ลุ่มลึกอิสราวดี 40 ฝ่ายเจ้าเมืองมะกะยอแห่งปะอาน ทราบข่าวศึกก็จัดสั่งทหารเข้ารักษาเมืองอย่างเข้มแข็ง ครั้นได้รับ สาสน์เจรจากับมังสุริยะชัย ถึงกับหัวร่อลั่นหาได้สนใจแต่ส่งหนังสือให้กับทูตที่มาเจรจานำกับไปให้แก่ มังสุริยะชัยว่าหายินยอมพร้อมใจไม่ หากจะยึดเมืองเราก็ให้ระดมพลตีเข้ามาเถิดข้าเองหาได้เกรงกลัวไม่ ไม่เหมือนกับแว่นแคว้นอื่นๆ ด้วยมีความเชื่อมั่นในภูมิประเทศอันมั่นคงและทหารของฝ่ายตนเองว่า สามารถที่จะรับและรุกในการศึกครั้งนี้ได้ พร้อมกับมีหนังสือให้ม้าเร็วรีบไปแจ้งแก่เหล่าเมืองบริวารทั้งหลายให้รีบจัดส่งทหารมาช่วยการศึกครั้งนี้ ครั้นทหารออกเดินทางไปแล้วก็ไปยังเชิงเมืองเพื่อสั่งการพร้อมกับให้ตระเตรียมน้ำมันและคั่วทรายเตรียมไว้ ให้พร้อม เพื่อป้องกันโจมตีหากเข้ามาใกล้ให้ใช้หน้าไม้ลูกดอกที่อาบยาพิษยิงทันที เมื่อมังสุริยะชัยจัดส่งหน่วยทหารเข้าแทรกซึมไปตามหมู่บ้านรอบเมืองและในเมืองแล้ว ครั้นได้เวลาก็ แสร้งยกกำลังพลโห่ร้องด้านหน้าเมืองของเจ้ามะกะยอแต่ห้ามทหารเข้าโจมตีเพื่อรอจังหวะยั่วเย้า มะกะยอซึ่ง มีนิสัยมุทะลุก่อน ชายหนุ่มทราบว่าอันเมืองปะอานนี้เก่งกาจด้านยาสั่งและยาพิษด้วยท่านมหาอำมาตย์ที ปรึกษาแจ้งให้ทราบล่วงหน้าไว้แล้ว ดังนั้นชายหนุ่มจึงให้ทหารไปหลอกล่อเพื่อให้ทหารฝ่ายปะอานยิงลูกดอกอาบยาพิษมาแล้วแจ้งว่า ให้เก็บไว้แล้วนำมามอบให้ทันที เพื่อจะให้เจ้าขนทองขนขาวพิสูจน์เพื่อหายามาป้องกันไว้เสียก่อน ครั้นทหารได้นำลูกดอกอาบยาพิษมามอบให้มังสุริยะชัยแล้ว ชายหนุ่มจึงเรียกเจ้าขนทองขนขาวมาให้ดมพิสูจน์ ยาพิษ เจ้าลิงทั้งสองบัดนี้เข้าใจคำพูดและกิริยาท่าทางชายหนุ่มแล้วก็รีบออกไปทันที ชายหนุ่มสั่งทหารทั้งหลายอย่าได้เข้าใกล้กำแพงเมืองเด็ดขาด ให้ยั่วเย้าด่าท้อต่างๆนาๆแก่เหล่าทหารจนกว่า จะได้รับคำสั่ง จนเวลาผ่านไปนานเจ้าขนทองขนขาวก็กลับมาพร้อมด้วยตัวยาหลายชนิด ชายหนุ่มจึงสั่งให้ ทหารเรียกหัวหน้าหน่วยพยาบาลมาพบโดยด่วน เมื่อหัวหน้าหน่วยพยาบาลเข้าพบแล้วชายหนุ่มก็สั่งให้นำยาทั้ง หมดนี้ไปตำให้ละเอียดรักษาอย่าให้แห้ง หากแห้งให้ชุบน้ำให้เปียกแล้วใช้น้ำที่คั้นเก็บรักษาไว้ หากใครโดน ลูกดอกอาบยาพิษก็ให้ดื่มและนำเอากากมาพอกบาดแผลก็จะระงับความเจ็บปวดค่อยๆขจัดพิษออกสิ้น หัวหน้าหน่วยพยาบาลรับทราบแล้วก็นำตัวอย่างทั้งหมดซึ่งมีจำนวนมาก ด้วยเจ้าขนทองขนขาวมอบยาแล้ว ก็ไปรีบนำมาเพิ่มเติมอีกจนได้จำนวนมากมายนัก ครั้นสั่งการเรียบร้อยแล้วแจ้งแก่หัวหน้าหน่วยพยาบาลว่าหาก เสร็จพร้อมแล้วให้รีบมาแจ้งให้เขาทราบโดยด่วน หลังผ่านไปอีกไม่นานนักราวครึ่งวันหัวหน้าหน่วยพยาบาลก็ กลับมาแจ้งว่าได้จัดการให้เรียบร้อยแล้ว มังสุริยะชัยทราบดังนี้ก็ รีบนำกำลังทหารม้าทั้งหมดพร้อมอาวุธที่เขาสร้างขึ้นมาออกนำหน้าเหล่าทหาร ทั้งหลาย เมื่อถึงยังด้านประตูเมืองก็เห็นมีทหารของเมืองปะอานจัดทัพรออยู่แล้ว จึงขับม้าสีเทาทุ่งทะยาน พร้อมออกคำสั่งบุกทันที เหล่าทหารม้าที่เชี่ยวชาญกลยุทธ์ต่างๆก็เรียงหน้าเข้าต่อสู้ทันใด เมื่อทัพทั้งสอง ปะทะกันขึ้น ฝ่ายของมังสุริยะชัยมีมากกว่าก็สามารถฆ่าข้าศึกลงได้เพียงชั่วเวลาไม่นานนัก เหล่าทหารของ มะกะยอก็แตกพ่ายหนีกลับเข้าสู่เมือง แม่ทัพนายกองของมะกะยอล้วนแล้วเสียชีวิตมากมาย เหลือเพียงนายกองนำทหารกลับเข้าเมืองรายงานแก่ มะกะยอ ว่าทหารของมังสุริยะชัยนั้นกล้าแข็งนักเชี่ยวชาญการรบทั้งม้าและทหารพื้นดิน การใช้อาวุธก็แปลก ประหลาดทั้งสิ้นนอกจากเหล่าทหารบรรดาแว่นแคว้นต่างๆที่ระดมมานั้นที่เสียชีวิตไปกับทหารของเรา เหตุที่กำลังพลทหารฝ่ายตรงข้ามมีมากกว่า จึงมิอาจต้านรับได้ เจ้าเมืองปะอานครั้นทราบและรู้ว่าบรรดาแม่ทัพที่ออกศึกครั้งนี้เสียชีวิตไป ก็ยิ่งเพิ่มความโกรธเป็นยิ่งนักจึง ใคร่จะนำทัพออกต่อสู้อีกครั้งหนึ่ง แต่บรรดาอำมาตย์ทั้งหลายต่างห้ามไว้ว่าหากการรบต่อไปผิดพลาดเมือง ปะอานเห็นทีจะหาหัวหน้าควบคุมมิได้ เมื่อได้รับฟังการต้านทานเช่นนี้ มะกะยอก็พลันคิดได้จึงสั่งให้รักษา กำแพงเมืองให้เข้มแข็ง สักครู่ม้าเร็วก็กลับมารายงานว่าไม่สามารถจะเข้าเมืองต่างๆได้ด้วย บรรดาเมืองต่างๆ ได้เสียไปให้แก่ข้าศึกหมดแล้วทั้งแปดเมือง ต่างถูกกองทัพของข้าศึกทำลายเมืองและฆ่าเจ้าเมืองเสียสิ้นจัดตั้ง เจ้าเมืองใหม่ บัดนี้กำลังพลทหารที่ตีเมืองทั้งแปดต่างมุ่งหน้ามาทางเมืองปะอานแล้ว มะกะยอได้ฟังเช่นนั้นก็ตกใจเป็นกำลังไม่คาดคิดว่า ข้าศึกจะแยกการตี หลายวันนี้ที่มายั่วเย้าก็เพื่อจะรอ ให้กองทัพที่แบ่งไปตีเมืองต่างๆได้บรรลุผลสำเร็จนั่นเอง จึงรีบจัดประชุมเหล่าอำมาตย์แม่ทัพนายกองทันทีว่า จะทำประการใด ด้วยนิสัยที่ดื้อดึงของชาวกะเหรี่ยงหาได้รู้หนักรู้เบาไม่ตามนิสัยชาตินักรบจึงแจ้งว่าให้ช่วยกัน ระดมกำลังภายในเมืองเพิ่มขึ้นเพื่อรักษาเมืองให้ได้ต่อไปพร้อมระดมพลรักษาเมืองอย่าได้ท้อถอย หากผู้ใด ขัดขืนก็ให้ฆ่าทิ้งเสีย คำสั่งนี้ยามออกไปทำให้เหล่าทหารพากันหวาดกลัวต่อคำสั่งนักจึงพยายามผลัดกันรักษา เมืองอย่างเข้มแข็ง ฝ่ายมหาอำมาตย์ที่ปรึกษาใหญ่เข้ามารายงานแก่ชายหนุ่มว่า บัดนี้บรรดากองทัพทั้งแปดสามารถตีเมือง ต่างได้ได้ราบคาบหมดแล้ว กำลังเดินทางมาถึงค่ายใหญ่แล้วคงอีกไม่เกินสองวันนี้ มังสุริยะชัยก็ยินดียิ่งนัก แจ้งแก่ที่ปรึกษาใหญ่ว่า ให้รีบไปต้อนรับกองทัพไว้แล้วให้พักผ่อนสักสองสามวันเพื่อให้กำลังวังชาทหารนั้น กลับคืนมาเสียก่อน พร้อมให้จัดงานเลี้ยงฉลองชัยชนะแก่แม่ทัพนายกองทั้งหลายตลอดเหล่าทหารด้วย มหาอำมาตย์ทราบแล้วก็รีบออกไปจัดการตามคำสั่งชายหนุ่มทันที ด้านแม่นางจันทิราที่ทราบการวางแผน ของมังสุริยะชัย ยามออกศึกก็ขี่ม้านำหน้าเหล่าทหารมิหวั่นเกรงใดๆทั้งสิ้นซึ่งผิดกับแม่ทัพนายกองทั่วๆไปก็ หายความกังวลสงสัยในใจนางออกไป ด้วยเหตุนี้เองทำให้เหล่าทหารทั้งหลายคะนองศึกยิ่งนักด้วยแม่ทัพใหญ่ นำหน้าเหล่าทหารออกศึกด้วยตนเอง เพิ่มขวัญกำลังใจแก่มวลเหล่าทหารทั้งหลายบังเกิดความนึกชอบขึ้นในใจ นางยิ่งนัก มาดแม้นว่านางจะยังมิได้ออกรบสักครั้งเดียวก็ตามด้วยการติดตามท่านพ่อตลอดเวลาเป็นที่ให้คำ ปรึกษาแก่ท่านเท่านั้น ก็ใคร่คิดอยากจะออกรบร่วมกับชายหนุ่มด้วย จึงหาโอกาสที่จะแจ้งให้ชายหนุ่มทราบได้ประจักษ์ในฝีมือนางบ้าง ครั้นหน่วยทัพทั้งแปดเดินทางมาถึงแล้ว ชายหนุ่มก็ออกไปต้อนรับยังหน้าค่ายแล้วกล่าวแสดงความยินดีแก่แม่ทัพนายกองทั้งปวง ทำให้เหล่าแม่ทัพ นายกองบังเกิดความรักศรัทธาเชื่อมั่นต่อชายหนุ่มเป็นอันมาก ภายหลังจากงานเลี้ยงฉลองเหล่าทหารผ่านไปแล้ว ชายหนุ่มจึงเรียกประชุมแก่เหล่ามหาอำมาตย์และแม่ทัพนายกองทั้งหลาย พร้อมนำแผนทีของท่านมหาอำมาตย์มา กางแล้วชี้แจงว่า เวลาก็เนิ่นนานมาทหารทุกๆคนต่างสมบูรณ์พร้อมแล้ว เราจะเข้าโจมตีเมืองปะอานหากปล่อย ช้าไป จะทำให้บรรดาแว่นแคว้นอื่นๆเพิ่มกำลังมากขึ้นถึงแม้นว่าบัดนี้จะรู้ทั่วไปแล้วแต่ไม่คิดว่าเราจะเข้าโจมตี แว่นแคว้นใดก่อนเท่านั้น จึงแต่งตั้งให้มังสุรเดชเดชาเป็นปีกขวายกกำลังเข้าตีเมืองด้านตะวันออก มังนายะเดชะคุมปีกซ้ายยกกำลังพลเข้าตีด้านตะวันตก ส่วนทิศใต้นั้นให้เหมี่ยวสุรการแอบลอบเข้าทางด้านหลังซึ่งยากแก่ การโจมตีแต่ด้วยเหมี่ยวสุรการนั้นมีความชำนาญด้านภูเขาและค่อยๆเดินทางไปให้ส่งสัญญาณไปยังเหล่าทหารที่ แฝงตัวอยู่ในเมืองและรอบข้างให้ทราบเพื่อรวบรวมพบตีด้านหลังซึ่งติดกับหน้าผา ส่วนด้านหน้าเราจะเข้าตีเมือง เองให้ทุกๆท่านนำยาที่จะมอบไว้และบอกวิธีรักษาให้ตลอดจนนำอาวุธเพื่อใช้ทำลายเมือง ด้วยอาวุธต่างๆรวมลูกดอกของหน้าไม้ของพวกปะอานนั้นล้วนแล้วแต่อาบยาพิษหากรักษาไม่ทันก็จะถึงแก่ ชีวิตทันที ฉะนั้นจงอย่าได้ประมาทเด็ดขาดให้ใช้กลทางทหารเป็นหลักแล้วก็อธิบายถึงการโจมตีตามหลักพิชัย สงครามที่ตนศึกษามาจากตำราเขียนบางส่วนมอบให้เหล่าแม่ทัพนายกองทันที บรรดาแม่ทัพที่ชายหนุ่มสั่งการ น้อมรับแผนที่แล้วก็ถอยออกมาเพื่อรอคำสั่งต่อไป ได้เวลาที่แม่นางจันทิราสบโอกาสทันทีจึงกล่าวขอร้องให้ มอบกำลังส่วนหนึ่งเข้าโจมตีด้านหลังที่เป็นภูเขาด้วย แม่นางอ้างว่าเธอเองเชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะเพราะได้ ฝึกฝนจากอาจารย์มาอย่างดี รอบรู้สิ่งต่างๆสิ้นประกอบกับท่านพ่อได้บันทึกไว้แล้วด้วย ครั้นชายหนุ่มได้ฟังก็บังเกิดความลังเล แต่หากขัดใจหล่อนก็จะทำให้เสียกำลังใจยิ่งนัก จึงอนุญาตและจัด กำลังให้นางส่วนหนึ่งร่วมไปกับแม่ทัพเหมี่ยวสุรการทันที ครั้นได้เวลาฤกษ์งามยามดีแล้วท้องฟ้าแจ่มใสยิ่งนัก ชายหนุ่มก็สั่งให้เคลื่อนกำลังพล ให้สังเกตเสียงระเบิดเป็นสำคัญหากได้ยินเสียงระเบิดเกิดขึ้นก็ให้เข้าโจมตีโดย พร้อมเพรียงกัน บรรดาแม่ทัพที่ได้รับการแต่งตั้งรับทราบแล้วก็จัดกำลังพลออกเดินทางพร้อมชายหนุ่มทันที ครั้นเสียงกลองศึกกังวานขึ้น ชายหนุ่มก็ขับเจ้าสีเทาทะยานออกหน้าเหล่าทหารเคียงคู่กับเจ้าขนทองและขนขาว ที่ขี่ม้ากระหนาบข้างทะยานออกไปด้วย กำลังพลทั้งปวงก็ดาหน้าเข้าสู่เมืองปะอาน ฝ่ายเจ้าเมืองปะอานซึ่งยืนคุมพลทหารอยู่บนเชิงกำแพงครั้นเห็น นึกว่าชายหนุ่มระดมกำลังเพื่อเข้าตีด้านหน้าเพียงด้านเดียวก็หัวร่อลั่นพลางเรียกระดมทหารเกือบทั้งหมดเข้าป้อง เมืองด้านหน้าทันที แต่พอเห็นกองทัพที่ดาหน้าออกมาต่างแยกย้ายกันทั้งปีกซ้ายขวาหลังก็นึกได้ รีบสั่งให้ เหล่าทหารกลับไปประจำยังประตูเมืองต่างๆทันที เสียงย่ำเท้าทหารและหน่วยหม้าดังสนั่นหวั่นไหว ผงคลีคลุ้งกระจายตลบ ไปทั่ว แต่ทางเมืองปะอานหาได้ยกกำลังออกมาต้านรับใดไม่ เพียงแค่ตั้งรับภายในเมืองเท่านั้น ดังนั้นชายหนุ่มก็ให้หยุดทัพพ้นระยะของลูกดอกหน้าไม้แล้วตั้งเรียงกระจายออกไป เพื่อรอให้กองกำลัง ที่จะเข้าตีประตูเมืองทิศอื่นพร้อมเสียก่อน เมื่อได้เวลาอันสมควรแล้วชายหนุ่มก็หันม้ากลับแจ้งไปยังแม่ทัพให้ ลำเลียงอาวุธมาจัดตั้ง ท่อนเหล็กบ้องไฟพิเศษนั้นก็ถูกจัดตั้งขึ้นอย่างรวดเร็ว ที่หมายคือประตูเมืองและกำแพง เมืองที่บรรดาเหล่าหน้าไม้ใช้ป้องเมืองอยู่ ครั้นได้เวลาสมควรชายหนุ่มก็สั่งยิงทันที เสียงหวีดหวิวดังขึ้นบ้องไฟก็พุ่งทะยานเข้าสู่ประตูเมืองและกำแพงภายในเมืองทันที เสียงระเบิดกึกก้องกังวานพร้อมเสียงร้องโหยหวนของเหล่าทหาร เกิดไฟไหม้ไปทั่วภายในเมืองทันที ชายหนุ่มให้ระดมทหารออกยิ่งเพิ่มอีกทันที ภายในเมืองก็เกิดไฟลุกไหม้โชติช่วงเป็นเปลวเพลิงสูงควัน ไฟกระจายไปทั่ว ทำให้บรรดาราษฎร์ต่างพากันส่งเสียงร้องระงม ประตูเมืองก็พังทลายลงมาบรรดาพลหน้าไม้และเหล่าทหารที่เจ้ามะกะยอคิดว่าคงจะใช้สะพานไม้พาดกำแพง เมือง ซึ่งแลเห็นก็ทราบทันทีว่าเป็นกลลวงหลอกพวกมัน แต่ที่แท้จริงคือเป้าหมายประตูกำแพงเมืองนั่นเองและสร้าง ความชุลมุนแก่เหล่าทหารทั้งหลายนั่นเอง มันบังเกิดความตกใจยิ่งนัก แต่ทว่าช้าไปเสียแล้ว ชายหนุ่มพร้อมด้วย เจ้าลิงขนทองขนขาวนำเหล่าทหารควงอาวุธประจำกายเป็นจักรผันป้องกันเหล่า ลูกดอกหน้าไม้หล่นหมดสิ้น เหล่าทหารม้านั้นได้รับสิ่งของที่ชายหนุ่มมอบให้คาดแขนไว้หาได้รับอันตรายใดๆไม่ ก็โลดทะยานนำฝูงม้าติด ตามชายหนุ่มเข้าประตูเมืองทันทีตีฝ่าบรรดาทหารปะอานที่เข้ามาต่อสู้รบตายเป็นจำนวนมาก บรรดาเหล่าไพร่พลทหารของชายหนุ่มก็เคลื่อนกำลังเข้าสู่ภายในเมืองได้ ส่วนทางด้านทิศตะวันออกและทิศ ตะวันตกประตูเมืองก็ทลายลงเหล่าทหารของแม่ทัพทั้งสองก็เข้าสู่ภายในเมืองแล้วเข่นฆ่าเหล่าทหารปะอาน ล้มตาย เสียงอาวุธปะทะกันเสียงวุ่นวายต่างฝ่ายก็เสียชีวิตไป เลือดนองท่วมพื้นดินไปทั่ว ด้านมะกะยอเห็นว่าไม่ อาจจะรับมือได้แล้ว ก็รีบนำบรรดาเหล่ามเหสีบริวารนำทหารเพื่อหวังจะหลบไปทางทิศใต้ ครั้นมาถึงประตูเมือง ก็ต้องตกใจเป็นยิ่งนักที่ประตูเมืองได้ถูกทำลายบรรดาทหารของตนก็ล้มตายไปเสียสิ้น เหลือเพียงทหารของข้าศึก เต็มไปหมด ก็ย้อนหวนกลับเข้ายังวังอีกครั้งหนึ่ง แต่ก็ต้องตกตลึงเมื่อภายในวังล้วนแล้วแต่เต็มไปด้วยเหล่าทหารข้าศึกทั้งหมด มันคิดจะปลอมตัวเป็นชาวบ้าน เพื่อหลบหนีแต่ไม่ทันการเสียแล้ว แม่นางจันทิราได้ถึงตัวมันก่อนใครๆก็เข้าต่อสู้รบกับเจ้ามะกะยอซึ่งจนตรอก ฝ่ายเจ้ามะกะยอเห็นแม่นางจันทิราซึ่งแต่งตัวเป็นทหารร่างเล็กอรชรนักก็นึกประมาท แต่พอปะดาบไม่เท่าไหร่ จึงทราบว่า ทหารร่างเล็กนี้ช่างมีพละกำลังฝีมือฉกาจฉกรรจ์นัก ผ่านไปไม่เท่าใดแม่นางจันทิราก็สามารถตัด หัวเจ้ามะกะยอได้ แล้วพลางหิ้วหัวเจ้าเมืองชูให้บรรดาทหารปะอานทราบว่า บัดนี้เจ้าเมืองปะอานได้เสียชีวิตไปแล้ว พร้อมทั้งชูหัวของมะกะยอให้เหล่าทหารต่างๆได้แลเห็น ทำให้ทหารของปะอานต่างทิ้งอาวุธลงพร้อมยินยอมรับการจับกุมเสียงร้องบอกต่อๆไปยังเหล่าทหารปะอาน ทั้งหมดก็พากันยอมสยบทิ้งอาวุธนั่งลงทั้งสิ้น ครั้นชายหนุ่มเมื่อสามารถยึดเมืองปะอานได้แล้ว ก็ออกคำสั่งแก่แม่ทัพนายกองให้กำชับทหารอย่าได้สร้างความเดือดร้อนแก่เหล่าราษฎร์ทั้งสิ้น พร้อมให้เหล่าทหารปลอบใจบรรดาราษฎร์ทั้งหลายอย่าได้ตื่นตระหนกตกใจว่าจะไม่ทำ อันตรายใดๆ ขอให้อยู่ในความสงบสุขทำให้มวลบรรดาราษฎร์นั้นถึงได้เงียบเสียงหยุดการหนีหลบออก นอกเมือง เมื่อยึดเมืองปะอานได้แล้วเขาก็เข้ามายังท้องพระโรงมะกะยอแล้วนั่งลงยังบัลลังก์ทันทีเรียงรายไปด้วย เหล่าทหารและบรรดาอำมาตย์แม่ทัพนายกองของปะอานที่ถูกจับกุมรอคำสั่งของมังสุริยะชัยต่อไป แต่แล้ว ชายหนุ่มก็ถึงกับตกตลึงเมื่อเห็น แม่นางจันทิราได้นำหัวของเจ้ามะกะยอเดินเข้ามาพลางน้อมถวายแก่ชายหนุ่ม พร้อมกับรายงานทันที ข้าพระองค์เห็นเจ้ามะกะยอมันและบริวารจะหนีออกทางทิศใต้หน้าผาซึ่งเป็นทางลับ ซึ่งหม่อมฉันเจนจัด อยู่แล้วก็นำท่านเหมี่ยวสุรการตีเข้าประตูเมืองแต่ไม่ได้ใช้อาวุธที่พระองค์ประดิษฐ์เลย เนื่องจากมันคงคิดไม่ถึง ว่าจะมีทหารเข้ามาทางนี้พระเจ้าข้า แม่นางกล่าวขึ้น ข้าพระองค์ได้ต่อสู้กับมังกะยอตัวต่อตัวและสามารถฆ่ามันได้ด้วยอาศัยพระบารมีของพระองค์พระเจ้าข้า แม่นางเสริมขึ้นอีก จริงหรือท่านแม่ทัพเหมี่ยวสุรการ ชายหนุ่มสงสัยนักจึงหันไปถามแม่ทัพ ที่ท่านนายกองท่านนี้กล่าว ล้วนเป็นความจริงทั้งสิ้นพระเจ้าข้า ข้าเองจะเข้าไปช่วยแต่นายกองท่านนี้บอก ให้ข้าพระองค์ไม่ต้องช่วยคอยคุมเชิงห่างๆพระเจ้าข้า แม่ทัพเหมี่ยวสุรการถวายบังคมทูล ครั้นชายหนุ่มทราบเช่นนั้นก็ลุกจากบัลลังก์แล้วเข้ามาจับไหล่ทั้งสองของแม่นางพลางกล่าว่า ถือได้ว่าท่านนายกองนี้มีฝีมือยิ่งนัก ด้วยข้าเองนั้นทราบว่าเจ้ามะกะยอนั้นเก่งกล้าสามารถยิ่งไม่คิดเลย ว่าจะต้องตกตายภายในเงื้อมมือของนายกองที่มีรูปร่างเล็กนักเช่นนี้ ถือได้ว่ามีความดีความชอบมากมายนัก ชายหนุ่มยิ้ม ทั้งๆที่รู้ว่าเป็นบุตรีของท่านมหาอำมาตย์ แต่คาดมิถึงว่าช่างมีฝีมือฉกาจฉกรรจ์เช่นนี้......... * แก้วประเสริฐ. *
7 มีนาคม 2553 15:44 น. - comment id 115569
7 มีนาคม 2553 18:44 น. - comment id 115581
คุณ ฉางน้อย หลานรักไม่รู้สึกเป็นอะไรไป ระยะนี้มันรู้สึก เหนื่อยหน่ายเบื่อๆไปเสียหมด ที่เขียนนี้ก็ทนๆ เอาแหละ ด้วยนิสัยบ้าๆบอๆหากคิดจะทำ อะไรมักจะให้สำเร็จ ยกเว้นเรื่องเดียวคือ ฟ้าเพียงดิน หากดีๆจบเรื่องนี้ก็อาจจะเขียน ต่อหรือก็เลิกไปหมดเลยล่ะจ้า รักษาเนื้อตัว นะหลานรัก รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
8 มีนาคม 2553 17:27 น. - comment id 115615
ช่วงนี้ บทบู๊ เยอะอะครับครู..อยากให้ครู สลับกับบท กุ๊กกิ๊ก พระเอก นางเอกมั่ง อิอิ.. เพราะพระเอก รบอย่างเดียวอะครับ
8 มีนาคม 2553 17:49 น. - comment id 115617
คุณ กิ่งโศก ศิษย์รักเรา ครูเคยอ่านตำราว่าด้วยการรบ ของจีนเคยกล่าวว่าหากแม้นสงครามใดมาดแม้น ฝักใฝ่ในเรื่องหญิง การศึกย่อมอาจจะยากแก่การ ปกครองและมักจะพินาศสิ้น ดั่งเช่นสมเด็จพระ องค์ดำของเราก็เช่นกันพระองค์หาฝักใฝ่แก่หญิงใด ไม่ ถือการสงครามเป็นที่ตั้งจนกว่าศึกจะเรียบร้อย นั่นแหละถึงจะฝักใฝ่กับอิสตรี องค์พระเจ้าตากสิน เราก็เช่นดั่งพระองค์ดำ แม้แต่เมืองเรียบร้อย และต้องสิ้นพระชนม์เสียเพื่อนก็ด้วยหญิงเช่น กันนั่นเองจ๊ะ รักศิษย์เราเสมอ แก้วประเสริฐ.
11 มีนาคม 2553 12:56 น. - comment id 115732
โอ้ ตัดหัวเลย แค่คิดก็ซาหยองแว๊วค่ะ ปล.กิ่งโศก อยากให้นางพรายทั้งสองออกมามั่งใช่ป่ะล่า อิอิอิ
11 มีนาคม 2553 15:48 น. - comment id 115740
คุณ โคลอน คุณฝนครับ เรื่องหวิวๆนะยังไม่ถึงเวลาครั้น ถึงเวลา อุ๊ยกระดากปากครับ อิอิ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.