่อไป
        “หม่อมฉันขอถามพระแม่เจ้าว่าพระธิดาของพระองค์ออกเรือนหรือยังล่ะ”
        “ขอเรียนแด่ท่านมหาอุปราช ยังเพค่ะ”
        “แล้วมีนามใดหรือพระแม่เจ้า”
        “ทรงนามว่า ยุพาวดี อายุได้ ยี่สิบสามพระเจ้าข้า”
        “อ้องั้นดีแล้วล่ะ ขอบพระหทัยพระแม่เจ้า  ข้าเองจะสู่ขอพระธิดาแก่พระแม่เจ้าได้หรือไม่พระเจ้าข้า”
        “ในเมื่อพระองค์มีพระประสงค์เช่นนี้หม่อมฉันมิอาจขัดข้องประการใดเพค่ะ”
         “เอาล่ะดีแล้ว  ข้าขอขอบพระหทัยพระแม่เจ้ามากนัก”
      แล้วชายหนุ่มก็หันไปทางมวลเหล่าอำมาตย์แม่ทัพนายกองของเมืองมะละแหม่งแล้วทรงตรัสในท่ามกลาง
ทันทีแล้วประกาศแก่บรรดาทั้งหลายว่า
       “  บัดนี้เมืองมะละแหม่งพระเจ้าสมิงนราบดินทร์ได้ทรงสวรรคตในท่ามกลางสนามรบ  สมพระเกียรติยศ
เป็นอย่างยิ่งข้าเองอดชมเชยในวีรกรรมของพระองค์เสียมิได้  หากเมืองมะละแหม่งนี้ขาดเจ้าเมืองไปก็อันอาจ
จะทำความวุ่นวายแก่บรรดาประชาราษฎร์ได้ จึงใคร่ขอใช้อำนาจประกาศแต่งตั้งเจ้าเมืองคนใหม่ขึ้นในบัดนี้
ให้ท่านมังกะยอขึ้นครองราชย์สมบัติสืบต่อไป  ด้วยเหตุที่ท่านมังกะยอหาได้มีครอบครัวแต่ประการใด ขอให้
ท่านมังกะยอเดินมาหาข้าด้วย”  
          
       ครั้นพระมหาอุปราชกล่าวจบก็เกิดเสียงพรึมพรำขึ้นแต่หามีผู้ใดคัดค้านกระด้างกระเดื่องใดไม่  พระองค์
ทรงมองหน้าบรรดาอำมาตย์และเหล่าขุนทหารทั้งปวงเห็นมิแสดงอาการแต่อย่างใด จึงประกาศต่อไปว่า
   “บัดนี้ท่านมังกะยอก็หาใช่สามัญชนประการใดไม่เป็นเชื้อสายของกษัตริย์มาก่อนจึงสมควรเถลิงราชสมบัติ
นี้และข้าได้สู่ขอพระราชบุตรีของพระแม่เจ้าเมืองมะละแหม่งไว้เรียบร้อยแล้วจึงขออัญเชิญเจ้าหญิงยุพาวดีออก
มาด้วย   เพื่อข้าจะจัดการพระราชทานสยุมพรสมรสให้มาดแม้นว่าจะรวดเร็วก็ด้วยความจำเป็นของข้า”
        เมื่อมังกะยอก้าวหน้ามาถึงเบื้องหน้าชายหนุ่ม  ย่อเข่าลงชายหนุ่มก็สวมมงกุฎบนศีรษะมังกะยอทันทีส่วน
เจ้าหญิงยุพาวดีที่ก้าวเข้ามายืนเคียงข้าง  ชายหนุ่มหยิบเอาก้อนแก้วสีแดงออกมาสองก้อนคัดเลือกที่สวยที่สุด
แล้วมอบให้มังกะยอและเจ้าหญิงยุพาวดี  แล้วให้ทั้งสองเข้าไปถวายบังคมแก่พระมเหสีทันที  ทั้งสองก็พากัน
เดินไปหาพระมเหสีแห่งเมืองมะละแหม่งแล้วน้อมกายลงกราบยังเบื้องบาทพระแม่เจ้าทันที   พระนางเองก็
ทรงให้ศีลให้พรแก่ทั้งสอง  พลางหันมาขอบใจแก่พระมหาอุปราชทันทีที่ยังมิได้ลืมเลือนสมิงนราบดินทร์
พระสวามีหาผู้สืบเชื้อสายโดยตรงและทราบว่าราชบุตรเขยนั้นมีเชื้อสายกษัตริย์ด้วยก็ยิ่งปลาบปลื้มพระหทัย
ยิ่งนัก  ถึงกลับหลั่งน้ำพระเนตรทันทีด้วยความดีใจพระหฤทัยยิ่งนัก
        ชายหนุ่มก็เรียกทั้งสองเข้ามาแล้วทรงนำน้ำในคนโทที่นางสนมกำนัลนำมาถวายตามรับสั่งรดยังฝ่ามือของ
ทั้งสอง  แล้วให้พระมเหสีมารดน้ำแก่เจ้าบ่าวสาวแทนมงคล  หันไปกล่าวว่าด้วยกะทันหันขอพระแม่เจ้าอย่า
ได้ยึดถือขนบธรรมเนียมมากนัก  ข้าเองยังไม่ติดยึดถือใดๆ  ครั้นจัดการแต่งตั้งกษัตริย์เมืองมะละแหม่งเรียงร้อย
แล้วให้มังกะยอนั่งยังบนบัลลังก์เคียงข้างพระมเหสีคนใหม่แห่งเมืองมะละแหม่ง
  ส่วนพระองค์ก็ เดินก้าวออกมาเบื้องหน้าพลางประกาศว่า
        “ บัดนี้ข้าได้เปลี่ยนราชวงศ์ขึ้นใหม่  ข้าขอแต่งตั้งเจ้าเมืองคนใหม่ในชื่อว่า  “สมิงกะยอนราบดินทร์”
แห่งราชวงศ์ “นราบดินทร์เดชาฤทธิ์ไกร” รัฐมอญทั้งปวง   ที่ชายหนุ่มทำเช่นนี้เพื่อมิให้ราชบุตรอันเกิดจาก
เหล่าสนมกำนัลได้เกิดความฮึกเหิมคิดการช่วงชิงราชสมบัติอีกต่อไปและด้วยแอบมีหนังสือถึงมังกะยอไว้ 
ด้วยทรงรำลึกนึกถึงองค์เจ้าเมืององค์เดิม ให้เป็นราชวงศ์ใหม่ใช้ชื่อเจ้าเมืองเก่าผสมผสานเพื่อมิให้เกิดรอย
ร้าวฉานแก่บรรดาขุนทหารทั้งปวงจะคิดการไม่ดีต่อไป จึงประกาศนับแต่นี้  ส่วนแม่ทัพใหญ่นั้น
ให้ท่านมังนิละกะเป็นแม่ทัพใหญ่เมืองนี้ส่วนท่านรองแม่ทัพใหญ่เดิมนั้นข้าแต่งตั้งให้เป็นมหาอำมาตย์ใหญ่ 
 ส่วนท่านมหาอำมาตย์ใหญ่ให้เป็นที่ปรึกษาของท่านสมิงกะยอนราบดินทร์ด้วยตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
  มีใครบ้างจะขัดคำสั่งข้าให้แจ้งมาด้วย”   
 แต่หาได้มีผู้ใดกล้าบังอาจกล่าวใดๆขึ้นมานอกจากมองหน้ากันก็ยังมิกล้า   
เพียงส่งเสียงยอมพร้อมใจกันทั้งสิ้นทุกๆคน
       “เมื่อข้าจัดการเมืองมะละแหม่งเป็นที่เรียบร้อยแล้วหากการสำเร็จสมประสงค์ของข้าก็จะคืนแว่นแคว้นต่างๆ
ให้กลับมาอยู่ภายใต้ปกครองของเมืองมะละแหม่งต่อไป  มะรืนนี้ข้าก็จะออกเดินทางแล้ว” กล่าวเสร็จก็หันมาทาง
เจ้าเมืองใหม่ พลางรับสั่งว่า
         “เจ้าเมืองใหม่ขอให้ปกครองไพร่ฟ้าประชาชนท่านก็เห็นข้าเคยถือปฏิบัติมาแล้วเป็นตัวอย่างให้รักและสร้าง
ความร่มเย็นเป็นสุขถือประชาราษฎร์เป็นใหญ่ทำนุบำรุงเหล่าทหารให้อย่างยุติธรรมจงเด็ดขาดอย่าเชื่อฟังคน
ประจบสอพลอเด็ดขาด  จงใช้สติปัญญาไตร่ตรองให้รอบคอบโดยปรึกษากับพระมเหสีของเจ้าซึ่งข้าเองทราบว่า
เป็นคนที่เก่งกล้าสามารถในการรบพุ่งและยังเก่งทางด้านการเมืองอีกด้วยเป็นสำคัญ ส่วนที่ปรึกษาท่านก็ควรให้
เกียรติทำนุบำรุงเหล่าอำมาตย์ทหารทั้งปวงอย่าให้ต้องเดือดร้อน  การเลื่อนขั้นตำแหน่งให้จัดการคัดเลือกทุกๆปี
ทดสอบทดลองเพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่เหล่าอำมาตย์และขุนทหารทั้งปวง ใครดีก็ว่าดีใครไม่ดีก็จัดการลงโทษ
อย่าไว้หน้าใครๆ ให้ใช้ความเด็ดเดี่ยวเด็ดขาดเป็นที่ตั้งตามโทษานุโทษทุกๆประการเจ้าเข้าใจที่เราสั่งหรือไม่”
         “ข้าพระองค์แม้นจะเป็นเจ้าเมืองก็จริงอยู่แต่ในห้วงจิตสำนึกยังเป็นข้าเบื้องใต้ยุคลบาทพระองค์เสมอๆ
พระพุทธเจ้าข้า”  เจ้ามังกะยอกล่าว  ส่วนพระมเหสียุพาวดีก็ทูลขึ้นว่า
         “ข้าน้อยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระมหาอุปราชยิ่งนักที่ทรงให้เกียรติแก่เสด็จพ่อโดยตั้งชื่อ
ราชวงศ์ใหม่ว่า “นราบดินทร์เดชาฤทธิ์ไกร”   อันมีนามพระบิดาของหม่อมฉันหมายถึงพระองค์ทรงให้เกียรติแก่
พวกเราเป็นอย่างยิ่งแล้วเพค่ะ”   กล่าวเสร็จก็ลุกจากเก้าอี้ย่อกายถวายบังคมทันที
       ชายหนุ่มเห็นดังนั้นก็ทรงพระสรวลพลางดำรัสว่า
         “อันการกระทำทุกอย่างของข้านี้ใช่ว่าจะลุล่วงหวังลาภยศชื่อเสียงก็หาไม่เพียงคิดรวบรวมแว่นแคว้นต่างๆ
ให้เปรียบเสมือนครอบครัวเดียวกันช่วยเหลือเจือจุนซึ่งกันและกันไม่แบ่งแยกพงศ์เผ่ากัน ส่วนข้าเองหลังจากรวบ
รวมแว่นแคว้นต่างๆได้ข้าก็จะไปสร้างเมืองใหม่ยังที่ไกลๆหาได้คิดก้าวก่ายทางแผ่นดินนี้อีก การรวมเป็นหนึ่ง
เดียวด้วยใจดวงเดียวก็เพื่อป้องกันข้าศึกต่างประเทศที่มักจะมาคุกคามกันเนืองๆนั่นเอง”
      “ข้าพระองค์ได้ฟังดำรัสของพระองค์ก็ให้แปลกพระหทัยยิ่งนักว่าพระองค์จะสร้างเมืองใหม่คือศิระสุริยันต์
ยังที่ใดหรือเพค่ะ  เพื่อว่าจะได้หาทางไปเยี่ยมพระองค์บ้างเพค่ะ”
        ชายหนุ่มทรงพระสรวลเบาๆ  ยิ้มพลางกล่าวว่า  
     “เอาล่ะหากสำเร็จสมความคิดอ่านแล้วเราจะแจ้งให้เจ้าเมืองต่างๆทราบเองแหละแต่ขอเก็บ
เป็นความลับก่อนก็แล้วกันขอให้เจ้าจงช่วยพระสวามีด้วยสุดความสามารถนะ”
     “อันมะรืนนี้ข้าจะออกเดินทางจึงใคร่ได้ทหารฝีมือดีจากเจ้าช่วยเหลือด้วยเจ้าเมืองจะเห็นประการใด”
      “พระองค์ไม่ทรงดำรัสข้าพระองค์ก็จะให้แม่ทัพใหญ่จัดทหารมอบให้แล้วพระเจ้าข้า”
      “เอาล่ะขอบใจท่านยิ่งนัก   เราจะกลับค่ายใหญ่แล้วส่วนเจ้าก็ให้ทหารไปเก็บของส่วนตัวมาก็แล้วกันนะ”
      “พระเจ้าข้าเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันหามิได้พระเจ้าข้า”
 
            แล้วชายหนุ่มก็หันไปทางพระมเหสีองค์เดิมพลางน้อมกายลงกล่าวอำลากลับค่ายใหญ่ทันที   พระมเหสี
องค์เดิมก็ถือโอกาสขออภัยแล้วทรงสวมกอดชายหนุ่มพร้อมอวยพรนานัปการ   ครั้นเวลาสมควรก็ออกจากเมือง
มะละแหม่งพร้อมด้วยเหล่าทหารและให้ทหารนำทหารที่เสียชีวิตคลุมด้วยธงประจำกองทัพเข้าฝังในป่าทันที
พร้อมทั้งส่งข่าวไปให้มหาอำมาตย์ใหญ่ทราบว่าได้จัดการเมืองมะละแหม่งและขอบใจเหล่าทหารตองอูที่เข้า
ช่วยให้เดินทางกลับได้   ฝ่ายทหารตองอูนั้นกลับทูลว่าพระเจ้ามังสุริโยว่าให้เพียงส่งข่าวให้ทราบเท่านั้นและให้ติด
ตามคอยรับใช้ไปร่วมรบด้วย   ทำให้ชายหนุ่มซาบซึ้งและได้ให้ทหารนำสาสน์ไปให้แก่มังสุริโยแห่งตองอูทันที
          ครั้นกลับถึงค่ายใหญ่แล้วสำรวจทหารทราบว่าเสียชีวิตไม่มากนักก็ปลาบปลื้มใจยิ่งนักครั้นพักผ่อนโดย
ได้รับการปรนนิบัติจากแม่นางทั้งเจ็ดรวมถึงแม่นางพรายซึ่งสามารถเข้ากันได้เป็นอย่างดียิ่งทำให้ชายหนุ่มถึง
กับซาบซึ้งใจเป็นอย่างยิ่ง   ต่างหยอกเย้าคุยกันจนหลับใหลไปตอนเที่ยงคืน   เมื่อยามอรุณก็ได้รับรายงานว่า
ทางเมืองมะละแหม่งได้จัดส่งทหารนำโดยแม่ทัพใหญ่มาด้วยจำนวนมาก  มังนิละกะนำมาเองแจ้งว่ามีทหาร
ที่ไว้ใจได้เพียงแค่สองหมื่นเศษเท่านั้นและจะขอร่วมเดินทางไปรบด้วย  แต่ชายหนุ่มห้ามไว้ว่าในเมือง
ยังเป็นคนของอำมาตย์และแม่ทัพใหญ่เก่าอยู่อีกแล้วก็แนะนำด้านการปกครองทหารให้มังนิละกะถึงกุสโลบาย
ต่างๆเรียนรู้ไว้ให้พยายามตัดพวกที่ยังฝักใฝ่แม่ทัพใหญ่ออกแล้วให้ทำการทดสอบประลองยุทธ์จากทหารที่
มาสมัครใหม่ให้แต่งตั้งแทนและโยกย้ายทหารที่ไม่น่าไว้วางใจออกจากตำแหน่งที่ควบคุมทหารหากมากก็ปลด
ออกจากทำการแต่งตั้งทหารที่จัดสร้างขึ้นใหม่แทนแต่  หากมันยังคิดส่องสุมก็ให้จัดหน่วยพิเศษขึ้นจัดการ
ฆ่าทิ้งเสียอย่าปล่อยเอาไว้ ด้วยพวกนี้ไว้ใจไม่ค่อยจะได้  จงจำคำเราไว้ 
       อีกประการหนึ่งให้คอยจับตาดูที่ปรึกษาและมหาอำมาตย์ไว้อย่าให้คลาดสายตา   หากมีอะไรก็ให้รีบ
แจ้งให้เรารู้ทันทีและให้ไปแจ้งต่อเจ้ามังกะยอไว้ด้วยว่านี่เป็นคำสั่งของเรา พร้อมส่งหนังสือลับไว้ให้  แต่
ให้ใครเห็นเป็นอันขาดแก่มังกะยอส่วนตัวเจ้าเองก็ อย่าไว้ใจใครๆเด็ดขาดเรามิอาจ
กล่าวต่อหน้ามวลทหารของมอญได้   จึงให้เจ้าจัดการแทน มังนิละกะรับทราบแล้วก็ขอตัวกลับเพื่อรีบไปดำเนินตามแผนของท่านมหาอุปราชต่อไป   แล้วชายหนุ่มก็ให้เคลื่อนทัพถอนกำลังพลออกนำกำลังของมอญ
และตองอูรวมกันได้หลายหมื่นออกเดินทางผ่านแว่นแคว้นรัฐมอญ  ซึ่งต่างออกมาต้อนรับ
และมอบเสบียงอาหารให้ซึ่งเจ้าเมืองต่างๆนั้นเป็นคนของชายหนุ่มทั้งสิ้น  
จวบบรรลุถึงทัพของท่านมหาอำมาตย์ใหญ่เหมี่ยวมังกระยอชวาที่ปรึกษาว่า
ทางด้านอิสราวดีส่งกองทัพมาเพียงเล็กน้อยเพื่อช่วยแว่นแคว้นรัฐมอญแต่ถูก แม่ทัพใหญ่ตีแตกยับเยินกลับเมือง
ไปแล้ว   ตอนนี้แม่ทัพใหญ่ยังตั้งทัพคอยพระองค์อยู่
       แล้วชายหนุ่มและท่านที่ปรึกษาใหญ่ก็นำทัพไปรวมกับทัพของแม่ทัพใหญ่ทันที   เข้ารายล้อมเมืองอิสราวดี
ปิดทางการค้าขายของชาวเมืองทั้งสิ้น  ทำให้เกิดระส่ำระสายแก่ชาวเมืองอิสราวดีอย่างมหาศาลจนวุ่นวาย.........
               * แก้วประเสริฐ. *

Cartoon_Animation_08.gifn016.gif				
comments powered by Disqus

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน