ลุ่มลึกอิสราวดี 18 หลังจากที่กำจัดต้นไม้ยักษ์กินคนแล้ว ทั้งหมดก็เริ่มออกเดินทางไปตามไหล่เขาซึ่ง เชื่อมกันระหว่างยอดเขาทั้งสองเป็นซอกพอจะเดินเป็นทางแคบๆ แต่ที่ทำให้ชายหนุ่ม ต้องตกตลึง ด้วยภูเขา เขาทั้งสองนั้นเดี๋ยวก็แยกจากกัน เดี๋ยวก็มากระทบรวมกัน ซึ่งแปลกที่เขาไม่เคยได้ยินได้ฟังมาก่อนว่าเขาทั้งสองลูกนี้จะกระทบกันแยกกันได้ แต่นี่เขากับมาเจอนับว่าตั้งแต่เขาเดินทางมาในป่าดงดิบนี้ อะไรๆมัน ก็ช่างแปลกประหลาดไปหมดสิ้น ต้นไม้เอย สัตว์ต่างๆเอยมันช่างใหญ่โต ไปเสียสิ้น ทำให้เขาคิดว่าคงจะหลงมาในดินแดนมหัศจรรย์เป็นแน่แท้ แต่เมื่อมาแล้ว ก็หาทางแก้ไขกันเท่าที่เขาจะทำได้จนกว่าจะล่วงพ้นดินแดนเหล่านี้ไป ดังนั้นเขาจึงไม่คิดอะไรมากนอกจากเพียงแค่จะเอาตัวรอดพร้อมกับเจ้าเพื่อนยากเท่านั้น ที่ฝ่าดั้นด้นต่อไป เขาพร้อมเจ้าลิงขนทองซึ่งบัดนี้มันทั้งสูงใหญ่หัวมันเกือบถึงไหลของเขา ร่างกายล่ำสันแขนขากำยำเป็นมัดๆแต่ความคล่องแคล่วมันกับมากขึ้นกว่าเดิม ชายหนุ่มยืนมองดูเห็นว่าการเข้ากระทบกันนั้นมันไม่รวดเร็วนักค่อยๆเป็นค่อยๆไปและ ใช้เวลานานพอสมควร แต่ลมที่พัดผ่านมากลับรุนแรงมาก เสียงสายลมดังอู้ๆตลอดเวลา เข้ามาปะทะหน้าแล้วรู้สึกชาและสะท้าน หากเขายืนไม่มั่นคงก็เห็นทีจะปลิวไปได้ เขาคอยจับระยะเวลาการ ที่ภูเขาทั้งสองลูกกระทบกันและค่อยๆแยกห่างจากกัน ไม่เป็นปัญหาสำหรับเขาและ เจ้าขนทองจะแทรกตัวผ่านไปได้ เพียงแต่ติดที่สายลมแรงจัดมากเท่านั้นที่จะชะลอร่างเขา ทั้งสองยามปะทะฝ่าสายลมไปคงต้องใช้เวลานานพอควร เมื่อชายหนุ่มกำหนดและทดลองฝ่าสายลมที่หน้าช่องหินก่อนฝ่าเข้าไปได้สักพักเพื่อ ความแน่นอน เขาจึงทดลองให้เจ้าขนทองเกาะขี่หลังเขาเพื่อตัดปัญหาในการถูกสายลมพัด แยกจากกัน ทดลองน้ำหนักเจ้าขนทองดูแต่ด้วยเขาได้ดื่มน้ำดีของงูยักษ์ทำให้เขามีพละกำลัง มากมายจึงสามารถแบกเจ้าขนทองได้อย่างสบายๆดังกับเจ้าขนทองเป็นลูกลิงฉะนี้ เมื่อเขา มั่นใจตนเองได้แล้ว ครั้นรอจนสายลมในช่องเบาบางลงและช่องแคบภูเขาค่อยๆแยกจากกัน เขาก็รีบออกเดินทางฝ่าซอกหินไปทันที ก่อนที่ซอกหินจะมากระทบกันอีก ในไม่ช้านักเขาฝ่ากระแสลมยามช่องหินแยกจากกัน โดยแบกเจ้าขนทองและสัมภาระ ฝ่าสายลมออกมาได้ จนกระทั่งเขาสองลูกกลับมากระทบกันอีกแต่ทว่าเขาได้หลุดรอดเข้าไปข้าง ในได้เรียบร้อยแล้ว เขาหันไปมองดูเห็นเศษหินหล่นกระจายเป็นควันฝุ่นฟุ้งไปหมด ทั่วทัศนียภาพเบื้องหน้าเขาช่างงดงามยิ่งนักเป็นที่กว้างมีต้นไม้ขึ้นประมาณเกือบหน้าแข้ง แลดูประหนึ่งคล้ายพรมสีเขียวปูเต็มบริเวณ ด้วยเขายืนอยู่บนที่สูงบรรดาลานทุ่งกว้างนั้นอยู่ ต่ำกว่าเขา มีต้นไม้ใหญ่คล้าเคล้ากับต้นไม้เล็ก มีธารน้ำไหลมาจากซอกไหลเขาที่เกือบสุด สายตาเขาแลเห็นบ้านหลายๆหลังปลูกห่างๆกัน เขามองไปทั่วบริเวณนั้นแปลกเขาคิดด้วยไม่เห็นมีการเพาะปลูกแต่ประการใดไม่ แล้วบ้านเหล่านี้ทำมาหากินอะไรหรือว่าเป็นบ้านของพวกพราน หากเป็นบ้านพวกพรานก็ย่อมจะมีบริเวณที่จะเพาะปลูกสิ่งจำเป็นไว้ แต่นี่ไม่มีเลย เท่าที่สายตาเขาเห็นกับไม่มีด้วยปลูกบ้านใต้ต้นไม้ใหญ่เกือบทุกๆหลัง เมื่อเห็นดังนี้ก็ออกเดินทางเป้าหมายคือหมู่บ้านบางทีอาจจะขอพักพิงอาศัยชั่วคราวได้ บ้าง จึงจูงมือเจ้าลิงขนทองออกเดินทางต่อไป ครั้นใกล้ๆจะถึงบ้านเหล่านี้ก็ได้ยินเสียง แม่นางพรายกระซิบว่า “พี่ท่านให้ระวังตัวไว้ด้วย นั่นเป็นภาพลวงตาของพวกผีโขมดและพวกผีกองก๋อยหา ใช่เป็นที่อยู่ของมนุษย์ไม่จ๊ะ” ร่างชายหนุ่มชะงักทันที ยามเมื่อได้ยินเสียงร้องเตือนของแม่นางพรายมากล่าวเตือน “มันเพียงเพียงแค่กิ่งไม้ที่คลุมไว้ด้วยหญ้าแห้งเท่านั้นจ๊ะ” นางพรายกล่าวเตือนอีก “หรือน้องรักแต่พี่กลับเห็นเป็นเรือนแต่ละหลังจ๊ะ” ชายหนุ่มตอบหญิงสาว “จ๊ะมันใช้อำนาจบังตาคนสัตว์ให้เข้าไปหามันเพื่อจะได้กัดกินสูบเลือดเป็นอาหาร” “แล้วเราจะทำอย่างไรดี หรือว่าเราจะต้องหนีมันอีก แต่มันเป็นทางที่เราต้องไปนะ” “จ๊ะๆ...เบื้องหลังเขาลูกโน้นจะเป็นซากของปราสาท ซึ่งก่อนเจริญรุ่งเรืองมากแต่ มาบัดนี้ได้ล่มสลายแล้ว” นางพรายตอบให้ชายหนุ่มเข้าใจ “แล้วมันมีจำนวนเท่าไหร่ล่ะ แม่น้องรัก” “ราวประมาณที่น้องรู้นะ ว่าสักหกเจ็ดตนได้จ๊ะ ด้านซ้ายมือเป็นพวกผีโขมด ส่วน ด้านขวามือ ห่างไปไม่มากนักเป็นพวกผีกองก๋อย แต่ว่ามันแปลงกายได้นะพี่ท่าน” “เท่าที่พี่เห็นนะน้อง รู้สึกว่ามันจะไม่มีใครอยู่สักตนเลยนี่นา” ชายหนุ่มถามด้วยสงสัย “กลางวันมันจะหายตัวไปหมด มันจะออกมาเฉพาะกลางคืนเท่านั้นจ๊ะ เหมือนน้องแหละ” “เห็นทีเราคงจะหลีกเลี่ยงมันไม่ได้เสียแล้ว ด้วยมันขวางทางที่เราจะผ่านไปเสียด้วย” ชายหนุ่มรำพึงพอได้ยิน “หากพี่จะคิดปราบมันต้องรอจนกว่าจะค่ำมืดถึงจะสามารถกำราบมันได้ ด้วยมันซ่อนตัว อยู่ตามต้นไม้ต่างๆจ๊ะ นอกจากเหยื่อเข้ามาในบ้านนั่นแหละมันถึงจะออกมา” นางพรายสาวตอบ “นี่ก็บ่ายคล้อยมากแล้วเห็นทีเราจะต้องหาที่อาศัยหลับนอนเอาแรงแล้วค่อยออกมากำราบมัน” “ให้พี่ท่านรีบหาที่พักผ่อนเอาแรงก่อนดีกว่าก่อนจะค่ำลง ด้านซ้ายมือมีต้นไม้ใหญ่มีคาคบ พอที่จะอาศัยได้จ๊ะ” ชายหนุ่มเหลียวมองไปด้านซ้ายมือทันทีเห็น ต้นไม้ใหญ่สูงชะลูดอยู่สองสามต้นขึ้นห่างกัน ไม่มากนัก จึงชวนกันเดินทางตรงไปยังต้นไม้ต้นหนึ่งที่ใหญ่ที่สุดและมีคาคบพอที่จะอาศัยได้ เขาส่งสัญญาณให้เจ้าขนทอง ทันใดเจ้าขนทองก็พุ่งร่างทะยานขึ้นไปยังต้นไม้ใหญ่ทันที เมื่อมันสำรวจดูเห็นดีแล้ว มันจึงไต่ลงมาชายหนุ่มปลดเถาวัลย์ที่คล้องใหญ่อยู่ส่งให้มันทันที พอมันได้รับก็เลียนแบบชายหนุ่มนำมาคล้องแขนไหล่มันบ้างแล้วไต่ขึ้นไปพลางผูกเถาวัลย์ดัง ที่มันเคยทำมา หย่อนปลายเถาวัลย์มาให้ชายหนุ่มทันที ชายหนุ่มได้รับปลายเถาวัลย์ก็ไต่ขึ้นไป บนต้นไม้แล้วนอนรอเวลาให้ใกล้ๆค่ำที่ใกล้ๆจะมา ยามสนธยาดวงตะวันคล้อยลับเหลี่ยมภูเขาทอแสงบรรเจิดจับท้องฟ้าเขานอนมองดูมันช่าง สวยงามยามแสงจับก้อนเมฆ เขานึกถึงตอนที่ยังเด็กๆว่าเคยมองภาพก้อนเมฆแล้วนึกภาพที่กำลัง ลอยทอแสงเป็นวิมานของเทพยดา ปราสาทต่างๆที่ทอแสงระยิบบ้างสีส้ม แดง เหลือง ฟ้าแวววาว งดงามนัก มาบัดนี้เขานอนมองท้องฟ้าและก็ให้นึกภาพต่างๆไปด้วย นางประกายแดงและนาง ประกายเขียวมานั่งข้างๆเขาเมื่อไหร่เขาไม่รู้สึกตัวเลย มัวแต่มองภาพสวยงามของบรรดาก้อนเมฆ ที่แยกแตกตัวเป็นภาพที่เขาจินตนาการสร้างไว้ หล่อนคงจะทราบอารมณ์ของชายหนุ่มจึงมิได้กล่าวอะไรขึ้น นางเองก็ยังมองภาพสวยงาม ต่างๆเหล่านี้เหมือนกัน จวบจนอากาศมืดสลัวๆบ่งบอกว่าค่ำแล้วนั่นแหละ เขาจึงลดสายตาและพบ ว่าแม่นางคนสวยทั้งสองมานั่งเคียงคู่เขาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบ จึงกล่าวขึ้นว่า “อ้าวๆๆๆ????....น้องเรามาตั้งแต่เมื่อไหร่พี่ไม่รู้ตัวเลย” “น้องทั้งสองเห็นพี่ท่านมองก้อนเมฆและนึกภาพต่างๆ น้องเองก็ยังมองช่างงดงามนักนะ มันประดับประดาเป็นรูปภาพสัตว์ต่างๆสอดแทรกด้วยสีสันต่างๆด้วยเหมือนกันจ๊ะ” นางพรายกล่าว “นั่นซีน้องรัก....พี่เองก็ยังอดนึกถึงวัยเด็กๆเวลาพระอาทิตย์ลับฟ้ามักจะออกมานั่งและมอง ภาพก้อนเมฆต่างๆนึกไปต่างๆนาๆพร้อมแสงที่สอดแทรกเสมอๆแหละจ้า” ชายหนุ่มกล่าวบ้าง “นี่ก็มืดค่ำแล้ว รอบข้างพี่มองอะไรไม่เห็นเลย เดือนหรือก็มืดค่ำมีแค่แสงดาวต่างๆเท่านั้น” “ใกล้แล้วท่านพี่ ท่านพี่สังเกตไปด้านที่มีบ้านต่างๆที่เห็นในตอนบ่ายๆซิ ท่านพี่จะเห็นแสง คบเพลิงมันจัดเรียงรายไปทั่ว แม้แต่ในบ้านก็สว่างไสวจ้า” นางพรายตอบ ถึงตอนนี้ชายหนุ่มนึกขึ้นได้จึงหันไปมองดู จริงดังที่น้องนางพรายทั้งสองกล่าว เขามองเห็นแสงไฟเรียงราย บ้างก็มีแสงไฟระยิบระยับมุ่งตรงมาทางที่เขาอาศัยอยู่ “พวกมันมาแล้วพี่ท่าน มันรู้แล้วว่าพี่ท่านกับเจ้าน้องขนทองอาศัยอยู่ที่นี้แล้วจ๊ะ” นางพรายตอบ “เพียงมันสงสัยว่าเหตุใดจึงมีพวกน้องอาศัยอยู่ด้วยเท่านั้นเอง หากกล่าวไปฤทธิ์เดชแล้วมันสู้ พวกน้องไม่ได้หรอกจ๊ะ มันถึงกล้าๆกลัวๆ แต่ความหิวมันทำให้มันต้องกระทำจ๊ะ” “หรือ???...น้องรักดังนั้นเห็นทีต้องอาศัยน้องเราเสียแล้วล่ะจ๊ะ” ชายหนุ่มกล่าว “ถึงน้องจะมีฤทธิ์เดชมากว่ามันก็จริงแต่ น้องมีแค่สองคน มันมีสิบกว่าตนยากจะป้องกันพี่และน้อง ขนทองได้สะดวกจ๊ะ” “ไม่เป็นไรหรอกน้องรัก น้องเท่าที่จะช่วยได้ก็แล้วกัน ส่วนตัวพี่และเจ้าขนทองไม่ต้องห่วงหรอก พี่เองคิดว่าสามารถปราบมันได้จ๊ะ” “แต่ท่านพี่ต้องระวังหน่อยนะด้วยความเป็นห่วง...มันจะมาในรูป?????.....” พรายสาวหน้าแดงไม่กล้าตอบมากกว่านี้ “อะไรหรือ????...ทำไมถึงไม่กล่าวต่อล่ะ” ชายหนุ่มถามด้วยความสงสัย “อ้าๆๆๆ????.....มันรู้ว่าพี่เป็นหนุ่มโสด มันๆ????...จะมาในรูปร่างลักษณะที่ๆ...อุ๊ยๆ... ท่านพี่ดูเอง ก็แล้วกัน น้องกระดากปากจ๊ะ” หญิงสาวตอบ บัดดลแสงไฟหลายๆดวงได้ใกล้มาแถวบริเวณโคนต้นไม้ใหญ่ ภาพที่ชายหนุ่มเห็นถึงกับตะลึงหน้าแดง ทันที ด้วยผู้ที่ถือคบไฟนั้นล้วนแล้วแต่เป็นหญิงสาวสวยๆทั้งสิ้น แต่การแต่งกายหล่อนซิ ช่างยั่วอารมณ์คน หนุ่มยิ่งนัก ท่อนบนเปลือยเปล่า ถันตั้งชูชันขาวผ่อง ท่อนร่างนั้นนุ่งผ้าปิดเพียงน้อยนิดเท่านั้นวับๆวอมแวมๆ ร่างที่เห็นขาวโพลนในท่ามกลางแสงไฟและความมึดตัดกับร่างที่อรชรอ้อนแอ้นยิ่งนัก มารู้สึกตัวเมื่อเขาถูกนางพรายหยิกเอาจึงทำให้ชายหนุ่มสะดุ้ง คืนกลับสู่สภาพเดิมได้ ว่านั่นเป็นแค่ภาพหลอกหลอนเท่านั้นหาใช่ตัวตนใดจริงไม่ เมื่อคิดได้เช่นนี้แล้วชายหนุ่ม ก็เข้าสมาธิทันทีเมื่อจิตสงบก็ร่ายพระเวทย์ที่จารึกในหนังสือที่เขาพกติดตัว มาตลอดศึกษาจนช่ำชอง พลางเป่าไปยังบรรดาร่างนางงามที่เห็นทั้งหลายทันที บัดดลเสียงร้องกรีดอย่างโหยหวนก็ดังสะท้านป่า ร่างที่สวยงามนั้นหายวับไปทันทีกลับเป็นร่างของชาย หญิงที่แห้งเหี่ยวหนังหุ้มกระดูก รูปร่างน่าเกลียดน่ากลัว บางตัวคล้ายๆลิงร้องเสียงดังกร๊อกๆๆ บางตัวร้องเสียงดังก๋อยๆๆ ไปทั่วบริเวณ เล็บมือมันยาวงุ้มบางตัวพลางตะกายปีนขึ้นมาบนต้นไม้ ชายหนุ่มเห็นดังนั้นก็ชักมีดดาบออกมาถือ ตัวใดที่ปีนป่ายขึ้นมาได้ก็จะถูกชายหนุ่มฟันจนร่างมัน มือ ที่ตะกายเข้ามาขาดสะบั้น เสียงร้องอย่างโหยหวนน่าสะพึงสยองไปทั่วร่างมันหายวับไปทันใด ชายหนุ่ม มองไปข้างล่างเห็นแม่นางพรายทั้งสองต่างแยกย้าย กันเข้าตบทำลายร่างของเจ้าผีโขมดและกองก๋อยสิ้น ไปหลายๆตน เจ้าผีร้ายอีกตัวมาทางด้านหลังเขาก็ถูกเจ้าขนทองพุ่งร่างเข้าสกัดและฝังเขี้ยวแก้วมันลง ไปเลือดมันสาดกระเซ็นคอขาดหายวับไปทันใด เมื่อชายหนุ่มเห็นเช่นนี้ก็รีบไต่เถาวัลย์ลงมายังโคนต้นไม้แล้วเข้าช่วยเหลือแม่นางพรายทั้งสองทันที เขาฟาดดาบไปถึงที่ใดก็ดับสิ้นหายไป เสียงร้องก้องอย่างโหยหวนดังและมีเสียงตอบรับก้องเข้ามาอีก ทันใดนั้นภายใต้ต้นไม้ใหญ่ก็เรียงรายไปด้วยผีโขมดซึ่งรูปร่างมันคล้ายๆลิงสีดำแต่หัวเป็นคน เจ้ากองก๋อยนั้นร่างมันเป็นคนที่มีแต่หนังหุ้มกระดูกแต่พละกำลังมันมากมายนัก ยามกระโจนเข้ามาปะทะเขานั้นช่างรุนแรงจนเขาต้องเซ เขารีบดึงมีดน้อยออกมาช่วยอีกเล่มหนึ่ง จนชุลมุนไปทั่ว การต่อสู้แบ่งออกเป็นสามฝ่ายทันที เสียงกรีดร้องก้องโหยหวนก้องกังวานป่า บรรดานกที่อาศัยต่างตกใจบินว่อนร้องลั่นด้วยความตกใจ นางพรายกล่าวว่ามันมีประมาณสิบกว่าตน แต่บัดนี้หาใช่ไม่ ไม่รู้ว่ามันมาจากที่ใดอีกช่าง มากมายนัก เขามองกะคร่าวๆคงไม่ต่ำกว่าห้าสิบหรือมากกว่านั้นเสียอีก เขาไม่รอช้าทะยานร่างเข้าใส่ยังฝูงโขมดลักษณะคล้ายๆลิงซึ่งตัวใหญ่กว่า เจ้ากองก๋อยมากนัก ทั้งสองมือชายหนุ่มทั้งฟาดทั้งแทงร่าง ด้วยอาวุธของชายหนุ่มนั้นผ่านการปลุกเสกวิทยาคมแก่กล้า สามารถทำลายพวกผีได้มันรู้สึกจะกริ่งเกรงกลัว แต่กระนั้นเสื้อผ้าเขาก็ถูกฉีกขาดเสียแทบจะหมด สิ้น แต่แปลกร่างกายเขาหาได้มีรอยเล็บเป็นรอยข่วนก็หาไม่หรือจะเป็นด้วยอำนาจของเลือดงูยักษ์ ที่มีอายุนับพันๆปีนั่นเองทำให้ร่างกายเขาคงกระพันชาตรี เล็บของเหล่าผีร้ายจึงไม่อาจจะทำลายผิว หนังเขาได้ การต่อสู้อย่างดุเดือดได้ผ่านไป เสียงร้องก้องและโหยหวนดังไปทั่วบริเวณก็ยังไม่อาจจะปราบ พวกผีร้ายได้หมด จนกระทั่ง.......... * แก้วประเสริฐ. *
13 กุมภาพันธ์ 2553 18:39 น. - comment id 114755
......ทยอยอ่านๆ แอบอ่านๆๆ ค่ะ
13 กุมภาพันธ์ 2553 20:02 น. - comment id 114756
ผีอมก๋อย เอ๊ย ผีกองก๋อย
13 กุมภาพันธ์ 2553 21:39 น. - comment id 114761
สวัสดีครับอาจารย์ สุขสันต์วาเลนไทน์ และตลอดไป
13 กุมภาพันธ์ 2553 22:26 น. - comment id 114762
หวัดดีค่ะครู... สงสัยจะเป็นเรื่องยาวซะแล้ว...อิอิ อ่านสนุกค่ะ..ชักเริ่มเข้มข้นแล้ว... รักษาสุขภาพนะคะครู
13 กุมภาพันธ์ 2553 22:55 น. - comment id 114764
4...........ใครบอกว่า เป็นเรื่องสั้นล่ะพี่อ้อยเทียนหยด มีตั้ง 18 ตอนแระเจ้ เนอะ ลุงแก้วเนอะ.........
14 กุมภาพันธ์ 2553 07:29 น. - comment id 114769
มาอ่านต่อครับครู...มีผีกองก๋อย..กับขโมดดง อีกครับ
14 กุมภาพันธ์ 2553 11:30 น. - comment id 114770
คุณ ฉางน้อย ปีใหม่จ้าหลานรัก ขอให้มั่งคั่งสุขภาพสมบูรณ์ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
14 กุมภาพันธ์ 2553 11:32 น. - comment id 114771
คุณ โคลอน สวัสดีปีใหม่ ขอให้มั่งคั่ง สุขภาพสมบูรณ์ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
14 กุมภาพันธ์ 2553 11:35 น. - comment id 114772
คุณ ลุงแทน สวัสดีปีใหม่ ขอให้มั่งคั่ง สุขภาพสมบูรณ์ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
14 กุมภาพันธ์ 2553 11:37 น. - comment id 114773
คุณ เที่ยนหยด สวัสดีจ้าศิษย์รัก สวัสดีปีใหม่ ขอให้มั่งคั่ง สุขภาพสมบูรณ์ จ๊ะเป็นเรื่องที่ยาวๆจ๊ะ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
14 กุมภาพันธ์ 2553 11:40 น. - comment id 114774
คุณ ฉางน้อย ใช่แล้วจ้าหลานรักของลุง ลุงตั้งใจว่าจะ แต่งเรื่องยาวพอๆกับเรื่อง ทัศยุราชันย์ แหละ มีหลานรักรู้ใจลุงเนอะ อิอิ รักมากเสมอ แก้วประเสริฐ.
14 กุมภาพันธ์ 2553 11:42 น. - comment id 114775
คุณ กิ่งโศก ศิษย์รักเรา สวัสดีปีใหม่ ขอให้มั่งคั่ง สุขภาพสมบูรณ์ ครูเองก็แต่งไปเรื่อยๆแหละ นึกได้อะไรแต่งแบบ นั้นแหละ ด้วยตั้งใจว่าจะให้พอๆกับเรื่องทัศยุราชันย์ นั่นแหละจ้า รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
14 กุมภาพันธ์ 2553 18:08 น. - comment id 114786
สุขสันต์วันแห่งความรักนะคะครูแก้ว ขอให้ครูแก้วมีกำลังเขียนต่อไปนะคะ ขอบคุณมากคะ
14 กุมภาพันธ์ 2553 19:21 น. - comment id 114788
คุณ แขกประจำบ้านกลอน ขอบคุณมากครับ เช่นเดียวกันสุขสันต์ วันวาเลนไทม์ด้วยนะครับตลอดสุขสมบูรณ์พูลผล มั่งมีทรัพย์สินเงินทองมากมายก่ายกองในวันปีใหม่ จีนด้วยครับ ขอบคุณรักเสมอ แก้วประเสริฐ.