ลุ่มลึกอิสราวดี 19 ทันใดนั้นชายหนุ่มหลังจากฆ่าเจ้าพวกผีต่างๆไม่ยอมหมดสิ้นสักทีจนชักจะอ่อนล้า ก็ให้นึกถึงท่านพญางูธนาธิบดีนาคาขึ้นมาได้ ที่มอบกระบองนาคราชกับมนต์กำกับ จึงเอ่ยเรียกกระบองนาคราชทันที “นาคราชเอ๋ย เจ้าจงออกมาซิ” ชายหนุ่มกล่าวขึ้นทันที ฉับพลันเกิดรังสีแสงพุ่งจากร่างของเจ้าขนทอง มาสู่ยังอุ้งมือชายหนุ่ม เมื่อเขารับกระบองมาไว้แล้ว ก็ยกมือประสานเหนือหน้าผากพลางร่ายพระเวทย์มนต์ กำกับทันที แล้วก็โยนกระบองขึ้นฟ้าออกไป กระบองนาคราชก็ส่งประกายแสงเจิดจ้า แล้วแบ่งแยกออกเป็นจำนวนมากทันที แต่ละกระบองต่างเปล่งรังสีเจิดจ้า แยกกันเข้าทำลายเจ้าพวกผีต่างๆ เพียงแค่ชั่วอึดใจ ไม่ทันเท่าใด เหล่าบรรดาผีร้ายทั้งหลายที่ต่างกระโจนหนีต่างร้อง ก๋อยๆๆๆกร๊วกๆๆๆ แล้วเผ่นหนีทันทีแต่ก็ไม่สามารถรอดหลุดพ้นกระบองนาคราชไปได้ ต่างถูกแทงบ้างตีบ้าง ร่างเหลวแหลกและหายวับไปจนหมดสิ้น ไม่เท่านั้นยังไปทำลายพวกบ้านต่างๆจนพัง พินาศสิ้น เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวชายหนุ่มเข้าใจว่าคงจะเป็นที่เก็บของมันหรือไม่ก็ เป็นที่สร้างและพักอาศัยมันจึงผิดแผกไปจากการทำลายทั่วไปและมันถึงได้มีมากมายเช่นนี้ ส่วนที่รบติดพันกับชายหนุ่มก็ถูกชายหนุ่มฆ่าตายลงมากต่อมาก ด้านเจ้าขนทองก็กระโดด ขบกัดด้วยเขี้ยวแก้วมันฆ่าไปอีกหลายสิบตัว ส่วนด้านนายพรายนั้นซึ่งมีฤทธิ์เดชไม่เบาต่าง ใช้อำนาจรังสีเข้าทำลายล้างเจ้าผีต่างๆมีอาจจะเข้าใกล้นางได้ ยามที่เจ้าผีเข้าไขว่คว้ามายัง ร่างนางนั้นก็เพียงแค่คว้าลมเท่านั้น ด้วยนางพรายทั้งสองเป็นภูตพรายหาได้มีตัวตนใดไม่ ไม่นานนักกระบองนาคราชก็รวมตัวกันขึ้นเป็นหนึ่งเดียวแล้วพุ่งมาหายังชายหนุ่มทันที ชายหนุ่มรับกระบองแล้วสั่งให้ไปพักยังที่เดิมได้ กระบองนั้นก็พุ่งเป็นแสงไปยังดวงแก้วที่ ถูกหุ้มห่อด้วยเอ็นแล้วหายไป ภายหลังจากปราบปรามเจ้าผีร้ายแล้วก็เป็นเวลาเลยเที่ยงคืนไปแล้ว อากาศก็มืดมิดทันที เนื่องจากบรรดาคบเพลิงต่างหายไปหมด ชายหนุ่มจึงจำต้องจุดคบไฟขึ้นมาแล้วใช้ส่องทาง เพื่อกลับไปยังคาคบ เพื่อรอวันใหม่ต่อมาหาก แต่เหตุการณ์ต่อสู้ต่างๆก็ถูกเล่าสนทนากัน ครั้นแล้วแม่นางพราย พรายแดงพลันกล่าวว่า “พี่ท่านนี่หากไม่ได้กระบองนาคราชของท่านท้าวพญาธนาธิบดีแล้วเห็นทีว่าเรายากจะ จัดการเจ้ากองก๋อยและเจ้าโขมดหมดสิ้น น้องทราบว่ามันมีแค่เจ็ดแปดตน แต่เหตุใดมันจึง เกิดขึ้นได้มากมายก็ไม่รู้หรือว่า ฐานกำเนิดมันจะอยู่ในกระท่อมหรือหลังคามุงหญ้าเสีย เป็นแม่นมั่น ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นได้อีกนะพี่ท่าน” “นั่นซิน้องรัก พี่เองรับฟังจากน้องว่ามีแค่เจ็ดแปดตนก็คิดว่าคงไม่หนักหนาอะไร แต่ที่ไหนได้กลับมาแทบไม่ขาดสายเชียวล่ะ” ชายหนุ่มกล่าวขึ้นบ้าง “แต่ช่างเถอะในเมื่อเราสามารถทำลายมันหมดสิ้นก็ดีเหมือนกัน ต่อไปคนที่จะมาที่ นี่ก็คงจะหมดปัญหา เท่ากับเราช่วยทำบุญอนุเคราะห์มันให้ไปเกิดใหม่และช่วยเหลือคน ที่อาจจะพลัดมาที่นี้เหมือนดังพวกเรานะน้องรัก” “จ๊ะๆ...พี่ท่านให้คิดว่าเราช่วยเหลือพวกมันก็แล้วกันนะจะได้ไม่ต้องกังวลใจอะไรไป” “ถ้าอย่างนั้นเราพักผ่อนกันได้แล้ว ด้วยพรุ่งนี้จะต้องออกเดินทางและยังไม่รู้เลยว่าจะ ต้องเจอกับอะไรๆอีก เก็บกำลังเราไว้ก่อนดีกว่า ส่วนน้องพี่ก็ไม่ต้องเฝ้าพี่หรอกคงจะไม่มี อะไรเกิดอีกแล้วล่ะ เพื่อกลางวันน้องจะได้มีพละกำลังมากอาจจะมาช่วยเหลือพี่ได้บ้างจ๊ะ” “อย่างนั้นตามใจท่านพี่ก็แล้วกัน แต่ เอ๊ะ????....แล้วน้องจะนอนได้ที่ใดในเมื่อสถานที จำกัดเช่นนี้” “เอาอย่างนี้ก็ได้นะน้องรัก น้องมานอนใกล้ๆกับพี่นี่แหละจ้า อย่าคิดมากอะไรเลยนะ” ทำให้หญิงสาวทั้งสองถึงกับหน้าแดงทันที แต่ด้วยใจที่มีส่วนสัมพันธ์กันมาอย่างลึกซึ้งจึง เกิดความรักชายหนุ่มขึ้นทีละน้อยๆจนจะแนบแน่น ก็บังเกิดความเอียงอายตามวิสัยอิสตรีทั่วๆไป แต่หล่อนก็ไม่ขัดใจชายหนุ่ม เมื่อชายหนุ่มล้มตัวลงนอนจึงได้เข้าไปนอนแนบข้างทั้งสองข้างทันที กลิ่นกายสาวหอมฟุ้งคล้ายดอกไม้ป่าโชยเข้ามายังจมูกชายหนุ่มทันที แต่เขาก็บังคับอารมณ์ไว้ ได้มิได้ล่วงเกินไปกว่านี้ จนกระทั่งม่อยหลับไป พระอาทิตย์ส่องแสงบอกเวลาสายแล้วทาบทอส่องลอดช่องใบไม้ใหญ่มากระทบยังใบหน้าของ ชายหนุ่มทำให้เขารู้สึกตัวพลางลุกขึ้น ปรากฏว่าร่างแม่นางพรายหายไปแล้ว ส่วนเจ้าขนทองก็ไม่อยู่ เขาคิดว่ามันคงจะไปหาอาหารผลไม้มาให้ จึงได้รีบล้างหน้าชำระร่างกายอย่างลวกๆ เสื้อผ้าเขานั้น ขาดหมดสิ้นด้วยการต่อสู้กับพวกผีร้าย เขาจึงถอดเสื้อออกโยนทิ้งไป เหลือแต่ร่างกายที่บึกบึนปรากฏกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ เหตุด้วยจากการฝึกฝนอาวุธโบราณและผ่านการต่อสู้มาทำให้ร่างกายของชายหนุ่มกำยำล่ำสันขึ้น กลับเป็นร่างกายที่สมส่วนสมชายชาตรีประกอบกับร่างที่สูงได้ขนาดเขาเอง แต่แล้วบังเอิญเขาจับไปยังบรรดาเคราและผมเผ้า จึงคิดว่าเห็นทีเราจะต้องโกนมันเสียบ้าง มันยาวจนเขาเกะกะรำคาญไปหมด หากเขาหาสถานที่ลำธารน้ำได้ก็คงจะดีและคิดว่ามีดน้อยที่แสนคมนี้คงจะทดแทน ใบมีดโกนได้ ปกติหากเป็นสถานทีก่อนนี้เขาจะไม่ยอมปล่อยให้มีหนวดเคราผมเช่นนี้เลย เมื่อคิดได้เช่นนี้ ก็ต้องนั่งรอเจ้าลิงขนทองซึ่งยังไม่กลับมาและจัดเตรียมสัมภาระต่างๆ ให้เข้าทีเข้ารอย เขานั่งรอสักครู่ใหญ่ก็ปรากฏร่างเข้าลิงน้อยห้อยโหนกิ่งไม้และเดินมา ถือของพะรุงพะรังเต็มไปด้วยผลไม้นาๆชนิด เขารีบปีนเถาวัลย์ลงมายังข้างล่างทันทีเพื่อ จะเข้าร่วมกินอาหารกับเจ้าขนทอง ครั้นจัดการอาหารมือสายแล้วเขาก็ส่งสัญญาณให้เจ้าขนทองไปนำเถาวัลย์ที่ผูกไว้ลงมา ในเมื่อทุกๆอย่างเสร็จสมบูรณ์แล้ว ทั้งหมดก็เริ่มออกเดินทางไปตามไหล่เขาที่เต็มไปด้วย หินขนาดเล็กใหญ่มากมาย ลัดเลาะไปตามเหลี่ยมหินที่มีซอกพอจะเดินทางไปยังอีกฝั่งหนึ่ง มุ่งตัดตรงไปเรื่อยๆ เจ้าขนทองลุล่วงหน้าไปก่อน เมื่อเห็นทางจะไปได้มันจะหันมากวัก มือเรียกเขาทันที ทันใดนั้นเขาได้ยินเสียงคล้ายๆน้ำไหลตกลงมารู้สึกดีใจมาก ด้วยหลายวันนี้เขาไม่ได้ อาบน้ำชำระร่างกายเลยและน้ำในกระบอกก็แทบจะไม่เหลือมีเพียงติดในกระบอกเล็กน้อย เท่านั้น ครั้นไปตามทางที่เจ้าขนทองบอกพอพ้นก็เป็นเนินสูงไหล่ลาดพื้นดินเป็นแอ่งน้ำ น้ำตกไหลมาจากภูเขาอีกลูกหนึ่งทัศนีย์ภาพช่างสวยสดงดงามอะไรเช่นนี้เขารำพึงกับตัวเอง แต่มีสิ่งหนึ่งที่แสนประหลาดแก่เขา คือเหนือบริเวณทางน้ำที่ไหลจากน้ำตกนั้น กลับเป็นแอ่งน้อยๆแต่มีควันและน้ำในแอ่งเดือดปุดๆๆประกายน้ำในแอ่ง ถึงกับมีสีสันดั่งกับสายรุ้งมิปานหลากหลายสี ยามกระทบกับแสงแดดแวววาวยิ่งนัก เขาและเจ้าขนทองต่างเดินไปชมดูสิ่งที่เห็น มันช่างงดงามราวอัญมณีในแอ่งน้ำ คล้ายมีดอกไม้สีทองเคลือบด้วยแต่มีหลากหลายสีแวววาวสวยงามนัก น้ำหลากสีคล้ายผุด เดือดๆขึ้น ด้วยความสงสัยต่อน้ำเหล่านี้ ชายหนุ่มจึงค้นหากิ่งไม้แห้งที่หล่นได้ขนาด พอประมาณแล้วนำไปแหย่ลงในแอ่งน้ำทันที เมื่อเขานำปลายไม้ที่จิ้มลงไปยังแอ่งน้ำหลากสีนั้นค่อนไม้เห็นจะได้มาดูเห็นประกาย แวววาวหลากสีสดใส ติดกับไม้ที่แหย่ลงไป ชายหนุ่มสังเกตว่ากิ่งไม้ที่นำไปแช่นั้น กับคล้ายจะใหญ่กว่าไม้ที่ไม่ได้ถูกน้ำประหลาด จึงทดลองหักดู ปรากฏว่ามันหักได้ระหว่างขั้นที่ถูกน้ำประหลาดทันที เขายกขึ้นมามองท่อนไม้ที่กลับมีสี ประหลาดนั้นเห็นว่าภายในกิ่งไม้นั้นก็ตันคล้ายจะแน่นหนาจึงพิจารณาแล้วทดลองหักดู กลับแข็งแกร่งไม่สามารถหักได้ จึงนำไปทดลองฟาดกับก้อนหินก้อนใหญ่ทันที ผลปรากฏว่าก้อนหินนั้นแตกแยกจากกันทันที หรือว่านี่เป็นบ่อน้ำกายสิทธิ์ที่พวกเทพยดา จัดสร้างขึ้นมาสร้างขึ้น หรือเกิดโดยธรรมชาติไว้สำหรับชุบอาวุธบรรดาเทพทั้งหลาย ชายหนุ่มนึกรำพึงกับตนเอง เมื่อคำนึงถึงเหตุการณ์เช่นนี้ เขาจึงนำท่อนไม้ที่ผ่านการชุบ นำมาส่งมอบให้เจ้าขนทองทันที เพื่อใช้เป็นอาวุธแก่เจ้าขนทอง แล้วพลางปลดลูกธนู ที่ทำจากไม้รวกตันออกมาทั้งหมดพร้อมคันธนูด้วย พร้อมนำไปแช่ยังน้ำหลากสีทันที เมื่อจัดการกับลูกธนูและคันธนูจนหมดแล้ว พลางหันหลังมองไปยังต้นไม้ใหญ่ข้างๆที่ ขึ้นโอบเรียงรายแอ่งน้ำนี้ไว้ แล้วพร้อมน้าวคันธนูและลูกธนูยิ่งไปยังต้นไม้ใหญ่ ลูกธนูหลากสี แหวกอากาศเสียงดังหวิวๆๆ เข้าทะลวงต้นไม้ใหญ่กว่าโอบ ทะลุผ่านไปยังต้นไม้อื่นๆอีกหลายๆ ต้น ทำให้ชายหนุ่มถึงกับตะลึงในครั้งนี้ พร้อมทั้งอุทานเบาๆ เขาไม่คิดว่าอานุภาพของธนูที่ผ่าน การชุบน้ำประหลาดนี้จะมีอานุภาพมากมายเช่นนี้ ดังนั้นเขาจึงไปดึงเก็บลูกธนูออกมาช่างง่ายดายนักด้วยธนูมีความแหลมคม มากกว่าตอนที่เขาเหลาปลายให้แหลมๆเสียอีก ส่วนคันธนูก็มีความแข็งแกร่ง เหนียวแน่นมากจนต้องใช้พละกำลังมากมาย หากเป็นสมัยก่อนเขาคิดว่าคงจะไม่สามารถ จะโน้มน้าวคันธนูนี้ได้ แต่อานุภาพของเลือดและดีงูยักษ์ที่เขากินลงไปนั่นสร้างพละกำลังให้ แก่เขามากมายเกินกว่ามนุษย์ธรรมดาจะเป็นไปได้ หลังจากนั้นทั้งหมดก็เริ่มออกเดินทางค่อยๆไต่ไปตามหน้าผาไหล่หินที่ยื่นออกมาลงไปยัง แหล่งน้ำทันที ส่วนเจ้าขนทองนั้นไม่เป็นปัญหาแก่มันเลยมันถือกิ่งไม้ที่หลากสีแล้วกระโดดเกาะ ไต่ลงไปยังเบื้องล่างได้อย่างง่ายดาย เขาอีกซิต้องค่อยๆพยุงร่างไต่ตามมันไปเรื่อยๆจนในที่สุด ก็ถึงเบื้องล่าง สิ่งแรกคือการเก็บน้ำที่ดูใส่แต่ทว่าออกเขียวๆนิดๆใส่ลงในกระบอกน้ำทันที ครั้นแล้วก็วางสัมภาระไว้ริมลำธารแล้วก็เปลื้องผ้าทั้งหมด กระโจนลงไปยังลำธารที่ไหลมาตามซอกหินไหล่เขาที่น้ำตกไหลมา โดยลืมไปว่า เขาไม่ได้อยู่แค่เจ้าขนทองแต่ยังมีนางพรายรวมอยู่ด้วย เขาแหวกว่ายเล่นน้ำ และกวักมือเรียกเจ้าขนทองให้ลงมาด้วย เจ้าขนทองนั้นหาได้เกรงกลัวน้ำไม่มันกลับกระโจนแล้ว ว่ายมาหาเขา ต่างหยอกเย้าล้อเล่นกันโดยกวักน้ำเข้าใส่กันทันที แต่เขารู้สึกว่าน้ำในที่นี้ช่างเย็นและชื่นใจอย่างประหลาดมีสิ่งบางอย่าง แทรกซึมข้าสู่ภายในร่างกายเขาด้วย แต่หาได้สนใจไม่เพียงแค่เพื่อต้องการให้ชื่นใจเท่านั้นเอง เขานึกขึ้นได้ว่าหากพบแหล่งน้ำแล้วจะจัดการกับหนวดเคราจึงว่ายน้ำตรงไปยังที่เก็บสัมภาระ แล้วนำมีดน้อยออกมา ค่อยๆใช้มีดน้อยนั้นโกนหนวดเคราโดยใช้มือคลำๆเอาจนเกลี้ยงเกลาหมดสิ้น ปล่อยให้บรรดาหนวดเคราลอยตามน้ำไป ครั้นเสร็จเรียบร้อยแล้วเขาจ้องไปยังผิวน้ำเห็นลางๆว่าดีแล้ว จึงลงไปเล่นน้ำต่อจนเห็นว่าสมควรแก่เวลา จึงชวนเจ้าขนทองขึ้นจากน้ำมานุ่งกางเกงซึ่งบัดนี้กางเกง ขายาวเขาท่อนล่างขาดวิ่นไปหมด จึงนำมาตัดขาที่เสียไปให้เหลือเพียงที่ใช้ได้เป็นกางเกงขาสั้นไป ส่วนผมที่ยาวรุงรัง เขาก็นำเอ็นลิงขนดำมารวบผมแล้วมัดไว้ให้ไปอยู่เบื้องหลังเขา ครั้นจัดการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงนำกางเกงมาสวมใส่เก็บภาระต่างๆขึ้น แล้วก็ออกเดินทางโดยลัดเลาะไปตามลำธารเพื่อมุ่งหน้าจะข้ามเขาลูกนี้ เขารู้สึกว่าหนทางของ ทางเดินเริ่มสูงชันขึ้นไปเรื่อยๆเขาไต่เรียบเขาไปจนกระทั่งผ่านพ้นไปจนในที่สุดเขา สู่ยังภูเขาเล็กๆและมองไปข้างล่างเห็นเป็นทุ่งหญ้าและต้นไม้ใหญ่ๆอีกมากมาย เมื่อลงจากเขาลูกเล็กแล้ว ไปยังพื้นที่ราบเขาก็มุ่งตัดตรงฝ่าทุ่งหญ้าที่เขียวชอุ่ม บ้างมีดอกซึ่งพลิ้วไหวตามกระแสลมพัดพาอ่อนไหว ลู่ลมไปๆมาๆ พอลัดเลาะพ้นทุ่งหญ้ากว้างใหญ่แล้ว เห็นเป็นซอกเล็กๆที่มีแต่ก้อนกรวดโรยไปคล้ายเป็นทางเดินที่ถูกสร้างขึ้นไว้ คงจะเกิดจากเงื้อมมือมนุษย์มากกว่าเป็นทางเดินธรรมชาติแน่นอน ดังนั้นจึงเดินไปตามทางนั้นครั้นพ้นเหลือบหินก็มองเห็นซากปราสาท ตามที่แม่นางพรายกล่าวไว้มิผิด แต่เป็นซากที่สลักหักพังคงเหลือไว้เป็นบางส่วนเท่านั้น......... * แก้วประเสริฐ. *
14 กุมภาพันธ์ 2553 16:24 น. - comment id 114779
14 กุมภาพันธ์ 2553 19:08 น. - comment id 114787
ลุ้นและสนุกมากเลยค่ะ
14 กุมภาพันธ์ 2553 19:23 น. - comment id 114789
คุณ ฉางน้อย สุขสันต์วันตรุษจีนจงร่ำรวยมั่งคั่งเงินทอง พบแต่สิ่งดีๆนะหลานรักเรา รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
14 กุมภาพันธ์ 2553 19:26 น. - comment id 114791
คุณ โคลอน คุณฝนครับผมก็ไปเรื่อยๆจนกว่าจะถึง การรวมตัวแหละครับ ด้วยตอนนี้พระเอกเราหา ทางออกจากป่าอยู่ครับ อิอิ โม้แหละระเบิดเทิด เถิงเลยนะครับ อิอิ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
14 กุมภาพันธ์ 2553 20:08 น. - comment id 114794
กำลังสนุกครับ
14 กุมภาพันธ์ 2553 21:48 น. - comment id 114800
14 กุมภาพันธ์ 2553 22:12 น. - comment id 114802
คุณ กิ่งโศก ศิษย์รักเรา ครูเพลิดเพลินไปเรื่อยๆแหละ เล่นทางนี้ก็ดีไปอย่างไม่ต้องคำนึงอะไรมากนัก สนุกๆไปวันๆหนึ่งเท่านั้น รักศิษย์เราเสมอๆ แก้วประเสริฐ.
14 กุมภาพันธ์ 2553 22:15 น. - comment id 114803
คุณ แมงกุ๊ดจี่ โอ้ๆดีใจจังเลยที่แม่มะกรูดคนสวยมาเยี่ยม ผมมาเล่นทางด้านนี้จ๊ะ ยังรักคิดถึงอยู่เสมอ วันวาเลนไทม์ก็เลยฝากกลอนให้คุณด้วยนะครับ วาเลนไทม์แห่งรักประจักษ์พบ ครามาครบสีสรรอันเสน่หา มะกรูดเจ้างามแท้แน่จินตนา หวานทั้งตาหัวใจไร้มลทิน เพียงรำลึกนึกวันอันมิ่งมิตร แปรเปลี่ยนจิตฝากไว้คล้ายห้วงสินธุ์ ที่เย็นฉ่ำล้ำลึกเป็นอาจินต์ แสนหวนถวิลคิดนางกลางดวงใจ โอ้นี่วาเลนไทม์แล้วช่างเแป้วจิต หวนคิดกุหลาบแดงแฝงพิศมัย กลิ่นหอมหวนชวนเย้าเคล้าทรวงใน แต่เหตุใดลอยล่องท่องสายลม ยิ่งคำนึงความซ่านที่หวามไหว ทอทาบใจสั่นพลิ้วละลิ่วขม ไกลดุจใกล้แลไกลไร้เชยชม ตรึงอารมณ์มะกรูดรักปักหทัย. แก้วประเสริฐ.
14 กุมภาพันธ์ 2553 22:40 น. - comment id 114805
ลุ้นติดตามนะคะครูแก้ว พรใดที่ครูแก้วให้มา ก็ขอให้ครูแก้วได้รับ เช่นเดียวกันนะคะ ขอบคุณมากนะคะ
15 กุมภาพันธ์ 2553 00:01 น. - comment id 114809
พระเอกของเราจะได้ออกจากป่าเมื่อไรค่ะ ครู...อิอิ รอลุ้นอ่ะค่ะ สุขสันต์วันแห่งความรักและมั่งมีศรีสุข นะคะครู
15 กุมภาพันธ์ 2553 00:10 น. - comment id 114810
สนุกมากครับเพื่อนแก้ว ผมกำลังคิดว่า ได้กลิ่นไอละครพื้นบ้านผนวกับเพชรพระอุมาเทียวครับ กำลังลุ้นว่าจะจะจบแนวไหน
15 กุมภาพันธ์ 2553 10:26 น. - comment id 114816
คุณ แขกประจำบ้านกลอน ครับขอบคุณครับ ผมจะพยายามหาเรื่องเขียน ให้สนุกๆครับ คอยชมตอนต่อไปทุกอย่างจะกลม กลืนกันหมดครับ ขอบคุณรักเสมอ แก้วประเสริฐ.
15 กุมภาพันธ์ 2553 10:29 น. - comment id 114817
คุณ เทียนหยด ศิษย์รักเรา ยังไม่รู้เหมือนกันแต่คิดว่า คงจะอีกไม่นานกระมังนะ ด้วยการผจญภัยในป่า ซึ่งป่าเขาลำเนาไพรเป็นที่โปรดปรานของครูด้วยซิ จึงยังไม่อยากให้พระเอกออกไปจ๊ะ แต่ยังไงก็ต้อง ไปเพื่อผสานกับภายนอกจ๊ะ รักศิษย์เรามากเสมอ แก้วประเสริฐ.
15 กุมภาพันธ์ 2553 10:33 น. - comment id 114819
คุณ ลำน้ำน่าน อย่าเอาผมไปเปรียบกับนักเขียนรุ่นพี่ผม หรอกครับฝีมือยังไม่ถึงหรอก ผมเขียนเพื่อสนุก มิได้เป็นอาชีพแต่ประการใด ด้วยผมเองชอบท้อง ทุ่งนา ป่าเขาลำเนาไพรมากกว่า สถานที่อื่นๆจึง เขียนได้ตามจินตนาการที่ประสบมาครับ ซึ่งไม่ ลำบากหรอกสหายรัก ติดตามไปเรื่อยๆผมเอง นั้นจะไม่ให้เหมือนกับรุ่นพี่ผมหรอกครับ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.