เส้นทางของความสุข
กระต่ายใต้เงาจันทร์
ตามช่วงจังหวะชีวิต บางเวลาของช่วงการเดินทางของแต่ละคนย่อมแตกต่างกันไป แล้วแต่ภาระหน้าที่ แล้วแต่จิตใจและยังแล้วแต่ความอ่อนไหวทางความคิด
บางครั้งเส้นทางก็ราบเรียบ บางเส้นทางก็ขุรขระ บางเส้นทางก็โลดโผน
แต่มนุษย์มักไม่เคยพอใจ ในสิ่งที่เป็นอยู่ เพราะแต่ละชีวิตย่อมมีตัวกิเลสเป็นตัวกำหนด
เหมือนในวันนี้ ยังจากดิฉันสวดมนตร์ไหว้พระ ในตอนเช้าเช่นทุกวัน
มีเสียงหนึ่งดังขึ้นหน้าบ้าน
อาจารย์ต่าย อยู่ไหมๆๆๆ เสียงเรียกดังขึ้นหน้าบ้าน ในช่วงเช้า ไม่พูดพล่ามทำเพลง เปิดประตูรั้วๆนั่งที่โซฟา ห้องรับแขกเสร็จสรรพ
ทนไม่ไหวแล้ว พี่ปลูกต้นไม้ ปลูกว่าน ไว้ที่ในส่วนบ้านของพี่ พ่อพี่ฟันทิ้งหมด ไหนบอกว่า พ่อแม่คือพระในบ้านไง มารชัดๆ
ผู้หญิงวัยกลางคนชื่อพี่ตุ่น ที่ทำหน้าที่กวาดถนน ทุกเช้า มานั่งพูดและแสดงอาการโมโห หงุดหงิด ผู้เป็นพ่อให้ฟัง
กวาดถนนทำไมไม่กวาดใจไปด้วยค่ะ สิ่งนี้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก ทำไมพี่ยังโมโห พ่อคือผู้ให้กำเนิด อย่างน้อยก็ให้ชีวิตเรา
แต่พี่ซื้อที่จากพ่อแล้วน่ะ เป็นพ่อแท้ๆยังต้องให้พี่ซื้อที่ ทำไมไม่ยกให้พี่ฟรีๆในเมื่อพี่เป็นลูกสาว
แล้วทำไมพี่ไม่คิดย้อนกลับบ้างค่ะ ว่าเราต้องตอบแทนบุญคุณพ่อ ถือว่าทดแทนบุญคุณที่ท่านเลี้ยงเรามา
นี่คิดถึงเรื่องพ่อทีไร โมโห แน่นหน้าอกทุกที เพราะพ่อแท้ๆเชียวทำให้พี่ไม่สบาย
ความทุกข์ เกิดจากความคิด พี่โมโห พี่หงุดหงิด อารมณ์ก็ แปรปวนส่งผลต่อสุขภาพร่างกาย
ทำอย่างนี้นะคะ เอาสมุดขึ้นมาหนึ่งเล่ม พร้อมปากกา วันไหนโมโห ใครเรื่องอะไร ก็เขียนลงไป โมโห กี่ครั้ง โมโหกี่เรื่อง ก็เขียนตามจำนวนนั้น
ถ้าพี่ไม่โมโหเลย พี่ก็เว้นไว้หนึ่งหน้า แล้วมาดูสิคะว่า ในหนึ่งอาทิตย์หรือภายในหนึ่งเดือน โมโห กี่ครั้ง ไม่โมโหกี่ครั้ง ลองทำดู
และอีกอย่างนะคะ เวลาที่หงุดหงิด โมโห หรือไม่พอใจ
เวลาพ่อมาฟันต้นไม้ ถางหญ้า ที่พี่ปลูก ก็ถือว่า เราได้บุญ ที่พ่อทำเช่นนี้ เพราะพ่อได้ออกกำลังกาย สุขภาพแข็งแรง
ถ้าพ่อชอบที่จะฟันต้นไม้ตรงนั้นเราก็ หาที่ปลูกใหม่ ต้นไม้ตายปลูกใหม่ได้
แต่ถ้าพ่อเป็นอะไร เราหาหรือปลูกใหม่ไม่ได้
การทำชีวิตให้เป็นสุข ง่ายนิดเดียวอยู่ที่เราคิด และวิธีคิดของเรา
การมีชีวิตอยู่ และการดำรงชีวิตให้เป็นสุขอยู่ที่เส้นทางที่เราจะเลือกเดินและเลือกทำ
สิ่งสำคัญ เรามองดูแต่อื่น แล้วจงอย่าลืมมองดูตัวเอง