ลุ่มลึกอิสราวดี 8 ฟ้าเริ่มสาง...เสียงไก่ป่าขันเจื่อนแจ้ว เหล่านกทั้งหลายเริ่ม ต้นชีวิตใหม่ออกหากินภายในป่าเขา เสียงกร๊อบแกร๊บของใบไม้ แห้งเป็นระยะๆ ซึ่งสัตว์ต่างๆกำลังค้นหาอาหารเพื่อเลี้ยงชีพ ล้อมๆรอบเต็มไปด้วยหมอกที่ปกคลุมพื้นที่ภายในป่าจนแทบมองไม่เห็น อากาศเย็นชื่นฉ่ำ..เสียงลมพลิ้วไหวอย่างรุนแรงกระทบกับกิ่งก้าน ใบไม้เกิดสำเนียงหวีดหวิวร่ำๆไป ร่างชายหนุ่มนอน กกกอด เจ้าลิงขนสีทองยังหลับใหลอยู่ นางพรายทั้งสองก็นั่งอยู่ข้าง เคียงคอยไล่แมลงที่จะมารบกวน สิ่งที่แปลกประหลาดก็คือบรรดาเหล่าหมอกต่างๆหาได้เข้า มาในบริเวณที่ร่างชายหนุ่มนอนอยู่สักนิดก็หาไม่ กับแลดูคล้าย เป็นม่านปกคลุมร่างของเขา จวบจนแสงทองของอาทิตย์เริ่มสูงลอยขึ้น พระอาทิตย์ยาม รุ่งอรุณลอยเป็นดวงใหญ่กลมโตสีแดง ทำให้เมฆหมอกที่ล้อม รอบทอประกายสีสดใสเหนือบริเวณขุนเขาทั้งหลายที่รายล้อม รอบเป็นอาณาบริเวณกว้าง แต่ก็หาได้ลบล้างหมอกทั้งหลายให้ หมดสิ้นไปได้ไม่ ชายหนุ่มเริ่มรู้สึกตัวทรงร่างขึ้นอย่างช้าๆพลางบิดความเมื่อย ขบที่เขาได้นอนคุดคู้ด้วยอากาศหนาวของอากาศประกอบด้วยหมอก และความชื้นของน้ำค้าง ที่ยังจับอยู่ตามใบไม้ทั้งหลายยามกระทบ กับแสงส่งประกายแววหลากหลายสีดุจอัญมณีวูบวาบไปทั่ว เขาหันกลับมามองร่างน้อย ที่จะว่าน้อยก็ไม่เชิงบัดนี้ร่างของเจ้า ลิงนั้นเขารู้สึกว่ามันเติบโตขึ้นมากกว่าเดิมนัก ที่ยังพลิกร่างไปๆมาๆ เหมือนชายหนุ่มจะนึกอะไรได้ จึงรีบหันไปดูรอบข้างก็แลเห็นนาง พรายทั้งสองส่งยิ้มมาให้เขา หรือว่านางมิได้หลับนอนนั่งเฝ้าเขา ตลอดทั้งคืนกระมัง เขาหันไปยิ้มให้กับหล่อนพร้อมกล่าวว่า “น้องของพี่เจ้ามิได้หลับนอนเลยหรือ” ได้ยินเสียงแผ่วเบาตอบกลับมาจากแม่ประกายแดง “ยังหรอกพี่ท่าน พวกข้าจะหลับก็ตอนพระอาทิตย์ส่งแสงแรง เท่านั้น จึงนั่งคอยเฝ้าดูแลพี่ท่านอยู่จ้าค่ะ” “อ้อๆๆงั้นหรือ...” เขารำพึงเบาๆด้วยนึกได้ว่ากลางคืนเป็นเวลาของเหล่าภูตทั้งหลาย “นี่ก็พระอาทิตย์ทอแสง รำไรเช่นนี้ เห็นทีน้องเราจะไป พักผ่อนได้แล้ว ส่วนทางนี้พี่จะดูแลเอง ด้วยพี่คิดว่าหากเราได้ หนังเสือสมิงตัวนี้มาใช้ประโยชน์ก็คงจะดีไม่น้อง น้องเราว่ากระไร” พรายประกายเขียวก็ตอบว่า “อันหนังสือสมิงนี้ มีคุณประโยชน์มากนักด้วยมันสะสมอาถรรพ์ ไว้มากมาย ย่อมมีประโยชน์และให้คุณมาก ด้วยมันสามารถต้านทาน อาวุธต่างได้เจ้าค่ะ” “ อ้าวๆๆ...แล้วทำไมมันถึงได้สิ้นชีพไม่อาจทนทานอาวุธดาบของพี่ ได้ล่ะน้องนาง” “เหตุที่เป็นเช่นนี้ ด้วยอำนาจดาบนี้สร้างด้วยพุทธคุณและมวลสารโลหะ อันปลุกเสกแล้ว ตลอดจนว่านต่างๆที่มีคุณสมบัติขจัดลบล้างอาถรรพ์ต่างๆได้ รวมถึงอาวุธมีดน้อยนี้ด้วย ซึ่งเป็นธาตุกายสิทธิ์ยากยิ่งที่จะหา คนสร้าง ต้องแก่กล้าวิทยาคมจึงสามารถหล่อหลอมดาบเล่มนี้ได้ ไม่มีอำนาจร้ายและสิ่งใดจะต้านทานอำนาจวิเศษของดาบนี้ได้เลย ถึงแม้ว่าเสือสมิงตัวนี้ไม่ว่าอาวุธใดยากจะทำลายมันได้ ด้วยมันจะคงกระพันชาตรี สร้างพละกำลังให้มันอย่างมหาศาล ตลอดจนสามารถควบคุมวิญญาณที่มันฆ่าแล้วให้จำยอมต้อง ตกอยู่ในอำนาจของมันได้เจ้าค่ะ” ประกายแดงตอบชายหนุ่ม “ นั่นซิน้องเรา พี่ถึงสงสัยนักทำไมถึงฆ่ามันอย่างง่ายดายนัก อ้อๆๆ....ด้วยเหตุนี้นี่เองกระมัง” ชายหนุ่มรำพึงตอบไป “น้องทั้งสองรู้คุณค่าอาวุธที่ส่งประกายกำราบภูติต่างๆได้ และอาวุธนี้มัน จะเลือกนายของมันเอง แสดงถึงว่าผู้ที่ครอบครองเป็นคนมีบุญวาสนาเท่านั้น ดังนั้นน้องจึงปรึกษากันแล้วหวนกลับมาเพื่อคอยรับใช้พี่ท่าน ก็ด้วยเหตุนี้นี่เองเจ้าค่ะ” “เอาล่ะน้องเรา เธอไปพักผ่อนได้แล้ว เดี๋ยวพี่หลังจากไปชำระล้างร่างกาย ที่ยังลำธารข้างๆเนินโน้นแล้วก็จะกลับมาถลกหนังเสือสมิงเก็บไว้จ๊ะ” “งั้นน้องไปพักก่อนนะพี่ท่าน” “ตามสบายเถอะน้อง ขอบใจมากนะที่อุตส่าห์คอยเฝ้าดูแลพี่ทั้งคืน” “เป็นหน้าที่ของน้องอยู่แล้วพี่ท่าน น้องไปก่อนนะ” พอนางพรายทั้งสองกล่าวจบ ชายหนุ่มแลเห็นแสงวูบพุ่งมายังฝักดาบทั้งสอง จึงทราบแน่แก่ใจว่าหล่อนคงจะอาศัยอยู่ที่ฝักดาบและมีดแน่นอน ดังนั้นจึงหัน มาทางเจ้าลิงขนทอง ซึ่งมันตื่นขึ้นเมื่อไหร่ไม่รู้นั่งมองเขาสนทนากับนางพรายอยู่ พอหมอกเริ่มจางเห็นสภาพต่างๆได้แล้ว เขาจึงส่งสัญญาณทำมือไม้ประกอบ เพื่อจะให้มันไปหาอาหารผลไม้ก่อน เจ้าขนทองนั้นรับรู้อากัปกิริยาของชายหนุ่ม พลางร้องเจี๊ยกๆๆตอบรับ แล้วตีลังกาพุ่งตัวโหนเถาวัลย์ละลิ่วหายไปทันที เขารวบรวมภาระบางอย่างที่มีไม่มากไต่เถาวัลย์ลงมาจากต้นไม้ใหญ่ แล้ววางกองไว้ใกล้ๆกับ ซากของเจ้าเสือร้ายแล้วจึงไปชำระ ร่างกายให้สะอาดและเก็บน้ำใส่ให้เต็มกระบอกด้วย หลังจากเขาอาบน้ำชะระกายดีแล้ว จึงนำมีดเล็กออกมาตรงไปยังร่างซากของ เสือร้ายพร้อมลงมือชำแหละแยกสิ้นส่วน เขาเอาเพียงแค่หนังที่ออกสีขาวนวลมีลาย สีเหลือจางๆสอดสลับเป็นทาง เมื่อได้ตามความต้องการแล้วส่วนเหลือเขาก็นำกลบฝัง ตามแต่สามารถทำได้ ในระหว่างที่เขาชำหละนั้นก็คิดไปพลางว่าจะทำอย่างไรไม่ให้หนังนี้เน่าเปื่อยไป ครั้นแล้วก็ให้นึกถึงยายของเขา เมื่อเขายังเด็กรู้ความนั้น เห็นยายเอาขมิ้นผงมาโรยของ สิ่งหนึ่ง เขาถามยายว่าทำไมถึงใช้ขมิ้นผงโรยเนื้อสดๆล่ะ ยายเขาตอบว่าเพื่อรักษาเนื้อไม่ให้เน่าและมันจะแห้งเร็ว นี่อะไรหรือเขาชี้ไปยังกองเนื้อเล็กๆสดๆ ยายตอบว่านี่คือ รกแมว ที่มีทนสิทธิ์ในตัวสร้างความร่มเย็นและความเจริญ และบอกว่าแมวมันไม่ให้ ใครๆง่ายๆนะ นอกจากมันจะให้เองหากเราไปไล่มันเพื่อเอารกมันก็ไม่มีผลอะไรเลย ส่วนใหญ่แล้วแมวมันจะกินรกมันจนหมด ยกเว้นมันให้คุณเท่านั้นถึงจะยอมมอบให้ ชายหนุ่มนึกได้ว่าจะรักษาสภาพหนังเสือสมิงตัวนี้ได้อย่างไร เมื่อเขานำมันไป ล้างที่ยังลำธารให้สะอาดแล้ว ก็เดินไปตามทางที่เขาไปตัดต้นไม้ไผ่พบกอขมิ้น เมื่อ พบแล้วจึงขุดมา หัวขมิ้นมันช่างใหญ่มากนักเขานึก แต่ก็ไม่เป็นปัญหาเขานำมันไป เท่าที่ต้องการเท่านั้น เมื่อได้หัวขมิ้นแล้ว จึงหันไปตัดไม้รวกและปล้องไผ่เพื่อนำมา มาใส่ลูกธนูที่เขาจะคิดทำมันขึ้น เมื่อได้ครบถ้วนตามที่คิดไว้ก็กลับมายัง ที่เก็บสัมภาระโคนไม้แล้วนำหนังสือ คลี่ออกเอาหัวขมิ้นออกมาทุบแถวลำธารผสมกับน้ำมาทายังหนังสดของหนังสือแล้ว ก็นำมันไปตากแดด โดยคลี่แผ่แล้วหาก้อนหินใหญ่มาทับมุมของหนังเสือมิให้ม้วน ระหว่างการรอคอยให้หนังเสือแห้งนั้น เขาก็เริ่มเหลากิ่งไม้รวกทำคันธนูและลูก ดอก ใช้เอ็นของลิงขนดำทำเป็นสายธนู เขาทดลองความเหนี่ยวของคันธนู ซึ่งหักไปหลายๆครั้ง ในที่สุดเขาก็ได้คันธนูพร้อมลูกดอก แล้วนำลูกดอกไปใส่ยังกระบอกซึ่งใช้เอ็นลิงพันเป็นที่สะพาย เศษหนังเสืออีกส่วนหนึ่งเขานำมาทำเป็นย่ามไว้เพื่อใช้เก็บสัมภาระจำเป็น เพื่อเดินทางต่อไป สักครู่ใหญ่ๆเจ้าลิงขนทองก็กลับมาพร้อมด้วยผลไม้มากมายหลาย ชนิดเขาและลิง ต่างกินผลไม้ แต่เขาไม่วายเรียกนางพรายงามทั้งสองให้มาร่วมกินด้วย เขารู้อาการตอบ รับด้วยฝักดาบและมีดที่เหน็บเอวและสะพายบนบ่ายกระดุกกระดิกเล็กน้อย เมื่อกินผลไม้ อิ่มแล้ว เขาก็เริ่มฝึกหัดเจ้าขนทองทันที สอนด้วยวิธีขว้างก้อนหินก่อน จนกระทั่งเจ้าขนทองสามารถขว้างก้อนหินได้แม่นยำแล้ว ก็เริ่มตัดไม้รวกมาทำเป็น กระบองและสอนท่าทางการใช้กระบอกทั้งวิธีรับและตอบโต้รวมถึงแทนดาบได้ด้วย เนื่องจากเจ้าขนทอง มีความเฉลียวฉลาดจำได้แม่นยำและรวดเร็วเพียงไม่กี่วันนักมันก็สามารถ ใช้อาวุธที่เขาสอนได้เป็นอย่างดี เมื่อเขาสอนเจ้าขนทองได้เป็นผลสำเร็จแล้ว ก็ทอดถอนใจเห็นที่จะต้องมุ่งหน้าออกเดินทาง เสียแล้ว เขาคิดว่าคงจะเป็นวันพรุ่งนี้ก็จะเริ่มออกเดินทางค้นหาทางกลับยังที่พักเดิม แต่ก็คิดไป ว่าไม่รู้จะพบทางหรือไม่ หรือว่าเราจะต้องวนเวียนค้นหาอยู่ในถิ่นแถวนี้อีกนานสักเท่าไหร่หนอ พลางรำพึงรำพันกับตนเอง ซึ่งยังไม่รู้ว่าวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไรพบอะไรกันแน่...... จึงทอดถอนใจกล่าวในสิ่งที่เขาต้องการออกมาด้วยน้ำเสียงแฝงเศร้าสร้อยนิดๆ * ดวงตะวันลอยลับจับทิวฟ้า แสงนภาแวววาวพราวสดใส หัวอกร้าวรันทดหมดหัวใจ สิ่งเคยไสวอติกาลไร้ผ่านมา มีลิงน้อยคอยอยู่คู่พรายเจ้า ที่คอยเฝ้ายั่วยวนชวนหรรษา มีอนาคตต่อไปกรายเยื้องมา โอ้วาสนาฉันท์ใดให้หวั่นเกรง ฝากระทมแฝงไว้ในป่าลึก ห้วงใจนึกระบมข่มโฉงเฉง ดุจดั่งสัตว์สอดทิ่มปิ่มอลเวง แม้นมีเพลงพฤกษาลัดดาวัลย์ กลิ่นหอมเอยไม้ป่าดารดาษ ที่เคล้าพาดนาสิกจนพลิกขวัญ มิอาจชื่นดวงจิตแทบปลิดชีวัน โอ้ทางนั้นยากสุขเฝ้าปลุกหทัย......* ยิ่งคิดไปชายหนุ่มก็ให้หมองไหม้รันจวนจิตยิ่งนัก เขาแหงนมองฟ้า ที่ฉาบไปด้วยเมฆต่างๆ ลอยละล่องดุจท้องทะเลคลื่น ใยจึงเหมือนตัวเขา ทำให้เขาอดหดหู่ใจเสียมิได้ แต่ช่างเถอะในเมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้แล้ว ใยเลยจะแก้ไขได้ คงต้องปล่อยไปตามบุญเพรงวาสนาเสียแล้วหนอเรา เพลาค่ำย่ำเหยีอดย่างเข้ามาอีกวาระหนึ่ง นางพรายทั้งสองก็ออกมา เมื่อเห็นใบหน้าของชายหนุ่มหมองเศร้า ก็พลอยเศร้าใจไปด้วย ถึงแม้ว่า นางจะมาอยู่กับชายหนุ่มได้ไม่กี่เวลาก็ตามที แต่อากัปกิริยาที่อ่อนโยนมิเคยเลยจะรังเกียจเดียดฉันท์ หรือสร้างความหนักใจให้แก่นางทั้งสองได้ กับแสดงถึง ความรักอย่างจริงใจจนหมดให้แก่นางอย่างไร้เล่ห์เพทุบายตลอดจน ความห่วงใยมากกว่าตัวเขาเสียอีก ด้วยเหตุฉะนี้นางถึงกลับหลั่งน้ำตา ยากที่จะเข้าไปช่วยเหลือเขาได้ นอกจากมาปลอบใจสร้างความหฤหรรษ์ต่างๆ เพื่อให้เขาได้ลดทอนสิ่งเหล่านี้เพลาๆเสียบ้าง แต่ก็เพียงแค่สร้างหัวร่อให้แก่เขาได้นิดๆหน่อยเท่านั้น เขาจึงกล่าวกับนางทั้งสองว่า “น้องรักเรา เห็นทีเมื่อดวงตะวันขึ้นเราทั้งหมดจะต้องออกเดินทางเสีย แล้ว แต่พี่จิตกังขาไม่รู้จบสิ่งหนึ่งนะ” “อะไรหรือ พอจะให้น้องช่วยท่านพี่ได้บ้างไหม” นางพรายเขียวถาม “พี่กังวลคือ ไม่สามารถอ่านเขียนภาษาที่บันทึกไว้ในหนังสือได้เลย และไม่รู้ว่าจะไปเล่าเรียนได้ที่ใดนะน้องเรา” “ท่านพี่น้องเองก็ผ่านการศึกษามาก็มาก เมื่อกลับมาเยี่ยมบ้านป่าก็ออก เดินชมดอกไม้ที่ขึ้นในป่า แล้วก็มาจบชีวิตเสียก่อนที่จะได้กลับไปในเมืองจ๊ะ” “หรือน้องรักเรา หากน้องอ่านภาษานี้ได้ช่วยสอนพี่จะได้ไหมจ๊ะ” ชายหนุ่มดีใจ ที่แม่นางพรายแดงแจ้งว่าสามารถร่ำเรียนการเขียนอ่านได้ จึงล้วงไปในอกเสื้อ พลางหยิบหนังสือเล่มหนึ่งออกมาซึ่งเขาพกติดตัวตลอด เพียงหวังว่าถ้าหากวันใดมีโอกาสพบชาวบ้าน ก็ขอจะพึ่งพาอาศัยช่วยแปลหนังสือเล่มนี้ เพื่อที่เขาจะได้รับรู้ความลับสักที แต่ในเมื่อนางพรายแดงสามารถอ่านได้ก็ดี เพื่อเขาจะได้อาศัยนางใน การช่วยแปลและช่วยสอนการเขียนอ่านภาษาที่เขาอ่านไม่ออกเอาเสียเลย แล้วก็ยื่นหนังสือเล่มนั้นให้แก่นางพรายแดง นางพรายแดงก็รับหนังสือ มาพลิกอ่านดู พลางกล่าวว่า “พี่ท่านหนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่ว่าด้วยการวางกลยุทธ์ต่างๆคิดว่าคง จะเป็นตำราพิชัยสงครามมากกว่า เอ๊ะ!!!????.... แต่ตอนท้ายๆนั้นกลับบันทึก เกี่ยวกับเวทย์มนต์ต่างๆไว้ด้วย อุ๋ย!!!!???.....” นางอุทานเบาๆ “อะไรหรือน้องเรา มีอะไรหรือถึงได้ร้องแบบหน้าตื่นเช่นนี้เล่า???” ชายหนุ่มถามด้วยความสงสัย “ ดีจังเลยๆ....” พรายสาวอุทานพร้อมใบหน้าแช่มชื่นทันที “บันทึกนี้..ไม่เพียงแค่เวทย์มนต์เท่านั้นยังกล่าวถึงวิญญาณที่ไม่ถึงฆาต จะคืนกลับมีร่างได้อีก หากทำถูกต้องพิธีโดยอาศัยร่างที่คนถึงฆาตเข้าไป อาศัยอยู่ แต่ทว่า????...” “แต่ทว่าอะไรหรือน้องเรา” ชายหนุ่มยิ่งสงสัย “เพียงแต่คนที่จะทำได้ต้องเป็นผู้ที่ถือศีลตลอดเจ็ดวันและต้องเป็นคน ที่มีบุญวาสนาบารมีที่สร้างสมมาก่อนเท่านั้นจ๊ะ” พรายสาวตอบชายหนุ่ม....... * แก้วประเสริฐ. *
4 กุมภาพันธ์ 2553 21:42 น. - comment id 114206
มาติดตามนะคะครูแก้ว เดี๋ยวอ่านตอนต่อไปก่อนคะ วันนี้เอาลงสองตอนติดกันเลบนะคะ ขอบคุณมากคะ
5 กุมภาพันธ์ 2553 00:45 น. - comment id 114216
แหะ ๆ....ต่อ ๆ จ้าๆๆๆ...
5 กุมภาพันธ์ 2553 09:56 น. - comment id 114220
มาติดตามต่อครับครูแก้ว
5 กุมภาพันธ์ 2553 11:52 น. - comment id 114231
คุณ แขกประจำบ้านกลอน ครับวันนี้ผมแต่งเสร็จตอนเช้าด้วยปกติ ตื่นนอนสายประจำ วันนี้ตื่นเช้าหน่อยหลังทาน กาแฟและขนมปังแล้ว ก็เลยลงมือแต่งเสร็จส่ง พอตกบ่ายๆไม่รู้จะทำอะไรก็เลยมาแต่งต่อเป็น สองตอน ผมมันคนใจร้อนเลยนำลงไปด้วย กลายเป็นสองตอนไปครับ วันนี้ผมตื่นขึ้นมา กำลังทานกาแฟอยู่ก็เลยว่าจะเขียนต่อ ขอให้ ทานกาแฟหมดก่อนนะครับ แล้วจะเริ่มงานเขียน อีกครับ ขอบคุณครับ แก้วประเสริฐ.
5 กุมภาพันธ์ 2553 11:54 น. - comment id 114232
คุณ คมดาบนารี ครับนี่กำลังทานกาแฟอยู่ครับพึ่งตื่นนอน ครับว่าจะเขียนต่อไปครับ รอนิดนะครับขอเวลา เขียนเรื่องต่อนะครับแล้ว จะรีบนำมาลงให้อ่าน ครับ ขอบคุณครับ แก้วประเสริฐ.
5 กุมภาพันธ์ 2553 12:01 น. - comment id 114233
คุณ กิ่งโศก ศิษย์รักเรา ศิษย์ผู้สืบสานงานครู ครูคิด ว่าจะหันมาทางนี้แล้ว ส่วนทางโน้นมอบให้ศิษย์ ช่วยกันและดูแลซึ่งกันและกัน ครูขออย่าให้ตั้ง แง่คิดอ่านขัดกันนะ จงสมานสามัคคีไว้ผิดถูกอย่าง ไรก็จงช่วยๆพยุงแนะนำกัน นานๆครูจะแวะไป สักทีจ้า เธอคือดวงแก้วดวงหนึ่งที่ส่งประกายแจ่ม ใสมากที่สุด ฉนั้นจงช่วยพยุงน้องๆหรือพี่ๆรุ่นก่อน หากอย่างไร ก็จงถือว่าศิษย์ร่วมครูเดียวกัน ครูติดตามงานเธอเสมอๆจนเชื่อมั่นแก่ใจแล้ว จึงหันมาเล่น ร้อยแก้วทางนี้จ้า ครูยังไม่ได้ แต่งเขึ้นเลย ว่าจะตอบผู้ที่มีเกียรติมาเยี่ยมครู แล้วถึงจะดำเนินการแต่งเรื่องต่อนะ ครูรักศิษย์เสมออย่าลืมคำครูนะ รัก แก้วประเสริฐ.
6 กุมภาพันธ์ 2553 11:48 น. - comment id 114253
ดีจังเลยค่ะ เจ้าลิงน้อยประกายทองมีวิชาติดตัวแระ... ประกายเขียว ประกายแดง ก็มีความหวังจะคืนชีพได้แล้วเนาะ
6 กุมภาพันธ์ 2553 12:22 น. - comment id 114256
่คุณ โคลอน แหะๆๆๆ เรื่อยๆมาเรียงๆนกบินเฉียง ไปทั้งหมู่ ตัวเดียวมาไร้คู่เหมือนข้าอยู่สู้เดียวดาย อ้าว!!!!!...แฮะๆๆคนละเรื่องเลยล่ะ เอ้าอ่านไปนะ ไปเรื่อยๆแหละจ้า รักเสมอ แก้วประเสริฐ.