ตั้งแต่วันปีใหม่ พวกเราสามหนุ่ม สามแง่หลายมุม ตั้งเข็มกันว่าจะไปเคาท์ดาวน์กันบนเขาเขียว แต่เกิดอุบัติเหตุทางความคิด มีคนมาชวนให้ไปหัวหิน ก็เลยเปลี่ยนแผนเสียก่อนและได้เขียนเล่าให้เพื่อน ๆ แล้วใน เพลินวาน คราวนี้ถึงคราวเขาเขียวตามที่ตั้งใจไว้ คุณปู่ของเพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มเราซึ่งท่านเกษียรอายุราชการจากกองทัพอากาศมานานแล้ว ที่มียศ ตำแหน่งก่อนเกษียรอยู่บ้าง มีลูกน้องยังรักเคารพอยู่มากแต่ท่านมีสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรงตามวัยที่ล่วงเลย ได้วานให้พวกเราไปทำบุญให้ท่านที่เขาเขียวโดยท่านช่วยติดต่อประสานอำนวยความสะดวกให้อย่างเรียบร้อย สถานีควบคุมและเตือนเครื่องบินของกองทัพอากาศ ตั้งอยู่บนยอดเขาเขียวเลยจากหน่วยของกรมป่าไม้บนเขาใหญ่ขึ้นไป ใช้เวลาขับรถเกือบชั่วโมง ก่อสร้างโดยการร่วมมือของประเทศไทยและสหรัฐอเมริกา ตามโครงการช่วยเหลือทางการทหาร เป็นเวลาหลายสิบปีมาแล้ว เรียกสั้น ๆ ว่า สถานีรายงานเขาเขียว มีกำลังทหาร และเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยรัดกุมแข็งขัน บุคคลภายนอกหาไม่ได้รับอนุญาต ไม่มีโอกาสผ่านเข้าไปเด็ดขาด หน้าที่หลักคือ ตรวจจับความผิดปกติในท้องฟ้าว่ามีสิ่งใดแปลกปลอมผ่านเข้ามา ถ้าพิสูจน์สัญชาติไม่ได้ก็ต้องแจ้งหน่วยบินของกองทัพอากาศขึ้นสกัดกั้น บังคับลง หรือทำลาย หากพิสูจน์สัญชาติได้จึงปล่อยผ่านเข้ามาได้ มีสโลแกนหรือคำขวัญกำลังใจของหน่วยงานคือ แม้ยามนี้มีเราเฝ้าเวหา คอยพิทักษ์รักษาไม่หวั่นไหว ทั้งท้องฟ้าผืนน้ำขืนล้ำไทย อย่าหมายใจว่าจะพรั่นหรือหวั่นเกรง บนสถานีรายงานเขาเขียวแห่งนี้ มีพระพุทธรูปสำคัญ เป็นที่เคารพนับถือบูชา ของกำลังพลและเจ้าหน้าที่ทุกคน เรียกกันว่าหลวงพ่อเขาเขียว เป็นต้นเหตุของการมาถึงของพวกเราครั้งนี้ เพราะเขากำลังสร้ากุฎิ ให้ท่าน โดยรวบรวมปัจจัยเงินทองจากผู้มีจิตศรัทธาบริจาค ในรูปของผ้าป่าบ้าง หมู่คณะหรือข้าราชการกองทัพอากาศที่เกษียรอายุทราบข่าวก็ช่วยกันคนละไม้ละมือ อย่างเช่นพวกเราถูกคุณปู่ของเพื่อนให้ช่วยนำเงินมาบริจาคถึงแม้จะเล็ก ๆ น้อย ๆ ตามกำลังของแต่ละคน ก็สามารถทำให้กิจกรรมสำเร็จได้ ท่านทหารอากาศทั้งหลาย ถ้าได้อ่านข้อความนี้และอยากจะทำอย่างคุณปู่บ้างก็ไม่ผิดกติกาอันใด การเดินทางของพวกเราไม่มีปัญหาอะไรมาก เพราะเรื่องการเที่ยวนี้เตรียมตัวแค่สองสามนาทีก็ไปได้แล้วชอบมาก สปอร์ตไลเดอร์พร้อมสามหนุ่ม ออกจากรุงเทพฯแต่เช้าแวะกินข้าวแกง ที่ร้านอะไรก็ไม่รู้เห็นคนเยอะ ๆ ก็แวะเข้าไปอยู่แถว ๆ ประตูน้ำพระอินทร์หรืออะไรนี่แหละ อาหารอร่อยมาก จะกินอะไรก็หยิบ ก็สั่งเอาเลย น้ำแข็งน้ำกินก็หยิบกันเองเลือกที่นั่งกันเอง เสร็จแล้วก็มีคนมาคิดสตางค์ไม่แพงเลย ถึงแยกสระบุรีเราแวะเทศโก้โลตัส เตรียมเสบียงกรังของขบเคี้ยว มีคนกระแดะอยากกินไวน์ก็เลยติดไปสองไห ที่เรียกไหเพราะเบอกันดี้เป็นขวดกลม ๆ มีหูหิ้วคล้าย ๆ ไหมีบุหรี่บ้าง แต่เราไม่ได้สูบแล้วเพราะมีเพื่อนในบ้านกลอนนี่แหละเตือนว่าเป็นของไม่ดีอย่ากลับไปสูบอีกเลยเลิกได้แล้วก็เลิกเสียเถอะแต่ติดเอาไว้เผื่อแลกอะไรได้บ้างครั้งละสองมวนอ้าว ๆ นอกเรื่องไปกันใหญ่แล้ว จากสระบุรีไปแวะที่มวกเหล็ก น้ำตกเจ็ดสาวน้อย ดูชมสาวน้อย ๆ เล่นน้ำกันตรึมไปเลย กะกันว่าจะเลยไปเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ก็เกรงจะเสียเวลามากก็เลยไม่ไปมาแวะเสต็กโชคขัย กินทีโบนซะคนละชุดอิ่มหนำไปเลยแล้วรีบไปปากช่องทางเข้าเขาใหญ่ ระหว่างทางพวกก็เปิดไวน์ล้างคอช่วยย่อยเนื้อกันตามทางจนถึง Palio Khao Yai ติดกับโรงแรมจุลดิสหมดไว้น์ไปเกือบครึ่งไหแล้ว คนขับบ่นอู้ กินกับเขาไม่ได้เอาเปรียบกันนี่หว่า เราเห็นรถยนต์จอดกันแน่นไปหมด ไม่ทราบว่า Palio เป็นสถานที่อะไร เคยผ่านมาไม่เคยมี เพิ่งก่อสร้างเสร็จเปิดบริการได้ไม่นาน ก็เลยแวะเข้าไปดูให้รู้แน่ การก่อสร้างแบบแปลกหรูหราเหมือนจำลองมาจากเมืองเก่าในอิตตาลี่หรือเวนิช มีร้านค้าเล็ก ๆทุกซอกซอยทุกมุม มีธนาคารสองแห่งคือ ออมสิน และกสิกรไทย แบ่งเป็นสองโซนคือ Plazza Palio และ Plazza felio ลูกค้าแน่นตรึมเป็นวัยโจ๋ เจี้ยวจ้าวถ่ายรูปเล่นกันสนุกสนาน ของที่ขายก็จะมีของฝากเก๋ไก๋ เป็นส่วนมาก อาหารของกินก็มีบ้าง ดูแล้วนึกถึง เพลินวาน แต่เป็นคนละยุค เราเดินเล่นขึ้นชั้นโน้นลงชั้นนี้ สักพักก็ พากันมาขึ้นรถมาเขาใหญ่เสียค่าธรรมเนียมผ่านและแวะไหว้เจ้าพ่อเขาใหญ่แล้วจึงขับขึ้นเขาด้วยความสบายใจว่า เจ้าพ่อจะต้องคุ้มครองเราให้ตลอดรอดฝั่งแน่ เขาใหญ่ก็เหมือนกับทุกครั้งที่ผ่านมาจนถึงกลุ่มบ้านพักทางแยกถ้าตรงไปก็จะเป็นน้ำตกเหวสุวัต ถ้าเลี้ยวขวาก็จะไปปราจีนบุรีน้ำตกเหวนรก เราเลี้ยวขวาไปนิดเดียวก็มีทางแยกซ้ายเข้าไปสถานีรายงานเขาเขียว มีบ้านพักเจ้าหนาที่อยู่ตรงทางขั้นเราเข้าไปสอบถามบอกความประสงค์เขาแนะนำให้ขับรถโดยระมัดระวังขับรถมาตามทางขั้นเขาแรก ๆ ก็ไม่ชันมากนักสองข้างทางเป็นป่าไม้สมบูรณ์ ถึงทางชันเป็นพับผ้าหลายแห่งดูน่ากลัวมีศาลอยู่แห่งหนึ่งสงสัยว่าจะเคยเกิดอุบัติเหตุจึงได้ตั้งศาลไว้ชื่อ ศาลเจ้าพระยาโกษาเทพประสิทธิ์มีจุดชมวิวผาเดียวดาย เราขับรถดัวยความระมัดระวัง จนถึงกองรักษาการ ติดต่อแล้วผ่านเข้าไปได้คงจะมีการประสานกันไว้ก่อนแล้ว ขับผ่านเข้ามาเห็นบริเวณบ้านพักปิดเงียบ รู้ภายหลังว่าเป็นบ้าน วีไอพี ผู้ใหญ่จะมาพักต้องได้รับอนุญาตจากส่วนกลางเท่านั้น ผ่านเข้ามาเห็นเสาสูงมีจานใหญ่ ๆหลายจาน เห็นสถานีกลม ๆ ใหญ่ ๆ ทาสีเขียวขี้ม้าคงเป็นอุปกรณ์เกี่ยวกับเรด้า รถมาจอดตรงหลังเสาธง เขากำลังก่อสร้างสถานที่ตั้งของพระพุทธรูปอยู่ตรงนั้น เป็นกุฎิไม่ใหญ่นัก หลังคาจัตุรมุขสวยงาม พื่น,ผนัง ,เสา กำลังใช้หินอ่อนสวยงามปูทับ งานยังไม่เสร็จจะต้องทำอีกมาก คงจะประมาณปลายเดือนมีนาคม อาจจะเสร็จเรียบร้อยมีพิธีอัญเชิญหลวงพ่อเขาเขียวขึ้นประดิษฐาน ซึ่งปัจจุบันองค์หลวงพ่อเขาเขียวตั้งอยู่ในโรงเลี้ยงหรืออาจเรียกว่าสโมสร เจ้าหน้าที่มารับเราคงจะเป็นผู้ควบคุมดูแล้วอายุคราว ๆ พ่อ ใจดีมาก เล่าว่ารู้จักกับคุณปู่ของเพื่อนดีเคยปฏิบัติงานอยู่ใต้บังคับบัญชาด้วยเราก็ไม่กล้าถามชื่อ ยศ ตำแหน่ง เรียกเขาว่าคุณลุง ท่านก็ถือเหมือนพวกเราเป็นลูกหลาน พาไปกราบหลวงพ่อเขาเขียวแล้ว ก็พาไปที่พัก นึกแปลกใจมาก ที่พักมีชื่อว่า บ้านชัยพฤกษ์ เหมือนนามสกุลเราคิดเอาว่า อาจจะตั้งตามชื่อต้นไม้ หรืออาจจะมีคนบริจาคสร้างให้แล้วตั้งชื่อตามคนบริจาคก็ได้ บ้านไม่ใหญ่มีสามห้อง เราได้เข้าพักห้องหนึ่งมีเตียงเล็ก ๆ ปูผ้าไว้สอาดสอ้านสามเตียง พักนอนกันได้สบายมาก ห้องอื่นยังมีคณะอื่นเข้าพักด้วยตกเย็นอากาศเริ่มมีกลิ่นอายของความหนาวโชยมาอาบน้ำแล้วต้องใส่เสื้อแขนยาวหนา ๆจึงจะสบายมองดูวิวไปเบื้องล่างไม่เห็นอะไรเลยเป็นสีขาวคล้ายหมอก คงจะอยู่สูงมากสถานที่เป็นสถานที่ราชการและคงจะสำคัญมากเราจึงไม่กล้าเดินเพ่นพ่านตามใจชอบได้ คุณลุงเรียกไปกินอาหารมีปลาทับทิมทอด หมูย่าง แกงเลียง ข้าวร้อน ๆ พวกเรากินเสียอิ่มแปล้ ได้กระทำภารกิจของปู่โดยมอบซองเงินบริจาคแล้วพากันเดินเล่นดูสถานที่ใกล้ ๆ ก่อนความมืดจะโรยตัวเข้ามาเห็นเรือนพักอีกแห่งใกล้ ๆ กันชื่อ อาคารชื่นใจ จุคนได้มาก มีคณะใหญ่มาพัก มีการร้องคาราโอเกะสนุกสนานกันด้วยพวกเรานึกครึ้ม ๆ ก็เลยเอาไวน์มารินดื่มล้างคอกันนิด ๆ หน่อย ๆ หมดที่เตรียมไปพอดีก็เข้านอน ตื่นกันแต่เช้ารีบอาบน้ำแต่งตัว กินข้าวต้มหมู อร่อยมาก มอบเงินบำรุงสถานที่เล็กน้อย แล้วกราบลาคุณลุงกลับ ผ่านทางลงมาก็ดูวิวต้นไม้ตามสองข้างทางเสียมากมองไม่ค่อยจะเห็นอะไร และต้องขับรถด้วยความระมัดระวังมีทางลาดชัน หักศอกเป็นระยะจนถึงปากทางแยก เราเลี้ยวซ้ายไปทางปราจีนบุรีผ่านทางเข้าน้ำตกเหวนรก ทุกคนเคยมากันแล้วก็โหวตกัน เสียงไม่เข้าไปมากกว่าก็เลยไม่แวะเลยเรื่อยลงมาถึงปราจีนบุรีแวะเข้าไปโรงพยาบาลอภัยภูเบศ นวดแผนโบราณซะคนละชั่วโมง หาซื้อต้นไม้แปลก ๆ เพื่อนได้ต้น ส้มมือ มาสองต้น เห็นลูกที่เขามาโชว์ด้วย คล้าย ๆ มือจริง ๆ เขาบอกว่าเอาไว้ทำยาดม หอมดีนัก เป็นไม้หายากขึ้นทุกวัน แล้วก็เดินทางกลับมาทางนครนายก ตัดสินใจกลับบ้านไม่แวะเขื่อนบ้านด่าน น้ำตกสาลิกา เพราะเคยไปมากันหมดแล้ว การเที่ยวเขาเขียวก็จบลงเพียงเท่านี้
9 มีนาคม 2553 22:13 น. - comment id 115647
เขาเขียว ไม่เป็นไรคะ เรา อย่าเขียวเป็นใช้ได้ ... ปล. แหล่งที่มาอ่ะพี่ หมอนวดหรือ หมดนวด
10 มีนาคม 2553 08:26 น. - comment id 115711
อรุณสวัสดิ์ค่ะ พี่ฤกษ์ ดีนะที่เขาเขียว เราไม่ได้เขียว แค่สีน้ำผึ้ง อิ อิ อิ
10 มีนาคม 2553 11:23 น. - comment id 115718
การเล่นร้อยแก้วมันก็สนุกไปอีกแบบหนึ่งนะ พ่อรูปหล่อแห่งเวปไทยกลอน ตอนนี้ที่บ้านผมกำลัง ออกดอกบานเหลืองสะพรั่งเชียวครับ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
12 มีนาคม 2553 22:40 น. - comment id 115774
ที่เล่ามาเค้าไปมาหมดแล้ว.... แต่เค้าชอบนะ "บ้านชัยพฤกษ์" อิอิ ดูแลตัวเองนะ ทั้งกายและใจ... ห่วงใยเสมอ ๆ