ลุ่มลึกอิสราวดี 26 ชายหนุ่มเริ่มฝึกสอนการขว้างก้อนหินแก่แม่นางพรายทั้งสอง โดยให้ทดลองขว้างไป ยังลำต้นไม้ที่ห่างไกลพอประมาณ เหมือนที่เขาฝึกมาไม่ผิดสองสามก้อนไม่ถูกลำต้นเอา เสียเลย เมื่อผ่านไปสักครู่ใหญ่ก็เริ่มจะถูกเป้าหมายบ้าง เวลาผ่านไปๆ เมื่อครั้นเห็นทั้ง สองขว้างได้ดีถูกเป้าเกือบทุกๆก้อน ชายหนุ่มก็เดินไปใช้มีดน้อยขีดวงกลมตามต้นไม้ ต่างๆให้แม่นางพรายทั้งสองขว้างเป้าสลับกันไปมา จนกระทั่งนางสามารถใช้ก้อนหิน ได้ถูกต้องเกือบทุกๆต้นแล้ว เขาจึงเริ่มถ่ายทอดวิชาที่ร่ำเรียนมาจากในหนังสือและวิชาของท่านผู้เฒ่าที่เขานำมา ผสมผสานกันให้แก่นาง เวลาผ่านไปหลายๆวันเขายังไม่คิดที่จะเดินทางเพื่อต้องการให้ เหล่านางพรายได้ฝึกปรือวิชาต่างๆตลอดจนเวทย์มนต์ที่เขาถ่ายทอดให้โดยไม่ปิดบัง ด้วยนางพรายนั้นการฝึกฝนย่อมง่ายโดยกำชับแก่แม่นางทั้งสองห้ามใช้อิทธิฤทธิ์ที่มีโดย เด็ดขาด มิฉะนั้นยามเมื่อกลับคืนร่างแล้วจะหาประโยชน์ใดๆมิได้สิ้น นางพรายก็เชื่อฟังเขาทั้งๆที่นางเองมีอิทธิฤทธิ์สามารถบังคับอาวุธต่างๆได้ดีอยู่แล้ว แต่ด้วยเพื่อหวังในอนาคตกาลข้างหน้าจึงทอดทิ้งไปเสียก่อน เมื่อพวกหล่อนฝึกฝนจน คล่องแคล่วดีแล้วและยิ่งใช้อิทธิฤทธิ์เข้าประกอบด้วยยิ่งสร้าง พลานุภาพให้แก่อาวุธนั้น มากขึ้นกว่าเดิมอีก สามารถบังคับอาวุธต่างๆให้เป็นไปตามวิชาความรู้ที่ชายหนุ่มพร่ำสอน พลิกแพลงกระบวนท่าได้ตามใจชอบตามอิทธิฤทธิ์ที่นางมีอยู่ตามวิสัยของพรายทั้งหลาย เมื่อชายหนุ่มถ่ายทอดวิชาความรู้จนหมดสิ้นแล้ว เขาเห็นว่าสมควรจะออกเดินทางได้ แล้วจึง กล่าวขึ้นว่า “บัดนี้พี่เองได้ถ่ายทอดวิชาต่างๆให้น้องทั้งสองหมดสิ้นแล้ว อยู่ที่น้องพี่เท่านั้นเองจะฝึกฝน ให้เชี่ยวชาญมากขึ้นเท่านั้น แต่พี่สังเกตว่าน้องพี่ใช้อิทธิฤทธิ์ที่มีอยู่เข้าผสมผสานกันอย่างเฉลียว ฉลาดก็ยิ่งเพิ่มประสิทธิ์ภาพให้แก่อาวุธต่างๆยิ่งขึ้น นับเป็นการดีมากจ๊ะ” ชายหนุ่มกล่าวขึ้น “จ๊ะท่านพี่นับว่าสายตาของท่านที่แหลมคมยิ่งนัก ที่รู้ว่าน้องใช้อิทธิฤทธิ์เข้าประกอบด้วย” นางพรายสาวกล่าวขึ้น “พี่เห็นว่าพรุ่งนี้พวกเรา ก็คงจะออกเดินทางกันได้แล้วจ๊ะ แต่ว่าหาทางออกไม่ได้หรือ ว่ามีแต่คงมิใช่ทางที่เราผ่านนี้หรอก เห็นทีจะต้องปีนเขาสู่เบื้องบนปลายระหว่างเขาทั้งสองออกไป เสียแล้วล่ะ” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้น “น้องเองรู้ว่ามีหนทางที่จะไปได้แต่อยู่ไกลมากนักและต้องผ่านสิ่งอันตรายมากๆสู้ทางนี้ซึ่ง มีอันตรายน้อยกว่าจ๊ะพี่” นางพรายแดงกล่าวบ้าง “แต่ท่านพี่ก็อย่าได้ประมาทเด็ดขาด ด้วยยังมีสัตว์ร้ายอาศัยอยู่จำนวนมากนักจ๊ะ” นางพรายแดง ก็กล่าวเช่นเดียวกัน “จ๊ะขอบใจน้องทั้งสองมาก พี่จะคอยระมัดระวังตัวไว้” ชายหนุ่มขอบใจพรายสาวสวยทั้งสอง พออรุณรุ่งสางก่อนพระอาทิตย์จะขึ้น เขาทั้งหมดก็ออกเดินทางมาถึงริมหน้าผาที่สูงชัน เขารอ จนพระอาทิตย์ยามอรุณส่งแสงมาทำให้เห็นสภาพค่อนข้างชัดเจน แม้จะมีหมอกบ้างก็ตาม แต่ส่วน ใหญ่จะอยู่แถวบริเวณยอดเขาเป็นส่วนมาก ส่วนทางที่จะไปเป็นปลายทางของภูเขาจึงไม่สูงชันนัก มีหมอกบางเบา รอจนพระอาทิตย์ส่องแสงเหล่าหมอกก็ค่อยๆหายไปจนหมดสิ้น ดังนั้นเขาจึงค่อย ปีนไปตามชะง่อนหินที่ยืนออกมาเมื่อยืนได้แล้ว แต่เบื้องหน้ากลับหามีชะง่อนหินยื่นอีกไม่ เขาได้ล้วงเอาเขี้ยวของเจ้าพวกค้างคาวที่เก็บไว้ ในย่ามออกมา ทดลองแทงลงไปยังหน้าผานั้นเพื่อจะใช้เป็นที่เหนี่ยวรั้งตัวให้มีที่เกาะโหนตัวขึ้นไป เมื่อทดลองแล้วเขี้ยวอันแหลมคมได้ฝังลึกลงไปในเนื้อหิน เหตุดังนี้เขาจึงถือเขี้ยวของเจ้าสัตว์ร้าย และลองเขย่าชั่งน้ำหนักดูเห็นว่าสามารถที่จะพยุงตัวขึ้นไปได้ จึงนำเขี้ยวมันมาถือไว้สองข้าง ใช้ข้าง หนึ่งเป็นหลักแล้วถึงตัวให้ขึ้นเสียบเขี้ยวอีกอันหนึ่ง เขาทำแบบนี้จึงสามารถไต่ไปได้เกือบจะถึงหน้าผา แต่ทันใดนั้นเองเสียงดังกึกก้องของเหล่านกร้องสนั่น เขาปักเขี้ยวไว้บนหินสองอันใช้ยืนอันหนึ่งแล้ว เหลียวมามองเห็นเจ้าพวกนกต่างมุ่งมาทางเขา มันต่างขยายงุ้มเล็บอันแหลมคมหมายขยุ้มร่างเขาไป ชายหนุ่มก็ไม่สามารถจะช่วยเหลือตัวเองได้ ด้วยมือเขาไม่ว่างครั้นเหลือมือเดียวแต่ก็ไม่ถนัดนักที่จะ เข้าต่อสู้กับมัน หากเขาพ้นถึงหน้าผาแล้วก็คงจะหาทางแก้ไขได้หรอก แต่นี่ร่างเขายังห้อยร่องแร่งอยู่กลางอากาศเช่นนี้ ยากนักที่จะป้องกันตัวเองได้ จึงได้รีบปีนต่อไปทันที นอกจากนึกแล้วแต่บุญกรรมเท่านั้น และมิได้สนใจอีกแล้วพยายามไต่โดยใช้เขี้ยวนี้ให้เป็นประโยชน์ อย่างรวดเร็วหมายให้ถึงหน้าผาก่อน ก่อนที่ เจ้าพวกนกนั้นจะมาทำร้ายแก่เขาได้ เหลียวไปทำหน้าที่ออกปีนต่อไปด้วยความรวดเร็วกว่าเดิม เขาสังเกตเห็นมันคือเหยี่ยวนั่นเองแต่สภาพร่างกายมันไม่เล็กเหมือนเหยี่ยวทั่วๆไปมันใหญ่โตมาก คล้ายๆพวกค้างคาวไม่ผิด จะเล็กหรือใหญ่ก็ไม่มากกว่ากัน พวกมันถลาพุ่งเข้ามาถึงเขาทันทีแต่มันก็ต้อง ชะงักเมื่อเจอกับรังสีของเสื้อนกวายุภักดิ์ที่เขาสวมใส่อยู่ มันร้องกึกก้องแล้วถลาเลยไปมันพยายามหาทาง ที่จะเข้ามาขยุ้มร่างเขาเพื่อเป็นอาหารของมัน แต่ไม่สามารถทำได้เพราะรังสีเสื้อที่เขาสวมนั้นมีฤทธิ์มาก กว่าสามารถป้องกันพวกนกทั้งหลายได้ ครั้นมันได้รังสีและกลิ่นของเสื้อที่ทำจากขนนกวายุภักดิ์มันร้อง ก้องเสมือนจะบอกแก่พวกๆมัน แล้วต่างก็พากันบินหายลับไปหมดสิ้น ชายหนุ่มแสนจะดีใจและนึกขอบใจเจ้าขนนกแสนสวยที่เขาสวมอยู่ หากมาดแม้นมิได้เสื้อนี้ร่างเขา ก็คงจะตกเป็นอาหารอันโอชะของมันเสียแล้ว ชายหนุ่มมิรอช้ารีบไต่ร่างขึ้นไปลืมนึกถึงเจ้าลิงทั้งสอง เมื่อขึ้นมาถึงหน้าผาได้ เขาก็ล้มตัวลงนอนแผ่หลาทันทีด้วยความเหน็ดเหนื่อยอ่อนล้าพลางหลับตาพักผ่อน เพื่อเรียกกำลังวังชาให้กลับมาอีก จนกระทั่งร่างเขาถูกเขย่าจากเจ้าขนทองนั่นแหละถึงได้ลืมตา ชายหนุ่มสงสัยว่ามันขึ้นมาได้อย่างไร ในเมื่อหน้าผานั้นสูงชันนัก แต่ไม่อาจจะถามไถ่รู้ความได้คงเพียงคาดคำนวณว่ามันคงจะหาทางขึ้น ด้านอื่นๆอีกจนมาพบร่างเขานั่นเอง ชายหนุ่มคว้ากระบอกน้ำขึ้นมาดื่มด้วยความกระหาย พร้อมกับยื่นให้แก่เจ้าลิงทั้งสองเจ้าขนทองยกดื่มแล้วยื่นให้แก่เจ้าลิงขาวดื่มต่อไป ครั้นเรียบร้อยก็นั่งทานผลไม้กันจนอิ่มหน่ำสำราญใจ ชายหนุ่มมองไปข้างหน้าเห็นเป็นทุ่งกว้างใหญ่ที่สลับกันไป บางแห่งเป็นที่โต่งเลี่ยน บางแห่งก็เป็น ป่าดงดิบ ขึ้นตามซอกหินต่างๆ เรียงรายไปด้วยก้อนหินใหญ่น้อยสลับกันไปทั่ว เขาคิดหากเป็นเช่นนั้น ก็คงจะต้องมีสายน้ำแต่นอน ตามลักษณะภูมิประเทศที่เขาเคยประสบการณ์ผ่านมาด้วยอากาศที่ค่อนข้างเย็น เมื่อเขาหายเหนื่อยเมื่อยล้าแล้ว ก็ออกเดินทางมายังหน้าผาแต่คราวนี้ไม่เหมือนเดิม ด้วยมีหินเป็นเหลี่ยมยื่น ออกมาทำให้เขาสามารถไต่ลงไปได้ เพียงไม่นานเขาก็มาถึงยังพื้นดินที่อุดมไปด้วยพืชพันธุ์นาๆชนิด เดินลัดเลาะไปตามทางวัชพืชน้อยใหญ่ ตัดมุ่งไปทางทิศเหนือทันที เขาสามารถตรวจสอบได้โดยหันหน้าไปทางดวงอาทิตย์แล้วกางมือออกดังที่ เคยเรียนหนังสือคราวเป็นลูกเสือที่ฝึกไว้ เมื่อกางแขนออกแล้วหันหน้าเข้าหาดวงอาทิตย์ ทางด้านซ้ายมือก็จะ เป็นด้านทิศเหนือ ส่วนทางด้านขวามือก็จะเป็นทิศใต้ หากเป็นค่ำคืนเขาก็สังเกตทิศโดยดูดาวเหนือเป็นหลัก ทั้งหมดการเดินทางของเขา มุ่งทางทิศเหนือเท่านั้นเพื่อหาทางออกโดยมิได้มุ่งเดินสะเปะสะปะอีกต่อไปแล้ว ดวงอาทิตย์ส่องตรงศีรษะพอดีหมายถึงเที่ยงวันของวันนั้น เขาจึงได้นั่งลงร่วมทานอาหารกับเจ้าลิงทั้งสอง เสียงดังฟืดๆๆพุ่งเข้ามากลางวงผลไม้ทันที หรือเขาอยู่เหนือลมเพราะไม่ได้สังเกตทิศทางลมไว้ด้วยคิดว่าคงจะ ไม่มีอะไร เพราะมองจากเบื้องบนหาสัตว์ใดๆไม่พบสักตัวเลย เสียงต้นไม้เล็กๆหักล้มลงเป็นทางพุ่งมาอย่าง รวดเร็วมากนักทำให้เขาต้องทิ้งสัมภาระที่กองไว้หลบไปยังต้นไม้ค่อนข้างใหญ่ทันที ส่วนเจ้าลิงทั้งสองก็กระโจน ขึ้นไปยังต้นไม้ด้วย ร่างพุ่งมาชนเข้ากับลำต้นไม้ทันทีมันขวิดสะบัดเขี้ยวมันไปๆมาๆจนเปลือกต้นไม้ฉีกขาดออก จากกัน ต้นไม้ที่เขาแอบอยู่แทบจะหักสะบั้นจึงมองเห็นว่ามันคือร่างของหมูป่านั่นเองแต่ตัวค่อนข้างใหญ่มาก เขี้ยวที่งอกออกจากปากมันยาวงองุ้มเข้ายังจมูกมันกางออกดูหน้ากลัว ทำให้เขานึกถึงหนังสือที่เคยอ่านมาว่าหมูป่านั้นแม้กระทั่งเสือร้ายยังเกรงกลัวมัน หากมันเข้าต่อสู้ด้วยแล้ว ยังต้องเผ่นหนีแก่เจ้าหมูป่ายากจะกินเป็นอาหารได้ นอกจากลูกหมูป่าเท่านั้น แต่นี่เขากับเผชิญกับพ่อหมูป่าเข้า เสียแล้ว ปกติมันจะอยู่รวมตัวกันระหว่างครอบครัวมันเท่านั้นหากลูกๆมันที่โตเต็มที่แล้วก็จะแยกจากฝูงมันไป เขาไม่คิดจะสังหารมันด้วยสงสารว่า หากเขาทำร้ายมันก็จะต้องทำร้ายครอบครัวมันด้วย ดังนั้นจึงส่งสัญญาณ เสียงและมือให้เจ้าลิงทั้งสองหลอกล่อมันเสียไปทางอื่น เมื่อเจ้าลิงทั้งสองได้รับสัญญาณดังนั้นมันจึงกระโดด ลงมายั่วเย้าเจ้าหมู่ป่าทันที เจ้าขนทองแสดงเป็นพระเอกก่อนแยกเขี้ยวยั่วเจ้าแล้ววิ่งหนีไปอีกทาง ครั้นหมูป่า เห็นดังนั้นก็ชาร์ตตัวเข้าหาเจ้าขนทองทันที เจ้าขนทองก็รีบกระโจนขึ้นยังต้นไม้เล็กข้างห้อยเถาวัลย์ยั่วเย้ามัน ส่วนเจ้าขนขาวก็รับช่วงต่อจากเจ้าขนทองวิ่งตีลังกาไปต่อจากเจ้าขนทอง เมื่อเจ้าหมูป่าเห็นดังนั้นมันก็พุ่งร่างไปหาเจ้าขนขาว ซึ่งก็ต่างโหนเถาวัลย์ยั่วเย้ามันสลับกับเจ้าขนทอง ไปจนร่างหมูป่าลับหายไป แล้วพวกมันก็กลับมาแต่ ทันใดนั้นเองระหว่างที่ชายหนุ่มกำลังเก็บสัมภาระ ที่วางไว้พร้อมอาหารก็ต้อง รีบหนีแอบที่ต้นไม้ทันที ด้วยร่างเจ้าหมูป่าตัวเมียและลูกๆมันประมาณสามสี่ตัววิ่งไล่เข้ามาแต่มันเลยไปทางเจ้าหมูป่าตัวผู้ที่หายลับไปตามแนวป่าเบื้องหน้าทันที ชายหนุ่มถอนใจหากเขาจะ สังหารมันต่อไปครอบครัวมันก็จะแย่ จริงดังที่เขาคิดไว้มันต้องมีลูกน้อยที่ต้องคุ้มครองอยู่หลายๆตัว จวบจนเก็บสิ่งของได้ครบแล้วก็ออกเดินทางทันที ขณะเดินหยอกล้อกับเจ้าลิงทั้งสองไประหว่างทางนั้น เขาก็ต้องตกใจยิ่งกว่าเสียงเจ้าหมูป่าเสียอีก เสียงร้องแปร้นๆๆๆดังกระหึ่มไปทั่วป่าด้านหน้าเขาซึ่งกำลังเดิน อยู่ในที่โล่งๆของลานทุ่ง ซึ่งมีหล่มโคนตมที่สงสัยว่าเจ้าหมูป่าจะใช้คลุกตัวอยู่ก่อนที่จะพุ่งมาหาเขานั่นเอง เสียงต้นไม้หักระเนระนาด ปรากฏเจ้าฝูงช้างใหญ่โขลงหนึ่งต่างเดินทางมาทางเขา สายลมพัดจากเขาไปหา พวกเหล่าโขลงช้างมันทั้งหมดต่างหูกางโบกไปมาทันที เจ้าจ่าฝูงมันพุ่งร่างมาหาทางเขาทั้งสาม ชายหนุ่มเห็นดังนั้นจึงร้องบอกแก่เจ้าลิงทั้งสองให้วิ่งหนีทันที ร่างของเขาวิ่งอย่างสุดชีวิตเพื่อเข้าไปยังป่า ด้านหลังอีกครั้งหนึ่ง แต่แล้วเขาก็ต้องหยุดชะงักกึกด้วยป่าที่เขาผ่านมานี้กลับมีฝูงช้างอีกโขลงหนึ่งก็มุ่งมาทาง เขาและเจ้าจ่าฝูงนั้นงามันยาวงอนแหลมคมขาวออกเหลืองๆพุ่งร่างมาทางเขา ซึ่งเขาอยู่ระหว่างกลางพอดีทำให้ ชายหนุ่มถึงกับหยุดตลึงต่อเหตุการณ์เหล่านี้ แต่ฝูงช้างที่ออกจากป่าด้านหน้าเขาหาได้ทำอันตรายใดแก่เขาไม่ มันต่างพุ่งร่างแล้วส่งเสียงร้องก้องกังวานเลยผ่านร่างเขาไปไม่สนใจทั้งโขลงพวกช้างพลายทั้งหลายมุ่งหน้าเข้าใส่ ฝูงช้างตอนแรกกลางทุ่งทันที ทั้งสองฝูงต่างกันเข้าต่อสู่ ระหว่างหัวหน้าฝูงต่อหัวหน้าฝูง ส่วนช้างพลายอื่นๆก็ เข้าต่อสู้กันแยกเป็นคู่ๆหลายสิบคู่ ต่างใช้งาและงวงฟาดและแทงซึ่งกันและกันเป็นสงครามระหว่างช้างต่อช้าง ทันใดเขาก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อมีงวงช้างสองงวงมาสัมผัสยังร่างเขา แล้วมันทั้งสองต่างก้มตัวงอขาหน้าลง ชูงวงทั้งสองขึ้นร้องเบาๆ เขาต้องเพ่งมองดูเมื่อแลเห็นบาดแผลเป็นของแม่ช้างก็จำได้ว่าเคยได้ช่วยเหลือมันไว้ ก่อนนั้นนั่นเอง แต่เจ้าช้างน้อยบัดนี้ร่างมันจวนจะเป็นหนุ่มสูงใหญ่เป็นช้างพลายด้วย ชายหนุ่มค่อยใจชื้นทันที ที่แท้นั้นแม่ช้างลูกช้างได้นำโขลงช้างเหล่านี้มาช่วยพวกเขานั่นเอง เพียงแต่เขาไม่สังเกตเห็นเท่านั้นว่านอกจาก หมูป่าแล้วยังมีโขลงช้างกำลังหากินอยู่ เมื่อแม่ช้างที่ได้รับการบาดเจ็บไปแล้วไปหาจ่าฝูงมันและคงจะอธิบายให้ พวกมันฟังถึงการช่วยเหลือเขากับลูกช้างไว้จากอันตราย ยามเมื่อมันแลเห็นเขากำลังได้รับอันตรายเช่นนี้จึงได้ นำพวกออกมาช่วยเหลือทันที การต่อสู้ของช้างสองโขลงดำเนินไปสักหลายชั่วยาม ช้างที่เป็นจ่าฝูงของแม่ช้างลูกช้างงัดงาต่อสู้และแทง กันจนเลือดชุ่มไปทั้งสองตัว จ่าฝูงของช้างสองแม่ลูกก็ได้เปรียบมันงัดงายกร่างของ จ่าฝูงช้างป่าอีกโขลงหนึ่งขึ้นลอยแล้วถอยหลังออกมา เสียบงาแทงเข้าไปยังร่างเจ้าจ่าฝูงอีกฝูงหนึ่งที่เสียหลักตะแคงร่างหงายล้มลง งาของเจ้าจ่าฝูงที่ช่วยเหลือเขาก็เสียบ เข้าบริเวณหน้าท้องมันผลเลือดหลั่งออกมาพุ่งสาดไปทันที มันก็กระหน่ำแทงแล้วแทงอีก จนร่างเจ้าจ่าฝูงโขลง นั้นล้มลงขาดใจตาย เมื่อบรรดาเหล่าช้างที่จะเข้าทำร้ายเขาเห็นจ่าฝูงมันตายเช่นนี้ต่างก็พากันร้องก้องแล้วหันหลังหนีเข้าป่าไป ยังที่ผ่านออกมาทันที เสียงร้องก้องของเหล่าบรรดาช้างที่ได้รับชัยชนะกึกก้องกังวานมากแสดงถึงความยินดี ของมัน แล้วเดินดุ่มๆมายังร่างของแม่ช้างและลูกช้าง ส่วนเจ้าตัวจ่าฝูงคงได้รับบาดเจ็บมากเหมือนกันเลือดมัน ไหลออกมาเดินโซซัดโซเซเข้ามาร้องเรียกแม่ช้างลูกช้างให้ตามไป ชายหนุ่มเห็นบาดแผลมันเหวอะหวะเช่นนั้น ก็สงสารและคิดถึงบุญคุณที่มันช่วยเหลือเขาไว้ จึงเข้าไปจะดูบาดแผลจ่าฝูงทันที แต่เจ้าจ่าฝูงมันหันรีหันขวางหูผึ่งแต่เสียงร้องจากแม่ช้างและลูกช้าง ร้องโต้ตอบให้มันรู้ นั่นแหละมันถึงสงบยอมให้ชายหนุ่มเข้าไปจับต้องได้ ครั้นแล้วชายหนุ่มก็ส่งเสียงเรียก เจ้าขนทอง เจ้าขนทองและเจ้าขนขาวรู้หน้าทีมันก็พุ่งทะยานหายเข้าไปในป่าสักครู่ใหญ่ๆก็หอบเอากิ่งใบไม้นาๆ ชนิดเข้ามา แล้วก็ลงมือเคี้ยวใบไม้นั้น ชายหนุ่มก็ช่วยเคี้ยวด้วยแต่เขาแสดงใบหน้าแหย่เกด้วยรสชาติมันทั้งขื่นๆ ขมๆปร่าๆอย่างไรชอบกล แต่ก็เคี้ยวไปแล้วนำไปพอกยังบาดแผลเจ้าตัวจ่าฝูง ส่วนเจ้าขนทองและเจ้าขนขาว ก็ไปช่วยเหล่าช้างอื่นๆที่ได้รับบาดเจ็บๆด้วย สักครู่ใหญ่อาการของช้างจ่าฝูงและบรรดาช้างที่ได้รับบาดเจ็บทุเลา ขึ้นคงจะหายเจ็บปวดกระมัง มันพลางงอเข่าหน้าชูงวงขึ้นร้องเสมือนแสดงความขอบใจพวกเขานั่นเอง แล้วมัน ก็ลุกขึ้นเดินเพื่อนำฝูงจากไป แต่ชายหนุ่มรวบรวมใบไม้ที่เหลือส่งให้แก่ลูกช้างแม่ช้างให้ไปด้วยเพื่อใช้รักษาต่อ ช้างบาดเจ็บอีก ช้างแม่ลูกต่างก็แสดงความเคารพแก่เขาพร้อมทั้งเอางวงมัดกิ่งไม้ที่มีใบไม้ที่ใช้เป็นยาออกเดิน ทางติดตามพวกจ่าฝูงซึ่งเดินหายลับเข้าไปยังป่าเบื้องหน้าต่อไป........ * แก้วประเสริฐ. *
21 กุมภาพันธ์ 2553 15:29 น. - comment id 115128
ศึกช้างชนช้าง ที่หนึ่งอีกแล้ว...อิอิ สงสัยฉางจะนอนอืดอยู่ค่ะ
21 กุมภาพันธ์ 2553 18:54 น. - comment id 115129
ขอที่สองก้อล่าย คุงฝน ฉางสงสัยไม่ตื่น ..สนุกครับครู..
22 กุมภาพันธ์ 2553 11:52 น. - comment id 115153
คุณ โคลอน ไม่รู้ซิครับคุณฝน แถวหน้าอีกแล้วขอบใจ มากนะจ๊ะรักเสมอ แก้วประเสริฐ.
22 กุมภาพันธ์ 2553 11:54 น. - comment id 115154
คุณ กิ่งโศก ศิษย์รัก ครูคิดว่าอีกไม่นานหรอกก็จะออก จากป่าแล้วล่ะ ติดตามต่อไปนะรักศิษย์เราเสมอ แก้วประเสริฐ.