ลุ่มลึกอิสราวดี 47 ครั้นใกล้วันที่ชายหนุ่มจะออกเดินทางไปยังเมืองซิตเว แม่ทัพใหญ่ท่านอลองพญาก็ขอเข้าพบ เมื่อ ท่านอลองพญามาพบชายหนุ่มในค่ายที่พักแล้ว ชายหนุ่มก็เรียกให้นั่งพลางกล่าวว่า “ท่านแม่ทัพใหญ่มีเรื่องอะไรจะแจ้งให้เราทราบหรือ” “บัดนี้ข้าพระองค์นำทหารที่ได้จัดรวบรวมทหารฝีมือดีทั้งแม่ทัพนายกอง รวมไพร่พลได้จำนวนห้าหมื่น นายมาแล้วพระเจ้าข้า” แม่ทัพใหญ่รายงานด้านทหารแก่ชายหนุ่ม เมื่อชายหนุ่มทราบเช่นนั้นก็ยินดีเป็นยิ่งนัก พลางกล่าวขึ้นว่า “ที่ท่านแม่ทัพใหญ่กล่าวเช่นนี้เราขอขอบใจท่านยิ่งนัก ทั้งหมดนี้ขอให้ท่านเป็นคนบัญชาการ เองเมื่อเราสั่ง อ้อๆ ท่านนำแผนที่ในเมืองและบริเวณเมืองซิตเวมาด้วยหรือเปล่าล่ะ” “นำมาด้วยพระเจ้าข้า” พลางล้วงไปในอกเสื้อนำแผนที่ดังกล่าวมาส่งให้ชายหนุ่มทันที “ท่านได้คัดลอกไว้ด้วยนะ ด้วยต่อไปในเบื้องหน้าจะเป็นประโยชน์แก่เมืองหงสามาก” “พะย่ะค่ะ กระหม่อมได้ทำขึ้นสองฉบับเนื้อหาเหมือนกันพระองค์ทรงทอดพระเนตรเถอะ พระเจ้าค่ะ” แม่ทัพใหญ่กล่าว ชายหนุ่มรับมากางพิจารณาเพียงเดี๋ยวเดียวก็ยื่นฉบับหนึ่งมอบให้แก่ทัพใหญ่ทันที แล้วเอ่ยว่า “เดี๋ยวเราจะติดตามท่านไปยังเมืองหงสา เพื่อลาพระแม่เจ้าพร้อมกับเจ้าด้วย หลังจากนั้นก็จะกลับ มาพร้อมๆกันเพื่อเดินทางไปยังเมืองซิตเวด้วยกัน” “พระย่ะค่ะ เกล้ากระหม่อมไม่มีอะไรนอกจากมาทูลแก่พระองค์พร้อมแผนที่ แล้วพระองค์จะเสด็จ ไปจากหงสาเมื่อไหร่ล่ะพระเจ้าข้า” แม่ทัพใหญ่กล่าว “เดี๋ยวนี้เลยล่ะ อ้อให้ท่านจัดคนที่ท่านไว้ใจได้เรื่องอำนาจนั้นมันไม่เข้าใครออกใคร เมืองหงสานั้น ข้าเองก็หวังเพียงแต่เจ้าเท่านั้นจะเป็นหลักในการปกครองไว้เท่านั้น บอกตรงๆคนอื่นข้าหาได้ไว้วางใจนัก ยิ่งพวกอำมาตย์นั้นยิ่งไปกันใหญ่ เดี๋ยวข้าจะไปเจรจากับพระแม่เจ้าเอง งั้นเราออกเดินทางได้แล้วล่ะ” กล่าวแล้วชายหนุ่มก็หันไปแจ้งแก่แม่นางทั้งสามว่าให้คอยดูแลค่ายทหารทั้งหมด เราจะเข้าเมืองไป คนเดียวพร้อมกับเจ้าขนทอง ส่วนเจ้าขนขาวเราจะไม่นำไปหากมีปัญหาให้เจ้าขนขาวไปส่งข่าวแก่เราก็ แล้วกัน หญิงสาวทั้งสามก็รับคำ ดังนั้นชายหนุ่มจึงแจ้งแก่แม่ทัพใหญ่ว่าบรรดาทหารที่เจ้านำมานั้นให้พักรอ คอยไว้หากเราและเจ้ากลับมาก็จะออกเดินทางต่อไปทันที แม่ทัพใหญ่อลองพญาครั้นได้รับคำพระบัญชา แล้วก็รีบไปสั่งรองแม่ทัพให้คอยควบคุมแจ้งแก่ทหารทั้งหลายให้เตรียมพร้อมไว้อย่าได้คลาดเคลื่อน สักครู่ใหญ่ชายหนุ่มก็ได้รับรายงานว่าอาวุธที่ให้จัดสร้างนั้นได้ส่งมาถึงแล้วมากมายนักจะทำฉันท์ใดดี ชายหนุ่มก็ให้นายแม่ทัพผู้นั้นไปจัดที่เก็บไว้และให้ไปแจ้งแก่แม่ทัพนายกองทั้งหลายว่าให้รื้อค่ายต่างๆออก เสีย หากเรากลับมาก็จะออกเดินทางไปเมืองซิตเวทันใด แม่ทัพก็ถวายบังคมลาออกไปจัดการตามคำสั่ง ชายหนุ่มทันที แล้วชายหนุ่มก็เดินออกนอกค่ายพร้อมกับเจ้าขนทองและม้าสีเทาร่วมเดินทางเข้าเมืองหงสา เมื่อชายหนุ่มเข้าเฝ้าแม่นางเจ้าเมืองหงสาแล้วก็ถวายความเคารพต่อเจ้าเมือง แล้วขอเวลาพบเป็นการ ส่วนตัว ทำเอาแม่นางสิริสาอลงกรณ์แปลกพระหทัยนัก ดังนั้นจึงจูงมือชายหนุ่มเข้าไปยังด้านในห้องลับ ทันที และสั่งทหารและเหล่าสนมกำนัลห้ามบุคคลใดเข้าเป็นอันขาดหากไม่ได้รับเรียกพร้อมให้รีบนำอาหาร มาด้วย ครั้นนางกำนัลได้รับคำสั่งแล้วก็ไปเตรียมอาหารพร้อมจัดวางยังโต๊ะไว้แล้วก็ออกไป และสั่งทหาร หน้าห้องให้ไปยืนรักษาการณ์ที่ไกลกว่าจะได้ยินคำสนทนาของเจ้าเมืองและท่านมหาอุปราช ครั้นเตรียมการเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มและเจ้าเมืองนั่งโต๊ะอาหารพลางสนทนาวิสาสะพอสมควร ชายหนุ่มก็ล้วงหยิบหนังสือขึ้นมาสองฉบับพลางกล่าวขึ้นว่า “ข้าเองเป็นห่วงเมืองหงสานักก่อนเดินทางหนึ่งเพื่อมาลาพระแม่เจ้า สองเมื่อสั่งการบางอย่าง สามเพื่อ มอบหนังสือไว้ให้เปิดอ่านยามที่ข้าได้ออกเดินทางไปแล้ว การปกครองเมืองนั้นหากเป็นหญิงมักจะไม่ค่อย ได้รับความเชื่อถือมากนัก อาจจะมีเหตุไม่สมควรเกิดขึ้น ด้วยข้าพเจ้าดูลักษณะของท่านอลองพญาแล้วเป็น คนมีความสัตย์ซื่อและประกอบด้วยสติปัญญาความละเอียดรอบรู้งานทั้งด้านทหารและด้านการเมืองนักด้วย ข้าเองได้ส่งสายสืบไปตรวจสอบที่บ้านของอลองพญาแล้ว หาสิ่งมีค่าใดไม่ ไม่สมกับเป็นถึงแม่ทัพใหญ่แสดง ถึงความไม่โลภรักเมืองยิ่งกว่าชีวิต ก่อนที่ข้าจำนำเขาไปร่วมทัพก็เพื่อจะให้เขามีประสบการณ์ด้านต่างๆเพิ่ม มากยิ่งขึ้น ดังนั้นวันนี้จึงใคร่ขอพระแม่เจ้าซึ่งไม่มีพระโอรสสืบสายโลหิตเพื่อจะครองเมืองได้ในอนาคต ก่อนจะไปจึงขอให้พระแม่เจ้าเรียกประชุมเหล่าขุนนางทหารทั้งปวงด้วยเพื่อแต่งตั้งให้ท่านอลองพญา ขึ้นเป็นอุปราชครองเมืองต่อจากพระแม่เจ้าด้วย หากแต่งตั้งแล้วจะทำให้บรรดาขุนนางเหล่าอำมาตย์ทหาร ซึ่งต่างเกรงกลัวในอำนาจของท่านอลองพญาจะได้มิกล้าฮึกเหิมทำการลุล่วงแก่พระแม่เจ้าได้ อีกประการหนึ่ง ข้าเองก็ศึกษาตำราเกี่ยวกับลักษณะคนเห็นว่า ท่านอลองพญาคนนี้นี่แหละจะทำให้เมืองหงสายิ่งใหญ่ในภาค พื้นนี้ตลอดจนแว่นแคว้นต่างๆได้ ข้าจึงสนับสนุนเขาด้วยเมื่อสมควรแก่เวลาพระแม่เจ้าจะมอบเมืองให้เขา ครองก็อยู่ที่พระแม่เจ้า แต่ข้าอยากขอร้องท่านไว้ว่าอย่าคิดแต่งตั้งใครขึ้นเป็นรัชทายาทเด็ดขาดจะทำให้เกิด การปั่นป่วนในเมืองหงสา เหล่าทหารหาญก็จะถูกแบ่งแยกออกจากกันทันที หาใช่ว่าข้าเองจะเอ็นดูท่าน อลองพญาก็หาไม่ แต่ตามตำราบ่งบอกเช่นนั้นจึงคิดแจ้งแก่พระแม่เจ้าโดยลำพัง” “เมื่อเป็นพระประสงค์ของท่านมหาอุปราชเช่นนี้ใยข้าจะกล้าขัดขืนใดได้ ด้วยข้าเองคิดว่าท่านคือราชบุตร ของข้าคนหนึ่ง เมื่อโอรสต้องการสิ่งใดผู้เป็นแม่ก็ย่อมตามใจลูกอยู่แล้วล่ะ” กล่าวจบก็นำร่างชายหนุ่มมาโอบ กอดทันที อันที่จริงในใจข้าคิดว่าจะรอเวลาเสร็จศึกเมื่อใดก็จะคืนบัลลังก์ให้แก่ลูกเราครองต่อไป” ครั้นชายหนุ่มได้ยินเช่นนี้ก็ก้มลงกราบยังพระแม่เจ้าเมืองหงสาทันที พลางทูลขึ้นว่า “จะด้วยเหตุใดมิอาจทราบได้ ข้าเองก็ให้นึกรักท่านเปรียบประดุจญาติสนิทคนหนึ่ง ดังนั้นเสด็จแม่ ขอจงดำเนินตามลูกกล่าวไว้ด้วยเถิด ส่วนหนังสือสองฉบับนี้หากถึงในกรณีฉุกเฉินจนปัญญาแก่เสด็จแม่ แล้วก็จงเปิดอ่านฉบับที่หนึ่งก่อน ส่วนฉบับที่สองนั้นใช้ยามคับขันจริงๆพระเจ้าข้า” “อ้อๆ....อีกประการหนึ่งขอให้เสด็จแม่จงทรงจัดตั้งกองกำลังพลไว้นอกเมืองให้เป็นความลับขึ้น และ ห้ามเขาเข้ามายังเมืองเด็ดขาด จัดหาคนที่เสด็จแม่ไว้ใจด้วยเป็นหัวหน้าคุมกองกำลัง ที่ดีควรเป็นในป่าลึกที่มี หุบเขาซับซ้อนนั่นแหละดีพระเจ้าข้า” “โอรสเราแม่ได้ยินความห่วงใยของเจ้าเช่นนี้ยิ่งทำให้ข้าอดที่จะให้เจ้าครองบัลลังก์ยิ่งนัก แต่ด้วยเจตนา อันแน่วแน่ยากจะหาสิ่งใดมาเปลี่ยนแปรความคิดอ่านนี้ได้แล้ว แม่จะคอยเจ้ากลับมาเยี่ยมแม่อีก ให้เจ้าระวัง เนื้อระวังตัว แม่อยากจะได้ปรนนิบัติลูกแม่ทำหน้าที่เป็นแม่ของเจ้า” “ข้าให้สัญญาแก่เสด็จแม่ว่า หากมาดแม้นว่าการณ์ครั้งนี้สำเร็จตามความคิดอ่านแล้วจะมาเยี่ยมเสด็จแม่ แน่นอน ขอเสด็จแม่อย่าเป็นห่วงประการใดเลยรังแต่ทำให้สุขภาพเสียไปพระเจ้าข้า” ชายหนุ่มกล่าว ดังนั้นพระนางสิริสาอลงกรณ์ก็มีคำสั่งให้เหล่าอำมาตย์ข้าราชบริพารเข้าประชุมด้วยด่วน ณ ท้องพระโรง ทำให้บังเกิดความสงสัยในการรับสั่งด่วนของเจ้าเมืองครั้งนี้ยิ่งนั่ง ต่างก็รีบเข้ามาเฝ้าเจ้าเมืองพร้อมเพรียงกัน ทันที ครั้นพระแม่เจ้าเมืองนั่งบัลลังก์ออกว่าราชการแล้วก็ให้อาลักษณ์อ่านคำประกาศแจ้งแก่เหล่าอำมาตย์ น้อยใหญ่ตลอดจนแม่ทัพนายกองทั้งหลายให้ทราบทันที ส่วนชายหนุ่มนั้นก็อยู่ในพระสูตรด้านหลังมิได้ ออกไปนั่งเคียงข้างยังบัลลังก์คอยฟังและสำรวจพวกเหล่ามหาอำมาตย์ขุนทัพนายกองทั้งหลาย ครั้นอาลักษณ์นำพระราชสาสน์จากพระแม่เจ้าเหนือหัวแล้ว ก็นำมาอ่านให้บรรดาอำมาตย์แม่ทัพนายกอง สรุปความว่าบ้านเมืองยังไม่อยู่ในสภาวะปลอดภัยจึงใคร่แต่งตั้งมหาอุปราชรัชทายาทเพื่อครองเมืองต่อจากเรา ด้วยเราเองก็มีอายุมากแล้ว ปราศจากหน่อเนื้อเชื้อไขกษัตริย์พระองค์เดิมจึงจะให้แม่ทัพใหญ่ คือท่านอลองพญา ขึ้นดำรงตำแหน่งมหาอุปราชเมืองหงสานับแต่บัดนี้เป็นต้นไป ให้ท่านอลองพญาเข้ามารับการแต่งตั้งพร้อมด้วย เครื่องอิสริยยศจากเรา ณ บัดนี้ เป็นต้นไป การอ่านพระราชสาสน์โดยอาลักษณ์จบลง ทำให้บรรดาอำมาตย์น้อยใหญ่และเหล่าทหาร โดยเฉพาะทหาร ต่างพากันโห่ร้องแสดงความยินดี ส่วนท่านมหาอำมาตย์ใหญ่ถึงกับใบหน้าเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยแต่ก็แสดงความ ยินดีในการครั้งนี้ด้วย แต่หาได้ลอดพ้นจากสายตาชายหนุ่มไปก็หาไม่ ดังนั้นจึงเขียนสาสน์ขึ้นมาอีกแล้วให้นาง สนมไปรีบยืนมอบให้พระแม่เจ้าทันที ครั้นพระแม่เจ้าเมืองหงสาได้รับอ่านสาสน์จบก็แจ้งแก่อาลักษณ์ให้นำ หมายตราแผ่นดินพร้อมที่เขียนหนังสือมาโดยด่วน เมื่อฝ่ายอาลักษณ์ทราบดังนั้นก็หันไปให้รองไปรีบนำตรา ประจำแผ่นดินพร้อมที่เขียนหนังสือมาด้วย เมื่อท่านแม่ทัพใหญ่เข้ามาถวายบังคมทูลน้อมกายถวายคำสัตย์ปฏิญาณตนต่อเจ้าเหนือหัวแล้วก็น้อมรับ เครื่องราชอิสริยาภรณ์ พระแม่เจ้าก็ทรงลุกจากพระราชบัลลังก์นำเสื้อประจำตัวมหาอุปราชคลุมสวมให้แก่ท่าน อลองพญาแม่ทัพใหญ่ พร้อมของประกอบยศต่างๆ ครั้นเสร็จก็ดำเนินไปนั่งยังราชบัลลังก์ต่อไปหลังจากรับ ตราประจำเมืองพร้อมแล้วก็ ทรงประทับบนพระราชสาสน์ของชายหนุ่มลงพระนามกำกับไว้ได้ แล้วให้หัวหน้า อาลักษณ์อ่านต่อไป หัวหน้าอาลักษณ์น้อมกายถวายบังคมน้อมรับมาแล้วก็อ่านด้วยเสียงอันดังสรุปว่า แม่ทัพใหญ่เมืองหงสา ในเมื่อท่านอลองพญาได้เลื่อนเป็นท่านมหาอุปราชแล้วจึงแต่งตั้งท่านรองแม่ทัพใหญ่ คือท่าน พญาสีหอลองขึ้น ดำรงตำแหน่งแม่ทัพใหญ่มีอำนาจเด็ดขาดทางทหารเมืองหงสา บรรดาตำแหน่งรองลงมาให้เลื่อนสูงขึ้นไป ตามลำดับชั้นหน่วยทหารนั้นๆด้วย ส่วนท่านมหาอำมาตย์ใหญ่นั้นอายุชราภาพมากแล้วให้ปลดออกจากตำแหน่ง ตลอดจนบรรดาอำมาตย์บางคน แล้วแต่งตั้งให้ เหนี่ยวสุรินทราขึ้นเป็นมหาอำมาตย์ใหญ่แทน และให้เลื่อนจากรองต่างๆให้ทดแทนตำแหน่งว่างลงทันที และให้ท่านมหาอำมาตย์ใหญ่เก่าได้รับเบี้ยหวัดประจำปีต่อไป บัดดลก็เกิดความวุ่นวายฝ่ายด้านปกครองการเมืองทันทีแต่ เมื่อพระแม่เจ้าทรงตรัสว่าหากผู้ใดมิเห็นชอบต่อคำสั่งเราให้ลุกขึ้นเดินแยกไปทางขวามือทันที เสียงนั้นถึงได้เงียบลงแต่หามีผู้ใดเดินออกไปไม่ แล้วพระแม่เมืองหงสาก็มอบตำแหน่งมหาอำมาตย์ใหญ่พร้อม เครื่องอิสริยยศแก่เหนี่ยวสุรินทราทันที เมื่อเสร็จแล้วทรงรับสั่ง ให้ผู้ที่ได้รับแต่งตั้งใหม่ด้านมหาอำมาตย์และทหารสองนายให้คอยอยู่ก่อน นอกนั้นให้กลับไปได้ ทำให้เกิดความยินดีแก่เหล่าอำมาตย์และทหารทั้งหลายที่ได้เลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นโดยไม่คาดคิดมาก่อน ต่างถวายบังคมลาแล้วรีบกลับไปฉลองกันเป็นที่เอิกเกริกและเล่าขานสืบๆกันไป ต่างชมเชยพระแม่เจ้าเหนือหัวว่าช่างเด็ดขาดนัก แม้นเป็นหญิงก็ตามแต่บริหารราชการแผ่นดิน ถูกต้องมิคำนึงด้วยความเด็ดขาดยิ่งนัก มิเห็นแก่หน้าผู้ใดคนที่คิดไม่ยินยอมในใจต่างก็พากันชื่นชมยินยอมด้วย ได้เลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นตามลำดับ พวกที่เคยเชื่อฟังมหาอำมาตย์เก่าพากันหันเหทางลมใหม่แต่อำนาจที่ได้รับเลื่อนขึ้นทำให้คลายศรัทธาลงไป ด้วยท่านมหาอำมาตย์ใหญ่เก่าไร้ซึ้งอำนาจวาสนาสิ้นแล้วย่อมไม่อาจจะบัญชาเกี่ยวกับตำแหน่งใดๆได้อีกต่อไปแล้วกลับถูกปลดร่วมด้วยบรรดาพรรคพวกบางคน ที่ประจบสอพลอและวางอำนาจเขื่องใหญ่โตนัก เมื่อเหล่าขุนนางทหารกลับไปแล้วก็คงเหลือพระแม่เจ้าและเหล่ากำนัล ท่านอุปราชใหม่และมหาอำมาตย์ใหม่ ชายหนุ่มจึงก้าวออกมาจากม่านพระสูตรทันที พลางก้าวไปถวายคาราวะแก่พระแม่เจ้าแห่งหงสาทันที พระนางเจ้าจึงเอ่ยขึ้นว่า โอรสเรามามะมาๆมานั่งใกล้ๆแม่นะ เหล่าท่านอลองพญามหาอุปราชใหม่แห่งหงสา และมหาอำมาตย์และแม่ทัพใหญ่ซึ่งได้รับการแต่งตั้ง ครั้นแลเห็นท่านมหาอุปราชแห่งศิระสุริยันต์เช่นนั้นก็ล้วนต่างเข้าใจเหตุการณ์ทั้งสิ้นว่า การจัดบ้านเมืองนี้คงเป็นคำสั่งของท่านมหาอุปราชแห่งศิระสุริยันต์นั่นเอง พร้อมน้อมถวายคาราวะแก่ชายหนุ่มด้วยความซาบซึ้งยิ่งนัก ครั้นทุกๆอย่างเป็นไปตามแผนการที่ชายหนุ่มวางไว้แก่เมืองหงสา ก็กล่าวทูลลาพระแม่เจ้าทันที “เสด็จแม่ ข้าค่อยคลายความกังวลใจต่อเสด็จแม่ในเมืองหงสาแล้ว ขอให้เสด็จแม่คอยการกลับมาของลูก ก็แล้วกันลูกจะเอาแว่นแคว้นต่างๆมาฝากเสด็จแม่ด้วยพระย่ะค่ะ” ชายหนุ่มกล่าว พระนางสิริสาอลงกรณ์ก็พลันโอบกอดชายหนุ่มพร้อมจุมพิตทั้งซ้ายขวาด้วยความรักใคร่ พร้อมทั้งกล่าวว่า “แม่ขออวยพรให้ลูกแม่จงแคล้วคลาดปลอดภัยประสบแต่ชัยชนะแก่การศึกครั้งนี้ รักษาเนื้อรักษาตัวนะลูก แม่จะคอยวันคอยคืนการกลับมาของลูกรักของแม่” เจ้าเหนือหัวแห่งหงสากล่าวกับชายหนุ่มทันที แล้วหันไป กำชับมหาอุปราชท่านอลองพญาว่า “ข้าขอให้เจ้าจงคอยดูแลปกป้องลูกรักข้าด้วยนะ หากลูกข้าเป็นอะไรไปเจ้าคนแรกที่จะถูกลงโทษอย่าง แสนสาหัส จงจำคำข้าให้ขึ้นใจไว้นะเจ้ามหาอุปราช” “พะย่ะค่ะ หากพระแม่เจ้าไม่สั่งข้าเองก็พร้อมที่จะสละชีพแทนเจ้าชายอยู่แล้วพระเจ้าข้า” “ดีแล้วข้าเองจะได้สบายใจเมื่อได้ยินเจ้ากล่าวเช่นนี้ ด้วยเชื่อมั่นต่อเจ้ายิ่งนัก” พระแม่เจ้ากล่าวขึ้น ดังนั้นชายหนุ่มและมหาอุปราชแห่งหงสาก็ทูลลาแล้วออกเดินทางออกจากตัวเมืองหงสาทันที เมื่อเดินทาง ถึงเหล่าบรรดาทั้งหลาย ท่านอลองพญาก็ลงจากหลังมาพร้อมทั้งกราบไปยังชายหนุ่มทันทีพลางกล่าวขึ้นว่า “ในชั่วชีวิตนี้ข้าพระองค์จะไม่ลืมเลือนพระองค์เป็นอันขาด หากมาดแม้นไม่ได้พระองค์ ข้าพระพุทธเจ้า คงมิได้เป็นถึงมหาอุปราชแห่งหงสาได้ ที่เป็นก็ ด้วยพระบารมีปกเกล้าพระเจ้าข้า” แล้วพลางกราบกับพื้นทันที ชายหนุ่มลงจากหลังม้าพยุงร่างให้ยืนขึ้นพร้อมกล่าวว่า “ขอเพียงท่านต่อไปเป็นกษัตริย์ทำนุบำรุงชาวอาณาประชาราษฎร์ให้อยู่เย็นเป็นสุขปกครองด้วยทศพิศราช ธรรม ช่วยเหลือแว่นแคว้นต่างด้วยพระคุณอย่าใช้พระเดชก็จะทำให้ท่านเป็นที่เลื่องลือไปทั่วทิศาแล้วล่ะ” “ข้าพระพุทธเจ้าขอน้อมรับไว้เหนือเกล้าพระเจ้าข้า” “ไปเถอะไพร่พลคงจะรอพวกเราอยู่แล้ว” ครั้นชายหนุ่มและมหาอุปราชแห่งหงสาเดินทางมาถึงกองทัพก็ สั่งให้เคลื่อนพลเข้าสู่ดินแดนซิตเว จวบทัพทั้งหมดถึงยังค่ายที่รายล้อมตรงไปยังกองบัญชาการที่ท่านที่ปรึกษา ใหญ่อยู่ ท่านมหาอุปราชแห่งหงสาครั้นแลเห็นเหล่าทหารของท่านมหาอุปราช เช่นนี้ก็ตกตลึงนึกในใจว่า หากหงสาเป็นเป้าหมายอันแท้จริงแล้วบัดนี้เมืองหงสาเห็นทีจะล่มสลายไปในชั่ว พริบตา ด้วยกำลังพลไม่รวมแม่ทัพนายกองแล้วคงราวๆเกือบหนึ่งล้านคน อย่างนี้หรือเมืองซิตเวถึงแม้จะมี ขุนเขาเป็นชัยภูมิที่ดีก็มิอาจจะต้านรับได้แน่นอน.............. * แก้วประเสริฐ. *
11 มีนาคม 2553 22:54 น. - comment id 115747
ครูคิดว่าจะลงอีกกี่ตอน จบค่ะนี่
11 มีนาคม 2553 23:39 น. - comment id 115748
1....... เจ้อ้อย เห็น ฝนโคลอนป่ะคะ หายยยยย เนอะ......สงสัยงานคงยุ่ง
12 มีนาคม 2553 09:11 น. - comment id 115749
2..... ฝนหรอ..เห็นบอกว่าไม่ว่าง กะลังร่าง งบประมาณอยู่ง่ะ..
12 มีนาคม 2553 11:37 น. - comment id 115750
สนุกกันหย่าย
12 มีนาคม 2553 12:25 น. - comment id 115754
คุณ เที่ยนหยด ครูเองก็ไม่รู้เหมือนกันไปเรื่อยๆ หากจบไว ก็ไม่สนุกนะซิต้องรวบรัด นี่ขนาดรวบรัดบางตอน แล้วนะ รักศิษย์เราเสมอ แก้วประเสริฐ.
12 มีนาคม 2553 12:27 น. - comment id 115755
คุณ ฉางน้อย คุณฝนเขามาเสมอๆ แต่หลานรักเราซิกลับ หายไปสงสัยไปเที่ยวไล่จับไข่มาต้มกระมัง อิอิ รักหลานเราเสมอ แก้วประเสริฐ.
12 มีนาคม 2553 12:30 น. - comment id 115756
คุณ เที่ยนหยด ร่างงบประมาณหรือเก่งนี่นา แต่แปลกอิอิ เห็นเที่ยวจู๊บไข่เขา ครูเองยังกลัวเลยฮ่าๆๆๆ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
12 มีนาคม 2553 12:32 น. - comment id 115757
คุณ โคลอน คุณฝนครับได้เพื่อนที่สนุกสนานแบบนี้ยิ่ง ทำให้คุณสวยยิ่งขี้นนะครับ จริงๆนะ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
12 มีนาคม 2553 13:41 น. - comment id 115758
สวัสดีค่ะครูแก้ว ไม่ได้เข้ามาเรื่องสั้นหลายวัน โอ..นี่ตอนที่ 47 แล้ว ครูกลั่นงานออกมาได้ยังไงคะ สุดยอดเลยค่ะ หนูเขียน บรรยายไม่ค่อยเป็นเลย อิ รักษาสุขภาพค่ะครู
12 มีนาคม 2553 14:25 น. - comment id 115762
10 ชุ๊บ....ฮุบไข่กลับบ้าน อิอิ
12 มีนาคม 2553 15:31 น. - comment id 115764
คุณ แก้วประภัสสร ศิษย์รักเอย เรื่องแบบนี้พูดกันยากจะว่า เป็นพรสวรรค์หรือครูเองก็ไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่นัก แน่ ไม่รู้ว่าสมองมันกลั่นออกมาได้อย่างไร อย่าง ที่ครูเคยพูดเสมอๆว่าการจะทำอะไรให้ทำจิตใจเรา ให้ว่างๆไว้ก่อนจะทำงาน เมื่อจิตใจเราว่างสมาธิ เกิดที่ว่ายากก็จะง่ายขึ้นเองแหละ ตอนนี้อยู่ที่วาเรา จะเกี่ยวหาอย่างไรมันจะพรั่งพรูออกมาเองแหละจ้า ครูเองอาจจะตอบไม่ตรงคำถามนักแต่ว่า นี่คือหลักของครูเองไม่ว่าจะเป็นร้อยแก้วหรือ ร้อยกรองก็เช่นเดียวกันแหละจ้า รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
12 มีนาคม 2553 15:35 น. - comment id 115765
คุณ โคลอน แน่ใจหรือจ๊ะคุณฝนว่าจะจุ๊บไข่ บัดนี้มันเป็น ไข่เต่าไปแล้วจ้า รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
12 มีนาคม 2553 20:45 น. - comment id 115769
เอ่อออออออออออ แก้วประเสริฐ คือว่า เสียง "ชุ๊บ" นี่เปงเสียง ฮุบ หรือ ฉก หรือ แฮ๊บไข่ค่า มะช่ายเสียงจุ๊บไข่นะคะ ง่า
12 มีนาคม 2553 22:16 น. - comment id 115771
คุณ โคลอน คุณฝนบอกตรงๆว่าภาษาแสลงวัยรุ่นนิยมผม เองไม่รู้เรื่องอะไรเลยจ้า อิอิ นึกว่าจูบเสียอีก เล่นเอาสะดุ้งโหยงเชียวล่ะ ฮ่าๆๆๆ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
12 มีนาคม 2553 23:15 น. - comment id 115776
ฮ่าๆ เล่นเอาฝนอ่านแล้วเหงื่อตกซิกๆ กันเลยทีเดียว ฝนแปะโป้งไว้ก่อนนะคะ ไว้พรุ่งนี้มาอ่านตอนใหม่ค่า แปะโป้งด้วยรอยยิ้มและดอกไม้นะคะ ปล. ฉางน้อย หายโต๋วค่ะ แก้วประเสริฐ เห็นทีต้องหา หนมไปล่อให้ออกมา อิอิ
13 มีนาคม 2553 11:58 น. - comment id 115779
คุณ โคลอน คุณฝนครับ มานิมาๆผมจะซับเหงื่อให้ด้วย สไบแพรอย่างดีให้ครับไม่ต้องเหงื่อตกหรอก อิอิ หลานผมเจ้าฉางนุ้ยคงจะไปค้นคว้าหาไข่มาต้มมา เจียวมาตุ๋นกระมังฮ่าๆๆ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.