ความทรงจำของสองเรา

ลุงเอง

ความทรงจำของสองเรา.....
 
โดย แม่นก 
ใครๆ มักพูดกันว่านมแม่เป็นของขวัญอันล้ำค่าสำหรับลูก ซึ่งก็เป็นความจริงอย่างที่สุด แต่แม่ได้ซาบซึ้งกับความจริงอีกข้อหนึ่งว่า นมแม่เป็นของขวัญอันประเสริฐยิ่งสำหรับคนเป็นแม่ เป็นความทรงจำอันงดงามที่ทั้งสุขและเศร้าแต่มีค่าเหนือสิ่งอื่นใด และแม่คงไม่มีวันได้รับประสบการณ์อันล้ำค่านี้ หากไม่มี “ลูก” และไม่ได้พยายาม “เลี้ยงลูกด้วยนมแม่”
 
เมื่อ เริ่มตั้งครรภ์ แม่ดูแลสุขภาพเป็นอย่างดีและตั้งใจว่าจะคลอดลูกเองแบบธรรมชาติ (คือไม่ใช้ยาแก้ปวดหรือยาเร่งคลอดใดๆ) และจะเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างน้อยหนึ่งปี ถึงแม้ในที่สุดเมื่อผ่านการเจ็บท้องในห้องคลอดร่วม 15 ชั่วโมง ก็ต้องยอมรับการผ่าตัดด้วยข้อจำกัดทางสรีระของร่างกาย แต่ช่วงเวลานั้นก็เป็นประสบการณ์อันล้ำค่าที่แม่ไม่เคยคิดเสียดาย แม่กับพ่อได้มีประสบการณ์อันยิ่งใหญ่นี้ร่วมกัน และได้ซาบซึ้งถึงน้ำใจของคุณหมอและพยาบาลห้องคลอดที่ให้การดูแลเราเป็นอย่าง ดีและเชื่อมั่นเช่นเดียวกับเรา
 
ช่วง ที่อยู่โรงพยาบาล ทุกอย่างราบรื่นดี เมื่อแม่รู้สึกตัว พยาบาลก็อุ้มลูกมาให้ดูดนม (หลังจากคลอดเสร็จราว 3 ชั่วโมง) และดูดกระตุ้นทุก 3 ชั่วโมง ไม่มีการป้อนนมผสมใดๆ ทั้งสิ้น นมเริ่มมาวันที่สอง พอวันที่สามเราก็กลับบ้าน แต่พอกลับมาบ้านนี่สิ อะไรๆ ดูวุ่นวายสับสนไปหมด หนูร้องไห้โยเยจนแม่ต้องนั่งให้นมแทบจะตลอด 24 ชั่วโมงก็ว่าได้ ยกเว้นแค่เวลาเข้าห้องน้ำ ที่คนในบ้านต้องทนฟังเสียง 18 หลอดของหนู มีเสียงเปรยๆ จากผู้ใหญ่ว่านมไม่พอ แต่ด้วยความดื้อรั้นของทั้งพ่อและแม่เลยพาลูกรอดพ้นจากนมผสมมาได้ ช่วงแรกๆ มีแต่ความสับสนและว้าวุ่นใจ ทั้งๆ ที่เตรียมตัวหาข้อมูลมาอย่างดี แต่ภาคปฏิบัตินั้นไม่ง่ายเหมือนในทฤษฎี ดีที่ได้กำลังใจจากบรรดากระทู้ของแม่มือใหม่และมือเก่าเขียนไว้ในเว็บกลุ่ม นมแม่ ช่วยให้มีกำลังใจขึ้นมากและรู้สึกว่าเราไม่ได้เผชิญปัญหาเพียงลำพัง ที่สำคัญ ปัญหาของเรายังเป็นเรื่องจ้อยมากเมื่อเทียบกับแม่อีกหลายๆ ท่าน
 
เมื่อ ลูกอายุได้ห้าวัน แม่ต้องพาลูกกลับไปโรงพยาบาลใหม่เพราะตัวเหลือง หมอวัดแล้วพบว่าระดับเหลืองสูงจนใกล้ขีดอันตราย และต้องนอนพักอยู่ที่ในโรงพยาบาล หมอแนะนำให้งดนมแม่และให้นมผสมในคืนนั้น แม้จะไม่เห็นด้วย แต่ก็ต้องยอมเพราะตอนนั้นเราไม่มีแรงจะไปต่อสู้อะไร นอกจากขอให้ลูกปลอดภัยเป็นสำคัญ ในเวลานั้นทุกครั้งที่ลูกร้องไห้ นมแม่จะไหลพุ่งตามสัญชาตญาณ แม่พยายามทำใจให้เข้มแข็งและไปบีบนมเก็บไว้ พร่ำบอกกับตัวเองในใจว่าลูกจะต้องหายดี พอถึงเช้าวันรุ่งขึ้นเมื่อระดับเหลืองลดลง แม่ก็กลับมาให้นมลูกอีกครั้ง เป็นความปีติสุขอย่างยิ่ง เพราะลูกดูดนมอย่างมีความสุข ไม่หวีดร้องหันหนีเหมือนตอนที่พยาบาลพยายามป้อนนมผสมด้วยช้อนเลย
 
ถึง อย่างนั้น แม่ก็ยังกังวลเสมอว่าเราจะสามารถให้นมแม่อย่างเดียวไปจนครบหกเดือนได้หรือ เปล่า ลูกทานนมถี่มาก (พ่อกับแม่มารู้ทีหลังเมื่อลูกอายุ 3 เดือนว่าหนูมีปัญหาลิ้นติดเล็กน้อย) ช่วงสองสามเดือนแรก ลูกแทบจะทานนมตลอดเวลาที่ตื่น (แถมหนูยังเป็นเด็กนอนน้อยอีกต่างหาก) จนเมื่อเริ่มต้นเดือนที่ 4 จึงเริ่มเว้นระยะห่างบ้างแต่ก็ไม่นานนัก ถ้าจะยึดตามสูตรว่าต้องกินทุกกี่ชั่วโมง แม่คงกลุ้มใจแย่แน่ๆ โชคดีที่พยายามลืมคำแนะนำในหนังสือคู่มือเลี้ยงลูกไปเสีย และปล่อยให้ธรรมชาติของลูกเป็นคนบอกแทน
 
แล้ว เราก็ผ่านช่วงหกเดือนมาด้วยดี เมื่อลูกเริ่มทานอาหารเสริมแล้ว ต่อมาเราถึงรู้ว่าหนูแพ้นมวัวอย่างรุนแรง (หลังจากที่เคยลองป้อนอาหารเสริมสำเร็จรูป และหนูอาเจียนไม่หยุด กับมีผื่นลมพิษขึ้นทั่วตัว) ลูกแพ้นมวัวรุนแรงถึงขนาดที่แค่สัมผัสโดนคราบนมที่แห้งแล้วก็มีลมพิษขึ้น ทันที (ส่วนเรื่องกินนมและผลิตภัณฑ์จากนมนั้นลืมไปได้เลย) แม่จึงต้องหลีกเลี่ยงนมและอาหารที่มีส่วนผสมของนมและผลิตภัณฑ์จากนมทุกชนิด ด้วย อะไรที่ลูกทานไม่ได้ แม่ก็ทานไม่ได้ด้วย ไม่งั้นจะเห็นผลทันทีในอีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมาหลังจากที่หนูทานนมแม่ แม่รู้สึกดีใจและนึกขอบคุณที่เรา (พ่อกับแม่) ได้ความพยายามฝ่าฟันอุปสรรคให้นมแม่มาจนสำเร็จ ไม่อย่างนั้น คงต้องมีปัญหาอื่นๆ ตามมาอีกมาก
 
การ ให้นมลูกด้วยตนเองและเลี้ยงลูกเอง ทำให้แม่รู้จักอารมณ์ความรู้สึกของลูกเป็นอย่างดี ขณะเดียวกันก็คิดว่าลูกก็รับรู้ถึงความรู้สึกแม่ดีด้วย จำได้ว่าตอนที่จะหย่านมกลางคืนเมื่อหนูอายุได้ขวบกว่านั้น แม่บอกลูกก่อนล่วงหน้าสักสี่ห้าวัน พอถึงวันที่เริ่มหย่านมจริงๆ เมื่อถึงเที่ยงคืนที่หนูมักจะตื่นมาร้องกินนม หนูกลับแค่ร้องโยเยเบาๆ แต่ไม่มีคำว่า “แม่...กินนม” ออกจากปากหนูเลย หนูเป็นเด็กที่เข้มแข็งมาก แม่อุ้มหนู ร้องเพลงกล่อมจนหนูหลับไปในที่สุด ลูกตื่นร้องงอแงอยู่สัก 3-4 วัน ก็อดนมกลางคืนได้
 
จาก ความไม่มั่นใจที่ว่าจะไม่สามารถให้นมลูกได้ครบหกเดือน กลายเป็นความกังวลว่าลูกจะไม่ยอมเลิกดูดนมแม่ เพราะหนูอายุ 3 ขวบกว่าแล้ว แต่ยังติดนมแม่อยู่เหมือนเดิม (แม้จะกินแค่สองเวลาคือก่อนนอนกลางวัน กับก่อนนอนกลางคืน จนในที่สุดลดลงเหลือแค่มื้อก่อนนอนกลางคืนก็ตาม) พอแม่เปรยๆ เรื่องเลิกนม ลูกก็พูดด้วยความมั่นใจว่าหนูจะกินนมแม่ตลอดไป
 
ช่วง หลังๆ ลูกเริ่มบ่นอยากมีน้อง อยากให้น้องมาเกิด แล้วเลยคิดเอาเองว่าถ้ายังกินนมแม่ น้องก็จะไม่มีนมกิน กับหนูเริ่มรู้สึกสงสารแม่ เพราะนมแม่เหลือน้อยมากๆ จนเมื่อลูกดูดทีไร แม่ก็ร้องเจ็บทุกที มีอยู่วันหนึ่งลูกบอกกับแม่ว่า “หนูจะไม่ดูดนมแม่แล้ว จะเก็บไว้ให้น้อง น้องจะได้มาเกิด” แม่ยังเถียงว่าไม่จริงหรอก เดี๋ยวถึงเวลาหนูก็มาดูด แต่ลูกยังยืนยันคำเดิมว่า “หนูพูดจริงๆ หนูจะไม่ดูดแล้ว” คืนนั้นลูกไม่ดูดนมแม่จริงๆ แม่รู้ว่าลูกต้องหักห้ามใจอย่างมากแต่ก็ยังอดทน ลูกร้องไห้กระซิกและกระสับกระส่ายอยู่พักหนึ่งแล้วก็หลับไป ลูกทนอยู่เกือบอาทิตย์แล้วก็เลิกนมได้ จำได้ว่าเมื่อเลิกได้สักสามสี่วัน แม่ถามเรื่องนมแม่ ลูกตอบว่า “หนูคิดถึงนมแม่ตลอดเวลาเลย คิดถึงอยากกินมากๆ แต่หนูอดทนไม่กิน” คำตอบนี้ทำเอาแม่น้ำตาซึม
 
ลูก เลิกนมแม่เมื่ออายุได้ 3 ขวบ 7 เดือน ถึงตอนนี้ก็ผ่านมาเกินครึ่งปีแล้ว เวลานอนลูกจะต้องกอดแขนแม่ไว้ ไม่ได้ร้องกินนม แต่ก็เอ่ยถึงบ้างในบางโอกาส เช่นว่าถ้าน้องมาเกิดแล้ว หนูจะขอน้องชิมนมแม่บ้าง เมื่อคิดย้อนกลับไป แม่ยังรู้สึกเหมือนว่าเมื่อวานนี้เองที่ลูกยังเป็นทารกเล็กๆ ที่ร้องดูดนมแม่อยู่ตลอดเวลาโดยไม่ยอมให้แม่ขยับตัวไปทางไหนเลย และแม่ก็ให้นมไปด้วยความไม่มั่นใจในตัวเองว่าให้ถูกท่าหรือเปล่า ลูกดูดได้นมเต็มที่หรือเปล่า ลูกจะอิ่มไหม นมจะมีพอไหม ฯลฯ แต่วันเวลาก็ผ่านมาแล้วถึงวันนี้ และทิ้งไว้แต่ความทรงจำอันล้ำค่าที่หวนนึกเมื่อใดก็รู้สึกเต็มตื้นในหัวใจ เมื่อนั้น และมันคงเป็นประสบการณ์พิเศษสุดที่ไม่มีสิ่งใดมาทดแทนได้เลย				
comments powered by Disqus

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน