ลุ่มลึกอิสราวดี 9 “ หากเป็นที่น้องเรากล่าว พี่ก็จะพยายามค้นหาผู้ที่มีคุณสมบัติ ดังหนังสือแจ้งไว้ เพื่อให้มาช่วยเหลือน้องพี่ ซึ่งต้องเป็นบุญวาสนา ของน้อง ทุกๆสิ่งอย่างคงไม่เกินความสามารถที่ฟ้าดินกำหนดหรอก จ้า” ชายหนุ่มกล่าวปลอบใจพรายสาวทั้งสอง “เพียงแค่รับฟังคำพี่ท่านกล่าวเช่นนี้ ทำให้พวกเราก็ปลาบปลื้มใจ มากแล้วจ๊ะ แต่ช่างเถอะต้องคอยกำหนดฟ้าดินไว้คิดว่าหากเป็นบุญ ของน้องทั้งสองก็อาจจะกลับคืนสู่ร่างที่เหมาะสมได้เองจ้า” พรายสาวทั้งสองกล่าวพร้อมๆกัน แต่ยังมองหน้ากันแล้วยิ้มน้อยๆ หล่อนคิดเหมือนจะตรงกันว่า คนที่จะช่วยเหลือเธอนั้นหาใช่ใครอื่นไม่ คือชายหนุ่มนั่นเอง แต่หล่อนไม่ได้กล่าวอะไรด้วยคิดว่าคงจะยังไม่ถึงเวลา อีกประการหนึ่งหากอยู่ในร่างของภูตนี้ก็ดีเหมือนกันจะได้ใกล้ชิดเขา ถ้าหากกลับคืนสู่ร่างอย่างถาวรแล้ว ยากนักที่จะได้ใกล้ชิดเขา เมื่อทั้งสองคิดได้เช่นนี้แล้วก็หาได้สนใจต่ออนาคตต่อไปไม่ เพียงขอ แค่รับใช้เขาก็คงจะพอเพียงแล้ว ดังนั้นจึงหาทางสร้างสิ่งหรรษาให้ แก่เขาเพื่อให้คลายความโศกเศร้าที่แอบแฝงในใจ พวกหล่อนก็ปลื้มใจแล้ว ท้องฟ้ารุ่งอรุณวันใหม่ย่างกรายมาถึง ชายหนุ่มรีบจัดการกับอาหาร มื้อเช้าพร้อมเจ้าขนทอง เขาจัดเตรียมสัมภาระโดยนำหนังสือมาม้วนรัด ด้วยเอ็นลิงขนดำ สะพายไว้บนไหล่ขวาพร้อมกระบอก ใส่ลูกธนู ส่วนไหล่ซ้ายสะพายดาบ เหน็บมีดน้อยระหว่างเอว ส่วนกระบอกน้ำ ได้แขวนไว้บนไหล่ แต่ก็ไม่ลืมที่จะทำสัญญาณมือให้เจ้าลิงแสนรู้นำมีดน้อย ไปตัดเถาวัลย์ขนาดย่อมๆที่ยอดของต้นไม้ใหญ่ เขานำมาม้วนๆไว้ได้พอใช้ แล้วแขวนคล้องไหล่อีกครั้ง ด้วยเขาคิดว่าหากบางทีจำเป็นต้องใช้ในการปีน ห้อยหน้าผาลงมา ซึ่งเตรียมตัวไว้ดีกว่าหากถึงคราวจำเป็นจะได้ใช้ ครั้นเตรียมตัวพร้อมแล้วก็ไต่เถาวัลย์ลงจากต้นไม้ใหญ่ เพื่อหาทางลัดเลาะ ไปยังเขาที่อยู่ไม่ห่างไกลนักพร้อมกับลิงขนทองและนางพรายสาวทั้งสองก็ออก เดินทางปีนป่ายจนสามารถลัดเลาะผ่านภูเขาไป เบื้องล่างของขุนเขาที่สลับซับซ้อนกัน บริเวณกลางเป็นป่าทึบ มีน้ำตกไหลริน ไม่แรงนักทอดเข้าสู่ลำธารไหล ไปตามทางลาดลงสู่เบื้องล่างสองฝั่งฟากลำธาร เต็มไปด้วยวัชพืชนานาพันธุ์และอุดมไปด้วยไม้เล็กใหญ่ แสงอาทิตย์ทอสอดส่อง แทบจะไม่ถึงพื้นดิน เต็มไปด้วยใบไม้ที่ทับถมเปี่ยมไปด้วยตัวหนอนและทาก เขาจึงต้องระมัดระวัง บางครั้งก็โดนทากเกาะสูบเลือดแต่เขาล้วงหัวขมิ้นที่เก็บไว้ ในย่าม ออกมาทายังแขนขาไม่รู้ว่าจะสามารถช่วยเขาได้เพียงใด ดีกว่าไม่มีเสีย เขาพร้อมลิงขนทองเดินลัดเลาะไปตามไหล่เขามุ่งเลียบชายลำธารล่วงไป โดยไม่มีจุดหมาย เพียงเพื่อจะให้พ้นแนวป่าซึ่งบางทีอาจจะบรรจบเส้นทางเดิม ซึ่งเขาคาดหวังไว้ ล่วงจนพระอาทิตย์บ่ายคล้อยๆแสงกับแรงจ้า อากาศร้อนอบอ้าว ยิ่งขึ้นถึงแม้นจะอยู่ในดงป่าไม้ทึบก็ตาม ต้นไม้เพียงแค่ช่วยบรรเทาได้เท่านั้น บัดดลเสียงไม้หักลั่นพร้อมกับเสียงร้องของสัตว์ป่าที่แว่วมาแต่ไกล จนเสียง นั้นใกล้ๆเข้ามาจึงสามารถฟังได้ชัดเจน มันส่งเสียงร้องแปร้นๆๆระงมไปทั่ว ทิศทางมุ่งมายังที่เขากับลิงน้อยกำลังจะเดินทาง เสียงเจ้าลิงน้อยร้องขู่พร้อมกับ กระชากร่างชายหนุ่มให้หนีไปอีกทิศทางหนึ่งทันที เขาตามเจ้าลิงน้อยไปจนหยุด ไว้หลังต้นไม้ใหญ่ที่สูงชะลูด ต้นไม้ใหญ่พอที่จะเป็นที่กำบังให้แก่เขาทั้งสอง ชายหนุ่มแอบมองดู ไม่นานนักเสียงไม้แตกหักสนั่นดังลั่นปรากฏร่างของ ช้างป่าตัวใหญ่มหึมาดำมะเลื่อม กำลังวิ่งไปทางทิศทางที่เขาเดินอยู่ก่อน ช้างที่สูงใหญ่ที่สุดวิ่งนำหน้าตามด้วยช้างและลูกช้างประมาณ 6-8 เชือกได้ “มันหนีอะไรมา????.....” เขาคิดในใจ ยังมีสัตว์ที่น่ากลัวจนช้างป่ากลัวทำร้ายมัน อีกหรือนี่ สักครู่ใหญ่สิ่งที่เขาแลเห็นสัตว์ที่ไล่ช้างมา กลับเป็นกลุ่มหมีควายขนาดใหญ่ กำลัง ควบปะเลงๆ ดูราวประมาณ 5-6 ตัว แต่ละตัวใหญ่ๆทั้งสิ้นสูงใหญ่พอๆกับช้างป่าทีเดียว สิ่งนี้หรือที่ช้างป่ามันเกรงจนถึงกับวิ่งป่าราบ แต่เมื่อมองเห็นมันจะๆ ปกติช้างป่า ถึงแม้จะตื่นตกใจง่ายแต่มันก็ไม่เคยกลัวหากอยู่รวมกันเป็นฝูง แม้แต่เสือลายพาดกลอน หรือหมาป่าก็ยังไม่อาจทำร้ายมันได้ แต่นี่มันกับกลัวเจ้าหมีควายหรือว่า ทั้งสองฝ่ายจะ มีขนาดไล่เลี่ยกันกระมัง แต่นี่แปลกเจ้าหมีควายตัวใหญ่มันกับวิ่งได้เร็วถึงแม้จะควบปะเลงๆ มาก็ตามที ก็สามารถไล่ฝูงช้างป่าได้เกือบจะทันกัน ชายหนุ่มแอบดู ทันใดนั้นลูกช้างที่ติดตามฝูงมาได้พลัดตกลงยังหล่มโคลน ร่างมันค่อยๆ จมลงและก็ยืนได้ในที่สุด เมื่อฝูงหมีควายตามมาทันเจ้าลูกช้างซึ่งพลัดฝูงแต่แม่มันไม่ยอม ทิ้งลูกน้อยมัน ยังยืนร้องเรียกพยายามชูงวงเข้าไปหาลูกช้างซึ่งก็ชูงวงเพื่อจะรับการช่วยเหลือ ของแม่มัน แต่ทว่าไม่ถึงด้วยห่างกันอีกมากนัก แม่มันร้องลั่นและหันหลังยืนจังก้าเพื่อรอ รับเพื่อเข้าต่อสู้ปกป้องชีวิตลูกน้อยของมันโดยไม่คำนึงถึงชีวิต ส่วนฝูงช้างป่าได้หนีหายไป หมดแล้ว ด้านเจ้าหมีควายยักษ์ก็ยืนกางเล็บอันใหญ่โตแหลมคม ก้าวสามขุมเข้ามาหาแม่ช้างเพื่อ จะกัดกินเป็นอาหาร ชายหนุ่มมองดูอยู่ด้านหลังต้นไม้และได้ยินเสียงลูกช้างร้องลั่นเสมือน หนึ่งให้แม่มันหนีไป แต่แม่มันกับสะบัดงวงไปมาหูทั้งสองข้างกางผึ่งแสดงถึงการต่อสู้ไม่ ยอมถอยของมันพร้อมจะต่อสู้แบบสุดชีวิต ชายหนุ่มให้เวทนาในภาพที่เห็นความสัมพันธ์ระหว่างแม่ช้างกับลูกช้าง เขาจึงหันมา ลูบหัวเจ้าลิงน้อยเพื่อให้สัญญาณแก่มัน เจ้าลิงน้อยก็หาได้เกรงกลัวเจ้าหมีควายไม่ มันส่ง เสียงคำรามพร้อมอ้าปากแยกเขี้ยวออกทันที ถ้าหากชายหนุ่มให้สัญญาณแก่มัน เมื่อเจ้าหมีควายมาถึงแม่ช้าง ก็เข้าไปตะปบด้วยมือที่มีเล็บแหลมคมยาว และต่างเข้ารุม ทำร้ายแม่ช้างทันที ทำให้เกิดแผลและเลือดไหลเป็นทาง หนึ่งต่อหก หากแม้นตัวต่อตัวก็เห็น ทีแม่ช้างก็ยังจะต้านไม่ค่อยจะได้อยู่แล้วนี้ต่างถูกรุมเสียอีก ชายหนุ่มคิดหากปล่อยไปสักครู่ เห็นทีแม่ช้างจะต้องตายแน่นอน จึงคิดถึงจะช่วยเหลือแม่ช้างและลูกช้างไว้ เขาจึงนำคันธนูพร้อมดึงลูกธนูที่ทำด้วยไม้ไผ่ ออกมาน้าวพร้อมปล่อยลูกธนูไป ยังเจ้าหมีควายตัวที่ใกล้แม่ช้างที่สุด แต่ลูกธนูพุ่งเข้าเป้าไปถูกบริเวณลำตัว ลูกธนูหักเป็นสอง ท่อนทันที แต่ก็ทำให้เจ้าหมีควายชะงักได้ชั่วขณะหนึ่งมันส่งเสียงร้องลั่นแล้วหันมาทางเขาที่ แอบยังหลังต้นไม้ทันที ทันใดนั้นฝูงเจ้าหมีควายยักษ์ก็ต่างแยกย้ายกันออกมาและสามสี่ตัว ก็ยังเข้ารุมล้อมแม่ช้างอยู่ ส่วนอีกสองตัวหันย่างควบปะเลงๆมายังด้านเขา คราวนี้เห็นที่จะใช้ลูกธนูยิงยังแถวร่าง มันไม่ได้แล้วด้วย ดอกแรกยังหักเป็นสองท่อน เขากำลังคิดว่าจะทำอย่างไรดี ก็ได้ยินเสียง แผ่วเบาๆจากแม่นางพรายว่า ให้ยิงไปที่ลูกนัยน์ตามัน เขาถึงตั้งสติได้ คราวนี้เขาน้าวคันธนู พร้อมลูกยิ่งออกไปเล็งไปที่นัยน์ตามันทันที ได้ผลแฮะลูกธนูเสียบเข้ายังดวงตาของเจ้าหมีควายตัวแรกที่ย่างเข้ามาหาเขา มันหยุดชะงัก ส่งเสียงร้องลั่นกุมมือไปยังนัยน์ตาที่เลือดไหลออกมาพร้อมพยายามดึงธนูไม้ไผ่ออกมา เมื่อ เห็นผลในการยิงเช่นนี้ ชายหนุ่มจึงเล็งแล้วยิงไปอีกตัวหนึ่ง ทำให้ตาของมันทั้งสองบอดคนละ ข้างหยุดชะงักการติดตาม แต่โดยสันดานโหดของนิสัยสัตว์ป่าทั้งหลายมันหักก้านธนูออกแล้ว พุ่งร่างมายังเขาอีก คราวนี้จวนตัวไม่สามารถใช้ธนูได้อีกแล้วเขารีบชักดาบออกมาทันที ส่วน เข้าลิงน้อยก็ทะยานพุ่งร่างไปยังหมีควายยักษ์อีกตัวหนึ่ง พลางกระโดดเข้าใส่ยังด้านหลัง และฝังเขียวแก้วมันยังบริเวณลำคอ เจ้าหมีควายสะบัดร่างลิงน้อยแต่ไม่หลุดมันเอื้อมมือ ที่เต็มไปด้วยเล็บแหลมคมคว้า เข้าที่ลำคอมัน เข้าลิงน้อยก็กระโดดแผล็วลงมาและพุ่งร่างไปที่ขามัน ที่ยืนอยู่กัดไปยังที่บริเวณน่องมันแล้วกระชากครั้นได้แผลเหวอะหวะ มันรีบถีบตัวถอย อาศัยที่ความคล่องแคล่วของลิงที่เจ้าหมีควายยักษ์จะไล่ทัน เมื่อหมีควายหันมาคว้ายังแถวบริเวณขา เจ้าลิงขนทองก็กระโดดใส่ยังต้นคออีก แล้วกัดกระชากจนบังเกิดแผลเหวะหวะมากยิ่งขึ้น ร่างเจ้าหมีควายอีกตัวก็ก้าวย่างสามขุมเข้าหาชายหนุ่มทันทีกางเล็บตะปบไปยังร่างเขา ชายหนุ่มเอี้ยวตัวหลบ กระโดดหนีห่างออกไปด้านข้างพลางใช้ดาบฟันไปยังมือที่ตะปบ เขา ผลแขนมันขาดออกจากกันทันทีเลือดพุ่งยังกับไฟพะเนียง เสียงมันร้องลั่นคำราม แต่ไม่หนีไปไหนกับกระโจนเข้าหาอีก คราวนี้ชายหนุ่มตั้งหลักได้แล้วก็ฟันดาบไปยังมือ อีกข้าง มือมันกระเด็นหลุดขาดจากกัน ด้วยสันดานที่โหดเหี้ยมดุร้ายมันไม่ยอมหนีกับ พุ่งร่างมันเข้ามาอีก ดังนั้นชายหนุ่มจึงฟันไปยังลำตัวอันใหญ่โตบึกบึนร่างมันก็ขาด ออกจากกัน เลือดพุ่งไหลงนองแล้วล้มลงเสียชีวิตทันที ชายหนุ่มมีรอช้า ทะยานร่างเข้าไปช่วยเหลือแม่ช้างทันที ด้วยอาการของแม่ช้างทรุด โทรมลงเห็นได้ชัด ว่าร่างมันจะล้มแล้ว คราวนี้ชายหนุ่มไม่รีรออีกแล้วตรงไปยังตัวที่ใกล้ แม่ช้างที่สุดแล้วยกดาบขึ้นฟาดฟันไปยังร่างเจ้าหมีควาย ผลก็เหมือนกับตัวแรก เมื่อเจ้าหมี ควายล้มลง บรรดาตัวอื่นๆก็หยุดการทำร้ายแม่ช้างต่างแยกเขี้ยวกางมือขึ้นอีกมือหนึ่งมัน ควบปะเลงๆเข้าหาชายหนุ่มทันที ชายหนุ่มต้องล้มตัวลงแล้วยกดาบฟาดใส่ขาแขนเหล่า หมีควายทั้งหลาย ทำให้บรรดาขาของหมีควายที่ใกล้ๆตัวเขาขาดกระจายเลือดไหลนองไปทั่วใบหญ้า และล้มดิ้นเขาไม่รอช้าในโอกาสนี้แล้ว พุ่งร่างเข้าหาตัวที่ยืนซึ่งเหลือเพียงตัวเดียวยกดาบ แทงไปยังบริเวณหน้าอก พร้อมกระชากกลับฟันไปยังหัวมันทันที ร่างเจ้าหมีควายล้มลงตาย หัวของมันหลุดกระเด็นออกไป เขาหวนกลับมาฟันหมีควายยักษ์ที่นอนดิ้นเพื่อสงบมิให้มัน ต้องทรมานอีกต่อไป ชั่วเวลาไม่นานเขาก็ฆ่าหมีควายร่างยักษ์ได้ ถึงห้าตัว ส่วนแม่ช้างเมื่อ เห็นชายหนุ่มมาช่วยเหลือก็ร้องพร้อมยกงวงขึ้นแสดงการคาราวะเขาพร้อมร้องแปร้นๆหัน ไปทางลูกน้อยมันที่ยังเดินไปมาๆแต่ยิ่งเดินร่างมันก็ยิ่งจมไปเรื่อยๆ ชายหนุ่มเห็นเช่นนั้นก็ปลดเถาวัลย์ที่คล้องไหล่ออกมาแล้วหันหากิ่งไม้ที่แห้งหล่นมา ผูกกับเถาวัลย์ ขว้างไปยังเจ้าลูกช้างน้อยทันที เจ้าช้างน้อยใช้งวงมันจับกิ่งไม้ที่ผูกกับเถาวัลย์ แล้วดึง เขาจึงหันหลังวิ่งไปยังต้นไม้ใหญ่ที่ใกล้ๆที่สุดแล้ววนพันกับต้นไม้พร้อมทั้งออก แรงดึงร่างลูกช้าง แต่น้ำหนักตัวมันมากกว่าเกินกำลังที่เขาจะดึงได้ เมื่อแม่ช้างเห็นดังนั้น ทั้งๆที่ร่างมันได้รับแผลเหวะหวะฉกรรจ์เลือดไหลออกมา แต่มัน ก็ไม่สนใจพลางรีบลุกขึ้นหันมาช่วยชายหนุ่มดึงเถาวัลย์อีกแรงหนึ่ง คราวนี้ได้ผลอาศัยแรง ของแม่ช้างค่อยๆดึงร่างเจ้าลูกช้างให้พ้นจากหล่มโคลนออกมากได้ มันรีบวิ่งไปหาแม่มัน เขายืนมองด้วยความเวทนา ทั้งสองร่างต่างก็เอางวงรัดกันแสดงถึงความรักที่มีต่อกัน แล้วมันทั้งสองเชือกหันมาทางชายหนุ่มพลางยอขาหน้าทั้งสองพร้อมทั้งชูงวงส่งเสียงร้องลั่น ชายหนุ่มเก็บยิ้มแล้วรีบเดินไปยังเถาวัลย์ดึงที่พันจากต้นไม้ออกมาม้วนแล้วคล้องไหล่ พลางหันไปทาง เจ้าลิงน้อยที่กำลังพันตูกับเจ้าหมีควายยักษ์อีกตัวซึ่งมันไม่รู้ว่าพวกมันนั้น ได้ตายไปเสียแล้ว การต่อสู้ผ่านไปอีกสักครู่ใหญ่ผลแพ้ชนะก็ออกมา เนื่องจากเลือดที่หลั่ง ไหลจากเจ้าหมีควายออกมามาก ทำร่างกายมันช้าลงๆแล้วค่อยทรุดร่าง เจ้าลิงน้อยจะว่าน้อย ก็ไม่เชิงเขาพึ่งสังเกตเห็นก็วันนี้ร่างมันเกือบจะไล่เลี่ยกับเจ้าหมีควายแล้ว มันยังวิ่งล้อมรอบตัว แล้วได้ทีก็กระโดดกัดซ้ำที่เดิมอีก หลายครั้งจนกระทั่งเจ้าหมีควายทนบาดแผลไม่ไหวหงาย ร่างล้มลงหายใจแผ่วเบาๆแล้วก็เงียบ ส่วนเจ้าลิงน้อยขนทองก็ยังวิ่งไปรอบๆร่างหมีควายบาง ครั้งก็ดึงแขนบ้าง ขาบ้างเมื่อเห็นร่างเจ้าหมีควายไม่มีการโต้ตอบ นั่นแหละมันถึงร้องลั่นแล้ว กระโดดตีลังกา พลางหันซ้ายหันขวาเมื่อพบชายหนุ่มมันก็พุ่งกระโดดตีลังกามาหาทันที...... * แก้วประเสริฐ. *
4 กุมภาพันธ์ 2553 17:47 น. - comment id 114201
ตามคุณครูมาอ่านที่บ้านนี้ แต่ต้องอ่านไม่จบ เพราะค่ำแล้ว เดี๋ยวจะปริ้นไปอ่าน รวมเล่มเลยดีกว่าค่ะ
4 กุมภาพันธ์ 2553 18:59 น. - comment id 114203
คุณ ครูกระดาษทราย ครับเป็นความคิดที่ดีครับ ด้วยผมแต่ง เรื่องนี้ไว้เป็นเรื่องยาวแน่นอนและมีการหักมุม เนื้อเรื่องเสมอๆไม่ซ้ำๆกัน หากอ่านข้ามไปแล้ว อรรถรสจะหายไป หากจะอ่านควรเริ่มตินตามแต่ ต้นก็จะดีครับ วันนี้ผมลงทีเดียวสองตอน ด้วย ไม่รู้ว่าจะทำอะไร เมื่อว่างๆก็แต่งด้วยนี่เพียงแค่ ไม่กี่เปอร์เซ็นต์เท่านั้นครับ ขอบคุณคุณครูที่แวะ มาอ่านที่นี่ครับ การเขียนร้อยแก้วกับร้อยกรอง คนละแบบกันครับ ความสนุกในการเขียน ก็แตกต่างกันมากๆครับ เรียกว่าคนละแนวทาง ขอขอบคุณอีกครั้งในการมาเยี่ยมที่นี่หวัง ว่าคงจะได้ต้อนรับคุณครูอีกครับ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
4 กุมภาพันธ์ 2553 22:22 น. - comment id 114207
บทนี้ตื่นเต้นการต่อสู้นะคะ พระเอกเจ้าลิงน้อย อิอิ ขอบคุณมากนะคะ
5 กุมภาพันธ์ 2553 00:52 น. - comment id 114217
อ้าว ... หมดที่ตอน 9 ซะงั้น.. งั้นนู๋ไปนอนก่อนนะคะ..พรุ่งนี้มาอัพเดทต่อค่ะ..สนุกดีค่ะ..
5 กุมภาพันธ์ 2553 10:06 น. - comment id 114221
ยังมาอ่านต่อครัลครูแก้ว กำลังสนุก
5 กุมภาพันธ์ 2553 12:04 น. - comment id 114234
คุณ คมดาบนารี ครับเดี๋ยวผมจะแต่งตอนต่อไปครับคอย เดี๋ยวนะครับ กำลังทานกาแฟอยู่ครับ คิดว่าไม่ นานหรอกครับ แค่สามหน้ากระดาษฟุตแก๊ปกว่าๆ เท่านั้นเองครับ ขอบคุณครับ แก้วประเสริฐ.
5 กุมภาพันธ์ 2553 12:07 น. - comment id 114235
คุณ แขกประจำบ้านกลอน ผมต้องขอโทษด้วยนะครับที่ตอบข้ามกระทู้ ไปหน่อย ด้วยตอบไปพลางคิดพอร์ตเรื่องไป ด้วยว่าจะดำเนินการต่อไปอย่างไรครับ ทำให้เกิด เผลอเรอไปครับ เดี๋ยวไม่นานหรอกครับจะได้ รับความสำราญต่อไปครับ ขอบคุณ แก้วประเสริฐ.
5 กุมภาพันธ์ 2553 12:10 น. - comment id 114236
คุณ กิ่งโศก อย่าลืมย้อนไปอ่านกระทู้ที่ครูตอบด้วยนะ ครูสั่งเธอไว้ด้วย อ้อครูยังไม่ได้เขียนเรื่องเลย กำลังทานกาแฟอยู่ ตอบกระทู้ไปสมองก็แบ่งภาค พอร์ตเรื่องต่อไปด้วยนะจ๊ะ งานร้อยแก้วกับงาน ร้อยกลอนแตกต่างกันก็จริงแต่ก็มาในทำนองคล้ายๆ กันนะ หากนำร้อยกรองมาประสานกับร้อยแก้ว ด้วยคารมคำพูดก็ทำให้ ร้อยแก้วชวนติดตามจำไว้ หากศิษย์เราเขียน ก็สามารถทำได้แน่นอน ครูเชื่อเช่นนั้น หากเขียนร้อยแก้วได้ดีร้อยกรอง ก็ยิ่งไม่หนีไปเท่าไหร่จ๊ะ รักศิษย์เราเสมอ แก้วประเสริฐ.
6 กุมภาพันธ์ 2553 11:57 น. - comment id 114254
สงสารแม่ช้างจังค่ะ แต่เป็นฉากที่ลิงน้อยได้ใช้วิชาที่ฝึกมาเต็มที่เลยนะคะเพื่อช่วยชีวิตคนอื่น
6 กุมภาพันธ์ 2553 12:24 น. - comment id 114257
คุณ โคลอน ไปตามที่นึกได้แหละจ้า บอกก่อนนะว่าโม้ แหลกเลยล่ะ ฮ่าๆๆๆ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.