ความลับความหลัง

วิจิตรศิลป์

ชาตรี เป็นหัวหน้าครอบครัวชาวนายากจนในเขตชนบท เขามีภรรยาและบุตรชายอีกสองคนคอยเป็นกำลังใจให้ทำงานสู้ความลำเค็ญต่อไป
  พิสุทธิ์ บุตรชายคนโตเป็นคนนิสัยดี การเรียนดี ช่วยพ่อแม่ทำงาน เป็นความภาคภูมิใจของครอบครัว ส่วนพีระ บุตรชายคนเล็ก คบเพื่อนไม่ดี จึงทำให้การเรียนตกต่ำ และติดการพนัน เป็นความอัปยศของครอบครัว แต่สองพี่น้องก็รักใคร่กลมเกลียวกันเสมอมา พิสุทธิ์มีความตั้งใจจะเรียนแพทย์ เพื่อที่จะมารักษาโรคหัวใจให้แม่ของตน
  ต่อมา ความฝันของพิสุทธิ์เป็นจริง เขาสอบติดคณะแพทยศาสตร์และได้เข้าไปเรียนในมหาวิทยาลัยชื่อดังในกรุงเทพฯ นั่นเอง จึงเป็นแรงบันดาลใจให้พีระเลิกเล่นการพนันแล้วหันมาตั้งใจเรียน แม้ปัญญาของพีระจะไม่ดี แต่เขาก็ไม่ได้ย่อท้อและช่วยงานครอบครัวเสมอ
  หลายปีต่อมา พีระเรียนจบคณะคุรุศาสตร์จากสถาบันในท้องถิ่นและออกมาทำงานเป็นครูที่โรงเรียนประจำหมู่บ้าน พีระได้ขยั่นหมั่นเพียรในการทำงานเพื่อจะเก็บเงินพาพ่อแม่ไปเยี่ยมพี่ชายที่กรุงเทพฯ จนกระทั่งความฝันของครอบครัวเป็นจริง ทั้งสามพ่อแม่ลูกมีเงินพอจึงเข้ากรุงเทพฯ
  เมื่อเดินทางถึงกรุงเทพฯ ทั้งสามได้เข้ามาในในโรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งกลางตัวเมือง เหลือบแลแต่ไกล พิสุทธิ์เดินคลอเคลียมากับพยาบาลสาวผู้หนึ่ง บัดนี้ พิสุทธิ์ เด็กหนุ่มบ้านนอกได้กลายเป็นนายแพทย์ที่ได้รับการนับหน้าถือตาจากคนทั่วไป สามพ่อแม่ลูกเห็นพิสุทธิ์ได้ดิบได้ดีจึงบังเกิดความปีติยิ่งนัก พีระเห็นพี่ชายของตนก็รีบวิ่งเข้าไปกอดทันที
  พิสุทธิ์เห็นพีระวิ่งมาแต่ไกลก็สะดุ้งเล็กน้อย เมื่อพีระวิ่งเข้ามาใกล้จึงผลักมือผลักไสพีระออกไป พีระถอยหลังออกมาและงงงันยิ่งนัก พีระจึงกล่าวว่า
  "พี่พิสุทธิ์ ผมพาพ่อแม่มาเยี่ยมพี่แล้ว"
  "คุณเป็นใคร!!!"
  "พี่จำผมไม่ได้เหรอ เมื่อก่อนเราเติบโตอยู่บ้านนอกด้วยกัน"
  พิสุทธิ์เห็นไปมองนางพยาบาลสาวที่เดินมากับตน เห็นนางพยาบาลคนนั้นจ้องมองตนอย่างสงสัย
  "ผมไม่เคยอยู่บ้านนอกมาก่อน และไม่รู้จักพวกคุณ"
  ตอนนี้พีระล่วงรู้ความในใจของพิสุทธิ์แล้ว พีระกำมือแน่นแล้วกล่าวด้วยความโกรธแค้นว่า
  "เฮอะๆ ตอนนี้พี่เป็นนายแพทย์ใหญ่แล้ว คงลืมพวกเราไปแล้วสิ"
  "ผมไม่รู้จักพวกคุณมาก่อน คุณมาจากทางไหนก็กลับทางเดิมซะ"
  แล้วพิสุทธิ์ก็เงียบงันไม่กล่าวอะไรต่อ พร้อมกับเบือนหน้าหนีไปทางอื่น
  ตอนนี้ พิสุทธิ์ เด็กหนุ่มบ้านนอกผู้แสนดี ได้สลัดทิ้งความหลังไว้ที่บ้านเกิด แล้วเดินต่อหาชีวิตอันรุ่งโรจน์ โดยไม่แลเหลียวกลับมามองอดีตอีกเลย แม้แต่พ่อแม่บังเกิดเกล้าที่มีพระคุณล้นฟ้าก็ตาม!!!
  ชาตรีและลำดวนสองผัวเมีย ตั้งแต่เดินทางมาพบลูกชายของตัวเองก็ปีติยินดีจนพูดอะไรไม่ออก แต่ความรู้สึกที่โดนลูกชายทอดทิ้งในตอนนี้ มันเจ็บปวดยิ่งกว่าโดนมีดกรีด จิตใจพ่อแม่แทบแตกสลาย
  ลำดวน ซึ่งเป็นโรคหัวใจอยู่แล้วแต่เดิม เมื่อได้ยินคำผลักไสจากลูกชายที่ตนเองนั้นรักแสนรัก ความทุกข์ตรมระทมใจพลันประดังเข้ามา ลำดวนเริ่มหายใจติดขัด โรคหัวใจกำลังกำเริบ!!! ลำดวนกำลังจะตายถ้าหากไม่ได้รับการผ่าตัดโดยด่วน!!!
  ลำดวนเป็นลมล้มฟุบลงกับพื้น ร่างกายกระตุกหลายคราจนแน่นิ่งไป ชาตรีและพีระเห็นดังนั้นจึงตกใจเป็นขีดสุด พิสุทธิ์เห็นดังนั้นจึงคิดได้และรีบอุ้มแม่ของตนเองเข้าไปในห้องผ่าตัด
  สองชั่วโมงผ่านไป ชาตรีรออยู่หน้าห้องผ่าตัดโดยที่จิตใจนั้นไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ส่วนพีระนั้นร้องห่มร้องไห้ไม่หยุด
  นางพยาบาลคนหนึ่งเดินออกมาจากห้องผ่าตัดแล้วกล่าวกับทั้งสองว่า
  "ขณะนี้ นายแพทย์พิสุทธิ์ได้ผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจให้ผู้ป่วยจนผู้ป่วยพ้นขีดอันตรายแล้ว อนุญาตให้เข้าไปเยี่ยมผู้ป่วยได้ค่ะ"
  ทั้งสองได้ยินดังนั้นจึงรีบวิ่งเข้าไปในห้องผ่าตัดทันที
  ภาพแรกที่ทั้งสองได้เห็นคือ พิสุทธิ์นั่งอยู่ข้างเตียงของลำดวน พวกเขากุมมือกันแน่นและร้องห่มร้องไห้ พิสุทธิ์กล่าวทั้งน้ำตาว่า
  "ลูกผิดเองที่หลงละเมอฟุ้งเฟ้อในทรัพย์สินลาภยศจนลืมพ่อแม่พี่น้อง จนทำให้แม่ต้องอยู่ในสภาพแบบนี้"
  ลำดวนก็กล่าวพลางร้องไห้ว่า
  "แม่เข้าใจลูกดี ลูกต้องเดินต่อไปเพื่อหาอนาคตที่ดี ลูกทำถูกแล้วที่ไม่มีจมอยู่กับอดีตที่จะทำให้ลูกอายคนอื่นเปล่าๆ"
  ตอนนี้ พิสุทธิ์พูดอะไรไม่ออกแล้ว เอาแต่ส่ายศีรษะอย่างเดียว
  ชาตรีและพีระจึงเดินเข้ามาสวมกอดพิสุทธิ์ไว้แน่น ทั้งสี่คนพ่อแม่ลูกกอดกันอย่างมีความสุข เป็นความสุขที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เป็นความสุขที่พ่อแม่ลูกให้กันได้เท่านั้น
  บัดนี้ พิสุทธิ์ได้ตาสว่างแล้ว พิสุทธิ์คนเดิมที่แสนดีได้กลับมาแล้ว และนี่ก็เป็นบทเรียนครั้งสำคัญในชีวิตอีกครั้งหนึ่งของพิสุทธิ์
  ต่อไป พิสุทธิ์ก็จะยึดถือแต่ความกตัญญู ดูแลพ่อแม่เมื่อยามแก่เฒ่า และใช้ชีวิตอย่างสงบสุขท่ามกลางครอบครัวที่แสนดีตลอดไป
2 พฤศจิกายน 2552
 วิจิตรศิลป์				
comments powered by Disqus
  • เสมอจุก

    3 พฤศจิกายน 2552 11:08 น. - comment id 109670

    โครงเรื่องเอาไปสร้างเป็นละครได้สบายครับ แนวการเขียนของคุณมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เหมือนกำลังอ่านเรื่องย่อของนวนิยายครับ
  • app

    7 พฤศจิกายน 2552 11:20 น. - comment id 109724

    51.gif51.gif51.gif
  • app

    7 พฤศจิกายน 2552 11:21 น. - comment id 109725

    ขอโทดๆ สายตาไม่ดีกดผิด
    ขอกดใหม่นะ41.gif41.gif41.gif
  • app

    7 พฤศจิกายน 2552 11:23 น. - comment id 109726

    ช่วยลบ คห.2 กะ คห.นี้ด้วยนะ 36.gif
  • หลี่เหม่ยจิน

    8 พฤศจิกายน 2552 15:54 น. - comment id 109743

    แต่ คห.2 ก็ได้อารมณ์ตื้นตันดีนะ
    ถ้าเป็นละครก็คงอดแสดงอารมณ์ตื้นตันออกมาไม่ได้...
    ความกตัญญูคือเครื่องหมายของคนดีค่ะ
    ต่อให้คนมีชื่อเสียงลาภยศ..หน้าตาดี..มีเงินทอง.. มากขนาดไหนหากขาดซึ่งคุณธรรมข้อนี้ก็ไม่ชื่อว่าคนดี...ความกตัญญู..เป็นทรัพย์ที่
    ทำให้บุคคล ๆ นั้นเจริญรุ่งเรืองค่ะ
  • วิจิตรศิลป์

    8 พฤศจิกายน 2552 16:20 น. - comment id 109744

    ขอบคุณทุกๆท่านที่เข้ามาเยี่ยมชมครับ
    
    ผมดีใจมากที่มีคนมองเห็นแก่นแท้ของเรื่องสั้นเรื่องนี้
    เพราะจุดประสงค์ของข้าพเจ้าในการแต่งเรื่องนี้คือ การสอนให้ทุกคนมีความกตัญญู ไม่ทำตัวเป็นวัวลืมตีนครับ

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน