ลุ่มลึกอิสราวดี 21

แก้วประเสริฐ


            ลุ่มลึกอิสราวดี  21
    ร่างเสือร้ายไต่ลำต้นไม้ใกล้เข้ามาทุกขณะ   เมื่อก้อนหินสีแดงที่ขว้างไปกระทบร่างมัน
พลันร่วงหล่นทันทีหาได้ทำอันตรายแก่มันไม่      มันส่งเสียงคำรามกึกก้องลั่นยามค่ำคืนทำ
ให้เหล่าบรรดาสิงสาราสัตว์ต่างๆแตกตื่น  กระเจิงไปจนหมดสิ้น    ร่างมันก็คืนคลานเข้ามา
    ชายหนุ่มปลดคันธนูพร้อมทั้งโกร่งคันธนูกับลูกศรที่ส่งประการแวววาว  แล้วพลัน
ปล่อยหมายยังดวงตาอันใหญ่โตของเจ้าเสือร้าย     ลูกธนูไปสองดอกพุ่งออกพร้อมๆกัน  
พลันประกายตาวูบลง   แต่กลับลืมตาขึ้นมาอีกลูกธนูได้ร่วงหล่นไปยังโคนต้นไม้   หาได้
ทำอันตรายใดๆแก่มันได้
         ด้วยอาวุธของเขาทั้งสองนั้นผ่านการชุบธาตุกายสิทธิ์มาและเป็นเลือดของงูยักษ์
ที่ยากจะหาสิ่งใดต่อต้านมันได้   แต่คราวนี้ไม่อาจทำร้ายเสือร้ายตัวนี้เลย  ชายหนุ่มรำพึงคิด
เห็นว่ามันคงจะไม่ใช่สัตว์ร้ายธรรมดาไปเสียแล้ว   หรือเป็นดั่งแม่นางพรายกล่าวไว้ไม่ผิด
คราวนี้ชายหนุ่มชักใจไม่ดี    ส่วนเจ้าขนทองนั้นเหมือนมันจะรู้ได้รีบไต่ขึ้นไปบนยอดไม้
ทันที ร่างของแม่นางพรายก็ขึ้นไปนั่งยังกิ่งไม้ด้วยมองดูชายหนุ่มด้วยความเป็นห่วงใย
      คงเหลือเพียงแต่ชายหนุ่มคนเดียวที่คาคบไม้     ชายหนุ่มพลางดึงดาบที่อยู่เบื้องหลัง
ออกมา  แล้วยกดาบขึ้นจรดหน้าผากพลางร่ายพระเวทย์ทันที   พอดีกับเจ้าเสือร้ายที่ร่าง
มันคงกระพันนัก  ก็ไต่ขึ้นมาได้ค่อนตัว     แต่เนื่องจากคาคบไม้ไม่อาจจะให้มันเข้ามาได้
ทั้งหมดจึงเพียงขึ้นมาได้เพียงครึ่งเดียว  ท่อนร่างมันใช้เล็บเกาะต้นไม้ไว้แน่น ส่วนท่อนบน
มันกางเล็บข้างหนึ่งตะปบไปยังร่างของชายหนุ่ม    ที่ร่างพิงหลังกิ่งไม้ใหญ่พร้อมทั้งแยก
เขี้ยวอันใหญ่โตมือข้างเดียวไขว่คว้าตลอดเวลา   
คมเล็บมันเฉียดร่างชายหนุ่มซึ่งเอนหลบไปๆมาๆเท่าที่สามารถทำได้
         ดังนั้นชายหนุ่มจึงใช้ดาบที่ได้ร่ายพระเวทย์กำกับไว้แล้วฟาดไปยังมือเสือร้ายที่
หมายทำร้ายเขา   คราวนี้ได้ผลมือด้านที่ตะปบขาดจากกันหล่นไปยังโคนต้นไม้ เลือด
พุ่งสาดดังสายน้ำพุ   พุ่งเข้าใส่ร่างชายหนุ่มแดงฉานไปทั่ว     มันส่งเสียงร้องโหยหวน
เมื่อชายหนุ่มเห็นคมดาบได้ผล     ก็พุ่งร่างที่ปราศจากมือไขว่คว้าเข้าแทงไปยังร่างของ
เสือร้ายที่อยู่บนคาคบเพียงครึ่งเดียว   ดาบได้ทะลุออกด้านหลังพร้อมเลือดที่หลั่งไหล
ออกมามากมาย    ร่างของเสือร้ายคำรามลั่นแล้วหงายหลังตกลงไปยังโคนต้นไม้ทันที
           เมื่อเป็นเช่นนี้ชายหนุ่มไม่รอช้ารีบไต่เถาวัลย์ลงมายังพื้นดินเพื่อหมายที่จะกำจัดมัน
ด้วยโอกาสเป็นของเขา    แต่เสือร้ายทั้งๆที่เหลือมือมันข้างเดียวพลันใช้สามขากระโจน
ใส่ร่างเขาด้วยความดุร้ายเจ็บปวด   แต่ร่างมันกับลอยกลางอากาศแล้วหล่นมาอีกเมื่อเห็นว่า
ไม่อาจจะทำอันตรายแก่ชายหนุ่มได้     มันได้รีบหันร่างวิ่งกระโผลกกระเผลก
หนีหายไปยังป่าทึบทันที           พร้อมทิ้งรอยเลือดหยดไหลเป็นทางไป ตามใบหญ้าหากแต่   
 อากาศที่มืดมิด    ทำให้เขาไม่สามารถติดตามร่างเสือร้ายได้จึงจำเป็นต้องค้นหาจนพบ   
เก็บลูกธนูและก้อนหินสีแดงไว้พร้อมทั้งไต่ร่างที่ยังเปื้อนเลือดขึ้นไปยังต้นไม้อีกครั้งหนึ่ง    
           เขาคิดว่าหากเป็นพรุ่งนี้ก็จะติดตามไปฆ่ามัน  หากปล่อยไว้เสือที่ลำบากจะเป็นอันตราย
แก่ผู้ที่ผ่านมาต่อไป   ดังนั้นจึงรีบทำความสะอาดโดยนำใบไม้ที่เขาเอื้อมมาได้มาเช็ดรอยเลือด
ที่กำลังจะแห้งเป็นวุ้นๆ     ส่วนเจ้าขนทองเมื่อเห็นเจ้าเสือร้ายหนีไปแล้วก็ไต่ลงมาแล้วนำใบไม้
มาช่วยชายหนุ่มเช็ดรอยเลือดด้วย   นางพรายทั้งสองก็ลงมาช่วยเหลือด้วย พลางกล่าวว่า
         “น้องไม่อาจจะเข้าใกล้มันได้เลยท่านพี่  ด้วยมันไม่ใช่สัตว์ธรรมดาแต่เป็นการแปลงกาย
ของผู้มีวิทยาคมอันแก่กล้า   รังสีมันแผ่กระจายไปทั่วจนน้องทั้งสองไม่อาจจะเข้าใกล้มันได้จ๊ะ”
          “นั่นซิท่านพี่  หากไม่กำจัดมันก็จะเป็นเภทภัยอันใหญ่หลวงต่อไปนะ”  นางพรายเขียวตอบ
           “เจ้าน้องประกายทองก็เหมือนพวกน้องนี่แหละ   เขี้ยวแก้วมันไม่อาจจะทานฤทธิ์เดชของ
เสือร้ายแปลงนี้ได้ด้วย    มันอยากจะเข้าช่วยแต่ด้วยรังสีมันรุนแรงมาก
ไม่อาจจะเข้าใกล้ได้จ๊ะ” นางพรายแดงกล่าวเช่นกัน
           “แต่มันก็แพ้แก่ดาบนี้นะจ๊ะ”   ชายหนุ่มกล่าวบ้าง
            “อันดาบนี้ถูกปลุกเสกและทำจากธาตุอาถรรพ์นานัปการสามารถปราบภูตผีปีศาจตลอดวิทยาคม
และร่างที่คงกระพันชาตรีได้ด้วย   แล้วยิ่งท่านพี่ปลุกเสกซ้ำขึ้นอีกยิ่งทำให้มีฤทธิ์อานุภาพยิ่งกว่าเดิมจ๊ะ”
             “อ้อๆ????.....งั้นหรือ   ถึงว่าซิพี่เพียงแค่ฟาดไปครั้งเดียวมือมันก็ขาดกระเด็นตกไปยังโคนไม้ไว้
พรุ่งนี้เราค่อยไปดูก็แล้วกันนะ    พี่เองก็ใจเสียเหมือนกันที่เห็นลูกธนูและหินแดงไม่สามารถทำอันตราย
มันได้    หากดาบนี้ไม่สามารถทำอันตรายใดๆแก่มันได้พี่เองก็คงจะต้องจบสิ้นลงในคราวนี้แล้วนะ”
            “แต่น้องคิดว่าคนที่มีบุญบารมีอย่างพี่นั้น  จะต้องมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คอยคุ้มครองเสมอๆจ๊ะ”
            “น้องเชื่ออย่างงั้นหรือ”   ชายหนุ่มตอบพลางหน้าคิ้วขมวดทันที
            “จ้าท่านพี่ น้องเชื่ออย่างนี้เสมอมา     หากไม่เช่นนั้นน้องคงจะไม่มาคอยรับใช้ท่านพี่หรอก”
นางพรายทั้งสองกล่าว
            “เอาล่ะน้องทั้งสอง  พี่เพลียเหลือเกินขอพักผ่อนก่อนนะ  เดี๋ยวพรุ่งนี้เราไปพิสูจน์มือเจ้าเสือร้าย
อีกครั้งว่ามันจะแปรเปลี่ยนเป็นอะไรไป”   ชายหนุ่มกล่าว
             “จ้ะพี่....น้องจะคอยระมัดระวังให้หากมีอะไรไม่ชอบมาพากลก็จะรีบปลุกท่านพี่จ๊ะ”
 
        ชายหนุ่มหันไปลูบหัวเจ้าขนทองด้วยความเอ็นดูแล้วดึงร่างมันให้นอน  แต่มันไม่ยอมกลับลุกนั่ง
เสมือนมันยังตื่นเต้นต่อเหตุการณ์นี้อยู่อีก  ส่วนด้านชายหนุ่มเมื่อเอนกายนอนลงก็ผล๊อยหลับไปทันที
       จวบจนวันใหม่ย่างกรายเข้ามา  แสงอาทิตย์อ่อนๆก็สว่างไสวขึ้นค่อยๆสูงตามลำดับ  ความร้อน
กรายเข้ามา     ชายหนุ่มจัดการชำระล้างใบหน้าและฟันแล้ว ส่วนเลือดคงปล่อยให้แห้งกรังหากไป
พบลำธารก็จะนำมาซักชำระล้างร่างกายอีกที    เมื่อจัดการกับสัมภาระครบแล้วก็ชวนเจ้าขนทองไต่
ลงจากต้นไม้ใหญ่ทันที   ครั้นลงมายังโคนต้นแล้วเที่ยวค้นหาซากมือของเสือร้ายไม่พบกลับไปพบ
ท่อนแขนของมนุษย์แทน           ชายหนุ่มเบิกตาโพลงทันทีนึกถึงคำพูดของแม่นางพรายทันที
       ว่าเสือร้ายตัวนี้หาใช่สัตว์ใดไม่เป็นเสือแปลง   เห็นจะจริงด้วยสิ่งที่เขาเห็นเป็นท่อนแขนของ
มนุษย์ชัดๆ  เขานำกิ่งไม้ไปเขี่ยท่อนแขนนั้นขาดระหว่างข้อแขนขึ้นไป    จึงหันไปมองยังรอบๆ
บริเวณเห็นเป็นรอยแห้งกรังของเลือดที่จับตามใบหญ้าเป็นทางยาวเข้าไปยังป่าดงดิบ    ดังนั้นเขาจึง
จูงมือเจ้าขนทองสะกดรอยตามรอยเลือดซึ่งไหล      บ้างเป็นกองใหญ่เขาคิดว่ามันคงจะหยุดเลียแผล
หรืออาจจะใช้วิทยาคมห้ามเลือดแต่ไม่สามารถห้ามเลือดได้      ด้วยยังมีรอยหยดไปตามทางที่สูงบ้าง
ต่ำบ้าง 
           พอพ้นแนวป่าไม้เขาทอดสายตามองไป   เห็นเป็นวัดร้างวัดหนึ่งซึ่งเป็นรอยหักพังมิได้รับการ
เหลียวแลเลย  โบสถ์ทำด้วยไม้หาใช่อิฐปูนไม่  มีศาลาที่พุแทบพังและกุฎีสองหลังใกล้กับกับศาลานั้น
แต่รอยเลือดนั้นหายไปยังกุฎีหลังหนึ่ง   เห็นเณรกำลังเก็บกวาดใบไม้แห้งอยู่      ชายหนุ่มจึงเดินเข้า
ไปนมัสการเณรซึ่งรูปร่างสูงใหญ่หาใช่เด็กเล็กๆไม่   เมื่อเณรเห็นร่างชายหนุ่มก็ต๊กใจทิ้งไม้กวาดทันที
แต่ปากท่านยังกล่าวคำ
        “เจริญพรเถอะโยม”   เณรกล่าวขึ้น
         “อ้าวแล้วเดินทางมาถึงที่นี้ได้อย่างไรกันล่ะ   ในป่านี้เต็มไปด้วยสัตว์ร้ายต่างๆนะ   อาจารย์อาตมา
กับตัวอาตมาเองอยู่แค่สองคนเท่านั้น  แต่อาจารย์ท่านเก่งสัตว์ร้ายไม่สามารถเข้ามาในบริเวณเหล่านี้ได้”
เณรบรรยายให้ชายหนุ่มฟัง
           “ถ้าอย่างนั้นพวกท่านฉันท์อะไรเป็นอาหารล่ะ”
           “อ้อๆ...อาตมาก็ฉันท์ผลไม้แทนอาหารจ๊ะพ่อหนุ่ม”  เณรกล่าว
            “ตัวกระผมตามรอยเลือดมาเห็นหายไปยังกุฎีนั้นจ๊ะพ่อเณร”   ชายหนุ่มกล่าวขึ้น
     คราวนี้เณรน้อยสะอึกอ้ำๆอึ้งๆทันที  
              ชายหนุ่มชี้มือไปยังกุฎีที่เห็นข้างหน้านั้น   เดี๋ยวจะเข้าไปมนัสการท่านเสียหน่อย
          “อย่าเลยอาจารย์ท่านกำลังพักผ่อน”  เสียงเณรตอบสั่นๆ
           “ไม่เป็นไรหรอกพ่อเณร  ไหนๆมาถึงแล้วก็ไหว้พระเสียบ้างเพื่อเป็นสิริมงคล”  
ชายหนุ่มกล่าวขึ้น   แต่ก็ให้สงสัยอากัปกิริยาของเณรนั้นทันทีหรือว่าเขาคิด  อึอึ...
จะเป็นไปได้หรือ  แต่รอยเลือดมันฟ้องนี่นา  
 
         ดังนั้นชายหนุ่มยกมือไหว้ลาแล้วมุ่งหน้าไปยังกุฎีที่เห็นทันที    เณรเห็นดังนั้นก็เข้ามา
ขว้างหน้าไว้   คราวนี้เขาไม่สนใจแล้วผลักมือของเณรออกพร้อมตัวให้ห่างไป  แล้วรีบก้าว
เดินไปทันที   เณรจะเข้าขวางอีกแต่ถูกเจ้าขนทองแยกเขี้ยวคำรามหันมาใส่ทางเณร    ทำให้
เณรน้อยชะงักทันทีไม่กล้าก้าวเข้าทัดทานแต่อย่างไร
         ครั้นชายหนุ่มมาถึงบริเวณกระท่อมที่ปลูกเป็นกุฎีนั้นเห็นรอยเลือดกองเบ้อเริ่มก็แน่ใจ
ทันทีว่าพระในนั้นหาใช่พระธรรมดาไม่   คงจะสามารถแปลงกายได้แต่หากเป็นเช่นนั้นคง
จะแก้กล้าอาคมเป็นยิ่งนักและเมื่อสามารถฆ่าสัตว์ได้ก็หาใช่พระไม่แล้ว  ด้วยผิดศีลอย่าง
มหรรณ์ขาดจากความเป็นพระไปแล้ว  เขาคิดเช่นนั้นด้วยทราบมาว่าหาก  
 ผู้ใดร่ำเรียนมามากและผิดครูเมื่อใด    ยิ่งเมื่อเรียนวิชาอาคมมากๆเข้าคง
จะคุมตัวเองไม่ได้  หากสามารถแปลงกายได้    จะคืนกลับสู่ความเป็นคนแล้วต้องคอยตะวัน
ส่องแสงก่อนถึงจะกลับคืนร่างเดิมได้       แล้วชายหนุ่มก็ก้าวข้ามประตูเข้าไปในกุฎี
แต่เขาระมัดระวังตัว   พลันก็แลเห็นพระรูปหนึ่งนั่งคลุมร่างด้วยจีวรแต่แขนหายไปข้าง
หนึ่ง   หันหน้ามามองเขาด้วยความไม่พอใจด้วยสายตาดุร้ายนัก   
            “พลางตวาดว่า...มึงเข้ามาทำไมหรือยังไม่พอใจอีกหรือที่ทำกับกูเช่นนี้”  พระอลัชชี
กล่าวขึ้น
พร้อมทั้งปลดผ้าจีวรออกแต่     อนิจจาร่างท่อนร่างของพระอลัชชีรูปนั้นท่อนล่างยังเป็นเสืออยู่
อาจจะเป็นไปได้ว่าดาบอาคมของเขา   ทำให้วิชาของพระรูปนั้นเสื่อมได้ถึงไม่สามารถคืน
กลับสู่ร่างมนุษย์ดังเดิม   คืนได้แค่บางส่วนเท่านั้น   ร่างนั้นพลันยืนลุกขึ้นทันใด    
               ไม่เพียงเท่านั้นร่างนั้นได้กระโจนเข้าใส่ร่างชายหนุ่มทันที   จนร่างเขา
ต้องหงายหลังด้วยแรงผลักกระแทกอย่างรุนแรงเพราะร่างที่พุ่งมาแรงพละกำลังมาก
ต่างกอดรัดฟัดเหวี่ยงปล้ำกันพักหนึ่ง  ชายหนุ่มก็หลุดสะบัดร่างได้ถอยออกมา พร้อมกับ
    ชายหนุ่มชักดาบออกทันทีพร้อมตวัดดาบฟันไปยังร่างที่เป็นคนครึ่งเสือร้ายนั้น    
              เสียงร้องดังลั่นมือข้างเดียวที่ยังเป็นเสือเล็บได้ตะกรุยตะกายมายังร่างเขาที่ปราศจากเสื้อผ้า
ทำให้เกิดรอยแดงขึ้นทันที  ไส้ของเสือร้ายในร่างพระก็ทะลักออกกระจุยกระจายไปทั่วบริเวณกุฎี  
บ้างขาดวิ่นส่งกลิ่นคาวเลือดฟุ้งไปทั่ว   เสียงร้องอย่างโหยหวนเรียกเณรลูกศิษย์มันทันทีแล้วร่างมัน
ก็ล้มฟาดกับพื้นกุฎีสิ้นใจตายทันที
               เสียงร้องของเจ้าเสือร้ายในร่างอลัชชีดังนั้น   ปรากฏร่างเสือร่างน้อยได้พุ่งเข้ามา 
 เมื่อเสียงเรียกของอาจารย์มันร่ำร้อง     ยามเห็นร่างอาจารย์มันนอนสิ้นชีพลง
มันหันรีหันขวางแล้วก็กระโจนใส่ร่างชายหนุ่ม   ร่างที่ไม่ทันระมัดระวังและไม่คิดว่า
จะมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นถึงกลับหงายหลังดาบกระเด็นหลุดจากมือ    
เจ้าเสือร้ายในร่างเณรก็คร่อมบนร่างเขาพร้อมแยกเขี้ยวเข้าเพื่อขบกัด   เจ้าขนทองเห็นเช่นนั้น   
 ก็พุ่งร่างไปยังบนหลังเสือฝังเขี้ยวแก้วมันกัดกระชาก ทำให้เสือร้ายนั้นหันขวับมายังร่างเจ้าขนทอง
ทันทีพร้อมส่งเสียงร้องคำราม  แต่ร่างมันยังคร่อมร่างชายหนุ่มอยู่
               เมื่อได้จังหวะเช่นนี้เขาไม่รอให้โอกาสทองผ่านไปจึงชักมีดน้อยที่เหน็บไว้ข้างเอวแทงไปยังหน้าท้อง
เสือน้อยทันที   พร้อมทั้งคว้านไปทั่วบริเวณท้องน้อยมัน   ไส้ได้ทะลักออกมาร่างเขาเต็มไปด้วยเลือดและลำไส้
เจ้าเสือน้อยก็ล้มฟุบทับบนร่างร่างหนุ่มทันที    เจ้าขนทองเห็นเช่นนั้นก็กระโจนออกพร้อมดึงหางเสือที่สิ้นชีพ
แล้วดึงร่างมันออกมาด้วยพละกำลังมหาศาล     จนพ้นลำตัวของชายหนุ่ม
              ชายหนุ่มก็ลุกขึ้นและมองไปยังร่างเสือน้อยและเสือใหญ่   เมื่อทั้งสองสิ้นชีพไปแล้วอาคมก็เสื่อม 
 ร่างค่อยๆกลายเป็นร่างของพระและเณร    เขามองดูด้วยความเวทนานัก    พลางคิดว่านี่แหละหนาการร่ำเรียน
อาคมมากๆเข้าถึงแม้จะสามารถแปลงกายหากผิดครูย่อมจะเข้าสู่ตัวและไม่สามารถควบคุมวิชาอาคมได้  คงจะ
ร่ำเรียนวิชาเสือสมิงเป็นแน่แท้   
            เขาจึงจูงมือเจ้าขนทองออกมานอกกุฎีนั้นทันทีพร้อมทั้งจุดไฟโดยนำหญ้าที่
แห้งและกิ่งไม้ที่ร่วงหล่นมาสุมที่กุฏซึ่งหลังคาทำด้วยใบหญ้าอยู่แล้วเป็นเชื้อเพลิงทันที    ไฟก็ลุกไหม้กุฎีสอง
หลัง      เขายืนดูห่างๆจนแน่แก่ใจว่ามอดไหม้หมดสิ้น     
ส่วนศาลาและโบสถ์ไม้นั้นเขาคงปล่อยไว้ตามเดิมไม่กล้าทำลาย    
พลางจูงมือเดินเข้าไปยังโบสถ์กราบพระปูนองค์ไม่ใหญ่นักขอขมาต่อสิ่งที่ได้ล่วงเกินแล้ว
ก็แผ่อุทิศส่วนกุศลที่เขาพึงมีให้แก่  พระและเณรด้วย     เพื่ออย่าได้จองเวรกันและกันเมื่อเรียบร้อย
แล้วก็ออกจากสถานที่นี้ 
            หาทางลัดเลาะเพื่อให้พ้นภูเขาลูกนี้ต่อไป    เสียงน้ำไหลได้ยินมาอย่างชัดเจนจึงต่าง
ได้มุ่งตรงไปยังเสียงที่ได้ยิน   เห็นเป็นแอ่งน้ำกว้างใหญ่ที่มีลำธารไหลมายังแอ่งน้ำและไหลลงไปยังเบื้องล่าง
  เขาจึงได้จัดการวางสัมภาระไว้แล้ว เปลื้องกางเกงออกพร้อมลงไปอาบน้ำชำระ
ล้างเลือดที่แห้งกรังของเสือร้ายที่เปื้อนไป
ทั่วตัวออกจนน้ำที่ไหลแดงฉานไปทั่ว   ค่อยๆไหลรินหายไปทั้งสองได้อาบน้ำและหยอกล้อกันภายใน
แอ่งน้ำใหญ่อย่างสำราญใจ............
                    *  แก้วประเสริฐ.  *

n016.gif				
comments powered by Disqus
  • ฉางน้อย

    16 กุมภาพันธ์ 2553 21:51 น. - comment id 79480

    11.gif36.gif6.gif  .......
    
     อ่าน....ยิ้ม........ทักทายก่อนนอนค่ะลุงแก้วฯ
  • กระต่ายใต้เงาจันทร์

    17 กุมภาพันธ์ 2553 10:09 น. - comment id 79888

    44.gif44.gif44.gif36.gif36.gif
  • แก้วประเสริฐ

    17 กุมภาพันธ์ 2553 11:18 น. - comment id 79890

    36.gif16.gif36.gif
    คุณ แขกประจำบ้านกลอน
    
          ผมแต่งไปเรื่อยๆแหละครับเพื่อตัวเองให้
    เพลิดเพลินไปวันหนึ่งเท่านั้น  ขอบคุณที่คอยติด
    ตามเสมอมาครับ ขอบคุณรักเสมอ
    
            16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif
  • แก้วประเสริฐ

    17 กุมภาพันธ์ 2553 11:20 น. - comment id 79891

    36.gif16.gif36.gif
    คุณ ฉางน้อย
    
        หลานรักลุงมาเยี่ยมเยียนขอบใจจ๊ะรักเสมอ
    
              16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif
  • แก้วประเสริฐ

    17 กุมภาพันธ์ 2553 11:22 น. - comment id 79892

    36.gif16.gif36.gif
    คุณ กระต่ายน้อยฯ
    
         ขอบใจจ้าหลานรัก  นี่ยังไม่ได้แต่งเรื่องต่อ
    เลยมาตอบกระทู้ด้วยพึ่งตื่นนอนจ๊ะ รักเสมอ
    
           16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif
  • กิ่งโศก

    16 กุมภาพันธ์ 2553 15:30 น. - comment id 79930

    รวดเร็วจังเลยครับครู
  • แก้วประเสริฐ

    18 กุมภาพันธ์ 2553 12:45 น. - comment id 92578

    36.gif16.gif36.gif
    คุณ โคลอน
    
         คุณฝนครับ เรื่องจะเริ่มเข้มข้นไปเรื่อยๆ
    นะครับ  พยายามอ่านติดตามนิยายเรื่องนี้นะครับ
    ด้วยเจตนาผมจะให้สนุกเพลิดเพลิน จนผมไม่
    เล่นกลอนไว้ชั่วคราวครับ เร่งเขียนเรื่องนี้ไว้
    เพื่อจะให้จบคิดว่ายาวๆมากครับ  รักเสมอ
    
               16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif
  • โคลอน

    18 กุมภาพันธ์ 2553 10:45 น. - comment id 92817

    23.gif23.gif23.gif
    
    ตอนนี้สยองมากเลยค่ะ กึ๋ยๆ 73.gif
  • แขกประจำบ้านกลอน

    16 กุมภาพันธ์ 2553 21:33 น. - comment id 99811

    เสือในร่างพระ กับ เณรน้อย
    ตื่นเต้นทุกตอนเลยนะคะ
    ขอบคุณครูแก้วมากนะคะ
    36.gif36.gif36.gif29.gif
  • แก้วประเสริฐ

    16 กุมภาพันธ์ 2553 15:38 น. - comment id 104715

    36.gif16.gif36.gif
    คุณ กิ่งโศก
    
         เรื่องงานเขียนนี้มันจะอยู่ในสมองครูหาก
    คิดจะเขียนนะ เคล็ดลับคือต้องปล่อยใจให้ว่างๆไว้
    อย่าได้มีอะไรมาปะปน ปัญญาก็จะเกิดขึ้นสร้างใน
    สิ่งที่ต้องการ  ส่วนหลักการณ์นั้นก็มีในฉันทลักษณ์
    ที่มอบไว้ให้แล้วล่ะนะ ทดลองดูก็ได้นะอาจจะเขียน
    ได้ดีกว่าครูเสียอีก ด้วยเธอยังหนุ่มแน่นอยู่
     รักศิษย์เราเสมอ
    
            16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน