ไอ้ทุย.....ควายไทยที่ไม่ใช่ แค่....ไอ้ควาย!!
JK_katedee
คนไทยแทบทุกคน คงไม่มีใครไม่รู้จัก ..ควาย.. หรือไอ้ทุย เพื่อนยากที่อยู่คู่มากับกระดูกสันหลังของชาติ อย่างชาวนา ฉันเอง เกิดและเติบโตมาในสังคมชนบท หรือที่หลายคนเรียกว่า บ้านนอก และเป็นครอบครัวของชาวนาครอบครัวหนึ่ง ......ควายเป็นสัตว์เลี้ยงที่มีบุญคุณกับเรา ชาวนาไทยมานาน หลายชั่วอายุคน
นับตั้งแต่ลืมตาขึ้นมา เติบโต และจำความได้ ฉันมองเห็น ควายอยู่ในทุกๆแห่งและได้เห็นประโยชน์ของมันในทุกๆที่ เริ่มตั้งแต่การเดินทางออกจากบ้าน ฉันยังจำได้ว่า ....พ่อให้ไอ้แดง ควายถึกของเราเทียมเกวียนลากสัมภาระออกเดินทางไปยังที่นาของเรา ที่อยู่ท้ายหมู่บ้าน มันใช้งานได้ดีและแบ่งเบาภาระการแบกขนสิ่งของต่างๆ เช่น ปุ๋ยคอกสำหรับผัก และข้าว ซึ่งปุ๋ยคอกเองก็ได้มาควาย นอกจากนั้นฉันและพี่ชายยังได้อานิสงค์ไม่ต้องเดินให้เหนื่อย อาศัยนั่งเกวียนตามพ่อกับแม่ไปยังนาแปลงน้อยของเราด้วย
เมื่อเราเดินทางมาถึง พ่อปล่อยให้มันและเล็มหญ้าก่อน ที่จะเริ่มทำงาน งานของ
ไอ้แดง คือการช่วยพ่อลากคันไถ ไถพรวนดินในนาของเรา นอกจากเพื่อปลูกข้าวแล้วยังเพื่อการเกษตรอย่างอื่นด้วย อาทิเช่น อ้อย ปอ และพืชผักอื่นๆที่พ่อและแม่อยากปลูกในแต่ละปี
เมื่องานของไอ้แดงแล้วเสร็จนั้นแหละ เราถึงได้เริ่มลงมือปักดำตามขั้นตอน หลังสิ้นฤดูปักดำ และย่างเข้าฤดูเก็บเกี่ยวในเดือนพฤศจิกายน พ่อใช้มูลของควายที่ยังสดและใหม่อยู่ผสมกับน้ำทาลานดิน ไว้สำหรับข้าวเปลือกที่เก็บเกี่ยวแล้วพร้อมที่จะ ตี ฟาด หรือ สี ในปัจจุบัน ฉันสงสัยว่า ทำไมต้องใช้ขี้ควาย เพราะในสมัยนี้คนนิยมการใช้ผ้าตาข่ายไนลอน พ่อกับแม่บอกว่า ขี้ควาย หรือมูลของควาย เมื่อแห้งแล้วจะเกาะตัวเหนี่ยวแน่น ราวกับเทคอนกรีต แต่มีประโยชน์มากกว่านอกจากไม่สิ้นเปลื้องเงินทอง แล้วยังได้ประโยชน์เป็นปุ๋ยให้หน้าดินได้อีก
ฉันยังอดแปลกใจไม่ได้ว่า ...ทำไม? คนเราถึงได้มักนำเอา ควายมาใช้ในการเปรียบเปรยถึงสิ่งที่ งี่เง่า โง่เขลาและไร้ประโยชน์ เช่นนั้น เพราะตัวฉันเองรู้สึก ทึ่ง และสำนึกในประโยชน์ของ ไอ้ทุย หรือ ควายไทยอยู่เสมอ แม้ปัจจุบันเราจะหันมาใช้เครื่องจักรแทน เป็นเพราะเหนื่อยล้า หรือเพราะเกียจคร้านในการหาหญ้าซึ่งเป็นอาหารเพียงอย่างเดียวให้มัน ในฤดูที่ว่างเว้นจากการทำนา
ใครกันเล่าที่เกียจคร้าน และโง่เขลา การหันหาเครื่องจักรเพื่ออำนวยความสะดวก เป็นสิ่งที่ดีแล้วจริงหรือ ในขณะที่คุณก็รู้ดีว่า ควายไทย นอกจากจะไม่ไร้ประโยชน์แล้วนั้น มันยังไม่เคยให้โทษแก่ใครอีกด้วย