ดอกไม้ในตะกร้า ดอกหญ้าริมทาง (#1 เสน่ทุ่งหญ้า)
ขุนหาญ
ธิดา สาววัยแรกรุ่นอายุประมาณ 16 ปี น่าตาน่ารัก ผิวขาว เธอกำลังตื่นเต้นดีใจที่ได้มาพักตากอากาศที่ชนบท หลังจากช่วงปิดเทอม ว่าแล้วเธอก็ทิ้งตัวลงนอนบนผืนหญ้า กางแขนกางขาอย่างสบายอารมณ์
เป็นไงลูก พ่อของเธอถาม แล้วอมยิ้มด้วยความเอ็นดู
ปีหน้าหนูอยากจะมาพักผ่อนที่นี่อีกจังเลย
ได้ซิ.แต่ต้องถามแม่เขาก่อนว่าอยากจะมาหรือเปล่า?
แหม.อะไร ๆ ก็ต้องตามใจแม่ทั้งหมดเลยนะพ่อนี่ กลัวแม่หรือไง
เปล่า ก็ที่นี่เป็นบ้านเกิดของแม่หนูนี่จ๊ะ
พ่อตอบพลางเอามือขยำหัวของเด็กน้อยด้วยความหมั่นไส้ในความยอกย้อนของเธอ ทั้งสองคนวิ่งเล่นในทุ่งหญ้าด้วยความสนุกสนาน จนตะวันอัศดงจึงได้พากันกลับที่พัก
ช่วงนี้เป็นช่วงหน้าร้อนก็จริง แต่ที่บ้านของยายเธออยู่ในแถบที่มีป่าปกคลุมเยอะ จึงทำให้มีฝนตกมาตลอด ที่หลังหมู่บ้านจะมีทุ่งหญ้าซึ่งกว้างมาก ๆ บรรยากาศสดชื่นวิวทิวทัศน์ก็ดี เพราะอยู่ติดกับภูเขา ดากับพ่อมักจะมาเล่นที่นี่เป็นประจำ
ณ ระเบียงบ้านไม้ยามค่ำคืน ดานอนหนุนตักยายฟังเสียงธรรมชาติรอบ ๆ บ้าน บนท้องฟ้าเต็มไปด้วยดาวระยิบระยับ
ยายจ๊ะยายอยู่ที่นี่ไม่เหงาเหรอ?
ยายแก่หนังเหี่ยวย่น อายุประมาณ 80 กว่า ๆ ยิ้มพร้อมกับลูบหัวหลานเบา ๆ ด้วยความเอ็นดู
ดาหลานรัก ธรรมชาติไม่เคยทอดทิ้งกันหรอกนะ
ยายหมายความว่าไงจ๊ะ ดาไม่เข้าใจเลย
คนเราก็เป็นผลผลิตจากธรรมชาติ ยายอยู่ที่นี่มานานแล้ว อยู่กับธรรมชาติ
ยายหยุดพักหายใจพักหนึ่งก็กล่าวต่อว่า
ธรรมชาติไม่เคยทำร้ายเรา ธรรมชาติเป็นมิตรกับทุกสรรพสิ่ง
แล้วที่น้ำป่าไหลหลาก ทำให้ผู้คนตายเป็นจำนวนมากล่ะยาย ไม่ใช่ผลของธรรมชาติหรอกเหรอ..?
ยายยิ้ม พร้อมกับพูดว่า
นั่นเพราะว่าคนไปทำร้ายธรรมชาติก่อนไงล่ะ เป็นเพราะธรรมชาติถูกทำลาย ผลที่ตามมาจึงเป็นเช่นนั้น
อืมจริงซินะ
ความเหงาไม่เคยมี มีแต่ความต้องการต่างหาก
ยังไงยาย
เช่นคนที่มีความรัก เหงา เพราะต้องการความรัก ทั้ง ๆ ที่แต่ก่อนก็ไม่เคยเหงา
โอ้ โห่ ยายนี่คมจริงเลย
ยายยิ้ม ดาก็ยิ้ม ทั้งสองคนอยู่ที่ริมระเบียงคุยกันถึงความงามของธรรมชาติ จนดาหลับคาตักยาย ยายจึงปลุกให้ไปนอน เป็นอย่างนี้อยู่ทุกวัน จนถึงวันสุดท้ายที่จะกลับกรุงเทพฯ
ตื่นได้แล้วลูกดาสายแล้วนะ
แม่ของเธอมาปลุกแต่เช้า เนื่องจากหลายวันมานี้ เธอมักจะวิ่งเล่นที่ทุ่งหญ้าบ่อย ๆ และฟังยายเล่าอะไร ๆ ให้ฟังทุกคืน จึงตื่นสายเป็นประจำ
ค้.า.แม่.ตื่นแล้วอื้อ
วันนี้เราจะกลับกันแล้วนะ รีบอาบน้ำอาบท่าเร็วเข้า
หลังจากทานข้าวเช้ากันแล้วทุกคนก็ร่ำลากัน ดาโอบกอดยายด้วยความอาลัยแล้วก็ขึ้นรถเก๋งคันงามเดินทางกลับกรุงเทพฯ ในระหว่างทางก็มีเสียงโทรศัพท์มา
สวัสดีค่ะ วิทย์เหรอพ่อค่ะเบา ๆ หน่อยค่ะหนูจะคุยโทรศัพท์
คุณพ่อเอื้อมมือไปหรี่เทป พร้อมกับมองค้อนมาที่ธิดาแว๊บหนึ่งแล้วก็หันกลับไปตั้งหน้าตั้งตาขับรถต่อไป
ทั้งสองคนคุยโทรศัพท์กันอย่างสนุกสนาน เพราะเป็นเพื่อนสนิทกันมาก ตั้งแต่เรียนชั้นประถม จนบางครั้งก็ดูเหมือนพี่น้องกัน บ้านก็อยู่ใกล้กัน จึงไปเรียนด้วยกันเสมอ ๆ
ดาซึ่งเป็นคนน่ารัก และสดใสเหมือนดอกไม้ที่ได้รับการดูแลอย่างดีจากเจ้าของ ตอนนี้เธอกำลังงามสะพรั่ง เป็นที่หมายปองของหนุ่ม ๆ ในโรงเรียน แต่กับวิทย์แล้วไม่เคยเลยที่จะจีบเธอเหมือนคนอื่น เขาให้ความรักความอบอุ่นเหมือนกับน้องสาวคนหนึ่ง เพราะทั้งสองเติบโตมาด้วยกัน ครอบครัวทั้งสองก็เห็นเป็นเช่นนั้น.