ลุ่มลึกอิสราวดี 11 ครั้นชายหนุ่มได้รับฟังจากนางพรายทั้งสอง กริ่งเกรงว่าร่างของงูยักษ์ จะกลับกายเป็นหินตามคำบอก เขาจึงได้รีบนำมีดน้อยไปแหวกท้องงูเพื่อ ค้นหาดวงแก้วพร้อมดีงู เมื่อแหวะท้องงูค้นหาสักพักหนึ่งก็พบก้อนแก้ว สองดวง ขนาดประมาณไข่นกกระทาอาจจะใหญ่กว่าเล็กน้อย จึงควักนำ มาวางไว้ข้างๆกาย แล้วเริ่มค้นหาดีงูซึ่งอยู่ใต้ลงมาอีกเล็กน้อยเป็นถุงน้ำเขียว ใสคล้ายมรกตจึงได้นำมา พร้อมเรียกเจ้าขนทองให้เข้ามาใกล้เขาเริ่มใช้มีด เล็กเจาะโคนถุง สายน้ำเขียวแต่ส่งประกายเจิดจ้าพุ่งออกมา เขารีบอ้าปากรองรับสาย น้ำดีแล้วดื่มได้ประมาณค่อนถุงน้ำดี แล้วรีบนำไปให้เจ้าขนทองดื่มทันที เจ้าขนทองทำหน้าเหยเก ส่วนเขาเองก็รู้สึกว่ารสชาติขมแต่มีกลิ่นหอมๆ เล็กๆน้อยๆเมื่อน้ำดีไหลลงคอไป เขารู้สึกว่าคล้ายๆมีความร้อนเกิดขึ้น และยิ่งร้อนมากๆขึ้นผสมกับความเย็นซ่านผสมผสานกันไปๆมาตลอดในท้องเขา จนเขาทนไม่ไหวต้องถอดเสื้อออก แต่ก็เป็นเพียงสักครู่เดียวก็ค่อยๆลดทอน ความร้อนลง หันไปมองเจ้าลิงขนทอง มันถึงกับร้องลั่นพร้อมตีลังกาพุ่งออก ไปยังด้านข้างๆ แล้วตีลังกาพร้อมทั้งนอนลงดิ้นทีเดียวแต่สักพักมันค่อยๆลุกขึ้น ค่อยๆย่างเข้ามาหาเขา เขาส่งสัญญาณมือให้เจ้าขนทองมาช่วยเขาลากซากงูยักษ์ ออกน้ำไปทิ้งยังหน้าผาทันที เนื่องจากลำตัวมันใหญ่โตพอๆกับต้นซุงต้นหนึ่ง และมีความยาวมาก จึงต้องค่อยๆหย่อนหัวที่ร่องแล่งลงไป เมื่อท่อนหัวลงไป ได้ประมาณครึ่งหนึ่งร่างมันก็ฉุดส่วนหางไหลไปตามหน้าผา เสียงต้นไม้เล็กที่ไม่ ใหญ่หักโครมครามทันที ชายหนุ่มหันไปนำดวงแก้วมาพิจารณาเห็นเป็นก้อนแก้วซึ่งบัดนี้แข็งตัวเต็มที แล้วประกายส่งแสงนวลใย ภายในรู้สึกว่ามีความเคลื่อนไหวไปๆมาๆเหมือนมีน้ำ หล่อเลี้ยงไว้ ร่างชายหนุ่มซึ่งยังเปื้อนเลือดตลอดทั้งตัวส่งกลิ่นคาวคลุ้งไปทั่ว บริเวณ เขารู้สึกแปลกใจมากที่เหตุใดฝ่ามือที่เขากำดวงแก้วนั้นหาได้มีเลือดไม่ จึงทดลองนำดวงแก้วดวงใหญ่กว่าอีกดวง นำมาคลึงไปยังบริเวณร่างกายที่เปื้อน เลือดปรากกว่า เลือดได้ซึมเข้าไปยังดวงแก้วทันที ชายหนุ่มดีใจมากที่เขาเองยังไม่รู้ว่าจะไปชำระร่างกาย ที่เปื้อนเลือดได้ที่ไหนบัดนี้ดวงแก้วนี้กลับมาช่วยชำระ ล้างเลือดของงูยักษ์มันซึมเข้าไปในดวงแก้ว ดังนั้นชายหนุ่มจึงนำดวงแก้วมาคลึงทั่วบริเวณที่เปื้อนเลือดทันที ไม่ช้าไม่นาน เขาก็ชำระร่างกายให้สะอาดแต่ทว่าร่างกายเขากลับคล้ายๆมีควันรังสีแผ่กระจายคลุมร่าง เขาด้วย เมื่อเห็นเป็นเช่นนี้แล้วจึงได้นำดวงแก้วอีกดวงเข้าไปหาเจ้าขนทองพร้อมทั้ง ใช้ดวงแก้วที่เล็กกว่ามาคลึงไปตามขนและร่างกายของเจ้าขนทองที่เปื้อนเลือดไม่ช้า เขาก็ชำระร่างกายเจ้าขนทองได้สะอาดเรียบร้อย แต่เมื่อเขาพิจารณามาดวงแก้วทำให้ขาแปลกใจ ด้วยดวงแก้วนั้นก่อนที่เคย สุกใสนวลใยและเห็นคล้ายน้ำขาวใสไปกลิ้งไปกลิ้งมาบัดนี้ภายในกลับ เป็นสีแดงจางๆสดใสคล้ายๆกับทับทิมซ่อนอยู่ภายในแทนน้ำสีขาวๆใสๆ แลดูกลับ สวยงามอีกแบบหนึ่ง ภายนอกนวลใยขาวๆราวไข่มุกแต่ข้างในกลับสีแดงคล้ายทับทิม ทั้งสองดวง เขาคิดว่าจะทำอย่างไรถึงจะนำดวงแก้วเล็กมอบให้เจ้าขนทองตามที่นาง พรายได้บอกไว้ ครั้นหวนคิดได้ว่าเอ็นเจ้าลิงยักษ์ขนดำยังเหลืออีกจึงได้นำมาถักเพื่อใส่ดวงแก้ว เมื่อถักเสร็จหุ้มห่อจนแน่ใจว่าดวงแก้วจะไม่หล่นหายไปแน่นอนแล้ว เขาจึงเรียกเจ้าขนทองมาแล้วนำดวงแก้ว ผูกติดกับคอของเจ้าขนทองทันทีกะพอประมาณว่าจะไม่ ทำให้ดวงแก้วนั้นหล่นหายไปได้ ส่วนตัวเขาก็นำดวงแก้วอีกดวงมาสวมใส่ยังคอแทนสร้อยคงงามอีกแบบหนึ่งเขาคิด ฉับพลันเขารู้สึกว่าประกายไออุ่นทั้งร้อนและเย็นซึมซาบมายังร่างกายเขา สักครู่ก็เกิดความอบอุ่นและรู้สึกเสมือนมีพลังเพิ่มขึ้นมากมาย เพื่อความแน่ใจในสิ่งที่เกิดขึ้น เขาทดลองเดินไปยังก้อนหินก้อนใหญ่ก้อนหนึ่งพลางโยกเบาๆ โอ้วๆๆๆๆ!!!!!????...มันช่างโยกง่ายจริงๆ จึงลองยกมันขึ้นเหนือหัวเขาทันที หินก้อนออกใหญ่โต เขาสามารถยกได้อย่างง่ายดายนัก เหมือนกับคำที่นางพรายสาว แจ้งแก่เขาไม่ผิดสักนิดเดียว เมื่อทดลองจนแน่แก่ใจแล้วเขาและจูงเจ้าขนทอง ก็พากันเดินสำรวจภายในถ้ำนั้นทันที มีเหลือบหินซ้อนๆกันหลายๆชั้น แต่ที่สุดเป็นทางตันของปลายถ้ำ แต่ในเหลือบหินนั้นมีแอ่งน้ำเล็กน้อย อยู่พอที่จะใช้ดื่มกินได้ เมื่อเป็นเช่นนี้เขาจึงคิด ว่าหากจะพักที่นี่สักพักด้วยภายในถ้ำนี้หากเป็นกลางวัน ก็คงไม่เป็นปัญหาใดๆสำหรับ นางพรายที่จะออกมาได้ด้วยเป็นความสลัวและมืดพอที่จะให้ออกมา เขาคิดว่าที่นี่แหละคงจะเหมาะกับการที่เขาจะให้แม่นางพรายสอนหนังสือแก่เขาที่ เขาต้องการร่ำเรียนรู้จากหนังสือที่นำติดตัวมาตลอดจนการเขียนด้วย เพื่อใช้ในการศึกษาต่อไป หากเหตุการณ์ในวันข้างหน้าหากเขาไม่สามารถกลับไปยัง ที่พักและจะต้องเดินทางต่อไปอีกนานเท่าไหร่ก็ไม่รู้ เมื่อคิดและตกลงใจแน่วแน่แล้ว จึงหันไปเรียกนางพรายทั้งสองให้ปรากฏตัวขึ้น เมื่อ นางพรายได้รับการเรียกจากเขาแล้ว ร่างนางทั้งสองก็ปรากฏตัวแต่มาคราวนี้แปลกเขาคิด ด้วยเสื้อผ้านางทั้งสองได้เปลี่ยนไป ประกายเสื้อผ้ากับส่ง ประกายแวววาวสดใสทำให้ หล่อนทั้งสองดูผ่องผาดผุดผ่องยิ่งขึ้นกว่าเดิมอีก ครั้นแล้วเขาเมื่อจัดการนำหนังเสือออกมาคลี่เพื่อปูเป็นที่นอนสำหรับ พักผ่อนคืนนี้แล้ว แต่แสง ของโคมไฟที่เขานำไปปักยังซอกก้อนหิน ยังส่องแสงประกายพอจะเห็นสิ่งต่างๆได้ชัดเจน จึงกล่าวกับแม่นางทั้งสองทันที “เอาล่ะน้องรัก ที่น้องว่าจะสอนหนังสือที่พี่อ่านไม่ออกให้แก่พี่ ซึ่งพี่เห็นว่าที่นี่ คงจะเหมาะแก่การเล่าเรียนได้ จึงขอความกรุณาให้น้องช่วยเหลือพี่ด้วยเถอะ” นางประกายแดงพลันตอบขึ้นว่า “จ๊ะพี่ท่าน...ด้วยสถานที่นี้หากเป็นกลางวันน้องก็สามารถปรากฏกายได้ด้วยแสงของตะวัน ไม่สามารถส่องมาถึง คงจะเหมาะแก่การสอนเขียนอ่านได้จ๊ะ เรามาเริ่มกันดีกว่านะพี่ท่าน” “จ๊ะน้องพี่...พี่พร้อมแล้วจ๊ะ” ชายหนุ่มตอบ ดังนั้นการเริ่มศึกษาเล่าเรียนก็เริ่มขึ้นด้วยชายหนุ่มมีปฏิภาณไหวพริบและเคยผ่านการ ศึกษามาขั้นสูงสุดในโลกที่ผ่านมาในอดีต ด้วยความเฉลียวฉลาดที่เขามีอยู่จึงไม่เป็นปัญหาต่อ การเรียนภาษาที่เขาไม่รู้จักได้อย่างรวดเร็ว เพียงไม่กี่วันที่พักอยู่ที่นี้เขาก็สามารถอ่านและเขียนได้อย่างรวดเร็วตลอดจนจำได้อย่าง แม่นยำ จนแม่นางพรายประกายแดงถึงกับชมเปาะถึงความสามารถของเขา หล่อนกล่าวว่า หากเป็นบุคคลทั่วๆไปในแดนนี้ก็ต้องใช้เวลาเป็นปีๆ แต่นี่ทำไมถึงเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วนัก เมื่อชายหนุ่มสามารถอ่านหนังสือและเขียนได้พอจะคล่องแคล่วแล้ว จึงหยิบหนังสือ ที่นำติดตัวมาเริ่มศึกษาค้นคว้าทันที เวลาวันเดือนปีลุล่วงไปซึ่งเขาไม่สนใจอยู่แล้วผ่านไปๆ การศึกษาค้นคว้าหนังสือนี้ก็ทำ ให้ได้กระจ่าง รอบรู้สิ่งทั้งปวงส่วนการเรียนเขียนเขาก็ใช้มีดน้อยมาขีดเขียนตามพื้นถ้ำแทน สมุดดินสอ ไม่นานนักด้วยความรอบรู้ที่เขาเรียนมาในอดีตไม่ยาก สำหรับตัวหนังสือ ตลอดจนการเขียนเหล่านี้ ดังนั้นเขาจึงได้เริ่มทำการฝึก การวางค่ายกลต่างๆโดยใช้ก้อนหินมาวางเรียงสร้างเป็นค่าย กล ตลอดจนการตั้งรับและการโจมตีประดุจหมากรุกก็ไม่ปาน ไม่นานนักด้วยสติปัญญาฉลาด แหลมคมทั้งความทรงจำทำให้เขาคล่องแคล่วในการคิดอ่านตลอดจนนำสิ่งที่เคยเรียนรู้เกี่ยวกับ วิชาทหารในอดีตมาผสมผสานลงไปด้วยยิ่งเพิ่มประสิทธิภาพให้แก่การเล่าเรียนครั้งนี้ ส่วนเวทย์ มนต์คาถาอาคมนั้น เขาก็เริ่มทีจะฝึกหัดนั่งสมาธิไปตามขั้นตอนที่บ่งบอกไว้ในหนังสือจนกระทั่ง เขาสามารถทำได้อย่างคล่องแคล่วว่องไวจนหมดสิ้น เมื่อสำเร็จวิชาต่างๆแล้วเขาก็หันไปขอบใจนางพรายประกายแดง หล่อนยิ้มให้เขากล่าวว่า “ไม่คิดเลยว่าพี่ท่านจะเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วตลอดจนเขียนได้ดี หากเป็นคนทั่วๆไปแล้ว เป็นว่าคงจะต้องใช้เวลานานมากๆจ๊ะ” “พี่เองเห็นว่าภาษาไทยที่พี่เรียนรู้ยังยากกว่านี้มากมายนัก ด้วยภาษาที่เรียนนี้ไม่มีสระวรรณยุกต์ เพียงเป็นแค่พยัญชนะล้วนๆจ๊ะ” “อะไรหรือท่านที่ คำว่าสระวรรณยุกต์” นางพรายถาม “คำสระและวรรณยุกต์ นั้นคือคำที่ผสมกับภาษาทำให้อ่านออกเสียงและทำนองได้ไพเราะและ สามารถผสมผสานกับภาษาอื่นๆได้จ๊ะ ภาษาที่น้องสอนพี่นั้นมีลักษณะคล้ายกับภาษาอังกฤษที่มีสระ เพียงห้าตัวเท่านั้น ดังนั้นทำนองเสียงจึงมักจะออกเสียงห้วนๆ เหมือนภาษาที่น้องสอนพี่จ๊ะ” ชายหนุ่มกล่าว “งั้นก็แปลว่าภาษาที่ท่านพี่เรียนรู้มานั้นยากกว่าภาษานี้ใช่ไหมท่านพี่” นางพรายถามด้วยความสงสัย “ใช่แล้วจ๊ะตลอดจนการเขียนด้วยก็ยากกว่ากันมากนะ” ชายหนุ่มกล่าว “เดี๋ยวพี่จะท่องบทกลอนให้น้องฟังและอ่านด้วย น้องลองเอามาเปรียบเทียบการร้องเพลงของน้องนะ” ชายหนุ่มกล่าว แล้วก็ท่องบทกลอนให้พรายทั้งสองฟัง “ อันภาษาไทยนั้นบรรเจิดยิ่ง รวมทุกสิ่งประยุกต์ปลุกเกษมสาน ท่วงทำนองรองรับขับเบิกบาน ดุจวิมานชั้นฟ้ามหาพรหม ถ้อยน้ำเสียงล้ำเลิศประเสริฐนัก ดุจพิณจักสานเสียงเคียงผสม กังวานก้องลอยล่องคล้องสายลม สรรค์ระทมเป็นสุขคลุกภายใน อันเสียงสูงแลต่ำย้ำพยัญชนะ ทำนองปะคละคลุ้งจรุงใส ไล่จากต่ำมากลางสร้างสูงไป ตวัดไล้ลงกลางพลางต่ำมา จึงเกิดเป็นสำเนียงภาษาไทย เข้ากับได้ทุกชาติและศาสนา หากฝึกฝนคล่องแคล่วแนวรจนา ก็นำพาดุจเพลงบรรเลงพิณ.” ชายหนุ่มเอื้อนร้อยกรองให้นางพรายทั้งสองฟัง อันทำให้นางพรายสาว ถึงกับเหม่อลอยหลับตาพริ้ม ถึงกลับเผลอตัวเข้ามาหายชายหนุ่มแล้วสวมกอด พลางทั้งสองนางต่างก็จูบบนใบหน้าชายหนุ่มที่รกรุงรังด้วยหนวดเคราโดยที่ไม่ รังเกียจ เล่นเอาชายหนุ่มถึงกับตะลึงซาบซ่านเข้าสู่ใจและพลางโอบนางทั้งสอง อย่างลืมตัว เมื่อรู้สึกตัวได้หน้าชายหนุ่มก็แดง พร้อมกับกล่าววาจาขอโทษนางทั้งสอง “ พี่ขอโทษน้องทั้งสองด้วยนะ พี่ลืมตัวไปชั่วขณะจ๊ะ” “ หามิได้มิเป็นไรดอกท่านพี่ น้องเองเมื่อได้รับฟังเสียงร้องของพี่ท่านก็ยังอดที่จะลืมตัวไป ด้วยช่างเป็นภาษาที่อ่อนไหวเร้าใจยิ่งนัก จริงซินะพี่ท่าน ที่พี่กล่าวเป็นภาษาที่ไพเราะมากกว่าภาษาท้องถิ่นในที่นี้เสียอีก” นางพรายสาวทั้งสองกล่าว..... * แก้วประเสริฐ. *
6 กุมภาพันธ์ 2553 15:05 น. - comment id 114267
สนุกค่า สนุกกว่าปลาบู่ทองตอนเช้าๆที่เค้ายืดเนื้อหาเปลี่ยนใหม่จนไม่เหลือเค้าเดิมอีกแน่ะค่ะ... อิอิ
6 กุมภาพันธ์ 2553 15:18 น. - comment id 114268
คุณ โคลอน นี่ผมถึงแต่เสร็จนะคุณฝน ส่วนเรื่อง ในโทรทัศน์บอกตรงๆว่าไม่เคยดูสักเรื่องเดียว มานานเป็นปีแล้วล่ะครับ ผมไม่ชอบเพราะดูไป แต่ละเรื่องผมเดาได้เกือบหมดเชียวละไม่ใช่โม้ นะครับสรุปได้เลยว่าเรื่องนี้ตอนจบเป็นอย่างไร ผมเคยพูดให้เขาฟัง แต่ตอนหลังเขามาบอกว่า รู้ได้อย่างไรกันเพราะเหมือนผมบอกไม่ผิดเชียว ผมเองก็บอกไม่ได้ครับหรือเป็นเซนต์ของ ผมเองกระมังครับ อิอิ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
6 กุมภาพันธ์ 2553 15:51 น. - comment id 114271
..........ลุ้นจัง..........
6 กุมภาพันธ์ 2553 16:07 น. - comment id 114272
คุณ ฉางน้อย ยายฉางนุ้ย...อุ๊ยๆ ยายฉางน้อยหลานเลิฟ คิดว่าเรื่องนี้ยาวๆแน่นอนแหละขนาดเริ่มต้นไป ไม่เท่าไหร่ ลุงก็โม้ไปแล้วล่ะอ้อเนื่องจากจะมาเล่น ทางนี้คิดว่าจะแต่งเรื่องยาวๆสักเรื่องหนึ่ง ส่วนทาง โน้นปล่อยให้ศิษย์ลุงเล่นไปแต่ก็แว๊ปๆไปดูบ้างจ๊ะ รักหลานเรามากเสมอ แก้วประสริฐ.
6 กุมภาพันธ์ 2553 17:00 น. - comment id 114273
..แอบมีโรแมนติดตอนท้ายด้วย..อิอิ.. สนุกค่ะ....คุณลุงเมื่อยอ๊ะป่าวค้าๆๆ เป็นห่วงจ้า...
6 กุมภาพันธ์ 2553 19:23 น. - comment id 114274
คุณ คมดาบนารี ผมสอดแทรกอารมณ์ต่างๆไว้ตามลักษณะ ของเนื้อเรื่องครับ ให้คนอ่านที่ได้ติดตามได้เกิด เหมือนจริงจังคล้อยตามไปครับ ตามความคิดผม นะครับเนื้อเรื่องผมค่อยผสมผสานเว้นวรรคไว้ แล้วเข้าสู่การตื่นเต้นสลับกันไปจะได้ไม่เบื่อ โดย จะไม่รวบรัดมากนัก ขอบคุณรักเสมอ แก้วประเสริฐ.
6 กุมภาพันธ์ 2553 23:12 น. - comment id 114277
เปิดใว้ตั้งแต่บ่ายอ่านไม่ทันจะจบ ก้เลยมาอ่านใหม่อีกรอบนะคะ มาถึงตอนนี้แล้วพะเอกยัง อยากหาทางกลับบ้านอีกเหรอคะ ครูแก้ว เขียนบทได้ขนาดนี้ยังตกงาน แล้วคนอ่านอย่างดิฉันงานนอกบ้านไม่มีทำ อิอิ ขอบคุณมากนะคะ
7 กุมภาพันธ์ 2553 11:41 น. - comment id 114283
คุณ แขกประจำบ้านกลอน ครับจริงๆนะครับ งานเขียนผมก็แค่สมัคร เล่นเพื่อเพลิดเพลินไม่ต้องคิดมากเท่านั้นเองครับ หาได้ยึดเป็นอาชีพอย่างไรไม่ ก่อนนั้นก็มีคนหลาย คนเขาบอกให้ผมส่งไปสำนักพิมพ์เพือขาย ต้องได้ รับการพิจารณาแน่นอน ผมไม่เอาด้วยคิดแค่ สนุกๆเท่านั้นและฝีมือยังไม่เข้าขั้นนะครับ แต่เอา เถอะแค่เล่นเพื่อคลายสมองและฝึกให้สมองมัน ทำงานไม่ต้องเบลอเท่านั้นครับ หวังว่างาน เขียนผมซึ่งจะไม่เลียนแบบใครและเหมือนใคร อาจจะคล้ายๆกันบ้างก็ช่วยไม่ได้เพราะส่วนมาก จะเป็นเช่นนี้เสมอ แต่งานผมคิดเองแต่งเอง ครับ ขอบคุณมากที่ติดตามเสมอและคอมเม้นท์ ให้กำลังในการเขียนของผมครับ ขอบคุณรักเสมอ แก้วประเสริฐ.
9 กุมภาพันธ์ 2553 13:59 น. - comment id 114367
กลับมาติดตามต่อครับครูแก้ว...ด้วยผมไปต่างจังหวัด มาครับ..เสาร์ อาทิตย์ และ จันทร์.. ..คอมเม้นที่ครูตอบ..ในตอนๆต้น ผมอ่านแล้วครับ..
9 กุมภาพันธ์ 2553 15:14 น. - comment id 114375
คุณ กิ่งโศก ศิษย์รักเรา ให้อ่านที่ครูตอบปรางทิพย์ไว้ ด้วยนะ อาจจะเป็นประโยชน์ต่อเจ้าในการต่อไป รักศิษย์เราเสมอ แก้วประเสริฐ.