ลุ่มลึกอิสราวดี ลุ่มลึกอิสราวดี คืนนั้น....แสงจันทร์งามกระจ่างฟ้า...... ทอทอดแสงระยิบระยับ ประกายแวววับกระทบ ผืวน้ำ สะท้อนดวงจันทร์ภาพเปล่งไหวหวามชวน ทัศนายิ่งนัก เป็นภาพสะท้อนช่างงดงามยิ่ง ชายหนุ่มร่างกำยำจัดนับได้ว่าสูงระหงส์ ใบหน้าที่ อิ่มเอิบ ดวงตาใหญ่แต่ไม่โปน คิ้วขนดำหนาแต่ทว่า เป็นแนวยาวเหยียดโค้งรับกับปลายชายดวงตาที่เรียว ใบหน้ายาวแต่ไม่เรียวมากนัก จัดได้ว่าเป็นบุรุษที่งามนัก คนหนึ่ง แค่รอยยิ้มที่มุมปากกับแก้มที่บุ๋มที่กระพุ้งแก้ม ส่งให้ใบหน้านี้ยิ่งเน้นสรีระร่างให้งดงามยิ่งนัก บุรุษหนุ่มยืนกอดอกทอดสายตามสู่ยังแม่น้ำของประเทศเพื่อนบ้าน ที่แลดูกว้างใหญ่พอประมาณในค่ำคืนเดือนหงาย พลันชายหนุ่มก็ให้ รำลึกนึกถึงเหตุการณ์ในอดีตที่ได้จารึกไว้ในแนวเชิงประวัติศาสน์ก่อให้ ชายหนุ่มแหงนหน้ามอง ดวงจันทร์ที่พร่างพรายแสง แปลกชายหนุ่มนึก คืนนี้ดวงจันทร์ใยช่างงดงามยิ่งนัก วงล้อมรายรอบเป็นชั้นๆของแสงที่ส่ง ประกายลงมา อ้อๆนี่เขาเรียกว่าพระจันทร์ทรงกลด โอ้..ช่างงามเสียนี่กระไร ชายหนุ่มหลับตาพริ้มทำให้หวนนึกถึงหญิงหนึ่งที่มักจะคอยเข้ามาในฝัน หลายๆครั้ง นับตั้งแต่เขาเหยียบย่างลงในผืนแผ่นดินแห่งนี้ แปลกๆเขาคิด ทำไม ครั้งอยู่ในเมืองไทยเหตุการณ์เช่นนี้ใยไม่เกิดขึ้นแก่เขา นี่ล่วงมาหลายๆ วันแล้วเขาก็เกิดนิมิตเช่นนี้มาตลอด ช่างเถอะเราคงจะทานอาหารไม่อิ่มกระมังจึงบังเกิดเช่นนี้ ด้วยรสชาติอาหาร หาได้ถูกปากเขาไม่ รสชาติที่ออกจืดๆและออกคาวนิดๆ แต่เขาก็จำเป็นต้องทาน ด้วยไม่รู้ว่าจะไปทานที่ใด อาหารหรือที่เขาเตรียมมาได้หมดไปเสียแล้ว แต่ภารกิจ เขายังไม่เสร็จ จึงจำเป็นต้องทนอยู่แต่ทว่าอีกไม่นานซินะเราจะต้องจากดินแดนนี้ เสียแล้ว เขาทบทวนงานภารกิจที่เสร็จแล้วส่วนใหญ่คงเหลืออีกไม่เท่าไหร่ เพียง รอให้เขาตรวจสอบและเซ็นต์รับงาน เขาก็จะกลับบ้านเกิดเมืองนอนเสียที พอกันที กับอาหารรสชาติที่แสนจะจืดชืด เขานึกถึงอาหารบ้านเกิดเมืองนอน เฮอะๆๆรอก่อนนะข้าจะกลับไปหาเจ้าเขา รำพันกับตัวเอง ในสมองคิดว่าคืนนี้อากาศช่างเป็นใจ ลมพัดเอื่อยๆนำกลิ่นหอมลึกๆ ของไอน้ำแห่งลุ่มแม่น้ำอิรวดีมากระทบจมูกเขา ทำให้เขาเกิดเปลี่ยนใจที่จะพักผ่อน ในบ้านพักที่เขาได้เช่าไว้ในธุรกิจครั้งนี้ เหตุด้วยเขาต้องอยู่นานนั่นเอง แต่ค่ำคืนนี้แปลกๆ แต่ทว่าเขาไม่ได้นำอุปกรณ์ใดๆมาเลย นอกจากผ้าที่คาดเอวเท่านั้น ช่างเถอะเหลือไม่กี่วันแล้วนี่นา ที่เราต้องจากแผ่นดินนี้แล้ว เอาล่ะขอนอนที่นี่สักคืน ยิ่งเป็นคืนที่จันทร์ทอแสงกระจ่างพร่างพราย สายน้ำที่ไหลเอื่อยๆผิวน้ำเกิดระลอกๆทอ ทาบดวงจันทร์แวววับวาม ดูกระจ่างลึกซึ้งยิ่งนัก เขาเดินหาบริเวณที่เหมาะเพื่อจะไม่ต้องเสียบรรยากาศตลอดจนบังลมหากรุนแรงกว่านี้ ชายหนุ่มยิ้มกับตัวเอง เมื่อแลพบมุมๆหนึ่งที่เห็นว่าเหมาะและไม่ปิดบังทัศนียภาพสวยๆของ ดวงจันทร์ ปลายขอบฟ้าที่ดารดาษด้วยดวงดาวทอแสงระยิบระยับและลุ่มน้ำแห่งนี้ โอ้ช่างเป็น สถานที่งามยิ่งนัก นับตั้งแต่เหยียบย่างผืนแผ่นดินนี้ หากเขามิได้รับข้อมูลจากสหายชาวรามัญ ที่สืบทอดมาในผืนแผ่นดินนี้ให้เขามาหาความรื่นรมย์สงบจากที่ครึกครื้น ที่เขามักจะกล่าวให้สหาย ฟังอยู่ตลอดเวลา สหายต่างแดนได้แนะนำเขาให้มา ณ ดินแดนแห่งนี้ ก็สมหรอกและไม่ผิดหวัง เมื่อเขามาสถานที่แห่งนี้นับได้ว่าเป็นวันที่สองแล้วซินะ ในยามอาทิตย์อัสดงเขาก็จะมายังที่นี่คนเดียว และคอยชมในยามข้างขึ้นพระจันทร์เต็มดวง เขาเดินไปค้นหากิ่งไม้แล้วมาปัดกวาดบริเวณให้สะอาดแล้วนำผ้าเคียนเอวออกมาปูลาดกับพื้น เพื่อรอคอยเวลาที่เขาง่วงจะได้ไม่ต้องเสียเวลากังวล เมื่อเขาจัดการเป็นที่เรียบร้อยแล้วเขาก็นั่งชม เดือนดาว ลำน้ำแห่งลุ่มแม่น้ำอิรวดี ดีนะที่ไม่ค่อยมียุงและเหลือบมากนัก แต่ยามอากาศเริ่มดึกๆ เจ้าพวกรบกวนเหล่านี้ก็หายไปหมด เหลือเพียงแต่สายลมที่กระฉอกน้ำที่ซัดสาดซ่าส์ เขาฟังดูคล้าย เสียงดนตรียามประสานเพลงธรรมชาติประกอบทัศนียภาพด้วย ทำให้จิตใจเขาเบิกบานลืมบรรยากาศ กลางวันไปเสียสิ้น ดึกแล้วซิหนอเขารำพึง เสียงหริ่งเรไรที่นานๆจะส่งเสียงมาสักครั้ง ความง่วงก็เริ่มเข้ามาสู่เขา จึงได้เอนกายลงนอนเอาก้อนหินสอดไว้ใต้ผ้าเป็นหมอนหนุน สายตาพยายามเบิ่งตาดูความงดงามดุจภาพวาดแต่นี่เป็นภาพแห่งความจริง ชายหนุ่มเริ่มหาวๆนอนแล้วค่อยๆพริ้มหลับตา โอ้มันช่างเป็นความสุขแท้จริงเชียวหนอ เขาอดคิดไม่ได้ทั้งๆที่ม่านตาเขาเริ่มปิดลงๆ ในที่สุดเขาก็ผล็อยหลับไปในท่ามกลาง แห่งแสงจันทร์ที่ทอระยิบระยับบวกกับแสงที่ทบกับผิวน้ำพลิ้วไหววาบวามกระจ่างไปทั่วบริเวณ ปล่อยให้แสงจันทร์ได้ลูบไล้ร่างกายเขาไป....... ฉับพลันเขาต้องสะดุ้งตกใจขึ้นมา เมื่อได้ยินเสียงม้าร้องพร้อมกับขบวนม้าที่วิ่งผ่านเลยเขาไป แลเห็นฝุ่นตลบ พร้อมสิ่งที่แลเห็นเป็นขบวนคนจำนวนมาก แต่ทำไมเขานุ่งห่มแปลกๆไม่เหมือน เขาเลย เขาก้มหน้ามองเสื้อผ้าที่หุ้มห่อกายก็ยังเหมือนเดิม แต่ที่เขาแลเห็นล่ะ ช่างแปลกๆไม่เหมือนเขาสักนิดเลย เขาฉงนพลางลุกขึ้นโดยเร็วและไม่ลืม คว้าผ้าปูลาดสะบัดแล้วเคียนเอว รีบแอบมองหินข้างๆที่บังร่างกายเขาได้ดีและมีช่องลอดเพื่อให้ เขาได้มองขบวนที่กำลังผ่านหน้าเขาไป เสียงเอะอะดังลั่น บุรุษหนึ่งขี่ม้าวกกลับมายังท่ามกลางขบวนตรงไปยังเสลี่ยงที่หามคนๆหนึ่ง พลางกล่าวรายงาน เสียงลมแว่วผ่านเข้ามาแต่เขาเองก็แปลกใจตัวเองนักทำไมเขาสามารถฟังภาษา ที่ได้ยินเสมือนเป็นภาษาเขาได้ แต่เขามิได้คิดอะไรมากนักเพียงแต่คิดและจิตได้มุ่งแต่รับฟังเสียง ที่ลอยมากระทบหู กลับเป็นเสียงรายงานของบุรุษที่เข้ามารายงานตัวดังขึ้น ข้าแด่แม่ทัพ... ข้าได้พยายามค้นหาแล้วแต่ไม่พบเจอเลยไม่รู้ว่าไปเสียที่แห่งใด ขอรับ เห่อะๆๆ...นายกอง ท่านลองอีกสักครั้งหากไม่พบเห็นว่าเราสองจะแย่นะท่าน ด้วยแม่เจ้าหญิงเห็นที ครั้งนี้คงจะไม่ยอมไว้เหมือนก่อนๆนะ ด้วยสายรายงานมาว่าได้พบแถวบริเวณแห่งนี้ ท่านลองค้นหา อีกสักครั้งเถอะ หากไม่แล้วเห็นทีว่าศีรษะเราทั้งสองคงจะไม่อยู่ที่บ่าแน่ล่ะ ข้าเองก็นึกหวั่นๆใจ ชอบกลนี่เราก็ค้นหามาหลายเพลาแล้ว บุรุษร่างกำยำที่ขี่ม้าอยู่เทียบเสลี่ยง น้อมกายรับคำเบาๆ พลางกล่าวว่า “ท่านแม่ทัพ....เห็นทีว่าเราคงจะต้องปล่อยไปตามวาสนาเราทั้งสองแล้วล่ะท่าน!!!...???” ชายผู้นั่งบนเสลี่ยง ก็กล่าวเช่นเดียวกัน “ นั่นซิท่านนายกอง?? เราก็พยายามค้นหาแล้วทั่วทั้งแผ่นดินนับนานปีแล้วเชียว หากครั้งนี้ มิได้รับการยืนยันจากสายโดยตรงของแม่เจ้าหญิงล่ะ เราสองคงไม่วุ่นถึงเพียงนี้หรอก...” “นั่นซิ...ท่านแม่ทัพ ข้าเองก็ยังฉงนไม่วายฤาว่าใยจึงได้ห่วงเสียนี่กระไรนัก” “ท่านนายกอง....ข้าก็พอจะรู้เพียงนัยๆว่า บุรุษนั้นเป็นคนรักยิ่งของแม่นางนัก มิฉะนั้นใยจึงจัก มิยอมปล่อยวางเสียนานแล้ว เอาล่ะเราสองทดลองอีกสักครั้ง หากมาดแม้นมิได้สมหวัง ก็เห็นทีจะ ต้องยอมรับชะตาวาสนาของเราสองเสียแล้วกระมัง” แม่ทัพกล่าวด้วยสำเนียงอิดโรย ด้วยเพราะ ขาดความมั่นใจ หากแม่หญิงจะให้เขาไปต่อสู้กับศัตรูยังนับว่าง่ายกว่าการค้นหาในสิ่งที่เขาเอง ก็ไม่ทราบเจตนารมณ์ของเจ้าหญิงผู้ครอบครองแว่นแคว้นนี้และไม่ทราบความเป็นมาเป็นไร อุปมาดั่งค้นหาเงาเสียมิปาน เพียงแต่เจ้าหญิงแจ้งถึงลักษณะแห่งชายคนนั้นไว้พอจะให้เป็นที่ สังเกต เขาเองก็มิได้ย่อท้อได้พยายามเสาะแสวงหาสืบเสาะและได้นำ บุรุษตามลักษณะที่แม่นาง ได้บรรยายให้ฟัง มาพบเสียหลายต่อหลายคนแล้ว แต่แม่นางก็ทรงปฏิเสธร่ำไปตั้งแต่เขายังหนุ่ม จนบัดนี้อายุอานามก็ล่วงโรย ย่างเข้าสู่วัยกลางคนไปแล้ว แต่ความพยายามของเจ้าหญิงก็มิยอม ลดละเลิกในเรื่องเหล่านี้ไปเสียที จึงทำให้เขาอดทีจะท้อแท้ต่อความคิดอ่านของแม่หญิงได้ ยามที่เขายังหนุ่มคะนองด้วยความที่หยิ่งในฝีมือและความรู้ของเขา ทำให้เขาคิดว่ามันง่ายนัก แต่พอเข้าประจักษ์แล้วถึงได้รู้ว่า เปรียบดั่งขุนเขาที่แข็งแกร่งยากจะทำลายได้ ด้วยนามนั้น หาได้มีตัวตนใดไม่ เพียงแต่เพียงรูปลักษณะอุปมาดั่งให้เขาค้นหาเงาก็มิปานฉะนี้ ลางทีเห็นทีเราจะต้องพ่ายแพ้และหมดวาสนาในการรับใช้เสียแล้วกระมัง พลางทอดถอนหายใจ เฮือกใหญ่ พลางหลับตาพริ้มพร้อมกับกล่าวกับทหารคนสนิท “ท่านนายกองเอย ในเมื่อฟ้าลิขิตเราสองเป็นฉะนี้แล้วเห็นลางทีต้องปล่อยให้เป็นไปตามวาสนา เสียแล้วล่ะท่าน การให้เราสองไปต่อสู้กับบุคคลที่มีตัวตนยังไม่ระอาใจ เหมือนในการครั้งนี้นะ “ใช่แล้วขอรับ...มาดแม้นให้ข้าไปสู้รบกับคนนับพัน นับหมื่นใจข้าก็หาได้ไหวหวั่นใดไม่ แต่นี่ เสียอีกทำให้ข้าเกิดความหวั่นไหวต่อเหตุการณ์นี้เสียจริงๆ ขอรับ” “ช่างเถอะท่านนายกอง...นับว่าบุญวาสนาเห็นทีคงจะหมดในครั้งนี้แล้ว ยิ่งเป็นพระบัญชาว่า หากมาดแม้นมิสำเร็จก็อย่ากลับมาให้ข้าได้เห็นอีก เสมือนว่าเราสองเป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัยของ พระองค์ ศึกในครั้งนี้เห็นทียากจะลุล่วงเสียแล้วท่าน” “ขอรับท่านแม่ทัพ.....ไหนๆก็ไหนๆแล้วเราก็ได้ค้นหามาแทบทั้งชีวิตมิได้ที่จะย่นย่อท้อถอยก็หาไม่ แต่นี่ศึกเงายากนักที่จะฝ่าฟันด่านนี้เสียแล้วกระมัง” ใบหน้านายกองที่เลยหนุ่มกลับแลดูชราขึ้นทันตาเห็น ร่างที่ผึ่งผายกลับคุดคู่ห่อเหี่ยวไป แล้วชักม้า ล่วงไปข้างหน้า พลางร้องเพลงขึ้นเสมือนกับปลงอนิจจังตัวเอง เสียงเพลงที่ร้องสั่นสะท้านแทรกซ้อน ไชชอนเข้าไปในดวงใจของเหล่าทหารๆหาญหน่วยกล้าตายเหล่านี้ พร้อมลำนำกานท์สอดแทรกไปด้วย “ อันชีวิตเกิดข้าหาเกรงไม่ ต้องมาตายในศึกครั้งนี้หรือ แม้สู้รบกับใครหาได้ปรือ แต่นี่คือภาพลักษณ์ข้าหนักใจ.” เสียงร่ายทำนองที่ดูออกเศร้าๆลึกๆในห้วงจิตใจของนายกองคนนี้ แม้แต่แม่ทัพเองก็ยังหน้าเปลี่ยนสีไป ใช่ซินะ....นายกองคนนี้ผ่านศึกสงครามมานักต่อนัก ถึงแม้ตัวคนเดียวตกอยู่ในหมู่ล้อมของศัตรูก็หาได้ ยี่หระไม่ กลับทรนงต่อสู้ผ่านชะตากรรมกลับมาได้เพียงโดดเดี่ยวและเดียวดาย เหล่าทหารกล้าได้เสีย ชีวิตและรอดกลับมารายงานถึงวีรกรรมของนายกองคนนี้ ทำให้เขาเองต้องรีบออกมาหวังช่วยเหลือ นายกองคนสนิทคนนี้ พอยกทัพออกไปได้กลับแลเห็นนายกองควบม้ากลับมาคนเดียวพร้อมนำหัว แม่ทัพฝ่ายตรงกันข้ามมาเพื่อเป็นกำนัลทดแทนความผิดที่ต้องสูญเสียทหารไป แต่ศึกครั้งนี้เขาไม่เคย ได้ยินและเห็นความหนักใจท้อแท้เสมือนในครั้งนี้เลย พลางทอดถอนใจหนักแล้วกล่าวคำสุนทรฝาก ตามหลังบุรุษชาติอาชาไนย ไว้เลาๆ “วาสนานำพาแห่งชีวิต มาดแม้นปลิดชีวันขันอาสา สู้กับคนไม่หวั่นในอุรา ลิขิตมาสู้เงายังเศร้าใจ." * แก้วประเสริฐ. *
30 มกราคม 2553 13:42 น. - comment id 102926
คุณ โคลอน บ้านน้อยหลังนี้ ทางสะดวกจ้า เชิญตาม สบายใจได้เลย เดี๋ยวเจ้าฉางนุ้ยก็จะมาหรอก อิอิ แก้วประเสริฐ.
28 มกราคม 2553 20:30 น. - comment id 113867
ขออ่านแบบรวดเร็วก่อนนะครับครู..เด๋วจะมาทวนอีกรอบครับ
28 มกราคม 2553 21:43 น. - comment id 113869
ลุ่มลึกๆ มีตอนต่อไปมั๊ยคะ แก้วประเสริฐ เหมือนจะมีลางสังหรณ์ว่า ท่านแม่ทัพ จะหาคนรักของเจ้าหญิงเจอนะคะ แต่หาตั้งแต่หนุ่มจนล่วงเข้าวัยชรานี่ น่าสงสารนะคะ หากก้มมองเงาจันทร์ในน้ำอาจจะเห็น (จินตนาการตาม อิอิ) ปล.คืนนี้พระจันทร์ก็เต็มดวงค่ะ กลมโตสวยเชียว
29 มกราคม 2553 00:15 น. - comment id 113878
ตามมาเตะก้นสหายฝนก่อนนอนคะ
29 มกราคม 2553 07:31 น. - comment id 113887
ย้อนมา สะกิดฉางน้อยด้วยนิ้วสั้นหลังตื่นนอนค่ะ อิอิอิ
29 มกราคม 2553 16:07 น. - comment id 113904
ที่ 5 เดี๋ยวมาอ่านใหม่ค่ะ
29 มกราคม 2553 17:22 น. - comment id 113907
คุณ กิ่งโศก ตามสบายเลยจ้า ทำธุระให้เสร็จก่อนตอนนี้ ครูเพียงแค่มาฝึกหัดเขียนไว้ ด้วยทิ้งมานานแล้ว ล่ะ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
29 มกราคม 2553 17:25 น. - comment id 113908
คุณ โคลอน ผมมาเพื่อฝึกหัดงานใหม่ครับ มีจ๊ะและรู้ สึกว่าจะยาวๆเสียด้วย สมองกำลังแล่นอยุ่ก็ฝึกเอา ไว้ นั่นซิวันนี้ดวงจันทร์งามนัก สังเกตุไหมจะมี ดวงดาวที่ใกล้ชิดสว่างไสวดวงเดียว นอกนั้นหลบ ไปขอบฟ้าหมดเลย อิอิ เหมือนผมแหละฮ่าๆๆๆ หมาน้อยคอยจันทร์ การอ่านเรื่องราวต้องรู้จักเดา ก็จะได้ประสบการณ์มากจ้า รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
29 มกราคม 2553 17:27 น. - comment id 113909
คุณ ฉางน้อย เอ้าๆๆว่าเข้านั่นเลยนะ เจ้าฉางนุ้ย อิอิ ตามสบายกับสหายเธอนะ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
29 มกราคม 2553 17:28 น. - comment id 113910
คุณ โคลอน เอ้าว่าไงยายฉางนุ้ย มาแล้วล่ะเขามา สวัสดีเจ้าหลานเรานะ ฮ่าๆๆๆ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
29 มกราคม 2553 17:31 น. - comment id 113911
คุณ เฌอมาลย์ เจ้าหญิงครับผมมาคราวนี้ต้องการมาฝึกสมอง ว่ายังใช้การได้ดีหรือเปล่าครับ ก็เลยเขียนไว้แต่ ทว่ารู้สึกในจิตสำนึกว่าคงจะยาวๆแน่เรา อิอิ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
29 มกราคม 2553 18:24 น. - comment id 113915
อิอิ... ทางสะดวกแล้น ขออนุญาตฝากข้อความถึง ฉางน้อยนะคะ แก้วประเสริฐ เคยเห็นป่ะ สหาย นิ้วสั้นอ่ะ ฮ่าๆ หรือต้องยกให้ดู ลองมาเตะอีกดิคืนนี้จ๋วยแน่
29 มกราคม 2553 19:10 น. - comment id 113918
11........อ่ะ มาแระๆๆ ไหนๆ ใครมีไร บอกมาดิ มีปัญหาไรป่ะ ....นิ้วสั้นก็ม่ะกลัว (แอบหลังลุงแก้วฯก่องดีก่า...5555
30 มกราคม 2553 13:45 น. - comment id 113929
คุณ ฉางน้อย อ้าวๆๆๆยายฉางนุ้ยเอ๋ย ฝ่ามือประหลาด พิฆาตอวตารนะ ลุงเองรับไม่ไหวหรอกจ้าแค่ฝ่ามือ ธรรมดายังแย่เลย ฮ่าๆๆๆ หลานรัก แก้วประเสริฐ.
4 กุมภาพันธ์ 2553 23:42 น. - comment id 114209
เพิ่งมีเวลาแวะมาอ่านค่ะ.... จะทยอยติดตามทีละตอนค่ะ...
5 กุมภาพันธ์ 2553 11:29 น. - comment id 114224
คุณ คมดาบนารี ครับขอบคุณที่มาครับ ทดลองอ่านดูนะ ครับ ผมจะว่างเว้นกลอนทางโน้นไว้ หันมาทางนี้ เพื่อฝึกฝนสมองไว้ด้วยครับ อ้อ หากจะนึกแต่ง กลอนก็จะนำมาใส่ยังที่นี้แหละครับ ทางโน้นให้ ศิษย์ผมเล่นตามสบายไป ครับ ขอบคุณครับ แก้วประเสริฐ.