พี่..กุลา วันนี้เวรใคร..เสียง สร้อย น้องสาววัย เจ็ด ขวบของผมถามขึ้น ก็เวร เธอนั่นแหละ แหม ทำเป็นจำไม่ได้ ผมรีบตอบ ตัดบทน้องสาวไป เพราะตนเองกำลังจะรีบไปวิ่งเล่นกับเพื่อนๆที่มาตะโกน เรียกอยู่หน้าบ้าน อ้อ สร้อย นึกว่า เวร สาย เสียอีก เธอกล่าวแก้เก้อแบบเขินๆ อ้างไปแบบแกนๆ เสเป็นเข้าใจว่าเป็นเวรของน้องสาวคนรองอีกคน ที่สร้อยถามผมเรื่องเวร นั้นเป็นเวรในการล้างจาน ที่บ้านผม ซึ่งแม่ผม ท่านนำมาจากการจัดเวรการทำความสะอาดห้องเรียนในหมู่เด็กนักเรียนมาใช้ที่บ้าน เพราะแม่ผมเป็นครูประชาบาล นี่ครับ เพราะฉะนั้นตั้งแต่เริ่มทำงานเป็น ลูกๆทุกคนจะได้รับหน้าที่นี้ ตามตารางเวรของตัวเองเป็นประจำ โดยหนึ่งวันก็มีพี่น้องของผมหนึ่งคนต้องรับหน้าที่ไป ยกเว้นวันไหนเป็นไข้ไม่สบายมากๆ ก็อาจจะให้คนที่จะทำหน้าที่ในวันถัดไป เลื่อนขึ้นมาทำแทน ผมจำได้ว่า ผมทำงานนี้ผลัดเปลี่ยนกับน้องๆอีก สองสามคน จนถึงวันที่ผมต้องเดินทางเข้าไปเรียนในตัวจังหวัด ไอ้ประเภทคำพังเพย ที่ว่า กินเสร็จก่อนได้ดูละครโขนหนัง กินเสร็จทีหลังล้างถ้วยล้างชาม ไม่สามารถเอาใช่ได้ที่บ้านผมหรอก... ครับ ดังนั้นการล้างจานสำหรับผมแล้ว มันดูเหมือนเป็นเรื่องทรมานใจมากๆจนทำให้ผมพาลเกลียดการล้างจานเป็นชีวิตจิตใจ จนแม้กระทั่งโตขึ้นแล้วก็ตาม เพราะสมัยเด็กๆที่ว่ามานั้นหลายๆครั้งที่ต้องติดเวรล้างจาน ในขณะที่ห่วงเล่นตามประสาเด็กอายุราวๆ สิบขวบ หลายครั้งที่ผมโมโห หงุดหงิด กระทั่งพลอยพาลโกรธแม่เอาด้วยซ้ำ โดยเฉพาะ ในวันที่มีเพื่อนมาตะโกนเรียกอยู่หน้าบ้านให้ไปวิ่งเล่นด้วยกัน แล้วไอ้การล้างจาน ทุกท่านคงทราบดี ว่าหากล้างแบบรีบๆลวกๆจานก็จะไม่สะอาด จาน ชามเป็นมันย่องติดมือ ฟ้องโดยตัวมันเอง พาลโดนเอ็ด หรืออย่างร้ายแรงก็ต้องกลับมาล้างใหม่ เสียเวลาที่จะได้ไปเที่ยวเล่น เข้าไปอีก อันนี้ไม่นับในกรณีที่รีบๆรนๆจนถ้วยชามลื่นหลุดมือตกแตก ซึ่งวันนั้นจะเป็นวันซวยมหาซวย ของผมหรือน้องๆ เพราะจะโดนเอ็ดยกใหญ่ พาลถูกทำโทษไม่ให้ออกไปเล่นกับเพื่อน ซึ่งถือว่าเป็นโชคร้ายเอามากๆ ถึงจะไม่ชอบอย่างไร ผมกับน้องๆก็โตมากับหน้าที่นี้ จนกระทั่งเราโตพอที่จะย้ายเข้าไปเรียนในตัวจังหวัด หน้าที่นี้ ก็เป็นอันละเลิกไปโดยอัตโนมัติ เพราะบ้านผมอยู่ห่างจากตัวจังหวัด ร่วมร้อยกิโลเมตร การมาเรียนในเมืองทางบ้านต้องให้มาพักอาศัยบ้านญาติๆ จนกระทั่งตอนหลังเมื่อน้องๆหลายคนทยอยกันเข้ามาเรียนทางบ้านจึงตัดสินใจมาสร้างบ้านอีกหลังให้ได้อยู่อาศัยเรียนหนังสือกันในตัวเมืองเสียเลย แต่ทั้งนี้พวกผมกับน้องๆก็ต้องดูแลกันเองนะครับ เพราะพ่อกับแม่ก็ยังมีภาระหน้าที่การงานของท่านที่บ้านในชนบทอยู่ อันที่จริงพักหลัง เมื่อโตขึ้น ผมก็เพลาๆความเกลียดการล้างจานนี้ลงไปมากพอสมควรแล้ว หละครับ แม้จะไม่ทั้งหมด เพราะไม่ค่อยได้ทำบ่อยนัก จนมาเมื่อสี่ ห้าปีมานี้ ผมค้นพบวิธีที่ไม่เพียงทำให้ผมหายเกลียดการล้างจานเป็นปลิดทิ้งเท่านั้น หากทำให้ผมรัก และมีความสุขกับการล้างจานอีกด้วย ที่เป็นเช่นนั้นเพราะการล้างจานนี้เองที่ทำให้ผมได้ค้นพบวิธีที่จะได้อยู่และพูดคุยกับแม่ผม ทางความรู้สึกได้เหมือนได้พบเจอ ท่านจริงๆ....... อ้อ ผมลืมบอกไปว่าแม่ผมท่านเสียชีวิตไป ร่วมยี่สิบปีแล้วหละครับ การค้นพบที่ว่านั้นเพราะผมไปอ่าน งานเขียนของอาจารย์เสกสรร ประเสริฐกุล ท่านได้บอกว่า คนเรานั้นมักเกลียดสิ่งที่เรารัก และเรามักจะรักในสิ่งที่เราเกลียด ผมอ่านประโยคนี้ ก็ชอบเพราะมันซึ้งๆดี ก็ในฐานะคนชอบภาษานะครับ แล้วจนกระทั่งอีกวันหนึ่ง ผมไปอ่านเจออีกข้อความหนึ่ง เจอที่ไหนไม่ทราบ เขาบอกว่าหากเราไม่ชอบหรือพาลเกลียดสิ่งไหน ให้ลองเอาสิ่งนั้นมาเชื่อมโยงร้อยกับสิ่งที่เรารักดู ถ้าทำได้ลงตัว เราอาจจะเลิกเกลียด สิ่งนั้นๆไปเลย และพาลจะมีความสุขกับการได้อยู่และได้ทำมัน เสียอีกด้วยซ้ำ ไป ผมลองเอา สองสิ่งนี้ คือ แม่ที่ผม รัก กับการล้างจานที่ผมไม่ชอบมาโยงกัน ได้ดังนี้ ทุกครั้งที่ผมลงมือล้างจาน ผมจะทำให้เวลานั้น เป็นเวลาที่ผมเหมือนไปพบ และสนทนากับแม่ ซึ่งตอนนี้ท่านอยู่บนสรวงสวรรค์แล้ว ละครับ เวลาดังกล่าว จึงค่อยๆกลายเป็นเวลาที่ผมมีความสุขมากๆ เพราะถึงผมจะไม่ชอบการล้างจานมาแต่สมัยยังเด็ก และพาลโกรธแม่ในบางครั้งเพราะเรื่องนี้ แต่ผมก็เป็นคน ที่รักแม่มากๆเช่นเดียวกัน จนปัจจุบันนี้ คนที่ไกล้ชิดผมจะแปลกใจที่ผมทำท่าเหมือนกับว่าจะแย่งล้างจานทุกครั้งที่มีโอกาส เหมือนกับจะชอบเสียเต็มประดา อันที่จริง เขาไม่รู้หรอกว่า ผมไม่ได้ชอบการล้างจานหรอกครับ หากแต่ผมกำลังดีใจที่จะได้ไป พบ..แม่ ผมอีกครั้งหนึ่งต่างหากเล่า
12 มิถุนายน 2552 07:50 น. - comment id 105385
บางครั้งก็เหมือนแม่ อยู่รอบตัวนะครับ ไม่ว่าทำอะไร ความทรงจำของท่านยังอยู่รอบๆตัวเราเสมอ รักแม่เช่นกันครับ
12 มิถุนายน 2552 07:59 น. - comment id 105386
เข้ามาอ่าน และ ยิ้มทักทายยามเช้าค่ะคุณลุงกุลา
12 มิถุนายน 2552 08:07 น. - comment id 105387
ครูประจำชึ้นเคยให้นักเรียนทุกคนกรอกความคิดเห็น ชอบและเกลียดวิชาอะไรมากที่สุด อัลมิตราส่งได้ทันควัน เกลียดวิชาพิมพ์ดีด เพราะเครื่องเก่ามาก เป็นโรงเรียนรัฐบาล เครื่องก็ได้รับบริจาคมา ปัดแคร่แต่ละที กล้ามแทบขึ้น แข็งกระโด๊ก ส่วนวิชาที่ชอบ ก็คือ วิชาเนตรนารี 5555 ทุกวันนี้ ทำมาหากินได้ก็เพราะใช้สองมือเอานิ้วพิมพ์ดีดนี่แหล่ะ พิลึกจริงเนอะ
12 มิถุนายน 2552 15:21 น. - comment id 105401
ด้วยรักนี้ที่แม่ให้ เราเกิดมา.... มีชีวิตเพื่อกันและกัน สายเลือดอันอบอุ่น สายน้ำนมอันยิ่งใหญ่ เป็นสายใจ ถักทอด้วยใยรัก และผูกพัน รวมเป็น เส้นทางใจ....ไหลรวม ... เป็นเส้นทางชีวิต ที่จิตวิญญาณมิอาจจะพรากจากกันได้ แม่ เปรียบเสมือน ลมหายใจของธรรมชาติ ที่ก่อให้เกิดชีวิตอันยิ่งใหญ่ ของมวลมนุษยชาติ สำหรับฉัน เรียนรู้ ที่จะรักโลก และ....ทุกสรรพสิ่ง ฟ้ากว้าง...ภูเขา... ท้องทะเล...แมกไม้......สายน้ำ... ด้วยใจดวงพิเศษพิสุทธิ์... ที่แม่หล่อหลอมให้ฉันมี.....ให้ฉันเป็น... และ ให้ฉันเห็นทุกสิ่ง จาก....... ตาภายใน.คู่พิเศษ ที่ไม่จำเป็นต้องงามงด แต่หมดจด เพื่อเก็บรายละเอียด ของความงามบริสุทธิ์ ที่รายล้อมรอบตัวเรา ด้วยมิติที่ล้ำลึก... เห็น ชีวิต จิตวิญญาณ ของผู้คน โดยการให้ความรัก ความเข้าใจ.. ให้อภัย ให้ความเมตตา และแน่นอน ให้กำลังใจสำหรับผู้ยากไร้ มากมายที่ไร้หวัง.... โลกของชีวิตฉัน จึงเงียบ สงบงาม กว้างใหญ่ มากล้นด้วยน้ำใจ ที่พร้อมจะเป็น....ผู้ให้..... ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของชีวิต ในโลกอันสับสนวุ่นวาย ของการแสวงหาใบนี้.... แม่ของฉันคือ ธารน้ำใสไหลเย็น ที่ชุ่มฉ่ำ พร้อมจะรินรด หยดลงบนใจทุกดวงที่ได้ชิดใกล้... ถ้าฉันจะเปรียบแม่เป็น ... ดอกไม้งาม...... แม่ของฉันคือ.... ดอกพุด เป็นพันธุ์ไม้ไทย ที่มีกลิ่นหอมละมุน ดอกสวยสะอาดตา ดูบอบบาง แต่อ่อนหวาน และอ่อนโยน... ในขณะเดียวกัน เธอเปรียบประดุจ....พุทธะ.. ประจำใจของฉัน เธอคือผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ที่บานไสวอยู่ในใจของฉัน เพื่อนำทางชีวิต ให้สว่างไสว ตลอดมา และ....ตลอดไป ฉันขอสดุดี ผู้หญิงที่เป็นแม่ทุกคนในโลกนี้ ที่ได้สอนให้ลูก ได้เรียนรู้จากการกระทำที่เสียสละ ดูแลลูกด้วยความอดทน ด้วยความรัก ด้วยความเข้าใจ ด้วยดวงใจ ที่ไม่เคยหวังสิ่งใดใดตอบแทน เพียงเพื่อขอให้ ลูกทุกคนได้เติบโตอย่างแข็งแรง ทั้ง.. ร่างกายและจิตใจที่มีคุณค่า... เพื่อ ยังประโยชน์ให้แก่ ครอบครัว แก่สังคม และเพื่อจรรโลงโลกใบนี้ ให้มีแต่ความดีงาม ความสงบสุข ตราบนานเท่านาน... ร้อยมาลัย ด้วยความดี มีคุณค่า แทนคำว่า กตัญญู ในใจฉัน โลกหมุนเวียน เปลี่ยนเดือน ปี ชั่วกัปป์กัลป์ ด้วยรักนี้ ที่แม่ให้ นั้นยิ่งใหญ่เอย .. ..................... อ่านงานงามที่พาให้ซึ้งปิติใจ ของลูกผู้ชายคนหนึ่งที่คว้าไขว่อ้อมอก แม่ อย่างน่าชื่นชมค่ะ ฝากบัวบูชา แทนความคารวะ ท่านที่เลี้ยงลูกชายมาได้อย่างงดงามค่ะ
13 มิถุนายน 2552 17:34 น. - comment id 105414
...สิ่งที่เราเกลียดที่สุด...ในอดีต...อาจจะเป็นสิ่งที่เรารักที่สุด...ในปัจจุบันได้.....ราชิกาเชื่อเช่นนั้นค่ะ... ...สมัยเมื่อเป็นเด็ก..อายุ 7 ขวบ...ได้พาคุณพ่อไปรักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง...( คุณพ่อพึ่งเริ่มเป็นอัมพาตซีกซ้ายของร่างกาย)..ไปรอพบแพทย์ตั้งแต่ 10.00 น. ..แพทย์กับพยาบาลมาตรวจเวลา 15.00 น. ไม่ถึง 5 นาทีแล้วบอกว่า...โรงพยาบาลนี้รักษาไม่ได้..ต้องไปรักษาที่กรุงเทพฯ..และเดินกลับไป...ราชิกา..ทนไม่ได้..ร้องไห้..เรียกให้หมอและพยาบาลกลับมาตรวจอีก..มาคุยให้ฟังก่อนว่าเป็นอย่างไร?แต่เขาก็ไม่มา...ราชิกาไม่พอใจมาก...จับมือพ่อกับแม่ไว้แน่น...แล้วบอกว่า..พ่อกับแม่จำไว้เลยนะคะ...สักวันหนึ่ง..ถ้าหนูได้แต่งชุดสีขาว..หนูจะไม่เป็นอย่างนี้เด็ดขาด...หนูจะต้องช่วยคนไข้ได้มากกว่านี้..ต้องคุยกับเขาให้รู้เรื่อง..ให้เขาได้เข้าใจ..และให้กำลังใจแก่เขา..ต้องให้เวลาเขาด้วย..ไม่ใช่ตรวจแค่ 5 นาที...คนไข้รอตั้ง 5 ชั่วโมง.....ราชิกา..เกลียดมาก..และตั้งปณิธานว่า...จะไม่มาที่โรงพยาบาลแห่งนี้อีกเลย.... ...ปัจจุบัน..ราชิกา..แต่งชุดสีขาว..และได้มาทำงานในโรงพยาบาลแห่งนี้...พร้อมทั้งเริ่มต้นในการพัฒนาคุณภาพ....มีงานหลายๆอย่างที่เรามีส่วนในการบุกเบิก...จนก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง.มาตลอด 28 ปีของการทำงาน....ขณะนี้..มีความสุขในการทำงาน..โดยเฉพาะ..เมื่อเห็นคนไข้มีความสุข..และหายจากการเจ็บป่วยค่ะ..
17 มิถุนายน 2552 11:51 น. - comment id 105460
คิดถึงแม่เสมอเลยค่ะ
18 มิถุนายน 2552 22:58 น. - comment id 105495
ไออุ่นอุ่น หนุนแนบแอบอิงข้าง ตักกว้างกว้าง หนุนสบายหายหม่นหมอง แขนแข็งแรง แกว่งไกวลูบไล้ประคอง เสียงขับร้อง เพลงกล่อมหว่านล้อมมี หลับเถิดลูก สุขเสมออย่าเผลอพลาด แม้นไม่อาจ คุ้มภัยได้ทุกที่ แต่ไออุ่น ละมุนใจให้เปรมปรีดิ์ แม่ยังมี ให้เจ้าเฝ้าห่วงใย