ลุ่มลึกอิสราวดี 10 เจ้าลิงน้อยเมื่อพุ่งร่างมาถึง ยังเบื้องหน้าเขาแล้วมันแสดงอาการ ลิงโลดดีใจ ตีลังกาหลายๆรอบพร้อมส่งเสียงร้องลั่น นั่นคงหมายว่า มันได้รับชัยชนะอย่างสมบูรณ์แล้ว ชายหนุ่มหัวร่อรับรู้และแสดงความดีใจแก่มันด้วยเข้าไปลูบยังหัวมัน แล้วตบไปที่ลำตัวมันเบาๆ บัดนี้เจ้าลิงน้อยจะมาพุ่งเข้าซบอกเขามิได้แล้ว ด้วยร่างมันกำยำและใหญ่เกินกว่าที่เขาจะอุ้มมันได้อีกต่อไป ดังนั้นจึง ได้แต่เพียงย่อร่างแล้วแสดงอาการให้มันรับรู้ ชายหนุ่มหันไปยังแม่ช้างและลูกช้าง อาการบาดเจ็บของแม่ช้างค่อน ข้างจะมาก เลือดยังไหลแต่ก็ยืนน้ำตาไหล เขาเดินไปใกล้มันมันกลัวก็กลัว แต่เห็นแม่ช้างมิได้แสดงอาการดุร้ายแต่ประการใด คงปล่อยให้เขาเดินไปลูบ ตัว เขาตบสีข้างแม่ช้างพังเบาเพื่อปลอบใจ และดูบาดแผลที่เป็นรอยมากมาย แต่บ้างลึก บ้างแค่รอยใต้ผิวหนังที่หนาย่นเล็กน้อย แต่ก็ให้เลือดหลั่งออกมา ขณะที่เขากำลังแสดงอาการปลอบใจแม่ช้าง เจ้าช้างน้อยก็เข้ามาใช้ปลาย งวงมันลูบไล้บนใบหน้าชายหนุ่ม ชายหนุ่มคิดมันคงจะแสดงความขอบคุณ เขากระมัง ดังนั้นเขาจึงหันไปลูบที่หัวมันเบาๆแล้วตบเบาๆที่ข้างลำตัวของมัน แขนเขาถูกกระตุกๆเบาๆ จึงหันไปดูและเห็นเจ้าลิงขนทองมันหอบใบไม้ อะไรเขามองดูและไม่รู้จัก และมันไปตั้งแต่เมื่อไหร่เขาไม่รู้ ทันใดนั้นเองเสียง เบาๆจากแม่นางพรายก็กล่าวขึ้นว่า “พี่ท่านเจ้าประกายทองมันหายามาให้แม่ช้างจ๊ะ ให้พี่ท่านนำมาเคี้ยวในปาก แล้วนำไปพอกยังแม่ช้าง มันเป็นต้นสมุนไพรป่าที่ใช้ในการรักษาบาดแผล และทำ ให้แผลหายเร็ววัน ซึ่งแม่ช้างมันก็รู้ แต่ว่าอาการตอนนี้มันค่อนข้างหนักจึงยังไม่ สามารถไปหายาด้วยตัวมันเองได้ ให้พี่ท่านจงเคี้ยวใบสมุนไพรแล้วนำไปพอกยัง บาดแผลแม่ช้างเถอะจ๊ะ” “ขอบใจมากจ๊ะแม่นาง” ชายหนุ่มหันไปมองเพื่อจะปฏิบัติตามคำพูดของแม่นางพราย แต่แล้วเขาเห็น เจ้าขนทองกำลังนำใบไม้ที่เคี้ยวแหลกนำไปพอกยังบาดแผลแม่ช้าง ดังนั้นเขาจึง รีบนำใบยามาเคี้ยวแล้วนำไปพอกที่บาดแผล แม่ช้างเหมือนจะรู้ในการกระทำของ เขาและเจ้าขนทอง ดังนั้นมันจึงยืนนิ่งๆ เพียงแค่สะบัดหางไปๆมาๆคอยรับการ ช่วยเหลือ พร้อมทั้งชูงวงร่ำร้องแสดงถึงความยินดี ภายหลังจากช่วยแม่ช้างและลูกช้างแล้ว เขาแลเห็นหลังจากแม่ช้างและลูกช้าง แสดงคาราวะเขาเป็นครั้งสุดท้ายแล้วก็พากันเดิน คุ่มๆเข้าชายป่า หายลับไปก่อนที่ จะเข้าแนวป่ามันทั้งสองยังหันกลับมาพร้อมชูงวงร้องเป็นครั้งสุดท้ายแล้วเดินหายไป ชายหนุ่มหลังจากกำราบเจ้าหมีควายยักษ์แล้วก็หันมาจูงเจ้าขนทองที่มีรูปร่างสูง ใหญ่เกือบเท่าเขาออกเดินทาง ลัดเลาะผ่านแนวโขดเนิน เนินแล้วเนินเล่าผ่านตัดกลาง แนวป่าทึบ จวบจนถึงทางคั่นระหว่างภูเขาสองลูกที่มีรอยตัดกันเป็นแนวเพื่อไปยัง อีกด้านหนึ่งของเขา ในช่วงทางรอยแยกนั้นปรากฏหมอกมืดวนเวียนคลุ้งรุนแรงมาก จนกระทบมายังชายหนุ่มและลิงขนทอง สายลมหมุนเป็นวงกลมแล้วกระจายหายไป “โอ้แล้วเราจะผ่านไปได้อย่างไร” ชายหนุ่มคิด หรือว่าจะเป็นแค่บางช่วงเท่านั้น “อากาศเริ่มจะขมุกขมัวแล้วเห็นทีจะต้องรอจนกว่าพายุจะสงบกระมัง” เขารำพึงกับ ตัวเอง พร้อมทั้งมองหาสถานที่จะพักผ่อน จึงได้ปีนป่ายไปยังเหลือบชะง่อนผาที่มองเห็น เป็นลานยื่นออกมาคล้ายพลาญ และแลเห็นมีโพรงเล็กๆพอที่จะหลบลมและน้ำค้างได้ ดังนั้นจึงหันมาส่งสัญญาณกับเจ้าขนทอง ทั้งสองก็ปีนป่ายส่วนเจ้าขนทองใช้เวลาเดี๋ยว เดียวก็ขึ้นไปยังชะง่อนหน้าผาได้ เหลือเพียงเขาเท่านั้นที่ยังตะเกียกตะกายในที่สุดก็ขึ้นไป สำเร็จก่อนตะวันจะพลบค่ำ ภายในโพรงคล้ายๆปากถ้ำมืดมิดจนมองอะไรไม่ค่อยถนัดนัก เพื่อความไม่ประมาทเข้าจึงล้วงหยิบชุดไฟที่ยังเก็บไว้ประมาณสามอัน อีกอันหนึ่งเขาใช้แต่ ยังไม่หมด พลางล้วงหยิบหินแล้วหาที่บังลมพลางตีหินเหล็กไฟทันที สักครู่หนึ่งเขาก็สามารถ ติดกระชุไฟได้ แล้วค่อยๆเดินส่องทางเข้าไปในโพรงนั้น โอ้ว!!!!????.... เขาอุทานเบาๆ ภายในเป็นบริเวณกว้างขวางพอสมควร แต่มีกลิ่นคาวๆ เต็มไปหมด ด้วยสัญชาติฌานทำให้เขานึกว่าคงจะเป็นที่อาศัยของงูเสียมากกว่า ส่วนเจ้าขนทอง ก็ส่งเสียงร้องคำรามพร้อมขู่ลั่น เขาจำเป็นที่ต้องใช้ที่นี่อาศัยด้วยเวลาได้เริ่มจะมืดขึ้นทุกๆขณะ จึงได้ค่อยๆส่องไฟค้นหาเพื่อหากมี งู ดังที่เขาคิดจะได้กำจัดมันเสีย แต่เขามองไม่เห็นเพียง แต่เห็นแต่หินย้อยๆ เรียงรายกันไปหมด พื้นก็มีหินย้อยงอกโผล่จากพื้นถ้ำด้วย แต่ทำไมกลิ่นคาว ยิ่งฉุนมากๆจนต้องเอาผ้าคาดเอวมาพันที่จมูกคล้องคอเขาไว้ จะด้วยอะไรก็ตามทีเขาเห็นสิ่งผิด สังเกตทันใด หินย้อยที่เขาคิดด้วยมองจากความสลัวๆและแสงของกระชุ เขาเห็นและรู้เหมือนว่า จะมีอาการเคลื่อนไหว แต่งูนั้นเขาไม่เห็นมันสักตัวเลย คิดได้ดังนั้นแล้วจึงค่อยๆถือคบไฟถอยหลังอย่างช้าๆ แล้วพิจารณาอย่างละเอียดอีกครั้ง ทันใดนั้นสิ่งที่เขาคิดว่าเป็นหินย้อยก็ค่อยๆต่ำลงๆ จนจดพื้นถ้ำ โอ้วๆสิ่งที่เขาแลเห็นจากคบไฟ มันกลับเป็นหัวงูขนาดใหญ่ ดวงตาสีแดงก่ำๆสองดวงแต่แปลกที่มันผิดกับหัวงูทั่วๆไปเกล็ด มันยามกระทบกับแสงไฟ ส่งประกายหลากสีนักและที่แปลกที่สุดคือบนหัวมันกับมีปุ่มงอก ออกมาด้วย หากแม้นเขาก้าวล่วงเข้าไปอีกนิดเดียวคงจะเป็นอาหารมันแน่ๆ มันเหมือนจะ มีอำนาจพิเศษ ปรากฏว่าร่างเจ้าลิงขนทองนั้นกลับเหม่อลอยค่อยๆเดินเข้าไปหามันช้าๆ และ หินย้อยที่เขาคิดว่าเป็นหินจากธรรมชาติค่อยๆขยับขึ้นทีละน้อยๆ จนแลเห็นกว้างขึ้นๆ เขารู้ทันที ว่าเจ้าลิงขนทองสงสัยจะถูกมนต์สะกดแน่ จึงรีบกระชากแขนมันถอยหลังทันที เจ้าขนทองถึง กับสะดุ้งสุดตัวพลันร้องเสียงดังก้อง เสียงลั่นกังวานก้องไปทั่วภายในโพรงหรือจะเรียกว่า ถ้ำ ก็ได้ทันที “ทันใดนั้นเสียงของแม่นางพรายก็แว่วก้องมาสู่เขา ฉับพลันควันหมอกก็พุ่งออกมากจาก ฝักดาบมีดของเขา กลายร่างเป็นภูตสาวสองนางทันที เขาหันไปยิ้มให้แม่นางพรายทั้งสอง พลางกล่าวว่า “นั่นมันงูยักษ์ใช่ไหมน้องเรา” “มันไม่ใช่งูยักษ์ธรรมดาหรอกจ๊ะ พี่ท่าน” “อ้าวแล้วมันอะไรกันนะ พี่เห็นมันเป็นงูนี่นา” “มันเป็นงูลูกน้องของพญางูที่ควบคุมบริเวณแถวๆนี้จ๊ะ” “แล้วเราจะทำอย่างไรดีล่ะน้องพี่” “เห็นทีพี่ต้องจัดการฆ่ามัน แล้วเอาลูกแก้วที่มันสะสมพลังแก่กล้าไว้มาใช้ในการเดินทางเพื่อ ฝ่าหมอกพิษที่ช่องทางระหว่างเขาเสียแล้วพี่ท่าน” พรายประกายแดงกล่าว “อะไรน่ะ????...ถึงต้องกับฆ่าแกงกันเชียวหรือ” ชายหนุ่มถาม “เห็นทีจะหลีกเลี่ยงไม่ได้แล้วจ๊ะ ด้วยมีหนทางเดียวที่จะฝ่าควันหมอกพิษไปได้จ้าพี่ท่าน” “อืมม...แล้วจะฆ่ามันได้อย่างไรล่ะ อาวุธเราสามารถฆ่ามันได้หรือ” “มีแต่ดาบและมีดนี้เท่านั้นถึงทำลายมันได้จ๊ะ” แม่ประกายเขียวตอบ “โอ้วๆๆ???... แม้แต่เจ้าขนทองที่มีเขี้ยวแก้วยังโดนมันสะกดลืมตัวนะดีที่พี่ไหวทันกระชาก มันเสียก่อน” ชายหนุ่มตอบ “อันเขี้ยวหรืออำนาจของน้องทั้งสองก็ไม่อาจจะต้านทานฤทธิ์ของมันได้จ๊ะ” นางพรายตอบ “ยังงั้นพี่จะทดลองดูนะ” “พี่ก็นำธนูของพี่ที่ทำด้วยไม่รวกแล้วอธิษฐานขอความเมตตาจากเทพยาดา แล้วยิงมันที่นัยน์ตา ทั้งสองของมัน หากแม้นเทพยาดาป่าเขาแห่งนี้อนุเคราะห์พี่ก็เห็นทีจะสำเร็จ หากไม่ก็ต้องใช้ดาบพี่และ มีดน้อยพุ่งเข้าใส่นัยน์ตามันจ๊ะ แต่ทว่า???...” “แต่อะไรน้องพี่???...” ชายหนุ่มถามด้วยความสังสัย “หากพี่ใช้ดาบและมีดน้อยไปแล้ว เมื่อถูกเป้าก็จริงแต่ว่า งูยักษ์มันจะดิ้นจนโพรงหรือถ้ำนี้แทบ จะทะลาย มันจะพุ่งเข้ามาหาพี่แล้วพี่จะเอาอะไรใช้ต่อสู้อีกล่ะ” พรายสาวทั้งสองตอบ “นั่นซิเห็นที....พวกเราต้องวิ่งหนีออกจาก ถ้ำไปแล้วล่ะ แต่หน้าโพรงถ้ำนี้มีแค่พลาญนิดเดียว นอกนั้นเป็นผาสูงชันเราจะทำอย่างไรดีล่ะน้องเรา” “ถึงตอนนั้นก็เห็นจะต้องแล้วแต่บุญวาสนาเรานั่นแหละ แต่อุ๊ยๆ???... น้องนึกได้แล้วเรายัง มีประกายทองอยู่ เมื่อตางูยักษ์มันมองอะไรไม่เห็นแล้วอำนาจมันก็จะลดทอนลงไปมาก ด้วยอำนาจ มันเกิดจากนัยน์ตาที่สามารถสะกดคนหรือสัตว์แม้แต่ภูตพรายได้จ๊ะ” “อืมมๆๆๆ พี่ก็ไม่ทันนึก นี่ดีนะที่พี่มีคู่ปรึกษา หากไม่มีน้องพี่เห็นทีจะแย่จริงๆๆ” ชายหนุ่มตอบ เล่นเอาแม่นางพรายถึงกับม้วนอายไปทีเดียว สร้างความงดงามของใบหน้าแก่ ชายหนุ่มยิ่งนัก ถึงกับมองตะลึงไปเลย ชายหนุ่มพลางหันไปแล้วสะบักหน้าเบาๆเพื่อสะหลัด ความคิดเรื่องความงามออกเสีย “เอาล่ะ!!!???.....เป็นไรเป็นกันเราก็หนีไปไม่ได้แล้วนี่นา หากไม่ทดลองจะรู้หรือ” ครั้นแล้วชายหนุ่มก็ดึงลูกธนูออกมาสองดอก พลางมองไปยังที่ดวงตาเจ้างูยักษ์ที่มันค่อยๆ หุบปากลงเพื่อมองเหงื่อของมันด้วยความสงสัย เขาไม่ปล่อยให้โอกาสนั้นเสียไปพร้อมยกลูกธนู ตั้งจิตให้แน่วแน่นิ่งแล้วกล่าวคำอธิษฐานเบาๆ วอนเทพยาดาฟ้าดินขอให้การกระทำของเขา ในครั้งนี้บรรลุล่วงสำเร็จด้วยเทอญ เมื่อสิ้นคำอธิษฐานต่อเทพยาดาป่าเขาลำเนาไพรแล้ว เขาก็ง้างคันธนูพร้อมกับลูกดอกสองดอก พอได้จังหวะก็ปล่อยลูกธนูไม้รวกไปทันที เหมือนอำนาจของไม้รวกตันนี้ประกอบกับคำอธิษฐานจะได้ผล ลูกธนูพุ่งเข้ายังดวงตาของ เจ้างูยักษ์ทันที ลูกธนูที่ทำด้วยไม้รวกตันหายวับไปเข้าสู่ดวงตาดวงโตสีแดงก่ำๆทันที เลือดได้ทะลักออกมา ร่างงูยักษ์ดิ้นพลาด ๆ ด้วยความใหญ่โตของมันทำให้เกล็ดหิน ต่างๆล่วงพรูออกมาชายหนุ่มและเจ้าขนทองรีบหันหลังทะยานออกจากมานอกโพรงถ้ำทันที เสียงภายในโพรงแทบถล่มทลาย แล้วหัวของงูยักษ์ที่ดวงตาบอดสนิท โผล่ออกมาจาก โพรง ชายหนุ่มไม่รอช้าโอกาสทองเช่นนี้ เขาชักดาบออกกระโดดเข้าฟาดฟันหลายๆครั้ง ไปยังด้านต้นคองูยักษ์ ปรากฏคอห้อยออกมา เลือดมันสาดมากระทบตัวของชายหนุ่มแดงฉาน ชายหนุ่มรู้สึกว่าร่างกายที่ถูกเลือดงูนั้นช่างเยือกเย็นอะไรเช่นนี้จนเขาอดสะท้านร่างด้วยความ หนาวเหน็บ โอ้ววๆๆๆมันเย็นอะไรเช่นนี้ เลือดเจ้างูยักษ์เขารู้สึกว่ามันซึมผ่านผิวหนังเขาเข้า ไปในร่างกายเพิ่มความหนาวเหน็บจนร่างเขาสั่นๆทันที หันไปมองเจ้าลิงขนทองก็เช่นกันมัน ยกมือทั้งสองกอดอกนั่งคุดคู้ทันที เขาเองก็เหมือนกับมันรีบนั่งลงพลางปลดหนังเสือสมิงที่ ม้วนเก็บไว้ รีบเอามาหุ้มห่อร่างกายรู้สึกว่ามีไออุ่นของหนังเสือซึมซ่านมา ทำให้ร่างกาย ค่อยอบอุ่นขึ้นทีละน้อยๆ เป็นไปสักครู่ใหญ่ๆอาการทั้งหมดก็หายไป “ไม่ต้องตกใจหรอกจ้าพี่ท่าน ท่านโชคดีแล้วที่ได้อาบเลือดงูต่างน้ำด้วยงูนี้มีอายุนับพันปี และเป็นสิ่งหายากมาก หากใครได้อาบแล้วจะมีร่างกายคงกระพันชาตรี ยากนักจะหาอาวุธใด ทำร้ายพี่ท่านได้ ผู้ใดหากมีตบะเดชะอ่อนกว่าก็จะพากันตกอยู่ในอำนาจของพี่ไป อีกประการ ให้พี่รีบชำแหละที่ภายในท้องใกล้ๆหัวใจมันโดยเร็วก่อนที่ร่างมันจะกลับกลายเห็นหินไปจ๊ะ เพื่อนำแก้วสองดวงออกมา และนำดีมันมาให้พี่และเจ้าประกายทองดื่มกินด้วยก็จะเพิ่มพละ กำลังอย่างมหาศาลด้วยจ๊ะ รีบๆหน่อยๆ” พรายสาวทั้งสองรีบกล่าวขึ้นด้วยความดีใจ “อะไรนะต้องทำเดี๋ยวนี้เชียวหรือ ทั้งๆตัวพี่ยังเปื้อนเลือดอยู่นี่นะ” ชายหนุ่มตอบ....... * แก้วประเสริฐ. *
5 กุมภาพันธ์ 2553 18:18 น. - comment id 114239
ครูแก้วบอกว่ามาอ่านเรื่องโม้ต่อ ก็จะมาติดตามอ่านบทต่อไปอิอิ อืม ครูแก้วตื่นสายเหมือนกันเหรอคะ มองเห็นเวลาเกือบเที่ยงนั่งดื่มกาแฟ ขอบคุณมากนะคะ
5 กุมภาพันธ์ 2553 20:42 น. - comment id 114240
พระเอกเริ่มเสริมเขี้ยวเล็บรอบตัวแล้ว
6 กุมภาพันธ์ 2553 08:37 น. - comment id 114248
อยากได้นางพรายตนที่ 3 มั้ยอ่าคะ คุณลุง....... แวะมาอ่านต่อค่ะ..
6 กุมภาพันธ์ 2553 12:08 น. - comment id 114255
ลุ้นค้ะลุ้น.........อิอิ
6 กุมภาพันธ์ 2553 12:27 น. - comment id 114258
คุณ แขกประจำบ้านกลอน ครับผมเองก็เขียนไปเรื่อยๆนี่พึ่งตื่นนอน สักพักกำลังทานกาแฟ ครับผมตื่นสายด้วยนอน ดึกๆ ไม่สิบโมงก็สิบเอ็ดโมงแหละครับ มิฉนั้น นอนไม่พอเพียงจะปวดศีรษะครับ แฮะๆๆๆคนตก งานก็อย่างนี้แหละครับจะหาแหล่งมิได้ต้องซุกหัวนอน ต่อไปครับ ขอบคุณครับ แก้วประเสริฐ.
6 กุมภาพันธ์ 2553 12:30 น. - comment id 114259
คุณ กิ่งโศก ครูเองก็วาดภาพไปเรื่อยๆแหละตามใจฉัน แต่งานเขียนครูชอบมักแฝงอะไรๆไว้เสมอๆ ศิษย์ เราเวลาเขียนโคลงกลอนก็ควรหาสิ่งสาระแฝงไว้ ด้วยไม่ใช่เพื่อสนุกอย่างเดียว นั่นแหละโคลงหรือ กลอนถึงจะมีคุณค่านะ เอ๊ะไม่รู้ซิว่าจะเข้า มาอ่านอีกหรือไม่หนอ รักศิษย์เราเสมอๆ แก้วประเสริฐ.
6 กุมภาพันธ์ 2553 12:33 น. - comment id 114261
คุณ คมดาบนารี แฮะๆๆๆอยากนะอยากอยู่แต่กลัวว่ามันจะ เลอะเทอะกันใหญ่นะ ตอนแรกคิดจะแค่นางพราย ตนเดียว แต่อิอิ คนขาดเพื่อนไม่ได้ก็เลยพ่วงอีก สักตนหนึ่งครับ กลัวพระเอกเหงาๆครับ อิอิ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
6 กุมภาพันธ์ 2553 14:42 น. - comment id 114263
คุณ โคลอน สวัสดีจ้าคุณฝน เป็นอย่างไรบ้างครับ เรื่องที่ผมจินตนาการไว้นะไม่เห็นบอกดีหรือไม่ดี หากไม่ดีก็จะเลิกเขียนจ๊ะ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
6 กุมภาพันธ์ 2553 14:54 น. - comment id 114265
^ ^ ^ โห ตามอ่านแบบเหนียวแน่นหนึบแบบนี้ยังต้องบอกอีกเหรอคะ....อิอิ
6 กุมภาพันธ์ 2553 14:55 น. - comment id 114266
10 เพื่อมิให้เป็นการเสียเที่ยวที่เทียวมาอีกรอบ...อิอิ
6 กุมภาพันธ์ 2553 23:46 น. - comment id 114279
สวัสดีค่ะลุงแก้ว ยุ่งก็ยุ่ง อยากอ่านก็อยาก ติดไว้ก่อนนะคะ 8 - 9 - 10 อ่านไม่ไหวแระ ง่วงนอน ราตรีสวัสดิ์นะคะ
7 กุมภาพันธ์ 2553 11:25 น. - comment id 114280
คุณ โคลอน ผมเห็นเราสนิทกันจึงกล่าวเช่นนี้ เผื่อว่า ทุกๆอย่างผิดพลาดกันได้ ก็เลยถามเพื่อให้แน่ใจ จ้า ขอบใจมากนะจ๊ะ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
7 กุมภาพันธ์ 2553 11:28 น. - comment id 114281
คุณ โคลอน สวัสดีจ้า โอ้ช่างชื่นใจจริงๆเหมือนหยาด ทิพย์ชโลมใจเลยล่ะจ้า เชื่อมั่นแล้วจ้า งั้นรออ่าน ต่อนะจ๊ะ เสร็จตอบกระทู้แล้วก็จะแต่งต่อเลยจ้า รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
7 กุมภาพันธ์ 2553 11:30 น. - comment id 114282
คุณ bananaleaf สวัสดีจ้า ไม่เป็นไรหรอกเป็นครูก็แบบนี้ แหละงานมักจะยุ่งทั้งอาชีพและงานบ้านด้วยต้อง ควบสองอย่างเชียว หากว่างๆค่อยอ่านก็ได้จ้า รักเสมอ แก้วประเสริฐ.