ลุ่มลึกอิสราวดี 27

แก้วประเสริฐ


                ลุ่มลึกอิสราวดี  27
   หลังจากที่เขามองจนกระทั่งฝูงช้างป่าแม่ลูกอ่อน  เดินลับหายไปยังป่าลึกแล้ว  จึงหันหลังกลับ
มุ่งหน้าออกเดินทางเพื่อจะข้ามทุ่งลานกว้าง หลบเลี่ยงหล่มโคนตมบางแห่ง   จนกระทั่งมาถึง
ป่าซึ่งติดกับเชิงเขา     เขาได้ยินเสียงน้ำตกไหลดังมาอีกฟากหนึ่งเยื้องๆเหลี่ยมเขา    ดังนั้นจึงได้
รีบจูงมือลิงทั้งสองออกเดิน    เพื่อค้นหาแหล่งน้ำตกครั้นเดินเลี้ยวซ้ายและขวาซึ่งเต็มไปด้วยก้อน
หินน้อยใหญ่    พ้นเหลี่ยมเขาที่ทอดมาก็พบแหล่งน้ำตกที่สูงชันไหลรินลงมาเป็นชั้นๆหลายๆชั้น
แลดูช่างงดงาม   
    ชายหนุ่มยื่นชมธรรมชาติที่อุดมไปด้วยพืชพันธุ์ไม้ที่เรียงรายล้อมรอบสายลำธารที่ไหลทอดหลั่ง
ไหลลงมาจากเห็นเป็นทางคดเคี้ยว  วกหายไปในป่าด้านล่างของภูเขาลูกนั้น   แนวต้นเฟิร์นขึ้นเขียว
ชอุ่มตามก้อนหิน บ้างก็ขึ้นบริเวณริมขอบของแอ่งน้ำตกทั้งเล็กและใหญ่  ตามก้อนหินใหญ่บางก้อน
เฟิร์นขึ้นดูเขียว   แต่แปลกที่หินต่างๆนั้นช่างหลากหลายสีนัก     แต่ที่ยิงแปลกกว่านั้นคือ บริเวณผนัง
ของภูเขานั้นกับเต็มไปด้วยโพรงต่างๆขนาดเล็กบ้างใหญ่บ้าง ทอดเรียงรายห่างกันเป็นระยะๆ
      ปกติที่ผ่านมาเขาจะเห็นโพรงถ้ำเพียงแห่งเดียว  แต่นี้มันไม่ใช่โพรงถ้ำคล้ายๆกับเป็นโพรงอาศัยของ
สัตว์บางจำพวก   แต่เขาไม่คิดอะไรมากจึงเดินไปยังริมลำธารที่ไหลตกทอดมาจากแอ่งน้ำตกเพื่อจะได้
นำกระบอกน้ำที่ใช้ดื่มกิน  เติมน้ำจนเต็มทั้งสามกระบอกแล้วก็นำไปแขวนไว้ในที่เขาใช้กองสัมภาระ
ด้วยความต้องการที่จะลงอาบน้ำให้ชื่นใจสักหน่อย    ครั้นเปลื้องเสื้อผ้าจนหมดร่างแล้วก็โผลงน้ำทันที
ระหว่างการขัดหวีฉวีร่างกายที่ไม่ได้ถูกน้ำมาหลายๆวันนั้น  สร้างความสดชื่นให้แก่ชายหนุ่มยิ่งนัก
     พร้อมกับเรียกลิงทั้งสองให้ลงมาร่วมสนุกสนานด้วย  เจ้าขนทองซึ่งเคยชินกับการอาบน้ำก็พุ่งร่างมัน
ลงมาและว่ายมาหาเขา   ส่วนเจ้าขนขาวมันกล้าๆกลัวๆ มันค่อยๆเอามือจุ่มน้ำแล้วค่อยๆย่างก้าวลงมาที
ละน้อยๆจนในที่สุดมันก็ว่ายมาหาเขาได้   ทั้งสามต่างสาดน้ำแก่กันเจ้าลิงทั้งสองระหว่างเล่นน้ำนั้นก็สะบัด
ขนหัวมันตลอดเวลา     ในขณะที่เพลิดเพลินกับการเล่นน้ำนั้นเขาหาได้สังเกตสิ่งรอบข้างไม่ด้วยไม่คิดว่า
จะมีสิ่งร้ายเกิดขึ้นกับเขา    แต่บัดนี้ที่ปากโพรงทั้งหลายต่างมีหัวของสัตว์ออกมาจ้องมองดูการกระทำของ
ชายหนุ่มและเจ้าลิงทั้งสองทันที   ด้วยมีหลายๆโพรงทุกๆโพรงหินมีสัตว์โผล่หัวออกมามองดู
       เสียงร้อยเจี๊ยวจ๊าวๆของเจ้าลิงทั้งสองดังขึ้นทันทียามมันแลเห็นเจ้าสัตว์ที่โผล่หัวออกมา  พร้อมสะกิด
ชายหนุ่ม  ทำให้เขาเกิดความสงสัยจึงหันหลังไปมอง  ครั้นแลเห็นดังนั้นก็รีบว่ายน้ำกลับขึ้นฝั่งทันทีพร้อมๆ
กับเจ้าลิงทั้งสอง   ครั้นถึงริมฝั่งก็พอดีกับเจ้าสัตว์เหล่านี้พากันออกมากระโดดลงไปในแอ่งน้ำว่ายมาหาพวก
เขา   รูปร่างมันก็คือกบธรรมดาแต่สีสันมันแตกต่างกันบ้างสีเขียว บ้างสีแดงเรื่อๆสลับเขียวเป็นลายๆข้างๆ
ลำตัวมัน  รูปร่างมันใหญ่โตประมาณกระด้งหรือใหญ่กว่าเห็นจะได้    
      เมื่อมันว่ายน้ำอย่างรวดเร็วนักชายหนุ่มยังแต่งตัวไม่เสร็จ      มันก็กระโดดเข้ามาหาด้วยความเร็วมาก  
พร้อมทั้งแลบลิ้นออกมายาว  ตัวแรกมันใกล้แล้วตวัดลิ้นมาเพื่อหมายมายังชายหนุ่ม  
 ชายหนุ่มครั้นนุ่งกางเกงเสร็จก็รีบหันไปคว้าดาบชักออกจากฝักทันที    พร้อมกับตวัดดาบตัดไปยัง
ปลายลิ้นที่แลบมาถึงตัวเขา   ลิ้นเจ้าสัตว์รูปร่างเหมือนกบขาดกลิ้งไปบนพื้นดินที่เต็มไปด้วยใบไม้แห้งๆ
เลือดหลั่งไหลนอง  ลิ้นมันกระดุกกระดิกเต้นไปมาๆก็ค่อยสงบ ส่วนเจ้าตัวมันก็ส่งเสียงร้องดังลั่นเลือด
ฉีดไปทั่วบริเวณแถวๆนั้นแดงฉานไปหมด
      ร่างมันถอยหลังเล็กน้อยแล้วก็กระโดดใส่ชายหนุ่มพร้อมอ้าปากที่เต็มไปด้วยฟันซี่เล็กๆเรียงรายไปทั่ว
ชายหนุ่มพลิกร่างตีลังกาหลบมันแล้วฟาดดาบไปยังเจ้ากบประหลาดทันทีร่างมันก็ขาดออกจากกัน   ด้านเจ้า
ลิงขนทองมันชักกระบองนาคราชมาถือไว้แล้วใช้ปลายแหลมแทงไปยังร่างเจ้าสัตว์ประหลาด ส่วนเจ้าขนขาว
ก็เอาไม้ที่ถูกชุบไว้ด้วยน้ำที่ส่งแสงแวววาวหลากสีฟาดไปยังเหล่าเจ้ากบทั้งหลาย  การต่อสู้เกิดชุลมุนทันที
ความรวดเร็วของเจ้ากบนั้นสู้เจ้าลิงทั้งสองไม่ได้    จึงเสียชีวิตไปมากมายแต่มันก็ร้องเรียกพวกภายในโพรงให้
ออกมาช่วยพวกมันทันที   เสียงขานรับพร้อมกับร่างกบกระโดดลงน้ำว่ายเจ้ามาช่วยเพื่อนมันเป็นทิวแถวเรียง
รายเต็มแอ่งน้ำไปหมด   ชายหนุ่มเองก็ตวัดดาบฆ่าพวกมันไปหลายๆตัว
       ในที่สุดร่างเจ้ากบทั้งหลายก็ตายหมดสิ้นเลือดหลั่งนองไปทั่วพื้นดินและไหลลงไปยังลำธารสีแดงฉานไป
ทั่วทำให้สายน้ำสีขาวบริสุทธิ์กลายเป็นสีแดง  พลางตัวถูกน้ำพัดล่องลอยไปตามสายน้ำก็มี  เหลือบนพื้นดินก็มี
  หลังจากฆ่าเจ้าพวกกบประหลาดจนหมดสิ้นแล้ว 
ร่างของชายหนุ่มที่เปรอะเปื้อนเลือดและเจ้าลิงทั้งสองก็จำเป็นต้องลงไปอาบน้ำในแอ่งอีกครั้งหนึ่ง 
       คราวนี้ชายหนุ่มต้องลงไปซักกางเกงแล้วนำมาตากแดดเพื่อรอให้แห้งก่อน  ภายหลังชำระล้าง
เลือดเจ้ากบแล้ว   ก็ชวนกันมานั่งกินอาหารที่ยังกองสัมภาระอีก   แสงตะวันบ่งบอกว่าคล้อยบ่ายมากแล้ว
หากจะออกเดินทางก็คงจะค่ำมืดกันและจะมีอันตรายจากอะไรอีกก็ไม่รู้นี่ขนาดที่เขาคิดว่าไม่มีอะไร   
        ชายหนุ่มมาคิดดูว่าเห็นทีจะต้องหาที่พักอาศัยแถวๆบริเวณนี้สักคืนหนึ่งก่อน  เมื่อคิดได้เช่นนี้หลังจากกิน
อาหารแล้วไปล้างปากกินน้ำที่ลำธารเสร็จ   ก็มองหาหนทางจะเข้าไปพักยังโพรงที่เจ้ากบอาศัยอยู่ดีหรือไม่ยัง
ตัดสินใจไม่ได้  เพราะอย่างไรก็อาจจะพ้นพวกสัตว์ร้ายดีกว่าไปพักยังคาคบด้วยมีแอ่งน้ำเป็นกำแพงกั้นขวางไว้
แต่หนทางไปยังโพรงล่ะจำต้องว่ายน้ำไปอีกหรือ  สัมภาระตลอดเสื้อที่ทำด้วยขนนกจะเปียกหมด  เมื่อความคิด
นี้นี่เองทำให้ต้องเปลี่ยนใจมองหาคบไม้จากต้นไม้ใหญ่ดีกว่า    ครั้นได้เวลาก่อนจะมืดค่ำจึงออกเดินทางเลียบไป
ยังริมลำธารเพื่อจะได้ลงจากเขาที่มีน้ำตกไหล  บางทีอาจจะพบพื้นที่  ที่มีคนอาศัยอยู่บ้างแต่นี่เป็นป่าทึบมีสัตว์ร้าย
มากมายและแต่ละตัวมันช่างใหญ่โต   ซึ่งอาจจะเป็นไปไม่ได้ที่จะฝ่าเข้ามาหากินแถวบริเวณนี้ 
       ครั้นชายหนุ่มเดินเลียบลำธารสุดทางลำธารก็พบหน้าผาสูงชันที่น้ำในลำธารไหลตกอีกชั้นหนึ่ง สูงชันมาก
เขาชะงักงัน   มองหาลู่ทางที่จะลงไปยังเบื้องล่างก็แลเห็นตามไหล่เขามีหินพอที่จะอาศัยย่างเท้าก้าวลงไปได้
ดังนั้นจึงชวนเจ้าลิงทั้งสองติดตามเขาค่อยๆก้าวไปตามหินต่างๆที่ทอดแต่ลื่นด้วยตะไคร่น้ำจับแต่เขาชินชาเสีย
แล้วในเรื่องเหล่านี้    พลางให้เจ้าลิงทั้งสองล่วงหน้าไปก่อนลิงทั้งสองรู้หน้าที่ดีเมื่อเขาส่งเสียบอกมันตอนนี้
มันเข้าใจคำพูดของเขาได้เป็นอย่างดีแล้วด้วยการฝึกหัดที่เขาถ่ายทอดให้แก่มันไว้   ซึ่งมันทั้งสองชาญฉลาดมาก
จำและเข้าใจกิริยาท่าทางตลอดจนคำพูดของเขาได้หมด   มันกระโดดไปยังก้อนหินพร้อมด้วยหินก้อนหนึ่ง
ครั้นไปถึงก้อนหินที่เต็มไปด้วยตะไคร่น้ำมันก็ลงมือขัดบนก้อนหินให้ตะไคร่น้ำหมดไป  เป็นทางๆไปตลอด
แนวทางทั้งสองตัว  
       ชายหนุ่มก็กระโดดไปยังก้อนหินเหล่านี้ทันทีและด้วยความรวดเร็วไม่ชักช้าต่อการทำงานของลิงทั้งสองที่
ต่างช่วยๆกัน  ทำให้เขาสะดวกต่อการยืนบนก้อนหินนั้นได้อย่างมั่นคง   ครั้นลงไปสุดเบื้องล่างแล้วก็เดินตาม
แนวลำธารไปเรื่อยๆจนได้เวลาใกล้ค่ำเต็มที    สักเกตุเห็นพระจันทร์ที่โผล่ท้องฟ้ามาเป็นรูปเสี้ยวของวงพระจันทร์
และเริ่มมีดาวขึ้นพร่างรายระยิบระยับไปที่ขอบปลายฟ้า   ดังนั้นเขาจึงให้เจ้าขนทองสำรวจเพื่อหาที่พักผ่อนบน
ต้นไม้   เจ้าขนทองหายไปสักพักก็กลับมาพร้อมดึงร่างเขาให้ตามไปพร้อมเจ้าขนขาว   เป็นต้นไม้สูงใหญ่ปลาย
ของมันเกือบจะเทียบไหล่เขาได้
     บัดนี้ชายหนุ่มไม่ต้องอาศัยเถาวัลย์ดุจกาลก่อนแล้วเขาฝึกการปีนป่ายห้อยโหนเถาวัลย์เลียนแบบเจ้าลิงทั้งสอง
ได้คล่องแคล่วดีแล้ว  หากต้นไม้ใหญ่เขาก็อาศัยเขี้ยวเจ้าค้างคาวเป็นตัวช่วยและปักเขี้ยวมันไว้เป็นขั้นๆเพื่อสะดวก
แก่การลงมาของเขา   จนกระทั้งถึงคาคบไม้จัดการปัดกวาดใบไม้แห้งที่ค้างตามคาคบให้หมดสิ้นแล้วนำหนังสัตว์
ออกมาปู    ครั้นเรียบร้อยแล้วก็หยอกเย้าเจ้าลิงทั้งสองเล่น  ตอนนี้ความรักสนิทสนมใกล้ชิดมีมากกว่าเดิมมากนัก
จวบจนร่างของแม่นางพรายปรากฏตัวขึ้นมา   จึงได้เย้าแหย่กับแม่นางพรายทำให้แม่นางพรายถึงหน้าแดงแต่ไม่
กล้าพูดอะไรมาก  เกี่ยวกับการอาบน้ำของเขานั่นเอง
     จนกระทั่งชายหนุ่มทนไม่ไหวเมื่อเห็นแม่นางพรายทั้งสองก่อนเคยพูดจา  บัดนี้กับเงียบงันหน้าแดงไม่ยอม
พูดกับเขาสักคำเดียวเลย   จึงเอ่ยถามไป
       “น้องพี่เป็นอะไรไปหรือเปล่านะ  พี่เห็นเงียบไม่ยอมพูดจาอะไรเลยสักนิดเดียว” 
       “ไม่หรอกท่านพี่ น้องทั้งสองไม่เป็นอะไรหรอก  เพียงไม่กล้ากล่าวเท่านั้นตอนที่พี่อาบน้ำ”
        “อ้าวมันแปลกอะไรหรือล่ะ น้องเรา”
        “มันไม่สมควรจะพูดนี่นา  ขนาดที่เจ้ากบนั้นน้องรู้ว่าไม่อาจรับมือพี่หรอกยังไม่กล้ากล่าวเลย”
       “อุ้ยๆๆๆ????....”   ชายหนุ่มนึกขึ้นได้สาเหตุที่นางไม่เตือนเขาก็ด้วยเหตุนี้นี่เองจึงหาทางกลบเกลื่อนไป
     “พี่เองยังไม่รู้ว่าเมื่อไหร่พวกเราจะไปถึงถิ่นอาศัยของพวกคนได้นะน้อง”     ชายหนุ่มเอ่ยขึ้น
       “น้องคิดว่าอีกไม่นานแล้วล่ะ  ด้วยเรามาถูกทางแล้วแต่ทว่าอาจจะเจอภัยที่คาดไม่ถึงขึ้นอีกจ๊ะ”
        “ยังมีภัยที่คาดไม่ถึงอีกหรือน้อง บอกพี่ได้ไหมจ๊ะ????...”  ชายหนุ่มถามด้วยความสงสัย
        “ในสถานที่นี้ล้วนแต่มีสิ่งพิสดารยากจะคำนวณและเห็นได้จ๊ะ”  หญิงสาวกล่าว
        “เอาล่ะจ๊ะ....
         ช่างเถอะในเมื่อเราประสบเหตุการณ์มาก็มากแล้ว   อะไรเกิดก็ให้เกิดไปเถอะ”
ชายหนุ่มกล่าวคล้ายๆปลงตกเสียแล้ว
        “แต่สิ่งที่น้องรู้นั้นนะมันร้ายกาจกว่าสิ่งที่พี่พบมาอีกจ๊ะ”  ประกายแดงกล่าวขึ้น
        “ยังมีอีกหรือจ๊ะที่ร้ายกาจกว่าที่ผ่านพบมา?????....”  ชายหนุ่มสงสัย
        “จ๊ะท่านที่  มันไม่ใช่สัตว์ธรรมดา  แต่เป็นคนเช่นพวกเรานี่แหละจ๊ะ”   ประกายเขียวตอบ
         “อ้อๆๆๆแล้วลิงขนขาวพี่ตั้งชื่อให้มันแล้วหรือยังล่ะจ๊ะ”  หญิงสาวทั้งสองกล่าวขึ้น
          “อ้อ...พี่ตั้งให้แล้วจ๊ะ  มันชื่อ”ประกายแก้ว” ด้วยขนมันขาวแวววาวคล้ายแก้วจ๊ะ”  ชายหนุ่มตอบ
          “อืมมๆๆๆ???.... ประกายแดง ประกายเขียว ประกายทอง ประกายแก้ว   ช่างสอดคล้องกันจริงนะ”
          “พี่นี้ช่างแต่งตั้งชื่อได้เหมาะเจาะยิ่งนัก”   พรายสาวทั้งสองกล่าว
          “ในเมื่อเราทั้งห้าต่างร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาก็ควรจะให้คล้ายๆกันซิจ๊ะ  พี่สังหรณ์ใจอย่างไรก็ไม่รู้
ว่าต่อไป  เจ้าขนทองคงจะเป็นลิงข้างกายน้องประกายแดง ส่วนเจ้าขนขาวจะเป็นลิงของน้องประกายเขียวจ๊ะ”
ชายหนุ่มรำพึงเสียงเบาๆ
          “ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดีซิ  น้องจะได้แสดงความใกล้ชิดมันทั้งสองตามที่พี่ปรารถนาจ๊ะ”  แม่พรายแดง
กับพรายเขียวกล่าวขึ้น
     ครั้นตะวันของวันใหม่ย่างเข้ามา ทั้งหมดก็ลงจากต้นไม้  ชายหนุ่มไม่ลืมจะถอนเจ้าเขี้ยวค้างตาวทั้งหมด
มาเก็บไว้ดังเดิมอีก   แล้วก็ค่อยๆลัดเลาะออกเดินทางไปตามไหล่เขาเลียบลำธาร  พลันชะงักยามที่แลไปยัง
เบื้องล่าง   มันปลูกสร้างด้วยหินคล้ายปราสาทก็ไม่เชิงคล้ายบ้านก็ไม่ใช่  มันดูแปลกๆที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน
แต่มันมีจตุรบัญชรทั้งสี่ทิศทุกๆทางมันโรยไปด้วยทางเดินที่ทำด้วยก้อนกรวดมองดูเห็นแต่ไกลๆ 
อยู่ในท่ามกลางดงไม้ใหญ่ล้อมรอบ    ด้วยความสงสัยครั้นจะหลีกเลี่ยงไปทางอื่นก็ล้วนแล้วแต่ป่าทึบไปทั้งสิ้น
อาจจะหลงทิศทางไปอีก  นึกถึงคำพูดของแม่นางพรายกล่าวว่าอีกไม่ไกลนักก็จะถึงถิ่นที่อยู่อาศัยของหมู่คน
เห็นทีจะต้องผ่านไปทางนี้เสียแล้ว
        หากไม่มีคนอาศัยก็จะดีแต่หากมีคนอาศัยก็จะขอพึ่งพาพักพิงสักพักค่อยออกเดินทางต่อไป   ดังนั้นจึงมุ่งหน้า
เดินเข้าไปหา   ได้ยินเสียงแม่นางพรายกระซิบว่าให้ระวังตัวไว้ผู้ที่อาศัยอยู่มีนิสัยดุร้ายหุนหันและแก่กล้าวิทยาคม
ยิ่งนัก    ครั้นได้ยินดังนั้นชายหนุ่มก็ไม่ประมาทยืนเพ่งสมาธิพร้อมนำสิ่งของทั้งหลายพลางกำหนดจิตเพ่งไปยัง
เหล่าอาวุธทั้งปวงตลอดจนของที่เจ้าลิงทั้งสองพกพาอยู่ด้วยนำมา  นั่งเข้าสมาธิบริกรรมพระเวทย์เพื่อเพิ่ม
พลานุภาพแก่อาวุธตามตำรับตำราย้อนไปกลับกำหนดจิตจน  อาวุธทั้งหมดเปล่งประกายเจิดจ้าเป็นลำแสงครอบ
คลุมร่างชายหนุ่มหลายหลากสียิ่งนัก     เมื่อร่ายพระเวทย์วิทยาคมแล้วจึงนำไปมอบให้เจ้าลิงทั้งสองพร้อมกับ
จับหัวมันทั้งสองแล้วร่ายพระเวทย์กำกับเป่าลงไปยังร่างของเจ้าลิงทั้งสองทันที  ฉับพลันร่างเจ้าลิงทั้งสองสะดุ้ง
เฮือกพร้อมๆกันทุกๆครั้งที่เขาเป่ามนต์ลงไปมันสะดุ้งทุกๆครั้ง          เมื่อแน่แก่ใจแล้วจึงสำรวมจิตตั้งมั่นค่อยๆ
ก้าวไปยังปราสาทหรือบ้านก็ไม่เชิงทันที
        ฉับพลันเสียงหัวร่อดังลั่นๆสนั่นไปทั่ว   น้ำเสียงคล้ายเป็นชายชรามาแล้วหรือเจ้าเด็กน้อย
  ข้ารอเจ้ามานับเป็นเวลาเนิ่นนานแล้ว  ฮ้าๆๆๆ...
เห็นทีว่าไม่ต้องเสียเวลาอะไรมากนัก  มามะมาเข้ามาเลยเจ้าเด็กน้อย
   เสียงดังลั่น  แต่ชายหนุ่มไม่เห็นร่างเนื่องจากมันอยู่ข้างใน   เขามิได้หวาดหวั่นแต่ประการใดพลางตบไปยังเจ้า
ลิงทั้งสองให้ระมัดระวังตัวไว้ด้วย  
 แล้วค่อยๆเดินไปทางเดินเป็นแผ่นหินเรียงรายประหลาดในเมื่อความสังหรณ์
ใจเกิดขึ้นเขาจึงไม่ประมาทค่อยๆหยั่งเท้าไปบนก้อนหินลักษณะเป็นแปดเหลี่ยม
แผ่นพอจะใช้เป็นทางเดินได้โดยค่อยๆหยั่งทดลองไปก่อนทีละก้าวๆ  
     เมื่อขณะที่หยั่งเท้าไปยังแผ่นหินก้อนหนึ่งมันกลับยุบหายไปทันที
ชายหนุ่มรีบชักเท้ากลับ มองลงไปดูมันมืดมากเป็นหลุมลึกดังนั้นเพื่อความไม่ประมาท
         เขาจึงได้เรียกเจ้าขนทองให้นำกระบองนาคราชออกมาให้เขา 
 เจ้าขนทองก็นำกระบองนาคราชมาส่งให้    เขาจึงนำกระบองทดลองกดลงไปยังอีกแผ่นข้างหน้า
   ปรากฏว่ามันหลุดหายตกลงไปยังข้างล่างทันทีทำให้ทางไปกว้างยิ่งๆขึ้น
    นี่หากเขาชะล่าใจแล้วเมื่อก้าวแผ่นแรกนั้นแล้วกระโดดไปยังอีกแผ่นหนึ่งผล   ก็ทำให้เขาต้องตก
ไปอีกครั้งแน่นอน     เสียงหัวร่อดังลั่นลอดลอยออกมา
        “เออ...มึงนี่ช่างฉลาดนักนะ  ข้าว่าตอนแรกจะฆ่ามึงจัดการด้วยกลไกโดยง่ายๆ 
 แต่เหตุใดรังสีในร่างมึงจึงมีมากมายนัก  กูเองยังสงสัยเหมือนกัน”       เสียงลอดลอยออกมากล่าว    
       “หากมึงแน่จริงก็ให้มาหาข้าให้จงได้  หรือว่าจะเป็นเหมือนคำทำนายมึงไว้
สมกับคำในอดีตที่ทำนายมึงไว้หรือไม่   กูจะทดลองฝีมือมึงดู  ฮ้าๆๆๆๆ....”
      ชายหนุ่มได้ยินเช่นนั้น  แม้สุ่มเสียงนั้นจะชราภาพก็ตาม   แต่มันคงจะคิดร้ายแก่เขามากกว่าดีเป็นแน่แท้ไหนๆ
เมื่อมันอยากทราบฝีมือก็จะทำให้มันสาสมใจนัก  ตามวิสัยของคนหนุ่มเมื่อถูกกระตุ้นย่อมเลือดร้อนขึ้นธรรมดา
ดังนั้นจึง  นำกระบองนาคราชออกจิ้มไปยังอีกแผ่นข้างหน้า  กระบอกนาคราชก็ยาวออกแล้วจิ้มไปทันที
แผ่นหินแผ่นนั้นปกติ     ดังนั้นเขาจึงรวบรวมพละกำลังที่มีมากมายกระโดยลอยตัวข้ามพ้นกระหว่างหลุมแรก    
       ทันใดที่ร่างเขาลอยไปเพื่อไปยังแผ่นหินที่ไม่ยุบนั้น  ภายในหลุมก็ปรากฏมีลูกธนู หอก อาวุธต่างๆ
พุ่งเข้าใส่ร่างเขาที่กำลังลอยอยู่กลางอากาศทันที..........
                      *  แก้วประเสริฐ.  *

n016.gif				
comments powered by Disqus
  • ฉางน้อย

    22 กุมภาพันธ์ 2553 14:45 น. - comment id 115175

    02.gif02.gif02.gif46.gif
  • โคลอน

    22 กุมภาพันธ์ 2553 21:01 น. - comment id 115193

    46.gif46.gif46.gif
  • กิ่งโศก

    22 กุมภาพันธ์ 2553 21:28 น. - comment id 115196

    ยังติดตามอยู่ครับครูแก้ว
  • แก้วประเสริฐ

    23 กุมภาพันธ์ 2553 09:59 น. - comment id 115199

    36.gif16.gif36.gif
    คุณ ฉางน้อย
    
          หลานรักเรารำเฉิบๆเลยนะเดี๋ยวคุณฝน
    หัวร่องอหายแหละจ้า รักหลานเราเสมอ
    
            16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif
  • แก้วประเสริฐ

    23 กุมภาพันธ์ 2553 10:01 น. - comment id 115200

    36.gif16.gif36.gif
    คุณ โคลอน
    
          หัวร่อเจ้าฉางหรือครับ รักเสมอ
    
             16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif
  • แก้วประเสริฐ

    23 กุมภาพันธ์ 2553 10:02 น. - comment id 115201

    36.gif16.gif36.gif
    คุณ กิ่งโศก
    
          ศิษย์เราเรื่องเริ่มจะเข้มข้นทุกขณะแล้วล่ะ
    จ๊ะ รักศิษย์เราเสมอๆ
    
            16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน