ลุ่มลึกอิสราวดี 28 ขณะร่างชายหนุ่มอยู่ท่ามกลางอากาศ ครั้นแลเห็นอาวุธต่างๆพุ่งเข้าใส่ก็ตีลังกาใช้ กระบองฟาดไปยังอาวุธที่จะมาต้องกาย ส่วนเจ้าลิงขนขาวเห็นเช่นนั้นก็เอาไม้ที่ผ่าน การชุบเรืองแสงหวดไปยังบรรดาอาวุธ ช่วยชายหนุ่มอีกแรงหนึ่งแต่ร่างที่บนอากาศ หล่นลงหลังจากฟาดอาวุธพ้นไปแล้ว เรารีบทะยานคว้าเกาะยังผนังฟื้นขอบทันทีร่าง จึงห้อยอยู่ปากหลุม ส่วนกระบองนาคราชก็เข้าทำลายบรรดาอาวุธจนหักสลายไปสิ้น หินที่ชายหนุ่มเหนี่ยวรั้งอยู่ก็หลุดร่วงลงมาทำให้ชายหนุ่มพลัดตกลงไป แต่ทว่าเขา รู้สึกเหมือนมีคนมาช่วยรับและดันร่างเขาให้ลอยขึ้น ดังนั้นชายหนุ่มจึงพุ่งร่างอาศัยเท้า ที่หยั่งได้ ร่างจึงหลุดพ้นปากหลุมแล้วกระโดดไปยังพื้นทันที ชายหนุ่มนึกถึงแม่นางพรายทั้งสองคงจะมาช่วยเขาด้วยในปากหลุมนั้นมืดมิด ปราศจากแสงสว่างจากดวงอาทิตย์นางจึงสามารถออกมาช่วยเขาได้ เมื่อชายหนุ่มพ้น และยืนได้อย่างมั่นคงแล้ว เขาก็ก้มลงกราบยังพื้นดินทันที แล้วกอบเอาดินพร้อม เศษหินต่างๆขึ้นมายกขึ้นจรดหน้าผากท่องเวทมนต์พลางซัดไปยังร่างของชายชรา ที่กำลังส่งเสียงหัวร่ออย่างดีอกดีใจ ยามแลเห็นร่างของเขาหล่นไปในหลุมอาวุธ ที่วางหงายคมขึ้นมาด้วยคมหอกจำนวนมากที่มันสร้างพร้อมกลไกลต่างๆอีกมากมาย ทำไว้เพื่อกำจัดศัตรูที่ล่วงล้ำเข้ามายังปราสาทและสองข้างยังมีลูกธนูที่พุ่งมาอีก มันคิดว่าป่านนี้คงจะเสียชีวิตไปแล้ว แต่มันก็ต้องตาเหลือกเมื่อเห็นร่างชายหนุ่ม อีกครั้งเสียงหัวร่อมันหายไปทันที เมื่อแลเห็นก้อนไฟจำนวนมากมายพุ่งกระจาย เข้ามาหามัน ดังนั้นชายชราจึงรีบล้วงไปในยามกำสิ่งของบางอย่างแล้วเสก ขว้างไปยังลูกไฟต่างๆ ของที่เจ้าชายชราโฉดก็กลับกลายเป็นห่าฝนใหญ่เข้าดับไฟ แต่เศษหินมันเข้ามากระทบยังร่างมันจนต้องเซถอยหลังไปแต่หาได้ทำอันตรายมันไม่ เมื่อชายหนุ่มเห็นเช่นนี้จึงพุ่งร่างเพื่อเข้าหาชายชราทันทีแต่เขาก็ต้องชะงักร่าง เจ้าชายชรา นั้นขว้างประคำที่มันถือออกมาขว้างมากลายเป็นพญานกอินทรีย์ใหญ่ตัวมหึมาหลายสิบตัวพุ่ง ร่างมาหาเขา ชายหนุ่มมิรอช้ารีบดึงเศษขนนกวายุภักดิ์ขึ้นมาแล้วร่ายพระเวทย์ทันทีพร้อมกับ ปล่อยเศษขนนกวายุภักดิ์ ขนนกก็กลายเป็นลำแสงพุ่งออกจากฝ่ามือเขาไปกลายเป็นร่างของ นกวายุภักดิ์หลายสิบตัว พอเจ้าอินทรีย์ยักษ์จำนวนนั้นเมื่อแลเห็นนกวายุภักดิ์ที่รี่ตรงมาหามัน ร่างต่างๆของมันชะงักถึงแม้ว่าจะเป็นสิ่งที่ปลุกเสกก็ตาม แต่ด้วยแพ้อำนาจที่มีอยู่ ของสัตว์ทั้งสองมันข่มกันในตัวเองอยู่แล้ว ทำให้เจ้านกอินทรีย์ร่างยักษ์ก็ถึงกับพ่ายอำนาจต่อนกวายุภักดิ์ที่ผ่านการเสกของชายหนุ่มพากัน บินหนีแต่ก็ไม่พ้น นกวายุภักดิ์ที่ใหญ่และรวดเร็วกว่า พร้อมมันก็ส่งเสียงร้องขู่คำรามกึกก้อง สะท้านไปทั่วป่าบริเวณแถวๆนั้น ชายชราเห็นเช่นนั้นมันนึกไม่ถึงว่าชายหนุ่มนี้ยังเป็นเด็กอ่อนหัดจะมีวิทยาคมแก่กล้าและ ยังมีของวิเศษในตัวอีก เฉพาะเพียงแค่เศษขนนกที่มันสวมใส่ยังมีอานุภาพเพียงนี้ มันจึงเรียก ประคำกลับทันที แต่ทว่าช้าไปเสียแล้วเจ้านกวายุภักดิ์ทั้งหลายก็ถึงตัวเจ้านกอินทรีย์ต่อสู้กันแต่ อย่างไรก็ตามทั้งจิตวิญญาณมันพ่ายแพ้แก่กันไม่นานเจ้าเหล่านกอินทรีย์ก็ตกตายสิ้น กลายเป็นเศษ ลูกประคำที่แตกหักไปหมด แล้วร่างนกวายุภักดิ์ก็พุ่งร่างเข้าใส่ยังร่างของชายชราโฉดทันที เจ้าชายชราที่เรืองด้วยเวทย์มันมันรีบเสกมนต์พลางหยิบของภายในย่ามออกมาสาดไปยังร่าง พวกบรรดานกที่เข้ามาปลายเป็นเปลวเพลิงสกัดกั้นไว้ทันที เจ้านกทั้งหลายเมื่อไม่สามารถทำอันตราย แก่ชายชราที่เรืองวิทยาคมได้ก็กลับมาสู่ยังฝ่ามือชายหนุ่มทันที เขาจึงเก็บเศษขนนกวายุภักดิ์เข้ายัง ย่ามของเขาไว้ พร้อมทั้งชักดาบออกมาเดินไปหาชายชราทันที เสียงดาบยามออกจากฟักส่งเสียง ก้องกังวานมาก จนทำให้ร่างชายชราถึงกับเขม่นมองดูดาบเห็นประกายเขียวปานปีกแมลงทับก็ให้ ตกใจมากๆ ด้วยมันจำได้ว่านั่นเป็นดาบของท่านมหาราชครูผู้เรืองฤทธิ์เดชและเป็นอาจารย์ของมันด้วย แต่มันเนื่องจากถูกท่านมหาราชครูขับไล่ออกมา จึงสร้างความโกรธแค้นแก่มันคิดจะทำลายล้าง ราชวงศ์ของมหาราชครูทีเข้ารับราชการอยู่ให้สิ้นซาก จึงได้สมคบกับมหาอำมาตย์ใหญ่ช่วยส่งเสริม เข้ายึดอำนาจภายในเมืองอิสราวดีเสีย แล้วแยกตัวออกมาบำเพ็ญตบะเพิ่มเติมให้แก่กล้าสำเร็จแต่ ด้วย อาจารย์มันหาได้สั่งสอนมันจนหมดไม่จึงไปร่ำเรียนวิชาอีกหลายๆอาจารย์ที่คงจะมีนิสัยคล้ายๆกัน จนสำเร็จ มันไม่นึกว่าจะได้เห็นดาบเล่มนี้อีก ดังนั้นมันจึงถามชายหนุ่มทันที “นี่เจ้าหนุ่มน้อย เอ็งไปได้ดาบนี้มาอย่างไรหรือ” ครั้นชายหนุ่มได้ยินมันดังนั้นจึงกล่าวปดมันทันทีว่า “ด้วยอาจารย์ท่านได้สั่งสอนและมอบให้แก่ข้าเองแหละ ทำไมหรือ” ชายชราโฉดได้ยินเช่นนั้นยิ่งแค้นใจยิ่งขึ้นด้วยคิดว่าชายหนุ่มคงจะร่ำเรียนวิชาอาคม มาจากอาจารย์มันจนหมดสิ้น แล้วถึงได้มอบดาบวิเศษเล่มนี้ให้แก่มัน จึงไม่ฟังอีล้าค่าอีลมมันจึงย่างสามขุมเข้ามาพร้อมด้วยกระบองที่หัวไม้เท้ามันเป็นรูป สัตว์ประหลาดที่อาจารย์ที่มันร่ำเรียนมาภายหลังเมื่อสำเร็จวิชาการต่างๆมอบให้มันไว้ บัดนั้นเจ้าลิงทั้งสองได้เข้ามาอยู่ข้างกายชายหนุ่มทันทีหลังจากข้ามหลุมลึกออกมาได้ ชายชรามองเห็นก็ชะงักร่างมันทันทีเพ่งสายตามองไปยังเจ้าลิงทั้งสอง เห็นก็ให้นึกแปลกใจนักด้วยมันมีขนแตกต่างกันมากตัวหนึ่งสีทอง อีกตัวหนึ่งสีขาว ส่วนเจ้าสีขาวนั้นมือมันถืออาวุธใดมิอาจทราบได้ส่งแสงแวววาวประกายหลากสีนัก เมื่อชายหนุ่มเห็นเช่นนั้นก็ส่งมอบกระบองนาคราชให้แก่เจ้าขนทองทันที ลิงทั้งสองต่างมีอาวุธครบมือมันห้าวหาญนัก ไม่ทันฟังชายหนุ่มก็พุ่งร่างมันเข้าใส่ยัง ร่างชายชราทันที ทั้งสองตัวต่างควงอาวุธรวดเร็วเป็นจักรผันกระจายวงกลมออกเป็น หลายๆวงเข้าล้อมรอบตัวชายชราทันที ชายชราเมื่อมองกระบองนาคราชเองก็ให้สะท้านใจยิ่งนัก ด้วยมันหาใช่อาวุธที่คน เราจะสร้างมันขึ้นมาเองได้ด้วยเป็นอาวุธของเทพยดา ซึ่งมันรู้ว่าอาวุธไม้เท้ามันมิอาจ จะต่อกรกับกระบองนาคราชได้ แต่ช้าไปเสียแล้วร่างเจ้าขนขาวยกกระบองตีไปยังร่าง ของชายชราทันที ชายชรารีบยกไม้เท้าหัวสัตว์ประหลาดเข้ารับมือแต่ไม่อาจทานน้ำหนัก การาฟาดจากเจ้าขนขาวได้ถึงกับเซร่นๆไป เสียงดังเคล้งๆประกายไฟแลบออกมามากมาย ไม้เท้ามันเกือบจะหลุดจากมือ มันไม่คิดว่าเจ้าลิงขาวนี้จะมีพละกำลังมากมายเช่นนี้ซ้ำการ เข้าตียังเชี่ยวชาญคล้ายฝึกฝนวิชาร่วมสำนักเดียวกับมันก่อนด้วยการใช้ท่าร่างไม่เหมือนการ ตีทั่วๆไป ทุกๆกระบวนการตีประกอบด้วยท่าร่างที่พิสดารยิ่ง ดังนั้นมันจึงรีบร่ายเวทย์มนต์พร้อมชี้หัวไม้เท้าไปยังร่างเจ้าลิงขาวทันที ปรากฏประกาย แสงเจิดจ้าพุ่งเข้าใส่เจ้าขนขาว เจ้าขนทองเห็นเช่นนั้นมันก็กระโดดเข้าขวางร่างเจ้าขนขาว ทันทีพร้อมยกหัวไม้เท้าที่เป็นรูปพญานาคเจ็ดเศียรชี้ไปยังร่างเจ้าชายชราด้วยมันเคยใช้กระบอง นี้มาก่อนแล้วจึงรู้ถึงฤทธิ์เดชอำนาจของกระบองเป็นอย่างดี ฉับพลันดวงตาของพญานาคทั้งเจ็ดก็เปล่งสีแดงจ้าเฉิดฉายเป็นลำแสงเข้าไปยังประกายแสง ของหัวไม้เท้าชายชราทันที เมื่อแสงกระทบกันเสียงดัง เปรี้ยงปร้างเป็นระยะๆแล้วหดหายกลับ คืนยังหัวไม้เท้าของชายชรา บัดดลหัวไม้เท้าก็ระเบิดแตกกระจายจนทำให้เจ้าเฒ่าโฉดถึงกับต้อง โยนไม้เท้าทิ้งลงกับพื้น มันตกตลึงต่อเหตุการณ์เช่นนี้ มันรีบปลดประคำที่เม็ดใหญ่โตออกมา แล้วร่ายพระเวทย์โยนขึ้นไปบนอากาศทันที ทันใดนั้นประคำก็ขยายใหญ่เป็นเปลวเพลิงในลูกประคำเข้าล้อมรอบชายหนุ่มและลิงทั้งสอง ลุกไหม้เป็นประกายสูงยิ่ง แผ่ความร้อนมายังชายหนุ่มและลิงทั้งสองทันทีชายหนุ่มนั่งลงกับพื้น พลางนึกถึงท่านพญาธนาธิบดีนาคาทันทีพร้อมกับส่งเสียงร้องเรียกสามคำ บัดนั้นก็เกิดพายุพัดกระหน่ำ เมฆฝนมาจากที่ใดไม่ปรากฏ สายพายุพัดจนเจ้าเชายชราเซแซดๆไปด้วยแรงแห่งพายุซัดเข้ากับผนัง ก้อนหินทันใด แล้วท้องฟ้าฟาดสายฟ้าเปรี้ยงๆฝนก็ตกมายังบริเวณรอบกองไฟที่ล้อมชายหนุ่มและ ลิงทั้งสองดับลงทันที กลายเป็นลูกประคำที่ขาดจากสายแตกแยกทันใด แล้วร่างของท่านพญาธนาธิบดี ก็ปรากฏกายขึ้น พลางเข้าพยุงร่างชายหนุ่ม เมื่อชายหนุ่มเห็นเช่นนั้นก็เข้ากราบคาราวะท่านพญานาคา ท่านหัวร่อ แล้วกล่าวว่า “ไอ้เฒ่าชรานี้มันโฉดชั่วนัก มันไม่อยู่ในศีลธรรมมักมากในกามคุณยิ่งมันที่เก่งกาจก็ด้วยอำนาจของ เวทย์มนต์ไสยดำทั้งสิ้น ถึงอย่างไรมันก็ไม่อาจจะทานอำนาจพุทธคุณไปได้หรอก” “แล้วจะกำจัดมันได้อย่างไรหรือขอรับท่านผู้เฒ่า” ชายหนุ่มถาม “ตอนนี้ดวงมันยังไม่ถึงฆาต แต่ก็ไม่นานนักแล้วล่ะพ่อหนุ่ม” ท่านพญานาคราชกล่าว “เดี๋ยวเราจะจัดการให้เอง แต่ในปราสาทมันนั้นมีของชนิดหนึ่งให้เจ้าค้นหาเราไม่สามารถบอกได้ ด้วยเป็นวาสนาแต่ละคน หากเจ้ามีวาสนาก็จะค้นพบเองแหละ เรารู้ว่าเป็นของที่คู่ควรแก่เจ้ายิ่งนัก” เมื่อท่านพญานาคราชกล่าวจบ เดินไปหาเจ้าเฒ่าโฉดทันที ส่วนเจ้าเฒ่าโฉดเสมือนมันรู้ว่านี่ไม่ ใช่คนธรรมดายากจะต่อกรได้มันจึง รีบเผ่นหนีแต่ไม่ทันเสียแล้ว ท่านพญานาคราชชี้นิ้วไปยังร่างของ มันทันทีเป็นลำแสงสีสวยงามยิ่งนัก เข้าทำลายร่างส่วนแขนมันขาดไปทันใด เจ้าเฒ่าโฉดเมื่อเสียแขนไป มันก็รีบเผ่นหนีเข้าป่าไปทันที เสียงหัวร่อลั่นของท่านท้าวพญานาคราชดังไล่หลังมัน ยิ่งทำให้มันหนี แทบสิ้นชีวิตหายลับไปจนไม่อาจจะเหลียวหลังกลับมามอง ลิ้มลุกคลุกคลานยืนได้ก็วิ่งหนึ่งสุดชีวิต หลังจากกำราบเฒ่าโฉดชั่วแล้วพลางหันหลังมายังชายหนุ่มที่นั่งพนมมืออยู่พลาง เรียกให้เข้ามาใกล้ๆ แล้วก็สอนวิชาต่างๆให้ชายหนุ่มทันทีเพื่อใช้ในกาลข้างหน้าต่อไป ชายหนุ่มซึ่งได้ฟังเพียงไม่กี่ครั้งก็จดจำ ได้หมดสิ้น พลางกราบลงที่แทบเท้าท่านพญานาคราช ท่านพยุงตัวเขาขึ้นพลางกล่าวว่า “เห็นทีเราหมดธุระแล้วจะต้องกลับแล้วขอให้เจ้าระวังตัวไว้ให้ดีนะ กาลข้างหน้ายังมีอีกมากมายนักแต่ เจ้าควรเข้าไปยังปราสาทค้นหาสิ่งที่เจ้าจะต้องใช้ในวันข้างหน้าให้พบด้วย” ท่านพญานาคราชกล่าวสิ้นคำ ร่างก็ค่อยๆเลือนรางแล้วหายวับไป ท้องฟ้าก็กลับแจ่มใสดังเดิม ชายหนุ่มมองไปยังหน้าปราสาทแล้ว จูงมือเจ้าลิงทั้งสองผ่านเข้าไปข้างใน ซึ่งเป็นบริเวณโล่งๆ มีห้องแค่สี่ห้องเท่านั้นหาได้มีอะไรที่ผิดสังเกตใดไม่ เขาก็นึกแปลกใจนอกจากที่นอนของเฒ่าเจ้าเล่ห์แล้วหามีสิ่งใดพิสดาร ไม่นอกจากตั่งไม้ที่ใช้เป็นที่นอนของมัน เขาเดินไปพิจารณาไปตามฝาผนังห้องที่วาดด้วยภาพสีต่างๆเป็นลวดลายแปลกตายิ่งนักจะหาที่ผิดสังเกตหรือก็ไม่มี ทดลองกดเคาะมือไปตามฝาผนังก็มีเสียงดังปกติแทบทุกๆแผ่นตลอดจนพื้นต่างๆ จึงมานั่งยังตั่งไม้พลางทอด ถอนใจแล้วคิดว่า เห็นทีเราคงจะไร้วาสนาเสียแล้วกระมังจึงหาของที่ท่านพญานาคราชกล่าวไม่เจอ พลางล้มกายลงนอนยังตั่งใช้ความคิดนาๆประการ หากไม่มีแล้วท่านพญานาคราชใยจึงกล่าวเช่นนี้เล่า แต่เราหาไม่เจอเองทั่วทุกซอกมุม ฝาผนังก็แล้วหาได้มีสิ่งใดเป็นที่ซ่อนของดังกล่าวได้ ฉับพลันความคิดเขาก็นึกขึ้นไดว่าทุกๆแห่งค้นหาแล้วแม้กระทั่งพื้นอิฐต่างๆ มีแห่งเดียวที่เขายังไม่ ได้ค้นคือบริเวณใต้ตั่งที่เขานอนนี่เอง เมื่อเป็นเช่นนี้เขาจึงลุกขึ้นยืนแล้วลากตั่งออกมาจากบริเวณนั้นทันที แล้วใช้ส้นมีดเคาะๆไปตามพื้นอีกครั้งหนึ่ง เสียงมันดังปกติยามเขาเคาะไปเรื่อยๆก็มีเสียงแปลกๆรู้สึกว่าเสียง มันคล้ายโปร่งไม่แน่นเหมือนเสียงที่เคาะทั่วๆไป จึงค่อยๆเคาะไปตามบริเวณปรากฏว่าเสียงดังโปร่งๆมี ประมาณหกแผ่นจึงแน่ใจว่าที่เขาค้นหาคงจะอยู่ภายใต้พื้นแห่งนี้แน่นอน จึงค่อยๆเอาปลายดาบงัดออกมา ทีละแผ่นๆจนหมด กลับเห็นเป็นบันไดทอดยาวลงไปข้างล่าง เมื่อเป็นเช่นนี้เขาจึงกล่าวกับเจ้าลิงทั้งสองให้คอยเฝ้าปากทางไว้ เจ้าขนทองไม่ยอมมันสั่นหน้าและส่ง เสียงร้องบอกแก่เจ้าขนขาวให้คอยเฝ้าปากทางไว้แต่ผู้เดียว ชายหนุ่มเห็นดังนั้นก็ปล่อยเลยตามเลยค่อยๆย่าง เท้าเดินลงไป พอก้าวจนถึงพื้นเป็นทางยาวทอด แต่ข้างฝากลับประดับด้วยมุกที่แปลกประหลาดส่งแสง สีนวลใยแลเห็นไปทั่งบริเวณ มีประมาณสามสี่ลูกเห็นจะได้ เขาค่อยก้าวเข้าๆไปทีละก้าวด้วยนึกถึงหลุม ที่ก่อนจะเข้ามา เจ้าเฒ่าโฉดคงจะสร้างกลไกอะไรไว้หากยิ่งเป็นของสำคัญมันยิ่งสร้างรัดกุมยิ่งขึ้น เขามองไป รอบๆบริเวณแล้วค่อยๆย่างเท้าพอพ้นทางเดินเป็นผนังเหมือนประตูห้องๆหนึ่งจึงค่อยๆแง้มเปิดออก ทันใดนั้น ยามประตูเปิดออกเสียงดังหวีดๆๆพร้อมกับมีเสียงดังครืนๆ เขารีบหันหลังไปดูเห็นเป็นซี่กรงเหล็กกั้นทางออก เขาไปเสียแล้ว เขาไม่สนใจเดินย่างเข้าประตูไปทันทีก็มีเสียงลมดังขึ้นแล้วหอกก็ทิ่มแทงจากพื้นดินส่วนฝาผนัง ก็มีลูกธนูพุ่งออกมามากมายเขารีบใช้ดาบฟาดฟันไปยังหอกทั้งหลายจนขาดสิ้น ส่วนลูกธนูนั้นเจ้าขนทองใช้ กระบองนาคราชกระโดดตีจนลูกธนูหักและตกยังพื้นจำนวนมาก ชายหนุ่มก็เข้าช่วยเจ้าขนทองทันทีจนหมดสิ้น เมื่อหมดสิ่งกีดขวางแล้วเขาก็มองไปยังมุมห้องแลเห็นเป็นแท่นบูชามีกระบองสีดำมะเหลือมส่งประกาย สดใสแวววาวยิ่งนัก เขาจึงเดินไปใกล้ๆเป็นพานทองวางสิ่งของไว้แต่ในพานทองกับวางด้วยของชิ้นหนึ่งซึ่ง ลักษณะคล้ายดวงตราอะไรทำนองนั้นประดับด้วยเพชรนิลจินดามากมายสวยงามยิ่งนัก ดังนั้นจึงเอื้อมมือไป หยิบขึ้นมาพิจารณาแล้วนำมาใส่ในอกเสื้อด้านในทันที แล้วยกมือคว้ากระบอกสีดำปลายทั้งสองประดับด้วย ทองล้อมรอบเพชรส่งประกายแวววาว เมื่อเป็นเช่นนี้เขาจึงส่งกระบองสีดำเหล็กที่เขียวจนดำนั้นให้แก่เจ้า ขนทองทันทีพร้อมนำเอากระบองนาคราชมาเสียบไว้ยังเสื้อชั้นใน พร้อมหันหันหลังเดินออกมา สิ่งกีดขวาง เป็นท่อนเหล็ก ชายหนุ่มใช้ดาบฟันไปยังท่อนบนล่างมันขาดออกจากกัน พอที่จะให้เขาลอดออกมาได้ จึงเดินกลับไปทางเดิมเพื่อขึ้นสู่เบื้องบนทันที เจ้าขนทองครั้นได้อาวุธคู่ใจมันก็ดีใจตีลังกาหลายๆรอบ แล้วควงกระบองเป็นวงกลมราวจักรผันทันที เกิดเสียงดังสะท้านแสบแก้วใบหู ชายหนุ่มจึงบอกให้มันหยุดนั่นแหละมันถึงหยุด เขาค่อยๆแงะเอาไข่มุก ออกมาทีละลูกๆจนหมดรวมได้ประมาณหกลูก แล้วเก็บไว้ในย่ามของเขาเพื่อหวังว่าจะอาจมีประโยชน์ต่อไป ในวันข้างหน้า แล้วเดินขึ้นบันไดมาพบเจ้าขนขาวนั่งเฝ้าปากหลุมอยู่ จึงดึงมือมันขึ้นมาพากันเดินออกจากวิหาร เพื่อจะออกเดินทางต่อไป เขาคิดว่าหากได้ข้ามเขาลูกเบื้องหน้าแล้วอาจจะได้พบหมู่คนบ้างแล้วหันไปตบหัวลิง ทั้งสองเบาๆพร้อมย่างก้าวออกเดินทันที.......... * แก้วประเสริฐ. *
23 กุมภาพันธ์ 2553 16:14 น. - comment id 115216
มาติดตามต่อครับครูแก้ว
24 กุมภาพันธ์ 2553 10:47 น. - comment id 115246
คุณ กิ่งโศก ครูก็เขียนไดเรื่อยๆก่อนจ๊ะ รักศิษย์เรามาก เสมอ แก้วประเสริฐ.
24 กุมภาพันธ์ 2553 16:57 น. - comment id 115250
ติดตามอยู่นะคะ
24 กุมภาพันธ์ 2553 18:50 น. - comment id 115254
คุณ โคลอน อิอิ เหมือนสายฝนหลั่งมาวันนี้เชียวครับ ชื่นใจหายร้อนหน่อยนะ เหมือนชื่อคุณเลยครับ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.