ลุ่มลึกอิสราวดี 45

แก้วประเสริฐ


                ลุ่มลึกอิสราวดี  45
        บรรดาอำมาตย์และนายกองทั้งหลายต่างหันมามองหน้ากันต่างมิคาดคิดว่า ชายหนุ่มคนนี้อายุน้อยสามารถ
คิดการใหญ่ได้สำเร็จ  และบรรดาแว่นแคว้นต่างๆของรัฐยะไข่เล่าก็ต่างตกอยู่ในอำนาจชายหนุ่มคนนี้ไปแล้ว
ยิ่งบังเกิดความรู้สึกต่างๆกันไป  ต่างก็บังเกิดความคิดว่าชายหนุ่มผู้นี้ยังมีอัธยาสัยไม่ถือว่าข้าคือผู้ชนะศึกครั้งนี้
กับมีกิริยาท่าทางนอบน้อมนัก  ล้วนแล้วแต่บังเกิดความชื่นชมภายในใจแทบทุกตัวนาย  แม้แต่เมืองตองอูนับแต่
ก่อนมา  จะหาความเข้มแข็งเท่ายุคนี้ได้ยากแล้วพร้อมมูลด้วยทหารที่เชี่ยวชาญการรบมากนักยังถึงกับพ่ายแพ้แก่
ทหารของชายหนุ่มในชั่วไม่ทันข้ามคืน   ยิ่งคิดก็ยิ่งบังเกิดความชื่นชมมากยิ่งขึ้นด้วยชาวตองอูชอบคนเก่งกล้า
         ครั้นชายหนุ่มหลังจากแก้มัดอำมาตย์ผู้หนึ่งแล้วก็จูงมือเดินพามายังเบื้องหน้าบรรดาเหล่าเชลยทั้งปวง
ด้วยเขาเห็นว่าอำมาตย์นี้มีบุคลิกที่สง่างามผิดกับพวกอำมาตย์ทั้งปวงจึงถามว่า
        “ท่านผู้เฒ่าเป็นอำมาตย์เมืองตองอูนี้ดำรงตำแหน่งใดหรือ???...”
         “เรียนท่านผู้ชนะศึก  ข้าเองนั้นเป็นแค่อำมาตย์ต่ำต้อยน้อยนิดเป็นแค่ที่ปรึกษาดูแลงานด้านการคลังเท่านั้น
ตลอดการเก็บส่วยต่างๆเข้าท้องพระคลังขอรับ”   ชายชรากล่าวขึ้นแล้วย้อนถามว่าท่านเองนั้นเล่าอายุเพียง
เท่านี้ทำหน้าที่แม่ทัพคุมทหารเชียวหรือ”
           ทหารที่ยืนเรียงรายรวมทั้งแม่ทัพมังกะยะสินธูแห่งเมืองฮะคาพลันตวาดว่า
       “ท่านมิรู้หรือว่าที่ท่านกำลังเจรจาอยู่นี่ คือท่านมหาอุปราชแห่งเมืองศิระสุริยันต์บัดนี้เป็นแม่ทัพใหญ่แห่ง
ผู้กำราบแว่นแคว้นต่างๆเพื่อคิดจะรวบรวมแผ่นดินเป็นหนึ่งเดียว ยังไม่ถวายคาราวะพระองค์อีก”
        ชายชราอำมาตย์นั้นถึงกลับตกตลึงทรุดเข่าลงทันทีพลางกล่าวว่า
        “ขอเดชะข้าสมควรตายพระเจ้าข้า ด้วยมิรู้ความความผิดนี้กระหม่อมยินยอมจะให้พระองค์ลงโทษทุกๆ
ประการ   ควรมิควรแล้วแต่พระองค์จะทรงโปรดพระเจ้าข้า”  พลางก้มหน้าลง
     แต่ชายหนุ่มมิได้ถือสาประการใดบอกให้นั่งลงเบื้องหน้าได้  พลางหันไปทางด้านสานุวงศ์พลางน้อมกาย
คาราวะมเหสีของเจ้าเมืองตองอูพลางกล่าวว่า
           “ข้ามหาอุปราชแห่งเมืองศิระสุริยันต์ขอถวายพระพรพระมเหสีพระเจ้าข้า”
ทำให้มเหสีตกตลึง  ด้วยนึกไม่ถึงว่าท่านมหาอุปราชผู้มีชัยครั้งนี้จะนอบน้อมถ่อมตนยิ่งนัก ก็ให้บังเกิดความรัก
ใคร่ปราศจากอาฆาตแค้นที่สู้รบกับพระสวามีและสิ้นชีพไป รวมทั้งราชบุตรและราชธิดาด้วยต่างพากันงงงันไป
ตามๆกัน    เมื่อเหล่าทหารมารายงานว่าบัดนี้เมืองตองอูได้สู่สภาวการณ์ปกติแล้ว   จึงหันไปทางพระมเหสีทรง
เอ่ยขึ้นว่า
        “ข้าน้อยขอโทษที่ต้องถามพระมเหสีว่าพระองค์มีพระราชบุตรธิดาเท่าใดพระเจ้าข้า”
ฝ่ายมเหสีที่เห็นลักษณะกิริยาของชายหนุ่มเช่นนี้  ก็ให้ทรงหายกริ้วในพระหฤทัยใดๆ  พลางเอ่ยว่า
        “ข้าแด่ท่านมหาอุปราช  ข้าพระองค์มีราชบุตรเพียงหนึ่งเดียวชื่อ มังสุริโย   มีราชธิดาสองพระองค์ 
องค์โตนามว่า เรวดีอรทัย   องค์เล็กนามว่า  กัลยาเทวี  เพค่ะ”  พร้อมทั้งน้อมกายถวายบังคมทูล
       “อันหม่อมฉันนั้นหาใช่ที่ต้องการรุกรานเมืองตองอูก็หาไม่ หากผิดพลาดประการใดขอทรงโปรด
พระราชทานอภัยแก่หม่อมฉันด้วย  แต่การศึกก็คือการศึกจะละเว้นเสียมิได้มิฉะนั้นงานใหญ่ของหม่อมฉัน
คือการรวมเป็นแผ่นดินเดียวกัน  จึงจำเป็นต้องลุอำนาจของฝ่ายตองอู หวังว่าทรงจะเห็นใจหม่อมฉันด้วย
พระเจ้าข้า”  แล้วชายหนุ่มก็ยกมือไหว้คาราวะมเหสีทันที    ทำให้พระมเหสีถึงกลับหลั่งน้ำตามิคิดว่าผู้ชนะ
ศึกในครั้งนี้จะมิลุล่วงแก่อำนาจกลับให้เกียรติแก่เชื้อวงศ์ ตลอดจนยิ่งบังเกิดความรักมากยิ่งขึ้นเมื่อแลเห็น
ชายหนุ่มก้าวเดินเข้าไปหา องค์ชายมังสุริโยลูกชายของนางเอง   แล้วทรงสวมกอดแล้วเชิญออกมายืนยังเบื้อง
หน้าเหล่าทหารหาญและอำมาตย์ของเมืองตองอู 
        ครั้นมังสุริโยเห็นองค์มหาอุปราชให้เกียรติเช่นนี้ความในใจก็หายสิ้น  ด้วยท่านมหาอุปราช
หาได้ถือยศถือตัวในฐานะผู้ชนะศึกก็หาไม่  และการสิ้นพระชนม์ของพระบิดาก็สมศักดิ์ศรีลูกผู้ชายด้วยกัน
  การรบย่อมมีแพ้มีชนะ  แต่ผู้ชนะกลับมิได้หลงในอำนาจดุจชายหนุ่มเบื้องหน้านี้ซึ่งอายุก็คงจะ
รุ่นราวคราวเดียวกันอีกด้วย   ดังนั้นความแค้นที่ต้องสูญเสียพระบิดาไปก็มลายหายสิ้นเมื่อยิ่งได้ยินคำขอโทษ
จากปากของชายหนุ่มอีกครั้งหนึ่ง
        “องค์ชายในศึกสงครามนี้ย่อมต้องมีการสูญเสียกันทั้งสองฝ่าย  พระบิดาก็สมศักดิ์ศรีชายชาติทหารยิ่งนัก
แต่ก็ไม่อาจจะต้านรับมือกับหม่อมฉันได้เป็นธรรมดาพระเจ้าข้า”  
      “ แต่ข้าพระองค์ดีใจที่ท่านพระมหาอุปราชให้เกียรติแก่พระบิดาที่สิ้นพระชนม์ทำตามราชประเพณี
ทุกประการแล้วพระเจ้าข้า  ฉะนั้นสิ่งฝังแน่นในพระหทัยของหม่อมฉันบัดนี้มิมีเหลือแล้วพระเจ้าข้า ส่วนพระองค์จะทรงโปรดพิจารณาอย่างไรหม่อมฉันตลอดจน
หม่อมแม่ยอมรับผลทุกๆประการจะไม่คิดอาฆาตแค้นสิ่งใดเลยพระเจ้าข้า”   กล่าวพลางองค์ชายทรงทรุดกายลง
ถวายคาราวะแก่ชายหนุ่มทันที
        ชายหนุ่มครั้นได้ฟังเช่นนั้นก็ทรงพระสรวลแล้วรีบพยุงร่างเจ้าชายมังสุริโยขึ้นมา   แล้วพลางประกาศแก่เหล่า
อำมาตย์และทหารหาญแห่งเมืองตองอูว่า   ต่อไปนี้ข้าจะขอแต่งตั้งองค์ชายขึ้นครองราชย์สมบัติแห่งเมืองตองอู
แทนพระเจ้าแผ่นดินองค์เดิม  แต่ด้วยข้าเองไม่มีเวลาอันมากนักจึงจะทำการสวมมงกุฎขึ้นก่อนให้เสวยราชสมบัติ
แล้วพวกท่านก็หาฤกษ์งามยามดีฉลองขึ้นภายหลัง  หากมาดแม้นว่าข้าคิดการสำเร็จและทันก็อาจจะมาร่วมใน
พระราชพิธีนี้ด้วย”   พลางนำมงกุฎที่เขาได้นำไปวางไว้บนราชบัลลังก์ล่วงหน้าก่อนแล้ว  นำมาสวมลงบนศีรษะ
ของมังสุริโยทันที   พร้อมทั้งประกาศอีกว่าจะขอแต่งตั้งให้ท่านอำมาตย์ผู้เฒ่าคนนี้เป็นมหาอำมาตย์มาดแม้นจะ
ลุล่วงแก่พระเจ้ามังสุริโยก็ตาม   พลางหันไปกล่าวแก่มังสุริโยว่า
        “การที่หม่อมฉันลุล่วงเช่นนี้ด้วยมองเห็นว่าท่านอำมาตย์คนนี้เป็นคนซื่อสัตย์ยิ่งนักข้าเองให้ทหารของข้าไป
ตรวจยังบ้านท่านอำมาตย์ผู้นี้  ปกติผู้ที่มีหน้าที่ดูแลฝ่ายการคลังและส่วยนั้นที่ผ่านมามักจะร่ำรวยผิดปกติ  แต่บ้าน
ของท่านอำมาตย์ผู้นี้กลับยากจนหาสิ่งของมิค่าใดไม่  หากไม่รีบจัดการเสียก่อนเมืองตองอูก็จะขาดคนที่มีความ
ซื่อสัตย์ต่อแผ่นดินเยี่ยงอำมาตย์ผู้นี้ได้จึงเสียดายยิ่งนักพระเจ้าข้า”
         กษัตริย์องค์ใหม่ครั้นได้ยินเช่นนั้นก็ถึงกับนึกในใจว่า  ด้วยเหตุดังนี้ฤาถึงทำให้ท่านมหาอุปราชนี้สามารถ
ครองใจคนทั้งหลายได้มากมายเช่นนี้  เห็นเราจะต้องเรียนแบบอย่างบ้าง  พลางน้อมกายลงทรงกล่าวขึ้นว่า
        “หากนับด้วยศักดิ์ศรีแล้วข้าพระองค์นับเนื่องด้วยเป็นข้าแผ่นดินของศิระสุริยันต์เช่นกันเมื่อได้รับทรงโปรด
เช่นนี้ถือได้ว่าได้รับเกียรติอันสูงส่งพระเจ้าข้า”
         “ส่วนด้านการทหารนั้นขอให้ท่านซึ่งเป็นกษัตริย์จัดการคัดเลือกเอาเองก็แล้วกัน  อีกประการหนึ่งข้าเองก็จะ
ขอให้พระองค์ช่วยเหลือแก่ข้าบ้างพระเจ้าข้า” ชายหนุ่มกล่าว
           “ทรงโปรดรับสั่งมาเถิดพระเจ้าข้า   ว่าจะให้กระหม่อมทำประการใดบ้าง กระหม่อมก็พร้อมเสมอด้วยใจ
และกายแก่พระองค์จนหมดสิ้นแล้วพระเจ้าข้า”  พระเจ้า มังสุริโยเอ่ยขึ้น
         “ข้าเองเพียงต้องการทหารเข้าร่วมรบแก่พระองค์จำนวนหนึ่งเท่านั้นแหละพระเจ้าข้า” ชายหนุ่มกล่าว
            “กระหม่อมจะจัดการรวบรวมไพร่พลฝีมือดีมอบให้  แต่ขอเวลาสักพักหนึ่งพระเจ้าข้า”
            “ข้าเองว่าเมื่อทางนี้เรียบร้อยแล้วก็จะอยู่ไม่เกินสองสามวันแหละพระเจ้าข้า”
             “หากเช่นนั้นข้าพระองค์ขอร่วมไปหาประสบการณ์กับพระองค์ด้วยได้ไหมพระเจ้าข้า”
             “อย่าเลยท่านซึ่งเป็นกษัตริย์ก็จริงแต่ยังใหม่อยู่ขอให้ดำรงปกครองโดยทศพิธราชธรรมทำนุบำรุงเหล่า
ทหารและราษฎร์ให้ร่มเย็นเป็นสุขจัดเตรียมไพร่พลไว้ให้พร้อม  ด้วยเราอาจจะต้องขออาศัยพึ่งพาท่านอีกใน
วันข้างหน้านะ”  ชายหนุ่มกล่าว
            “หากเป็นพระประสงค์ของพระองค์ข้าน้อยอยู่ทางนี้ก็จะถือปฏิบัตินับท่านเป็นเยี่ยงอย่างต่อไปพระเจ้าข้า”
      พลางชายหนุ่มก็หันไปทางพระมเหสีพลางน้อมกายถวายความเคารพ  พลางดำรัสว่า
          “ ข้าพระพุทธเจ้าขอลากลับไปยังกองทัพ  ส่วนทางด้านนี้ให้กษัตริย์สุริโยจัดการ  ด้วยเวลามีไม่มากนัก
วันมะรืนนี้ก็ต้องออกเดินทางไปยังกรุงหงสาเพื่อทำงานบางประการ  ฉะนั้นจึงขอทรงอภัยแก่หม่อมฉันด้วย
พระเจ้าข้า”
       ครั้นมเหสีได้ฟังดังนั้นก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้พร้อมด้วยราชบุตรีเดินเข้ามาหา พระมเหสีทรงสวมกอดชายหนุ่ม
แล้วกล่าวว่า   
           “อย่าหาว่าข้าละลาบละล้วงเลยนะพระองค์  ข้าถือเสมือนหนึ่งพระองค์ทรงเป็นราชบุตรของข้าการครั้งนี้
ทำให้ข้ารู้สึกปลาบปลื้มยิ่งนัก ถึงแม้จะเสียพระสวามีไปในสงครามก็นับเป็นเรื่องของลูกผู้ชาย  จึงใคร่จะขอมอบ
เจ้าหญิงสององค์ให้เป็นข้ารับใช้เบื้องพระยุคลบาทแก่พระมหาอุปราช ขออย่าได้ปฏิเสธโปรดเห็นใจข้าด้วยนะ
อนึ่งอย่าคิดว่าราชธิดาสององค์นี้ล้วนแล้วมีฝีมือในการสู้รบไม่แตกต่างจากชายนักหรอกนะ”  พระมเหสีทรงเอ่ย
       ครั้นชายหนุ่มได้ยินก็ถึงกับสะดุ้งตกใจ  แต่ได้ยินกษัตริย์มังสุริโยเอ่ยว่า
        “ขอพระองค์ทรงรับไว้เถิดเพื่อภายภาคหน้าเราได้เป็นทองแผ่นเดียวกันต่อไปในอนาคตกาล  เสด็จแม่
ยากนักและรักพระธิดาทั้งสองมาก มีเมืองอื่นๆมาขอก็ยังไม่ยินยอมต้องเถียงกับเสด็จพ่อเนืองๆ  ข้าเองก็ยัง
นึกแปลกใจเหตุใดเสด็จแม่ถึงทรงดำรัสเช่นนี้ น้อยครั้งนักจะทรงดำรัสพระเจ้าข้า”
      ดังนั้นชายหนุ่มมิอาจจะปฏิเสธด้วยมองไปทางไกลว่าการเข้าตีเมืองมะละแหม่งรัฐมอญนั้นหากได้เมือง
ตองอูช่วยด้วยถือเป็นวงศานุวงศ์ด้วยแล้วก็จะง่ายยิ่งขึ้นเพราะทางเมืองตองอูก็เชี่ยวชาญทางน้ำก็สามารถตี
กระหนาบข้างเมืองมะละแหม่งก็อาจจะได้มาโดยง่าย ระหว่างทางเมืองหงสาและเมืองซิตเวนั้นก็ระยะทาง
ไกลนัก  หากได้แคว้นตองอูร่วมการรวมแผ่นดินครั้งนี้ก็จะบรรลุสมความปรารถนา เหลือแต่เมืองอิสราวดี
ก็ยากจะพ้นเงื้อมมือเราไปได้   เมื่อคิดเช่นนั้นก็ทรงทรงร่างเข้าไปน้อมกราบที่พระมเหสีเมืองตองอูทันที
    “ข้าพระองค์มิอาจล่วงเกินต่อพระหฤทัยของพระแม่เจ้าได้หรอก  หากการใดผิดพลาดไปขอให้พระแม่
เจ้าจงอภัยแก่ข้าน้อยด้วยเถิดพระเจ้าข้า”   ชายหนุ่มเอ่ยขึ้น
       สร้างความดีใจแก่องค์พระมเหสีและพระราชธิดาทั้งสองยิ่งนัก  ด้วยความองอาจท่าทางใบหน้าล้วน
แล้วสง่างามยากหาบุรุษใดเทียมเทียบได้  ก็ทรงเขินเอียงอายตามวิสัยหญิง   ครั้นมเหสีเห็นท่านมหาอุปราช
ไม่ทรงปฏิเสธยินยอมเป็นทองแผ่นเดียวกันก็ทรงพระเกษมพระหฤทัยยิ่งนัก  เรียกพระธิดาทั้งสองให้ไปน้อม
ถวายฝากตัวแก่พระมหาอุปราชทันที   เจ้าหญิงเรวดีอรทัยและเจ้าหญิงกัลยาเทวี  ก็น้อมพระวรกายถวายความ
เคารพแก่ท่านมหาอุปราชทันที   พระมเหสีก็ทรงกำชับพระธิดาให้ไปเตรียมตัวออกเดินทางร่วมกับท่านมหา
อุปราชทันที
        ครั้นเมื่อจัดการทางนี้เรียบร้อยแล้วชายหนุ่มพร้อมทหารทั้งปวงก็ออกจากเมือง  กษัตริย์สุริโยมาส่งถึงประตู
เมืองพร้อมมอบทหารส่วนหนึ่งให้แก่ท่านมาอุปราชทันทีราวสองหมื่นกว่าคนพร้อมม้าอาวุธเสบียงเพียบพร้อม
ส่วนพระธิดาทั้งสองก็แต่งกายเป็นทหารมือถืออาวุธดาบคู่กายสพายด้วยคันธนูและลูกธนูท่าทางทะมัดทะแมง
ยิ่งนัก    นางจันทิราถึงกับอึ้งเมื่อขณะที่ยืนเคียงข้างอยู่กับชายหนุ่มแต่ก็มิได้กล่าวประการใดด้วยเชื่อมันในความ
คิดอ่านของชายหนุ่มยิ่งนัก  ดังนั้นในค่ายทหารจึงมีหญิงถึงสามคนหากรวมแม่นางพรายก็รวมเป็นห้าคน  แต่วิสัย
อิสตรีย่อมมีความหึงหวงแต่พอได้สนทนาปราศรัยกันก็สามารถเข้าใจกันได้   จึงไม่สร้างความหนักใจแก่ชายหนุ่ม
มากนัก
       เมื่อเดินทางมาได้ระยะหนึ่ง  ชายหนุ่มจึงเรียกแม่ทัพนายกองทั้งหมดนำแผนที่มาชี้แจง  โดยแบ่งกำลังออกเป็น
สองทางแยกกันเข้าโจมตีเมืองหงสาต่อไป    อันเมืองหงสานี้อาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาลนักถึงแม้ว่าจะพึ่งก่อตั้ง
ก็ตาม   ดังนั้นชายหนุ่มจึงต้องคำนวณเวลาและเป้าหมายการโจมตีครั้งเดียวให้ได้เมืองหงสาทันที  เมื่อใช้เวลาเดิน
ทางผ่านไปสองอาทิตย์กว่าๆก็ถึงเมืองหงสา  ทางเมืองหงสาก็รู้ตัวจัดเตรียมไพร่พล ออกมาสู้รบแต่ก็พ่ายแพ้แก่
เหล่าทหารของมหาอุปราช   
     ในการสู้รบครั้งนี้แม่นางทั้งสามต่างแสดงฝีมือการรบพุ่งสามารถเข่นฆ่าบรรดานายกองทั้งหลายล้มตายไป
จนถึงกำแพงเมือง   พวกทหารหงสาหนีกลับเมืองไปแล้วจึงถอยทัพกลับคืนมายังหน่วยทหารเล่าความทั้งหลาย
ให้ชายหนุ่มฟัง    ทหารเมืองหงสาก็หาความท้อถอยส่งเหล่าทหารฝีมือดีเข้ามาตีอีกหลายๆครั้งเสียไพร่พลไปเป็น
จำนวนมากต่างพ่ายแพ้ทุกๆครั้ง     เจ้าเมืองหงสาคือหม่องโดยอพญาก็ให้ทหารทั้งหมดป้องกันเมืองอย่างเข้มงวด
กวดขัน สร้างสิ่งกีดขวางตลอดแนวทางรอบล้อมเมืองป้องกันไว้ในเวลากลางคืน
       เมื่อชายหนุ่มยกทัพมาถึงก็พบสิ่งกีดขวางดังนั้นจึงให้บรรดาแม่ทัพนายกองนำแท่งไฟออกมาปาใส่ไปยัง
สิ่งกีดขวางเหล่านั้นทันที   เสียงระเบิดดังสนั่นลั่นไปถึงในเมือง  สิ่งกีดขวางก็ถูกทำลายเสียสิ้นจึงนำทหารบุกเข้า
โจมตีเมืองหงสาทันที   แต่ไม่สามารถตีฝ่ากำแพงเมืองเข้าไปได้ต้องสั่งให้ถอยทัพมา  อาวุธใหญ่ที่ใช้ทำลายกำแพง
ก็เหลือน้อยลง   หากใช้แล้วไม่สามารถทำลายประตูเมืองได้เห็นทีจะตีหงสาไม่แตกแน่นอน  จึงกลับเข้าค่ายมาพักผ่อน   คิดหาหนทางรำพึงว่าจะทำอย่างไรในการศึกครั้งนี้   
       นางพรายทั้งสองก็ออกมาบอกว่าท่านจะร้อนรนประการใดเล่าในเมื่อของวิเศษกระบองนาคราชนั้นท่านยัง
ไม่ได้เคยนำมาใช้เลย   หากจนปัญญาเช่นนี้เห็นต้องนำมาใช้แล้ว  ให้นำออกมาใช้การณ์ครั้งนี้คงสำเร็จเป็นแน่แท้
        ครั้นชายหนุ่มได้รับฟังแม่นางพรายทั้งสองก็ให้นึกได้ด้วยบัดนี้เขาลืมไปว่ายังมีอาวุธวิเศษอยู่   จึงกล่าวคำ
ขอบใจแก่แม่นางพรายทั้งสอง   วันรุ่งขึ้นจึงให้ทหารยิงอาวุธใหญ่ใส่ประตูเมืองทันที  แต่ประตูเมืองหงสานั้น
แข็งแกร่งนัก ยิงไปถึงสามลูกก็ไม่สามารถทำให้ประตูทลายลงไปได้   ชายหนุ่มจึงเปลี่ยนแผนใหม่ให้ยิงเข้าไป
ในเมืองเพื่อสร้างความโกลาหลแก่ชาวเมือง  อันเมืองหงสากว้างใหญ่มากนัก เกินกว่าอาวุธจะทำลายได้หมด
       ด้วยหากตีเมืองหงสาไม่ได้ก็ไม่สามารถยึดครองเมืองซิตเวได้แน่แล้วด้วยต้องใช้เวลานาน  อันอาจะทำให้
ทหารที่รอคอยเสียขวัญได้   ดังนั้นจึงนำกระบองนาคราชออกมาแล้วร่ายพระเวทย์ของท่านพญานาคมอบไว้
ให้พลางโยนกระบองนาคราชไปในอากาศทันที   บัดดลกระบองนาคราชก็ขยายใหญ่พุ่งทะยานเข้าใส่ยังประตู
เมืองหงสา   พลันประตูเมืองหงสาก็ล้มทลายลง กระบองนาคราชก็แยกร่างเป็นชิ้นเล็กๆเข้าทำลายทหารบน
เชิงเทินกำแพงเมืองตายเสียมากมาย บ้างหนีได้ก็รอดแต่ส่วนใหญ่แล้วสิ้นชีพไป.............
             * แก้วประเสริฐ. *   

Cartoon_Animation_08.gifn016.gif				
comments powered by Disqus
  • โคลอน

    11 มีนาคม 2553 13:33 น. - comment id 115737

    11.gif4.gif11.gif36.gif
    
    มีสาวๆทั้งสวยทั้งเก่งอยู่เคียงข้างแบบนี้ หนักใจแทนนะคะ ...อิอิ 44.gif
  • แก้วประเสริฐ

    11 มีนาคม 2553 16:02 น. - comment id 115745

    36.gif16.gif36.gif
    คุณ โคลอน
    
       คุณฝนกลัวพระเอกไม่มีแรงหรือครับ แต่เขา
    กินดีงูยักษ์ไปแล้วนะครับ เห่อๆๆๆๆ รักเสมอ
    
           16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน