จำได้เมื่อครั้งยังเป็นนักเรียนมัธยมที่ต้องเรียนวิชาสังคมศาสตร์ที่ว่าด้วยสังคมและวัฒนธรรม ครูเคยถามว่า "สังคม" คืออะไร ก็มักจะได้รับคำตอบสรุปคร่าวๆ คือการที่คนกลุ่มๆ หนึ่งมาอยู่รวมในที่เดียวกันและมีกิจกรรมในชีวิตเหมือนๆ กัน ความหมายสั้นๆ ได้ใจความ แต่ถ้าคนเหล่านั้นต่างที่มาที่ไป เชื้อชาติ ศาสนา และวัฒนธรรม จะอยู่ร่วมกันอย่างไร นี่คือบทพิสูจน์หลายๆ อย่าง เมื่อฉันเองต้องมาอยู่ต่างแดนกับผู้คน ต่างศาสนา เชื้อชาติ วัฒนธรรมและภาษา เชื่อว่าสิ่งหนึ่งที่จะทำให้เราอยู่ได้คือการปรับตัวเข้ากับสังคมวัฒนธรรมบ้านเมืองที่เขาอยู่ ต้องพยายามทานอาหารของเขาแม้จะไม่ชอบ ต้องพูดภาษาของเขาให้ได้เพื่อความอยู่รอดในการดำเนินชีวิต สิ่งแรกคือไปสมัครเรียนภาษากับประเทศเจ้าของภาษาในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ไปเรียนวันแรกก็รู้สึกเก้ๆ กังๆ กลัวนั่นกลัวนี่ไปเรื่อยคือคิดถึงปัญหาไปก่อนกับสิ่งที่ยังมาไม่ถึง แต่จำเป็นต้องเรียนรู้หลีกเลี่ยงไม่ได้ และ ก็คิดว่านี่มันคือโอกาสที่เราจะได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ กับชีวิตไม่ใช่หรือ? ทำให้นึกถึงคำนิยามที่เขาว่าไว้ "จงอย่ากลัวในสิ่งที่ยังมาไม่ถึงจนกว่าจะได้พิสูจน์ด้วยตัวเอง" เมื่อได้คำตอบก็มีกำลังใจที่จะทำให้ได้เพิ่มขึ้น ทุกคนที่มาเรียนต่างก็ไม่เคยมีใครมีความรู้กันมาก่อน ไม่มีใครเก่งมาแต่เกิดต่างก็เกิดมาเพื่อแสวงหาเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ให้กับตัวเองทั้งนั้น เพื่อนในห้องต่างก็นั่งนิ่งเงียบเพราะยังไม่มีใครรู้จักใคร ก็คงจะเป็นต่างชาติทั้งหมด แต่เรานี่ซิหน้าตาผิวพรรณมันแตกต่างกว่าชาวบ้านเดินไปทางไหนมักจะเจอคนหันมามองแล้วพูดแจปอนๆ (ญี่ปุ่น) เกาหลี อินโดนีเซีย มาเลเซีย เป็นคำถามที่มักถูกถามบ่อยๆ ใจหนึ่งก็อดคิดว่าทำไมเขาไม่ถามว่าไทยแลนด์ๆ บ้าง ประเทศเราไม่มีชื่อเสียงพอที่จะให้เขาถามหรือ แต่พอบอกว่าไทยแลนด์ก็จะมีคำพูดตามมาว่า "พัทยา คงไม่ต้องขออธิบาย ณ ที่นี้ แต่เขาจะเล่าให้เราฟังเอง มันยากที่จะอธิบายไร้ประโยชน์ ทำให้คนไทยที่อยู่ต่างแดนพลอยหดหู่ไปด้วยกับคำได้ยิน แต่สิ่งที่ดีๆ สวยงามของประเทศยังมีอีกเยอะแยะมากมาย เช่นเดียวกัน หากเราต้องการมองหาสิ่งใดก็จะเจอสิ่งนั้น ไม่ว่าจะความดี หรือ เลว ของใครก็ตามแต่ อยู่ที่ว่าจะเลือกมองหาเอาสิ่งไหน ในห้องเรียนทุกคนแนะนำตัวมี รัสเซีย ยูเครน ลิโทเนีย โมโดวา อิหร่าน เยอรมัน เบลเยี่ยม ฮอลแลนด์ คาซักสถาน อูสเบกริสถาน เติร์กมินิสถาน สวิสเซอร์แลนด์ อเมริกา แต่รัสเซียจะเยอะกว่าเพื่อนๆ ต่างก็หันหน้าไปมองทำความรู้จักเพราะบางประเทศฉันเองก็แทบไม่เคยได้ยินรู้จักมาก่อน โดยเฉพาะ ยูเครน ลิโทเนีย โมโดวา คาซักสถาน อูสเบกริสถาน เติร์กมินิสถาน พูดภาษารัสเซียกันได้คล่องแคล่วจนอดสงสัยไม่ได้ แต่ในที่สุดก็ทราบคำตอบจากเพื่อนๆ ว่าประเทศเหล่านี้เคยเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต ปัจจุบันแตกสลายไปแล้วเหลือเพียงรัสเซียประเทศเดียวประเทศเหล่านี้ก็แยกออกมาปกครองตนเอง (หากอยากรู้เรื่องนี้ต้องไปค้นหาอ่านประวัติศาสตร์การล่มสลายของโซเวียต) ๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘ แต่สุดท้ายทุกคนที่มานั่งอยู่รวมกันตรงนี้ต่างก็มีเป้าหมายเดียวกัน ฉันชอบวิธีการเรียนการสอนของมหาวิทยาลัยนี้มาก
ครูของพวกเราเธอ ชื่อ สุเรยา สาวสวยเซ็กซี่ถือดอกไม้ เธอเป็นคนร่าเริง แจ่มใส น้อยมากที่เธอจะมากางตำราสอน เล่มหนา ๆ ที่ต้องพกพาไปเรียนแต่ละวัน แต่เธอจะใช้สิ่งแวดล้อมรอบข้างรอบตัว หลักความเป็นจริงในชีวิตประจำวันนั้นมากกว่ามาสอน ยกตัวอย่างทำให้เข้าใจง่ายขึ้น ฝึกใช้ความคิด ให้ความเป็นเพื่อนกับนักเรียน ช่วยแก้ไขปัญหาแนะนำ หากิจกรรมให้ทำไม่ว่าจะในหรือนอกสถานที่เพื่อเรียนรู้กับสิ่งแวดล้อมรอบกาย ให้กำลังใจและคำชมอยู่เสมอ เธอมักจะบอกว่าเป็นธรรมดาผิดย่อมมาก่อนถูกเสมอ ฉันคิดว่าเธอเป็นคนหนึ่งที่เหมาะสมสำหรับคำว่า" ครู" นี่เเหละคือสุดยอดของความเป็นครูในความคิดของฉัน คือพร้อมที่จะเป็นผู้ให้กับทุกๆ คน แม้ลูกศิษย์ล้วนแตกต่างที่มา ส่วนใหญ่จะอาวุโสกว่า ทุกคนมีสิทธิเท่าเที่ยมกัน ได้รับเกียรติทั้งผู้ให้และผู้รับ น้องนักศึกษาวัยรุ่นบางคนอยู่ต่างเเดนประเทศใกล้เคียง เอาเวลาว่างมาเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ร่วมกัน เรียนไปได้สักระยะพวกเราทุกคนต่างก็สนิทสนมคุ้นเคยกัน คุยภาษาเดียวกันตามที่ครูสอน แต่ดูแล้วมันช่างยากและลำบากสำหรับฉันเหลือเกิน ภาษาของเขาพูดเร็วต้องออกเสียงลิ้นรัวทุกตัวอักษร โดยเฉพาะ ตัว ç ş s z ü ö ถ้าออกเสียงผิดความหมายก็จะผิดไปด้วย ฉันเลยมักจะเป็นตัวตลกให้เพื่อนได้สนุกขำหัวเราะเป็นบรรยากาศที่ดีอีกแบบ แต่ครูเขาเข้าใจว่ามันยากและลำบากพอควรสำหรับคนเอเชียในการออกเสียง แต่ก็ได้กำลังใจที่ดีมากบอกว่าค่อยเป็นค่อยไป ช้าๆ ไม่ต้องเร่งรีบ แต่เรากลับเป็นห่วงกลัวจะเป็นตัวถ่วงของเพื่อนๆ ในห้อง แทบจะถอดใจหลายครั้ง แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้นเพื่อนๆ ทุกคนคอยช่วยเหลือ เรื่องการเรียนการบ้านติวสอบ สุดท้ายพวกเราก็สำเร็จไปพร้อมกันด้วยความพยาม นี่แหละน๊า! เขาถึงว่า "ไม่มีความสำเร็จยิ่งใหญ่ใดๆ ในโลกได้มาด้วยความเพียรพยายามอันน้อยนิด"
และอีกหลักสูตรหนึ่งที่ทำให้ฉันได้เรียนรู้ การร้องเพลง koro หรือ chorus ประสานเสียง เป็นคนหนึ่งที่ถูกเชิญร่วมร้องเพลงจัดคอนเสิร์ต ทำให้มีโอกาสที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ทั้งหมดสิบกว่าคนพวกเราต้องมาอยู่ร่วมกัน ทำกิจกรรมร้องเพลงด้วยกัน แม้จะเป็นเวทีเล็กๆ ในต่างแดน แต่มันก็ยิ่งใหญ่ที่ได้รับพิธีกรประกาศชื่อนามสกุล ประกาศชื่อประเทศไทยเป็นหนึ่งในตรงนั้นฉันภูมิใจที่ทำให้ผู้คนได้ยินรู้จักประเทศของเรา ถูกคัดเลือกให้ร้องเพลงภาษาของเราเอง ฉันเลือกบทเพลง "รางวัลแด่คนช่างฝัน" มอบให้กับเพื่อนๆ และผู้ชมเพื่อเป็นกำลังใจให้ทุกคนสู้ก้าวต่อไปในวันข้างหน้า เพราะสิ่งเหล่านี้ฉันไม่เคยแม้จะได้รับโอกาสเลยแม้สักครั้งในเมืองไทยทั้งที่ฉันอยากจะทำมัน เสียงปรบมือและเพื่อนๆ ทำให้ฉันมีกำลังใจที่จะก้าวต่อไป แม้จะเป็นเพียงกลุ่มเล็กๆ สังคมหนึ่งต่างเชื้อชาติ ต่างศาสนา ต่างวัฒนธรรม ต่างภาษา ตลอดระยะเวลาที่เรามีกิจกรรมเรียนร่วมกัน ต่างที่มาที่ไปไม่มีโอกาสได้พูดภาษาของตัวเอง ทุกคนต่างก็พูดคุยกันได้เข้าใจตามทักษะของแต่ละคน แต่กริยาท่าทางภาษาความรู้สึกที่มีต่อกันนั้นสัมผัสได้จากความรักผูกพันห่วงหาอาทรเมื่อยามจาก เป็นสิ่งที่ทำให้ค้นพบคำตอบอีกว่า ก็เพราะความแตกต่าง ต่างๆ เหล่านั้นนั่นเองจึงทำให้คนได้เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่างมากมาย นำประสบการณ์มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน แต่สิ่งที่มนุษย์เราไม่ต่างกันเลยนั่นก็คือ ความหิว ร้อนหนาว เจ็บปวด ต้องการความรัก ปัจจัยในการดำรงชีวิตอยู่ เสื้อผ้า อาหาร ยารักษาโรค และที่สำคัญโลกนี้จะสวยงามและมีความสุขไม่ได้เลย หากเราขาดปัจจัยอีกอย่างนั่นคือ มิตรภาพความรัก ความเอื้ออาทรมีน้ำใจ เห็นอกเห็นใจ การมองโลกในแง่บวกและฝึกตนพร้อมที่จะเป็นผู้ให้อย่างจริงใจ เพราะเราไม่สามารถที่จะอยู่คนเดียวในโลกนี้ได้ หากปราศจากการพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน ๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘ เมื่อฉันมีโอกาสพูดคุยเล่าประสบการณ์ชีวิตให้น้องนักศึกษาไทยคนหนึ่งฟัง เขาบอกว่าดูยากจัง ในโลกนี้คนทำไมไม่เรียนหนังสือพูดภาษาเดียวกันทั้งโลกจะได้ไม่ต้องยุ่งยากเหนื่อย ทำให้ฉันเองอดคิดในมุมมองหนึ่งอีกไม่ได้ว่าการศึกษาของเราปัจจุบันนี้ก้าวไปในทิศทางไหน ทำไมน้องคนนี้ถึงมีความคิดได้แค่นั้น ความอดทนน้อยลง อาจจะบ่งบอกถึงความอ่อนแอทางสังคมและการศึกษาหรือไร หรือที่ตัวบุคคล ฉันไม่ทราบว่าคำตอบของฉันจะทำให้เขาได้คิดอะไรได้บ้างหรือไม่ว่า "ก็เพราะความต่างของผู้คนในโลกนี้แหละจึงเป็นตำราเล่มใหญ่ๆ ให้เราได้เรียนรู้อย่างไม่รู้จักจบสิ้น หากทุกสิ่งในโลกเหมือนๆ กันหมด ก็คงไม่มีเรื่องตื่นเต้นท้าทายให้มนุษย์ได้ศึกษาเรียนรู้ค้นหา หากคนทั้งโลกทานก๋วยเตี๋ยวเหมือนกันหมด เราก็คงไม่มีโอกาสทานกระเพาไก่ไข่ดาวว่ารสชาติมันเป็นอย่างไร หากไม่มีปัญหาเราก็คงไม่มีโอกาสได้เรียนรู้การแก้ไข คนทุกคนอาจชอบไม่เหมือนกัน แต่จงทำในสิ่งที่เราชอบให้ดีที่สุด"
24 มิถุนายน 2552 23:41 น. - comment id 105663
.... ดีใจจัง พี่รอยทางลงรูปเป็นแล้วค่ะ แวะมาอ่านเรื่องราวนะคะ สบายดีไหมคะ หายไปนานเลยเนอะ ไม่ค่อยได้ออนหรอกคะพี่ อย่าว่ากันเนอะ ไม่ค่อยว่างหรอกคะ .......
24 มิถุนายน 2552 23:59 น. - comment id 105664
ขอบคุณมากคะ ฉางน้อย ที่เข้ามาทักทาย ช่วงนี้พี่ยุ่งมากเลย ทั้งเรียน ทั้งงาน อากาศก็ร้อนมาก เลยไม่ค่อยมีเวลาเข้ามาเขียนอะไร ได้เเต่มาเเอบอ่านๆ คะ ขอให้มีความสุข สุขภาพเเข็งเเรง รวยๆ นะคะ
25 มิถุนายน 2552 09:22 น. - comment id 105670
จงทำสิ่งที่เราชอบให้ดีที่สุด.... อีกหนึ่ง... ทำสิ่งที่ท่านทำได้ ในสิ่งที่ท่านมี ในที่ที่ท่านอยู่.....
25 มิถุนายน 2552 16:16 น. - comment id 105673
ขอบพระคุณมากคะ คุณกวีเถื่อน สำหรับข้อคิดกำลังใจที่ดีๆ มามอบให้คะ