ไดโนเสาร์กับมนุษย์ ใครฉลาดกว่ากัน?

คีตากะ

146895-10.jpg








          โลกกำเนิดมาได้ 4,600 ล้านปี โลกเริ่มจากโลกที่ร้อนจัดและเริ่มเย็นตัวลงเรื่อยมาจนกลายเป็นโลกยุค
น้ำแข็ง ในช่างเวลาประมาณ 800,000 ปีก่อน เกิดยุคน้ำแข็งมาแล้ว 8 ครั้ง ยุคโลกร้อน กับ ยุคน้ำแข็ง 
สลับหมุนเวียนกันไปเป็วัฏจักร ไดโนเสาร์กำเนิดเมื่อ 251 ล้านปีมาแล้วพวกมันสาปสูญไปจากโลกหรือ
สูญพันธุ์เมื่อ 65 ล้านปีก่อนรวมเวลาแล้วเผ่าพันธุ์ของพวกมันมีชีวิตอยู่ได้ประมาณ 186 ล้านปี
 นักวิทยาศาสตร์บอกว่าพวกมันสูญพันธุ์เพราะ เมื่อ 65 ล้านปีก่อนเกิดเหตุการณ์อุกาบาตขนาดยักษ์
ซึ่งมีเส้นผ่าศูนย์กลางถึง 15 กิโลเมตรพุ่งชนโลก ทำให้เกิดเปลวไฟ เขม่า และฝุ่นละอองปริมาณมหาศาล
ปกคลุมชั้นบรรยากาศไว้และเกิดภาวะเรือนกระจกนำไปสู่ภาวะโลกร้อนและเกิดการปลดปล่อยก๊าซมีเทน
ที่เรียกว่า มีเทนไฮเดรทหรือมีเทนก้อน ซึ่งเป็นเสมือนระเบิดเวลาขึ้นจากก้นมหาสมุทร รวมทั้งก๊าซพิษ
อื่นๆ เข้าแทนที่ก๊าซออกซิเจนที่พวกมันใช้หายใจ พวกมันจึงสูญพันธุ์ทันที(แบบไม่ทันตั้งตัว) แต่อย่างไรเสีย
นี่ก็ถือเป็นภัยพิบัติทางธรรมชาติที่พวกมันไม่ได้ก่อ.....
           มนุษย์ยุคแรกเกิดเมื่อประมาณ 2 ล้านปีก่อนและวิวัฒนาการเรื่อยมา ด้วยความที่มีขนาดของสมองโต
กว่าสัตว์ประเภทอื่นๆ ทำให้เราคิดค้นอุปกรณ์เครื่องมือและพัฒนามันจนมีอำนาจยิ่งใหญ่เหนือเผ่าพันธุ์ใดๆ ยุคอุตสาหกรรมเป็นยุคเริ่มต้นอารยธรรมของมนุษย์ที่มีความก้าวหน้าทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี่ที่สุด 
ไม่เคยมีเผ่าพันธุ์ใดในประวัติศาสตร์โลกจะกระทำได้มาก่อน เราบินไปในอากาศได้เหมือนนกจากเครื่องบิน
 เราเคลื่อนที่ไปในน้ำได้เหมือนปลาโดยเรือ เราเดินทางไปบนบกได้โดยรถ เราสามารถไปได้ทั่วโลกแม้กระทั่ง
ดวงจันทร์ เราติดต่อถึงกันแม้จะอยู่ห่างกันคนละทวีปและยังสามารถเห็นหน้ากันได้(3G,internet) เราเปลี่ยนแปลงธรรมชาติให้เป็นไปตามที่เราต้องการแม้กระทั่งการปรับเปลี่ยนพันธุกรรมของพืช สัตว์ หรือแม้กระทั้งตัวเราเอง 
ทำให้มันมีสีสัน รูปแบบ ลักษณะอย่างที่เราต้องการ และเราก็ใช้ทรัพยากรของโลกปริมาณมหาศาล เราขนย้าย
ดินและหิน(ทำเหมืองแร่) มากมายมหาศาลยิ่งกว่ากระบวนการทางธรรมชาติใดๆจะกระทำได้ เราตัดไม้
ทำลายป่าจนแทบไม่เหลือหรอ เพื่อทำการเกษตร อุตสาหกรรม ปศุสัตว์ และทำที่อยู่อาศัย เราปล่อยก๊าซพิษ
สู่ชั้นบรรยากาศ ขยะของเสียลงแหล่งน้ำ และทำให้ดินเค็ม สมดุลธรรมชาติและระบบนิเวศน์วิทยาเสียไป
 จนกระทั่งเราทำให้เกิดภาวะโลกร้อนแบบสุดขั้ว ซึ่งต่างกันโดยสิ้นเชิงกับภาวะโลกร้อน 8-9 ครั้งในอดีต
ที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ ในขณะที่โลกเรากำลังก้าวเข้าสู่ยุคน้ำแข็งในอนาคต แต่เรากลับเปลี่ยนมันให้กลาย
เป็นโลกร้อน น้ำแข็งขั้วโลกละลายอย่างรวดเร็วน้ำทะเลหนุนขึ้นสูง สภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง
 พายุแรงขึ้นและบ่อยขึ้น น้ำท่วมแบบฉับพลัน บางที่ก็แล้งจนกลายเป็นทะเลทราย ฤดูกาลเปลี่ยนไป
จนยากคาดเดา เกิดเชื้อโรคสายพันธุ์ใหม่ อีกไม่นานโลกนี้จะร้อนจัดจนอาศัยอยู่ไม่ได้ พืชและสัตว์มากมาย
สูญพันธุ์เพราะเรา น้ำทะเลกลายเป็นกรด ฯลฯ และในที่สุดเราก็จะมีชะตากรรมเหมือนกับไดโนเสาร์ 
เมื่อเกิดการปลดปล่อยก๊าซมีเทนจากมหาสมุทร แต่กว่าจะถึงตรงนั้นเราอาจจะเข่นฆ่ากันเอง
ด้วยความอดอยากและเพื่อเอาตัวรอดด้วยอาวุธนิวเคลียร์ล้างโลกที่เราใช้มันสมองอันปราดเปรื่อง
ของเราเองสร้างมันขึ้นมา เราเคยกล่าวกันว่า เราจะช่วยกันรักษาโลกใบนี้เอาไว้ หากแต่ว่าไม่ใช่โลกหรอก 
ที่จะพบหายนะ....มนุษย์ต่างหาก....ไดโนเสาร์สามารถครองโลกอยู่ได้ 186 ล้านปี แต่มนุษย์ครองโลกมา
ได้แค่ 2 ล้านปีกลับจะต้องพบกับการสูญพันธุ์แล้วเช่นนั้นหรือ?........ 
Be Veg Go Green Save World Stop Global Warming !
comments powered by Disqus
  • แก้วประภัสสร

    23 พฤศจิกายน 2552 10:49 น. - comment id 110002

    แวะมาอ่านเรื่องไดโนเสาร์กับมนุษย์
    คงจะมนุษย์ฉลาดกว่าค่ะ 
    เพราะชอบคิดทำโน่น ทำนี่ 
    สร้างและทำลายล้างโลกได้ ก็เพราะมนุษย์นี่แหละค่ะ
     
    46.gif36.gif36.gif

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน