ลุ่มลึกอิสราวดี 35

แก้วประเสริฐ


                           ลุ่มลึกอิสราวดี  35
   ครั้นเจ้าเมืองแห่งมิจินาเมื่อแลเห็นดวงตราประจำตัวของมหาอุปราชแห่งเมือง ศิระสุริยันต์
เช่นนั้น   พลันชายชราเจ้าเมืองก็รีบลงจากหลังม้าพร้อมทั้งคุกเข่าลงทันทียกมือพนมพร้อมกับ
กล่าวขึ้นว่า
       “โอ้????....ข้ามังสินธู  ขอถวายพระพรพระมหาอุปราชพระเจ้าข้า”
     ชายหนุ่มเห็นเช่นนั้นก็ตลึงพร้อมรีบลงจากหลังเจ้าสีเทา  พลางก้าวเข้ามาโอบร่างเจ้าเมืองแห่ง
มิจินาทันที พร้อมพยุงร่างให้ลุกขึ้น พลางกล่าวขึ้นว่า
        “ท่านลุง...ใยทำเช่นนี้เล่า  ถึงมาดแม้นข้าพเจ้าเป็นมหาอุปราชก็จริงอยู่แต่ บัดนี้เมืองได้ล่มสลาย
ไปสิ้นแล้ว  เพียงข้าพเจ้าจะคิดกอบกู้คืนกลับมาเท่านั้น  ใยทำให้ข้าต้องอายุสั้นไปใยเล่า”
         ชายชราลุกขึ้นตามมือของชายหนุ่มพร้อมก้มตัวเอ่ยว่า
          “หากมาดแม้นเมืองศิระสุริยันต์จะล่มสลายไปก็จริงอยู่   แต่ท่านมังมหาสุริยะนรธาธิบดีมีคุณอัน
ยิ่งใหญ่นัก  ที่ข้าได้ครองแคว้นกะฉินนี้ก็ด้วยพระราชอำนาจของพระองค์ที่มอบหมายให้ข้าได้ปกครอง
ดูแล ก่อนเก่าข้าเองก็เป็นอำมาตย์ของเสด็จพ่อพระองค์ได้เข้าปกครองแว่นแคว้นกะฉิน
ที่ปกครองมีเมืองทั้งสิ้นสิบเมืองใหญ่และเล็กๆอีกมากมายนั้นก็ด้วยพระบารมีของเสด็จพ่อพระองค์
คอยช่วยเหลือดูแลเสมอๆ   ข้าเองเป็นข้าใต้เบื้องพระยุคลบาทหาได้ลืมเลือนไปก็หาไม่
            นับได้ว่ามีคุณอันมหาศาลแก่แว่นแคว้นกะฉินเป็นยิ่งนักอันจะหาที่ใดมาเทียมเทียบมิได้พระเจ้าข้า”
       ชายหนุ่มได้ยินเช่นนั้นก็กล่าวขึ้นว่า
      “แล้วท่านยังจำท่านมังมหาสุรเดชาธิบดีได้อยู่หรือไม่ล่ะท่านพ่อลุง”
       ชายชราได้ยินเช่นนั้นก็ทูลขึ้นว่า
       “อันท่านมังมหาสุรเดชาธิบดีนั้นคือพระสหายร่วมสาบานกับพระบิดาของพระองค์และเป็นผู้ที่เลี้ยงดูฝึก
ฝนวิทยายุทธทั้งปวงให้แก่พระองค์พระเจ้าข้า”   เจ้าเมืองมิจินากล่าวขึ้น
         “แล้วท่านมังมหาสุรเดชาธิบดียังอยู่สบายดีเป็นประการใดหรือไม่พระเจ้าข้า”  ชายชราถามขึ้นอีก
          “อ้อๆท่านลุง  ท่านยังสบายดีอยู่แต่ยังไม่ครบกำหนดที่ให้สัจจะแก่เสด็จพ่อเราไว้ และได้มอบสายสร้อย
พร้อมดวงตรานี้แก่ข้าเอง   และได้กล่าวว่าต่อไปจะเป็นประโยชน์อย่างมากหากมาดแม้นเมืองใดที่ยังใฝ่จงรัก
ภักดีต่อเสด็จพ่อ   หากได้เห็นดวงตรานี้ก็เปรียบเสมือนเห็นพระองค์นะท่านลุง”      ชายหนุ่มกล่าวตอบ
         “ในชีวิตของข้าจวบจนป่านนี้และสั่งลูกหลานทุกๆคนตลอดชาวเมืองกะฉินที่อยู่ภายใต้ปกครองของมิจินา
ว่า   หากมาดแม้นวันใดเชื้อสายของพระเจ้ามังมหาสุริยะนรธาธิบดีมาอย่าได้ลุล่วงเป็นอันขาดมิฉะนั้นข้าจะไม่ไว้
เป็นเด็ดขาด   ถ้าอย่างนั้นข้าพระองค์ขอ  อัญเชิญพระองค์เข้าสู่เมืองมิจินาก่อนเถอะพระเจ้าข้า  อ้อ  เหล่าทหารของ
พระองค์ก็ให้เข้ามาด้วย  มีทั้งหมดเท่าไหร่หรือพระเจ้าจ้า”
           “ตอนนี้ข้านำมาเพียงแค่ห้าร้อยนายเท่านั้นเองแหละ  แต่ยังมีอยู่อีกแล้วชายหนุ่มก็เล่าถึงเรื่องของ
เมืองอิสราวดีและนางกษัตริย์ให้แก่เจ้าเมืองมิจินาทราบทั้งหมดทันที”
            “หากมาดแม้นเป็นพระประสงค์ของท่านมหาอุปราชกล่าวเช่นนั้น   ข้าตลอดจนเมืองบริวารต่างๆหากจะ
รวบรวมเหล่าทหารทั้งหมดที่ขึ้นตรงต่อเมืองมิจินาแล้วคงได้ประมาณแสนกว่าๆพระเจ้าข้า   หากมีพระประสงค์
จะให้ข้าออกศึกเมืองใดก็  ทรงแจ้งแก่ข้าพระพุทธเจ้าข้าจะได้ออกคำสั่งให้เมืองบริวารต่างๆระดมทหาร
เข้ามาทันทีพระเจ้าข้า”   ชายชรากล่าวด้วยความนอบน้อม
           “ยังหรอกพ่อลุง  ข้าเองก็ยังนับถือน้ำใจของพ่อลุงมากนัก  ถือเสมือนเป็นญาติผู้ใหญ่ของข้า หากจะกล่าว
กับข้าแล้ว  ให้ถือเสมือนเป็นหลานของท่านพ่อลุงเถิด”   ชายหนุ่มกล่าว
            “หากเป็นความพระประสงค์ของพระองค์  ข้าเองก็น้อมรับใส่เหนือเกล้าไว้  นับแต่นี้ไปข้าจะเรียกท่าน
ฉันท์ใดดีล่ะพระเจ้าข้า”
             “อ้อก็เรียกข้าว่าหลานชายก็แล้วกัน ส่วนชื่อข้านั้นให้เก็บไว้ก่อน เพียงเอ่ยชื่อข้าว่า มังสุริยะชัยก็พอแล้ว
หรือหลานลุงก็ได้ตามใจท่านเถิด”   ชายหนุ่มในร่างของมหาอุปราชกล่าว
             “ดังนั้นข้าจะขอล่วงเกินพระองค์จะเรียกพระนามว่า  หลานมังสุริยะชัยก็แล้วกัน 
เพื่อกลบเกลื่อนร่องรอย  ด้วยบรรดาแคว้นอีกเจ็ดแคว้นนั้นไม่รู้ว่าจะคิดการประการใดหรือ"
            “ดังนี้ก็ได้ท่านพ่อลุง”   ชายหนุ่มเอ่ยขึ้น    
             “นับตั้งแต่ไอ้อำมาตย์มันจะเถลิงตัวเองขึ้นเป็นมหากษัตริย์นั้นก็เกิดลางร้ายฟ้าได้
ผ่ายอดปราสาทและฉัตรเหนือพระอาสน์หักสิ้นไปหมด  มันจึงมิกล้าเพียงแต่ตอนนี้มันระดมพลและพักพวก  
ข้าได้ทราบว่ามันเรียกพวกอาจารย์มันมาร่วมด้วย   ส่วนบรรดาแว่นแคว้นต่างๆก็คิดจะตีตัวออกห่างไปหมดสิ้น
เพื่อประกาศตัวเป็นเอกราชไม่ขึ้นตรงต่อแคว้นอิสราวดีต่อไป   ข้าเองหลังจากเมืองศิระสุริยันต์ล่มสลายก็มีเมือง
อิสราวดีนี้เท่านั้นที่พระธิดาเป็นคู่หมั้นหมายกับท่านมหาอุปราชและเป็นเมืองพี่เมืองน้องกัน  ข้าเองถึงได้คอย
เฝ้าติดตามดูอยู่นะพ่อหลานชาย”      เจ้าเมืองแห่งแว่นแคว้นกะฉินตอบ
       “ตอนแรกระหว่างกำลังผลัดแผ่นดินกันอยู่ข้าเองก็คิดจะรวบรวมพลเข้ายึดอำนาจคืนแต่ติดขัดด้วย  
พวก อาจารย์มันมีเวทย์มนต์และของวิเศษที่ข้าเองไม่อาจจะต้านทานได้   เลยต้องปล่อยเลยตามเลยแต่ใจ
ของข้านี้ช่างร้อนรุ่มเสียนี่กระไรนัก”  เสียงชายชรากล่าวด้วยน้ำเสียงละห้อย
       “มาบัดนี้พ่อหลานชายกลับมาแล้วทำให้ข้าเสมือนได้น้ำอมฤตมาชโลมใจแก่ข้าได้บ้าง”
       พร้อมทั้งจูงมือชายหนุ่มแล้วหันไปสั่งทหารให้กลับเข้าเมือง  รายงานไปยังวังให้จัดงานฉลองต้อนรับ
แก่หลานชายของข้าโดยเร็ว  และให้ทหารทั้งหลายเข้าสู่กรมกองได้ตามปกติ   เมื่อคำสั่งของเจ้าเมือง
แห่งมิจินาแจ้งออกไปดังนั้น  บรรดานายทัพนายกองทั้งหลายต่างก็หันกลับเข้าสู่เมืองทันที  พร้อมแจ้งไปยัง
หน่วยฝ่ายในวังให้ทราบถึงคำสั่งของเจ้าเมือง
         ชายหนุ่มขอตัวแก่เจ้าเมืองมิจินาพร้อมทั้งสั่งให้ทหารที่เรียงรายให้จัดแถวเรียงรายเข้าสู่เมืองต่อไปได้
เมื่อเป็นเช่นนั้น    เจ้าเมืองแห่งมิจินาก็ให้ทหารไปหาที่พักแก่มวลเหล่าทหารของท่านมหาอุปราชพร้อมเลี้ยง
ดูอย่าให้ได้ขาดตกบกพร่องแต่ประการใด     ครั้นแล้วก็จูงมือองค์ชายเข้าสู่สถานชั้นในทันที
        ภายในเมืองของเมืองมิจินาชายหนุ่มสังเกตภูมิประเทศแล้วช่างกว้างขวางใหญ่โตยิ่งนัก  หากมาดแม้นว่า
เขากับเจ้าเมืองตกลงกันไม่ได้เห็นทีการรบพุ่งคงจะยืดเยื้อไปอีกนาน  ด้วยเหล่าทหารของชาวเมืองมิจินาล้วน
แล้วแต่เชี่ยวชาญการศึกทั้งนั้น  ด้วยเขาเห็นการจัดระเบียบเข้าเมืองของเหล่าขุนศึกแม่ทัพนายกองช่างมี
ระเบียบแบบแผน   ส่วนชาวเมืองก็มาต้อนรับและมองเห็นบ้านช่องเรือนเคียงล้วนแล้วแต่โอ่โถงใหญ่โตมาก
แสดงถึงความเอาใจใส่และเกื้อกูลระหว่างเจ้าเมืองกับประชาชนเข้ากันได้เป็นอย่างดี
        เมื่อเข้าไปถึงวังชั้นในแล้วภายในถูกประดับประดาล้วนแล้วอลังการทั้งสิ้น   ชายหนุ่มและเจ้าเมืองได้ให้แม่ทัพนาย
กองเข้ามาร่วมในงานต้อนรับด้วย  ส่วนเหล่าทหารชั้นรองชายหนุ่มก็ให้คอยกำชับทหารทั้งหลาย
อย่าได้ออกไปเดินเพ่นพ่านให้อยู่ในที่เขากำหนดไว้เท่านั้น    
ครั้นชายชราเจ้าเมืองเข้าไปถึงโต๊ะประจำตำแหน่งก็หันมากล่าวกับชายหนุ่มว่า
        “ข้าขอเชิญท่านนั่งยังเก้าอี้ของข้าแทนข้าด้วยเถิด”  ชายชราเจ้าเมืองผายมือกล่าว
        “มิได้หรอกท่านพ่อลุง  ข้าเองนั้นมาในฐานะหลานชายจะล่วงเกินพ่อลุงของข้าไปได้อย่างไรกันขอเชิญ
พ่อลุงตามสบายเถิด” ชายหนุ่มกล่าวขึ้นบ้าง
        “ถ้าอย่างนั้นข้าจะให้เขานำเก้าอี้มาเสริมนั่งเคียงคู่กันเลยนะท่านจะเห็นเป็นประการใดล่ะ”
         “แล้วแต่ท่านพ่อลุงจะเห็นสมควรเถิด”
        เมื่อเจ้าเมืองได้ยินเช่นนั้นก็ให้รีบไปนำเอาเก้าอี้ภายในวังฝ่ายในออกมาตั้งเคียงคู่กับเก้าอี้ในท้องพระโรง
ทันที   แล้วทั้งคู่ก็ลงนั่งพร้อมๆกัน  เบื้องหน้าล้วนแล้วแต่ขุนศึกนายทัพนายกองเหล่ามวลอำมาตย์ทั้งปวง
ตลอดจนที่ปรึกษาก็ร่วมกันเจรจาสนทนา   เบื้องหน้าก็มีการจัดฟ้อนรำตามประเพณีของเมืองมิจินา  ส่วน
บรรดาทหารทั้งหลายก็เสพย์อาหารเหล้ายาไป   แต่ทหารของเมืองมิจินาจะพยายามเท่าใดเพื่อให้ทหารของ
ชายหนุ่มทานสุราหรือจิบบ้าง 
         ก็ได้รับการปฏิเสธสิ้นเชิงอ้างว่าเป็นคำสั่งของชายหนุ่ม  หากผู้ใดฝ่าฝืนจะถูกลงโทษไม่เว้นใดๆทั้งสิ้น 
 ทำให้เหล่าทหารของเมืองมิจินาต่างแคลงใจกันไปต่างๆนาๆ   ส่วนด้านขุนศึกถึงกับตลึงงัน
ถึงความมีระเบียบทหารของท่านมหาอุปราชยิ่งนัก  ที่ห้ามปรามเหล่าทหารทั้งหลายมิให้เสพย์สุราของ
มึนเมาทั้งสิ้นแม้นจะเป็นงานต้อนรับก็ตามที     เจ้าเมืองแห่งเมืองมิจินาก็ประกาศต่อ
ท่ามกลางอำมาตย์ขุนศึกแม่ทัพนายกองทุกๆคนถึงความเป็นมาของชายหนุ่ม  ทำให้เหล่าทหารมวลอำมาตย์
ทั้งปวงต่างจ้องมองชายหนุ่ม  ครั้นเห็นลักษณะองอาจสง่าราศีท่วงท่ากิริยางดงามยิ่งนัก
ก็ให้บังเกิดความนอบน้อมไปทั่วๆกัน   และมหาอำมาตย์ฝ่ายมิจินาก็น้อมทูลขอถวายพระพรทันที
  ทำให้มวลเหล่าทหารอื่นๆต่างลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวคำให้สัตย์ปฏิญาณว่าจะเชื่อฟังเคารพต่อคำสั่ง
ของท่านมหาอุปราชทุกๆประการ
         สร้างความยินดีแก่เจ้าเมืองยิ่งนัก  พลางกล่าวว่านี่เป็นหลานชายคนเดียวของเราที่อาจจะปกครอง
แว่นแคว้นเหล่านี้แทนตัวข้าในกาลต่อไป  และชวนเหล่าทหารอำมาตย์ทั้งหลายดื่มฉลอง
แก่ชายหนุ่มทันที  ครั้นดื่มเสร็จ  ชายหนุ่มก็กล่าวขอบคุณและแจ้งว่าหากเขาผิดพลาดประการใด
ก็ให้ทุกๆคนมีสิทธิที่จะแนะนำแก่เขาได้อย่าได้เกรงใจเป็นอันขาด 
 ทำให้บรรดาอำมาตย์และเหล่าทหารหารถึงกับอึ้งไปถึงความไม่ถือตัว
มาดแม้นนับอยู่เบื้องสูงเป็นนายของพวกมันก็ตามแต่หาได้หยิ่งยโสโอหังแต่ประการใดไม่  ก็บังเกิดความ
รักต่อชายหนุ่มยิ่งขึ้นไปอีก
         การเลี้ยงได้สิ้นสุดลงต่างทยอยๆกันกลับที่พัก  ชายชราก็จูงมือชายหนุ่มเข้าสู้วังชั้นในเพื่อให้ชายหนุ่ม
ได้พักผ่อนตามสบาย   แต่ชายหนุ่มกลับดึงมือเจ้าเมืองไว้แล้วกล่าวว่า
        “ท่านพ่อลุงข้าเองคิดว่าจะขอพักผ่อนสักไม่กี่วันก็จะออกเดินทางต่อไปยังแว่นแคว้นกะยะ เจรจากับ
เจ้าเมืองหล่อยก่อต่อไป  ท่านลุงเห็นเป็นประการใดเล่า”
         “หลานรักอันแคว้นกะยะนั้นล้วนแล้วแต่ทุ่งไกลสุดสายตานัก   ยากจะหาต้นไม้มิได้ภูมิประเทศก็กันดาร
เต็มไปด้วยหุบเขาภูเขามากมายยิ่งนัก   ถ้าพ่อหลานชายจะไปข้าก็จะไปร่วมรบกับท่านด้วย 
 เพราะเจ้าเมืองหล่อยก่อนั้นเป็นคนหยิ่งยโสยิ่งนักถือในอำนาจบัดนี้มันได้แยกตัวออกเป็นแคว้นแรก
ไปก่อนใครๆ ด้วยเชื่อมั่นภูมิประเทศและทหารยิ่งนัก”
         “พ่อลุง.....ข้าเองเห็นว่าจะทำความเดือดร้อนและเมืองมิจินานั้นเล่าก็จะขาดผู้ควบคุมดูแล  ขอให้พ่อลุง
อย่าได้เป็นห่วงกังวลไปเลย   ข้ามาในครั้งนี้จะใช้การทูตนำการทหารเป็นหลักนะท่านพ่อลุง”
          “เอาอย่างนี้ดีกว่าหากเป็นเช่นนั้น  ข้าเองจะมอบทหารแก่หลานรักไปสักห้าหกหมื่นคนทุกๆคนล้วนแล้ว
แต่เชี่ยวชาญภูมิประเทศแว่นแคว้นเมืองกะยะนัก  ด้วยข้าเองก็มิวางใจเจ้าเหมี่ยวสุรินทร์นรานัก ด้วยมันเป็น
คนที่มีเล่ห์เหลี่ยมจัดมาก   มันปกครองแว่นแคว้นต่างๆหกเจ็ดเมืองก็ใช้อำนาจเป็นใหญ่อาศัยพระเดช
แทนพระคุณ  บรรดาแว่นแคว้นที่ตกอยู่ในอำนาจมันต่างไม่พอใจแต่ก็ทำอะไรมันไม่ได้  ถึงแม้ว่าเจ้าเมืองนั้นจะ
เป็นคนของมันก็ตามทีแต่เหล่าอำมาตย์ทหารบางหน่วยก็ล้วนแล้วแต่ทำไปตามหน้าที่เท่านั้นหาได้มีความจริงใจ
แก่มันไม่”
         “หากพ่อลุงมอบทหารแก่ข้าเห็นที่ว่าแว่นแคว้นนี้คงไม่ยากต่อการยึดครอง  แต่ข้าเองคิดว่าจะขออาศัยเมือง
มิจินาเป็นศูนย์กลางทั้งหมด   หากข้าสามารถยึดครองแว่นแคว้นต่างๆได้ก็ให้มาขึ้นตรงกับแคว้นแห่งกะฉิน
ทั้งสิ้น”   ชายหนุ่มกล่าว
          “จะดีหรือพ่อหลานรัก  “  ชายชราอดสงสัยมิได้
          “ดีแน่ท่านพ่อลุง  ด้วยแว่นแคว้นเมืองกะฉินตามที่ข้าสอดแนมมาแล้วล้วนแล้วแต่มีความสามัคคีมั่นคงยิ่ง
นักตลอดชาวเมืองมิจินา  เองก็ถือเป็นแบบอย่างได้ด้วยใกล้ๆกับเมืองอิสราวดีหาก  ข้าตีเมืองรอบๆทั้งหมดได้แล้ว
ก็จะรวบรวมกำลังทั้งหมดเข้ายึดเมืองอิสราวดีคืนให้กลับคืนสู่แม่นางต่อไป”     ชายหนุ่มกล่าว  
           “ถ้าหลานรักเราเห็นอย่างไรเราก็เห็นด้วย   แล้วจะออกเดินทางเมื่อใดล่ะ”
            “ข้าเองคิดว่าคงจะเป็นอาทิตย์นี้ก็จะออกเดินทางไปแล้วล่ะ”
             “ถ้างั้น???.....ข้าจะเรียกประชุมเหล่ามวลอำมาตย์และขุนศึกแม่ทัพนายกองระดมพลพร้อมเสบียงอาหาร
ในการทำศึกครั้งนี้   ขอหลานรักเราอย่าได้กังวลไป   หากมาดแม้นขาดสิ่งใดก็ให้ทหารเร็วแจ้งมาเถิดเราจะรีบ
จัดส่งไปสมทบทันที”   เจ้าเมืองมิจินากล่าวขึ้น    พลางขอตัวไปพักผ่อนทันที
          ครั้นได้เวลาที่ชายหนุ่มแจ้งกำหนดแก่เจ้าเมืองไว้แล้ว  ต่างคนต่างโอบกอดกันและกัน  ชายหนุ่มบอกว่าจะ
นำเอาแคว้นกะยะและเมืองหล่อยก่อมาเป็นของขวัญแก่ชาวเมืองกะฉินให้จงได้
       เมื่อชายหนุ่มได้เดินตรวจตราทัพที่จะยกไปประมาณหกหมื่นกว่าคน  รวมกับทหารของเขาอีกห้าร้อยคน
การณ์ครั้งนี้เขาได้นำอาวุธที่ประดิษฐ์ไว้มาด้วยครึ่งหนึ่ง  มอบไว้ให้แก่ทางหุบเขาครึ่งหนึ่ง   ดังนั้นเขาจึง
มีความมั่นใจยิ่งนัก   เมื่อได้ตรวจพลเรียบร้อยแล้วเขาก็แจ้งถึงการประดิษฐ์สิ่งที่เขาคิดไว้ให้แก่ท่านผู้เฒ่าแห่ง
เมืองตลอดจนการทำไว้ให้ด้วยพร้อมแบบแปลนที่เขาเขียนขึ้นใหม่   แล้วสั่งว่าให้จัดทำให้มากๆไว้หากเขามี
ความต้องการจะให้คนมาแจ้งเพื่อใช้ในการต่อไป    
        ชายชรารับแบบแปลนมามองก็งุนงงยิ่งนักแต่ชายหนุ่มก็อธิบายส่วนผสมขนาดและการทดลอง
ให้แก่เจ้าเมืองไว้   ให้คนทำๆด้วยความระมัดระวังเพราะอันตรายมาก  
เวลาทำให้ไปทำยังนอกเมืองอย่าได้ทำในเมืองเป็นอันขาด   เมื่อเขาสั่งจนท่านผู้เฒ่าเข้าใจเป็นอย่างดีแล้ว
         เขาจึงนำทัพทั้งปวงออกเดินทางทันที   โดยให้เหล่าทหารม้าของเขาแบ่งออกเป็นสองหน่วยคุมหน้า
และคอยคุ้มกันด้านหลัง  ด้วยเชื่อมั่นในฝีมือที่เขาฝึกปรือมา ส่วนทหารของเมืองมิจินานั้นเขายังไม่ทราบอะไร
มากนัก   จึงให้แม่ทัพนายกองของเมืองควบคุมแทน    เมื่อเดินทางมาได้ใกล้กับแว่นแคว้นกะยะแล้วก็ให้
หยุดทัพยังด่านที่จะผ่านทันที   แล้วเขาส่งทูตเข้าไปเพื่อเจรจาแต่ไม่ได้ประสบผลด้วย   นายด่านนั้นหยิ่งยโส
โอหังยิ่งนัก  กลับจับทูตเขาไว้เป็นตัวประกัน พลางส่งตัวทูตของเขาคนหนึ่งมาส่งข่าวให้แก่ชายหนุ่มทราบ
          เมื่อทราบดั่งนี้แล้ว ชายหนุ่มก็เกิดความโมโหสั่งให้เหล่าทหารทั้งหลายบุกเข้าโจมตีด่านแห่งแคว้นกะยะ
ทันที  เหล่าทหารทุกๆคนแยกเข้าโจมตีผ่านเข้าสู่ด่านได้  การสู้รบผ่านไปไม่นานนักด้วยทหารม้า
ของชายหนุ่มมีความเชี่ยวชาญในการรบพุ่งยิ่งนักพร้อมกับทหารของเมืองมิจินาก็หลั่งไหลเข้าสู่ด่านแล้ว
  ทำลายด่านลงเสียราบเรียบช่วยเหลือทูตที่เขาส่งไปได้ออกมาพร้อมทั้งฆ่านายด่านแห่งแคว้นกะยาทิ้งทันที
   ข่าวคราวการยกทัพของชายหนุ่มล่วงรู้ไปสู่เมืองหล่อยก่อ  สร้างความตื่นตระหนกตกใจแก่เจ้าเมืองยิ่งนัก
        เมื่อเป็นเช่นนี้เขาจึงนำทัพทั้งปวงเข้าตีเมืองต่างๆของแคว้นกะยะ ทั้งเจ็ดเมืองได้ในเวลาไม่กี่เดือนก็สามารถ
เข้าควบคุมอาณาเขตของแคว้นกะยะได้เกือบทั้งหมดเว้นเมืองหล่อยก่อเท่านั้น   เมื่อจัดการทัพและนำทหารของ
แคว้นต่างๆที่ยอมสวามิภักดิ์กับชายหนุ่ม   ซึ่งนับรวมกันแล้วราวแสนกว่าคนเข้าโอบล้อมเมืองหล่อยก่อทันที......
               *   แก้วประเสริฐ.   *

Cartoon_Animation_08.gifn016.gif				
comments powered by Disqus
  • ฉางน้อย

    2 มีนาคม 2553 14:00 น. - comment id 115406

    071.gif.  
    
    ........... ตั๊บแก...........20.gif46.gif65.gif
  • กิ่งโศก

    2 มีนาคม 2553 20:45 น. - comment id 115419

    พระเกไม่ยักกะเจ้าชู้อะ ครับ อิอิ
  • เทียนหยด

    2 มีนาคม 2553 23:03 น. - comment id 115421

    46.gif46.gif46.gif
    
    ถ้าพิมพ์เป็นเล่มได้คงดีนะคะครู   
    
    29.gif
  • กระต่ายใต้เงาจันทร์

    3 มีนาคม 2553 08:45 น. - comment id 115423

    11.gif11.gif11.gif36.gif36.gif36.gif36.gif54.gif
  • แจ้นเอง

    3 มีนาคม 2553 12:53 น. - comment id 115430

    36.gif
    
    รอคอยด้วยความระทึก
    
    เยี่ยมมากค่ะคุณแก้วฯ
    
    อ่านเพลินเลย
    
     41.gif41.gif41.gif31.gif
  • แก้วประเสริฐ

    3 มีนาคม 2553 14:14 น. - comment id 115433

    36.gif16.gif36.gif
    คุณ ฉางน้อย
    
          จ้าลุงเอง ตับแก่เสียแล้วแหละหลานรัก
    รักหลานเราเสมอๆ
    
            16.gifแก้วประเสริฐ16.gif
  • แก้วประเสริฐ

    3 มีนาคม 2553 14:17 น. - comment id 115434

    36.gif16.gif36.gif
    คุณ กิ่งโศก
    
       ศิษย์รักเอย  ตัวครูเองไม่เจ้าชู้แล้วพระเอก
    อิอิไม่ใช่ครูนะ  ยังไม่เจ้าชู้ อิอิ แค่เพียงไก่แจ้
    เท่านั้นเองแหละนะ  รักศิษย์เราเสมอ
    
           16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif
  • แก้วประเสริฐ

    3 มีนาคม 2553 14:20 น. - comment id 115435

    36.gif16.gif36.gif
    คุณ เที่ยนหยด
    
        ฝีมือคงไม่เข้าขั้นหรอกจ้าศิษย์เรา  หากคิด
    ทำด้วยครูมันจนยิ่งนัก  นอกจากอาศัยพวกศิษย์
    เราเท่านั้นจะจัดทำรวมรวมทั้งกลอนและเรื่องสั้น
    ที่ครูเขียนไว้มาก  ทำเพื่อแจกในงานศพครูเท่า
    นั้นเองแหละจ้า รักศิษย์เรามากเสมอๆ
    
             16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif
  • แก้วประเสริฐ

    3 มีนาคม 2553 14:22 น. - comment id 115436

    36.gif16.gif36.gif
    คุณ กระต่ายน้อย
    
          เป็นงานท้าทายนัก  ลุงชอบมากๆสนุก
    และเพลิดเพลินแก่ลุงเองมากจ้า รักเสมอ
    
             16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif
  • แก้วประเสริฐ

    3 มีนาคม 2553 14:30 น. - comment id 115437

    36.gif16.gif36.gif
    คุณ แจ้นเอง
    
         ผมเองเขียนไปตามอารมณ์แหละครับ
    เพลิดเพลิน ยากตอนค้นหาประวัติศาสตร์เก่าๆ
    และมาตั้งชื่อเองครับ นอกนั้นโม้ไปเรื่อยๆแหละ
    ครับ  ขอบคุณมากผมจะเขียนทุกๆวันไป ยกเว้น
    ไม่สบายก่อนนะครับ  รักเสมอครับ
    
            16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif
  • โคลอน

    6 มีนาคม 2553 11:06 น. - comment id 115537

    ตะแล่มๆๆๆ
    
    มาแล้วค่ะ อิอิ 46.gif36.gif
    
    จะทำการใหญ่ก็ต้องหาแนวร่วมนะคะเนี่ย  29.gif36.gif29.gif
  • แก้วประเสริฐ

    6 มีนาคม 2553 13:56 น. - comment id 115543

    36.gif16.gif36.gif
    คุณ โคลอน
    
          จ้าคุณฝนสิ่งใดก็ตามหากมิมีตัวช่วยก็ยาก
    จะสำเร็จนะ จริงเปล่าครับ รักเสมอ
    
             16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน