มันคงเริ่มต้นที่ฉันกลับมาเมืองไทย ก้าวแรกที่ฉันก้าวไป ไม่เคยเหมือนทุกย่างก้าวที่ฉันผ่านมา ฉันต้องยอมรับว่าทุกก้าวที่เดิน ผจญปัญหานานา จนฉันรู้สึกว่า..ทำไมโลกที่ฉันเติบโตมา ถึงต่างกับตรงนี้เสียจริง ฉันเคยคิดว่าทำไมคนที่นี่ไม่เป็นดั่งคนที่นั่น แต่พอผ่านไปนานวัน ฉันถึงรู้ว่า..ทุกๆอย่างของที่นี่ต่างมีที่มาในที่ต่างๆกัน ฉันค่อยๆเรียนรู้ปรับเข้ากับที่นี่ มีสิ่งดี สิ่งเลว ไม่ต่างจากที่ฉันมา เพียงอาจแตกเหตุผลภาวะสภาแวดล้อมต่างๆนานา แต่บางทีฉัน แอบคิดว่าค่าของคนวัดกันที่อะไร? ฉันเห็นรถมอเตอร์ไซด์พลิกคว่ำไปข้างหน้าร้านของฉัน ร่างชายสลบ นิ่งเงียบงันไม่รู้สติ ฉันเรียกรถโรงพยาบาลตรงข้ามหน้าร้านของฉัน แทน191เพราะเขาใกล้ที่สุดที่จะช่วยชีวิตคน แต่สิ่งที่ฉันต้องเห็น ในยี่สิบนาทีผ่านไป คือหน่วยพยาบาลของโรงพยาบาลที่ฉันเรียกเข็น เตียงมาตามฟุตบาตแล้วถามฉันว่า "คุณเป็นญาติกับเขาหรือ?" ฉันบอกว่าเปล่า แล้วเขาก็กดโทรเรียกรถปอเต๊กตึ้งมารับ (มาเร็วมากไม่ถึงห้านาทีเลย ขอชม) จากนั้นรถปอเต๊กตึ้งก็รับ ชายคนเจ็บขึ้นรถไปอย่างไว ฉันไม่รู้ว่าเขาจะเป็นอย่างไร แต่คงหวังว่า เลือดที่อาบพื้นซิมนต์นั้นคงไม่ทำให้เขาสาหัสนัก อย่างน้อยฉันก็เดาได้ว่าชายคนที่เจ็บนี้คงจะได้การพยาบาลเบื้องต้นที่ดีกว่าตรงนี้แน่นอน อย่างน้อยก็ดีที่เขาไม่ต้องตายอย่างหมาข้างถนน(ฉันพึ่งรู้สึกถึงคำๆนี้จริงๆ) เหตุการณ์นี้สอนอะไรฉันเยอะอย่างแรกที่ฉันจะเรียกยามฉุกเฉินคือ ปอเต็กตึ้ง ตอนแรกก็ไม่คิดหรอกว่าจะจริง จนกระทั่งอีกเหตุการ์ณนี้เกิดขึ้นมา ฉันถึงรู้ว่ารถปอฯไวกว่ารถพยาบาลอีกนะ เวลาเกือบเที่ยงคืนแล้ว ร้านฉันปิดไปแล้วลูกค้าหมดพนักงาน เตรียมกลับบ้าน มีวัยรุ่นขี่ขับมอเตอร์ไซด์ไล่กวดกันมา จู่ๆรถคันหนึ่ง ก็จอดในบริเวณร้านของฉันแล้ววิ่งเข้ามาในร้าน ส่วนรถมอเตอร์ไซด์ อีกหลายๆคนที่ตามมา ต่างก็ลงจากรถออกมาไล่กวดชายในรถคันแรก สรุปก็คือตามมาอัดกระทืบคนๆนั้นในร้านของฉันซึ่งกำลังปิด ฉันก็โทรเรียกตำรวจซึ่งห่างอยู่แค่เพียงสองร้อยเมตร แต่โอ้แม่เจ้า !! กว่าผู้พิทักษ์สันติราษฏร์จะมา ล่อไปสิบห้านาที คนที่รุมกระทืบก็ หายไปหมดแล้ว เหลือแค่ร้านว่างเปล่าขาดไร้คู่กรณี ทำให้การทำสำนวน รายวันนั้นปิดง่ายโดยดีต้องบอกว่าโชคช่วยที่ร้านไม่เสียหาย ไม่มีใครตาย ไม่มีใครบาดเจ็บ (เพราะต่างหนีกันไปหมด แถมคนถูกกระทืบยังหนีอีกอ่ะ) โชคดีจริงๆ แต่จะโชคดีแบบนี้บ่อยไหมนะฉันแอบคิด ไม่นานเท่าไหร่นัก ฉันก็พาพนักงานไปศึกษาความแตกต่างของเหล้าปั่น ร้านที่ไปก็อยู่ริมฟุตบาต ระหว่างที่พวกเรากำลังติชมเหล้าเพื่อหาข้อมูล ก็มีชายคนนึงลงมาจากมอเตอร์ไซด์ที่ซ้อนพร้อมกับมีดสปาต้ายาวฟุตกว่า ถือผงาดเล็งมอเตอร์ไซด์คันที่จะผ่าน ฉันเห็นเขาฟาดมีดยาวอันนั้นในทันทีที่ รถมอเตอร์ไซด์คันนั้นผ่านโชคดีที่คนขับคนนั้นหลบทัน ไม่ทันไรคนที่ฟันมีดใส่ ก็วิ่งซ้อนมอเตอร์ไซด์ที่รอกวดตามคันนั้นไปพร้อมๆกันอีกสี่คันที่ตามมา เวลานั้นฉันตกตะลึงเพียงไม่กี่เสี้ยววินาทีที่กระทำการ ฉันก็รู้สึกกลัวว่า อะไรหนอทำไมใจคนถึงได้โหดปานนี้ สายวันต่อมา เล่ากันอื้ออึงเรื่องที่ประสบ กันมา สรุปได้ข่าวว่าชายคนที่เขาหมายฟันด้วยมีดสปาต้า บาดเจ็บสาหัสอยู่ หน้าโรงเรียนพิบูลย์ เฮ้อ.. ยังไม่แค้นเท่าน้องชายที่ฉันรักเหมือนน้องขับมอเตอร์ไซด์กลับบ้าน ก็พา เพื่อนร่วมงานกลับพร้อมกันซ้อนท้ายไป ขับไปดีๆ ไม่ได้เร็ว ไม่ได้แข่งใคร ก็มีมอเตอร์ไซด์ขับมาข้างๆได้ยินเสียบฉวบกลายๆรู้สึกตัวอีกที พี่ที่ซ้อนท้ายมา โดนฟันหลังเข้าอย่างจัง ก็พากันส่งโรงพยาบาลแจ้งความแต่ถามว่าคุณมีโจทย์หรือ เปล่า คำตอบได้แต่งง ไม่มี เจ็บตัวฟรีๆดีที่ไม่ตาย ปัจจุบันยังไม่เข้าใจ มันฟันกูเพื่ออะไร..เพื่อเท่ห์หรือไง???? ผ่านไปอีกปี พนักงานมากมายเปลี่ยนวนไปตามวัฎจักร แต่แล้วก็วนมาใน วงเวียนพนักงานในร้านของฉันอีกแล้ว คนนี้เลิกงานเสร็จก็ไปรอพบเพื่อนที่ร้าน โอเกะเตรียมเมาตามประสาวัยรุ่น จับกลุ่มกันอยู่ห้าคนหน้าร้านโอเกะ สักพักก็มี มอเตอร์ไซด์ผ่านแล้วยิงเข้ามาที่กลุ่มโดนเข้าเต็มๆกับพนักงานคนนึงในร้านของฉัน ปอเต๊กตึ้งมารับส่งโรงพยาบาล ฉันไปเยี่ยมเขาทันทีที่ได้ข่าว แต่เขากลายเป็นเจ้าชายนิทราไปแล้วไม่รับรู้อะไร สอบความกันไปมา ได้ความว่าเขาและเพื่อนดันไปยืนใกล้ร้านคู่โจทย์ แต่ซวยที่มันยิงผิดคนกรรม เลยตกที่เขาฉันเฝ้าคิด..ทำไมผู้บริสุทธิ์ต้องโดนทำร้าย..คำที่เขาบอกว่า กระสุนแค่ห้าสิบบาทฉันพึ่งเข้าใจว่า..ปืนบ้านเรามันใช้ง่ายเสียจริง!! ความวัวยังไม่ทันหายความควายเข้ามาแทรก..พนักงานชายในร้านของ ฉันอีกคน.. เขาเป็นรุ่นพี่ในกลุ่มพนักงานของฉันที่น้องๆต่างรัก มีความชื่นชมในรถมอเตอร์ ไซด์คลาสิก ฉันยังแอบชอบเลยที่เขาติดธงยูเอสเอในรถเขา ทั้งที่เขาไม่ได้รู้ถึงความ หมายของมันนอกจากคำว่าเท่ห์ แต่พวกเราก็ต้องเสียเขาไปเมื่อได้ข่าวว่าเขาถูกยิงตาย ตรงนี้ฉันไม่รู้ว่าเขามีโจทย์หรือไม่เพราะพอคนตายไปแล้วก็มักจะบอกว่าเขาเป็นคนดี ส่วนฉัน ในฐานะเจ้านาย ไม่เกี่ยวกับสังคมฉันว่าเขาเป็นคนใช้ได้ทีเดียวหล่ะ และ น่าเสียดายมากๆที่ขาดเขาไป ก็เป็นอีกครั้งที่ฉันรู้สึกว่า กระสุนปีนที่ลพบุรีคร่าชีวิตคนดีๆไปอีกคน ฉันได้แต่ถอนใจ..ทำไมชีวิตคนที่นี่..คุณค่า ที่มียังไม่ทันใช้..กลับตายแค่กระสุนนัดเดียว..(ทำไมคนเมืองนี้ ถึงหึกเหิมคะนอง เช่นนี้นะกฎหมายไม่มีใครกลัวหรือไง..ฉันเฝ้าแต่ถามตัวเอง?) ปัจจุบันนี้ฉันเลิกถามสิ่งที่ฉันสงสัยแล้ว ฉันเข้าใจในคำโบราณที่ว่า "ตายอย่างหมาข้างถนน" นั้นมีความหมายอย่างไร ไม่รู้ว่าสิ่งที่ฉันรู้สึกถูกผิดหรือไม่ แต่ฉันรู้สึกว่า ชีวิตของคนจนๆที่นี่ไม่ได้มีค่าอะไรเลย ตายไปก็เท่านั้น เจ็บไปก็เท่านั้น กฎหมายไม่ได้คุ้มครองชีวิตคุณให้มีค่าขึ้นมาเลย เรื่องที่ฉันประสบมาแค่ในมุมแคบๆ ในชีวิตที่ฉันประสบ แต่ยังมีอีกมากมายนักที่เจอมากกว่านี้ โดนกว่านี้ ฉันเติบโตมาในแดนที่คำว่า "กฎหมายศักดิ์สิทธิ์ ทุกชีวิตมีค่า"ไม่ใช่ฉันคิด เหยียดหยันแต่ฉันแค่รู้สึกเช่นนั้นจริงๆ ที่นี่สอนฉันให้รู้ว่า "ชีวิตไม่มีค่า ถ้าคุณไม่มีเงิน" ไม่ว่าจะพยายามบอกตัวเองแค่ไหนให้มองโลกในแง่ดี ไม่ต้องแก้ต่างว่า คุณค่าของคนอยู่ที่ตรงไหน แต่ลึกๆฉันจะรู้สึกว่าที่นี่ "ค่าของคนอยู่ที่คนของใคร" และ "ไม่ว่าฉันจะยอมรับหรือไม่ฉันก็ไม่มีทางปฎิเสธมัน"
15 สิงหาคม 2552 08:23 น. - comment id 107249
ที่ 1 บ่นรายของมานฟระ สร่างยัง
15 สิงหาคม 2552 09:13 น. - comment id 107250
ถามแค่ว่าคุณค่าของเราอยู่ที่ไหน.... คงจะได้คำตอบที่ง่ายกว่า....
15 สิงหาคม 2552 09:33 น. - comment id 107252
กลับมาอ่านอีกรอบ รอบแรก เอาแชมป์ก่องอ่ะ ...... พนักงานของเพื่อนพี่เดือนก็ถูกยิงเพียงเพราะมันดันชื่อตรงกับคู่กรณีอะไรของมังไม่รู้ แต่คนยิงถูกจับได้ แต่รอดคุกตารางง่ะ แบบว่าลูกคนมีกะตังค์..นี่แหละประเทศไทย ชะโย โห่ ฮิ้ววว ..... อีกเรื่อง.. เจ้าแตมมันก็เคยซ้อนท้ายแมงกาไซค์ แล้วถูกฟันด้วยดาบยาว ดีนะที่มังหนังเหนียว เสื้อขาดแต่หลังมังแต่เป็นรอยแดงเป็นทางยาววว ... อีกหลายเรื่อง คร้านสาธยาย ... ค่าของคนอยู่ที่คนของใคร อันนี้เห็นด้วยคับผม.. ... แถม รึไม่จิงยะหล่อน ใครล่ะเคยแอบอ้างว่าเป็นหลานกำนันด้ง ถึงรอดมาได้ไง
15 สิงหาคม 2552 10:20 น. - comment id 107257
มาฟังบ่นอีกคนนะครับ ชักจะเริ่มอยากบ่นแล้วล่ะ
15 สิงหาคม 2552 10:36 น. - comment id 107261
อ่านแล้ว เหมือนอยู่ในเมืองย้อนยุคไปสัก 20-30 ปี ที่บ้านเมืองมีโจรปล้น จี้ ฆ่า แต่ความจริงมันกลับเป็นว่า นี่คือยุคปัจจุบัน พี่ว่าเพราะกฎหมายไม่ทำให้คนบาปกลัว ขนาดยกปืนยิงกับเปรี้ยงๆ ยังหนีไปได้ ฟันแขน แต่จับไม่ได้ อ่านข่าวอยู่บ่อยๆเหมือนกันค่ะ แต่ว่าไปแล้ว เหตุการณ์ที่น้องยาเล่านี่ มันเกิดขึ้นถี่มากๆ แม้กระทั่ง เรื่องที่เคยเล่ามาครั้งหนึ่ง คนยิงไข่หมา เฮ้อ คนเลวทั้งหลายเอ๋ย นรกอยู่แค่เอื้อมมือ พวกนี้ไม่ต้องรอถึงชาติหน้าหรอกเนาะ อ้าว ยัยแบม บ่นซะ อิ เขียนให้แง่คิดดีมากค่ะ
15 สิงหาคม 2552 12:07 น. - comment id 107262
กรรมของกฏหมายจริงๆ... ชั่วที่ผู้ใช้คือเจ้าหน้าที่บ้านเมืองต่างหาก ยิ่งอ้ายพวกหมาต๋าไม่ว่าที่ไหน ไม่อยากเอ่ยให้เสนียดอารมณ์เลย ทุกวันนี้เป็นยิ่งกว่ารัฐตำรวจสมัยก่อนอีก ถึงเกิด2500 ศพ ถึงเกิดสารพัดปัญหาซ้ำซากและคำถามว่าอ้ายตัวที่ยืนอุ้มเด้กหน้ากรมตำรวจมันไปนั่ง/ยืน/นอนตายที่ไหน หรือแอบไปอุ้มเด้กพาเข้าม่านรูดเพลินจนไม่รุ้งาน ไม่ฟังเพลงมาร์ชที่คนร้องกันวันนี้หนาหูเลยหรือว่า ..เกลียดตำรวจของไทย เกียจวินัย กล้าหาญมั่นโกง... ยิ่งการเมืองชั่วที่ปล้นบ้านกินเมืองถ่ายเดียว จนคนเริ่มถามหาการเมืองใหม่ สังคมกฏเกณฑ์ จริยธรรมใหม่ พวกมันรู้สึกรุ้สาหรือไม่ ไม่ใช่สาระ สาระอยู่ที่ประชาชนได้เรียนรู้สรุปปัญหาและคิดทำการแก้ไขกันจริงๆกันหรือไม่อย่างไรเท่านั้น นี่คือเนื้อแท้ปรากฏในสังคมไทยวันนี้ที่ชีวิตคนไม่สามารถพึ่งพาอะไรได้ อย่างที่ขี้เมาบ่นมานั่นแล แต่แค่กระผีกริ้นนะนี่ มีมากมายปัญหาเรื่องราวที่คนไม่เจอไม่พบไม่รู้สึกหรอกว่าชั่วช้าสามานย์ของพวกใช้กด(ขี่)หมาย(หัว)กับประชาชนเป็นอย่างไร เจ็บปวดแค่ไหนกับคำว่าความถุกต้องเป็นธรรมตามกฏหมายที่แท้จริง แปลกอะไรที่บ้านเมืองนี้ ภาคใต้จึงมีปรากฏการณ์ก่อการร้ายหนาตาแผ่ขยายออกไปมากขึ้นทุกวัน.... ประชาชนต้องเรียนรุ้แล้วร่วมกันแก้ไขปัญหาเองเท่านั้น บ้านเมืองนี้จึงไปรอด สิทธิเสรีภาพ ชีวิตทรัพย์สิน ความปลอดภัย ความสงบสุขจะได้รับการรับรองคุ้มครองจากประชาชนด้วยกันเองเท่านั้น เพราะอำนาจรัฐวันนี้มันสามานย์แต่แรก ก่อนหรือหลังมีรัฐบาล โจรก็ปล้นบ้านกินเมืองสำเร็จแต่แรกแล้ว เพียงพวกมันเอาตัวแทนมานั่งเป้นตรายางหลอกประชาชนที่ไม่รู้ไม่เข้าใจเรื่องราวหลงไปตามวิมานที่พวกมันวาดในอากาศให้หลงปลื้มลมๆแล้งๆไปวันๆเท่านั้นเอง .....มาบ่นแข่งเข้มาววววบ้านนี้หน่อย
15 สิงหาคม 2552 12:58 น. - comment id 107263
^ ^ ^ โห ลุง บ่นยาวเลย อ่านตามจนตาลาย
15 สิงหาคม 2552 13:50 น. - comment id 107265
น้องยาที่น่ารักคะ ก็บ้านเราน่ะ มันมีอะไรที่วุ่นวายไปหมด ยกตัวอย่างนะคะ คนใกล้ตัวพี่ปราง เธอทำงานที่ รพ. ของรัฐ มาบ่นให้ฟัง ด้วยความที่มีไฟที่อยากช่วยเหลือ คนไข้เลือดอาบมาเลย จะด้วยเหตุใด ก็แล้วแต่ จิตใต้สำนึกสิ่งแรกคือช่วยเหลือ ตามจรรยาบรรณของพยาบาล เธอก็เข้า ไปดูเอาสำลีไปเพื่อจะทำการห้ามเลือด ในขึ้นต้น แต่ต้องโดนพยาบาลรุ่นพี่ตำหนิ ว่าทำเกินหน้าที่ จะต้องถูกรายงาน ระบบ บ้านเรามันเป็นเสียแบบนี้ไงคะ ทำให้ คนที่มีไฟในการช่วยเหลือสังคม ต้อง เข็ดขยาด มิต้องสงสัยไปเลยว่าทำไม บ้านเราถึงมีปัญหาเรื่องสมองไหลกันนักหนา คำว่าตายอย่างหมาข้างถนน เมื่อก่อนเป็น คำที่ใช้กับคนจร ที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้า แต่ปัจจุบัน เรา ๆ ท่าน ๆ ก็มีสิทธิที่จะได้ รับเกียรติใช้คำ ๆ นี้ด้วยเหมือนกันนะคะ อิอิ....มันอัดอั้นเนาะ
15 สิงหาคม 2552 13:52 น. - comment id 107266
ตรงไปตรงมาดีมากๆครับ อ่านแล้วเห็นภาพเลย เฮ้อ....
15 สิงหาคม 2552 16:32 น. - comment id 107270
6..... อ้าว ลุง มามาวที่นี่นี่เอง ฟ้อง พี่ p 5555555 เดี๋ยวโทรไปฟ้องด้วยนะ จริงๆ เอาแต่มาววววววว โส นะ หน้า
15 สิงหาคม 2552 16:47 น. - comment id 107274
สหายๆ เกือบได้เรื่อง วิญญาญ ในร้านเหล้าแระ แหมๆๆ ว่าแต่ทำไม ลพบุรี มีแต่นักรบ เนอะ รบกันระหว่างคนไทยด้วยกัน แล้ว ใครจะชนะเนี้ย เฮ้อ
15 สิงหาคม 2552 17:23 น. - comment id 107276
คุณยา เขียนเข้าถึงความรู้สึกได้ดีมากคับ ขอเมนต์: 1 คนที่ใส่เครื่องแบบตำรวจ ไม่อยากคบ หากไม่ใส่ชุดตำรวจ อาจพิจารณาอีกครั้ง 2 เงิน ในสังคมวัตถุนิยม มันเป็นลมหายใจไปเสียแล้ว ทว่า เราต้องกล้าปฏิเสธมันให้ได้ครั้งแรกก่อน จึงมีครั้งที่ สอง ตามมา 3 อำนาจ หากใช้ให้ถูกก็มีค่ามากหมาย แต่ส้วนใหญ่ใช้ไม่ถูกเพราะเข้าใจผิดว่าติดตัวข้ามาตั้งแต่เกิด ตายไปยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่า เพียงให้ยืมมาเท่านั้น เรื่องที่คุณยาเขียน เราคงต้องเข้าใจนี่คือประเทศไทย สยามเมืองยิ้ม......งงงงงงง
16 สิงหาคม 2552 10:04 น. - comment id 107287
จั่งซี่..สิต้องถอน.. สุขอย่าได้สร่าง
16 สิงหาคม 2552 11:02 น. - comment id 107293
สังคมเป็นของคนมีตังค์ไปซะแล้ว..
16 สิงหาคม 2552 16:10 น. - comment id 107301
โดยส่วนตัว... ไม่ปลื้มตำรวจ ทหาร เพราะเคยถูกรังแก เบ่งซะเหลือเกิน... โอ้ประเทศไทย....... เคยอธิษฐานประมาณวัยรุ่นมั่ง ว่าขอให้เกิดปาฏิหาริย์ ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงให้หมด แต่ก็เพียงอธิษฐานเท่านั้น ปาฏิหาริย์ ไม่มีจริง
17 สิงหาคม 2552 10:38 น. - comment id 107310
มีเงินช่วยได้ สบายไปร้อยอย่างค่ะพี่ยา
17 สิงหาคม 2552 10:50 น. - comment id 107313
เคยเห็นคนข้างบ้าน ถูกรุมซ้อมอยู่กลางซอย ตอนนั้นน่าจะสี่ทุ่มกว่า พอดีเพิ่งเลิกงานและรถบริษัทส่งถึงบ้าน แสงไฟจากหน้ารถ ไม่ได้ทำให้กลุ่มคนที่รุมซ้อมผละหนีเลย ในรถที่นั่งอยู่ตอนนั้นก็มีแต่ผู้หญิง 3 คน บวกคนขับรถแก่ ๆ หนึ่งคน เห็นท่าจะสู้พวกเขาไม่ไหว ที่ทำได้คือสาดไฟส่องและบีบแตรลั่น โดยที่ทุกคนไม่ลืมที่จะกดล็อคประตู ยังหวาดเลยว่า พวกนั้นจะเหวี่ยงไม้หรือยิงมา ยังดีที่เสียงแตรคงสร้างความรำคาญให้ชาวบ้านพอดี แต่ละบ้านก็เลยทยอยออกมา คนที่ถูกซ้อมก็ถูกส่ง รพ. อาการปางตาย หยอดน้ำข้าวต้มไปเป็นเดือนล่ะ
17 สิงหาคม 2552 12:18 น. - comment id 107315
ทำใจกันเถอะ เพราะที่นี่คือ " ประเทศไทย "
17 สิงหาคม 2552 17:25 น. - comment id 107319
อิอิ นึกว่า ผัดขี้เมาซะอีก เพราะเมื่อกี้ ต้มยำกุ้ง นึกว่าเป็นหนัง ยังเป็นอาหารเลย คราวนี้นึกว่าผัดขี้เมา คนกินบ่น อิอิ ผิดคาด
18 สิงหาคม 2552 10:46 น. - comment id 107328
ชีวิตเราปัจจุบันนี้ไม่มีใครช่วยเราได้เลยค่ะ ฉะนั้นหากเราจะทำอะไร เราต้องระวังตัวเอง อย่างสุดกู่ค่ะ เพราะเกิดอะไรขึ้นไม่มีใครช่วยเหลือ นี่แหละค่ะชีวิตของคนไทย ต้องดูแลตัวเองอย่า หวังให้ใครเขาช่วย.....
20 สิงหาคม 2552 16:40 น. - comment id 107366
เห็นด้วยทุกประการ ค่าของคนอยู่ที่คนของใคร แต่เราอยากเป็นคนของใคร...แบบไหนล่ะ...เนอะ เป็นคนดีทำยากแต่ไม่ลำบากหากจะทำเนอะยาเนอะ...คิดถึงนะ
20 สิงหาคม 2552 23:38 น. - comment id 107380
คุณยา ทามจายไปก่องนะ และดูแลตัวเองด้วย เรื่องแบบนี้มีไปทั่วค่ะ แต่เจอแบบจะ จะ ยังไม่เคย คราวนี้บ่นเป็นเรื่องเลยน๊า อิอิ