มาดูแลผู้สูงอายุกันเถอะ
ลุงแทน
มาดูแลผู้สูงอายุกันเถอะ
เทศกาลสงกรานต์ อย่างน้อยคนไทยก็พอจะมีความสุขได้ พักสมองจากการเมืองและเศรษฐกิจชั่วคราว ผู้คนแห่ไปเที่ยวต่างจังหวัดไม่น้อย ทำให้เงินหมุนไป เศรษฐกิจช่วงสั้น ๆ เงินสะพัดเป็นพันล้าน
สงกรานต์ทุกปี มีวันผู้สูงอายุแห่งชาติ 13 เม.ย. ปีนี้รัฐบาลมาร์ค ใจดี ให้ค่าครองชีพผู้สูงอายุ 60 ปี ได้ 500 บาทไม่เลือกหน้า เถ้าแก่เนี้ยร้านทองก็ได้ด้วย เพราะเข้าเกณฑ์ ก็ไม่เป็นไร ทุกคนก็มี พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย ที่เป็นผู้สูงอายุทั้งสิ้น ทำบุญกับคนแก่ ไม่เสียหลาย
ก็เหมือนทำบุญกับญาติผู้ใหญ่ตัวเองนั่นล่ะ ชีวิตมีแต่จะเจริญมากขึ้นเรื่อย ๆ
พูดถึงผู้สูงอายุ มีข้อมูลว่า สังคมไทยนั้น เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุแล้ว เนื่องจากพัฒนาทางการแพทย์และการผดุงครรภ์ที่ดี รวมทั้งการที่ผู้คนมีความรู้มากขึ้น ทำให้ดูแลตัวเองแข็งแรง มีอายุยืนขึ้น เห็นได้เลย คนอายุ 60 ตอนนี้ หน้ายังใสปิ๊ง หนุ่มฟ้อ สาวเฟี้ยว
ไม่ใช่ภาพคุณตา คุณยาย แบบภาพ เก่า ๆ อีก
โดยสถิติที่ใช้เป็นเกณฑ์วัดว่าสังคมไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ คือ ประชากรไทย 100 คน ต้องดูแลผู้สูงอายุถึง 16 คน ซึ่งถือเป็นภาระหนักพอดู ระดับผู้สูงอายุก็แบ่งเป็นช่วง ๆ
ช่วงอายุ 60-70 ปี เรียกว่า วัยสูงอายุเริ่มต้น ยังแข็งแรง สมองก็ยังดี หลายคนจึงยังทำงานต่อไปได้ เรียกว่า ไม่ต้องพึ่งพาลูกหลาน ยังช่วยตัวเองได้ ว่างั้นเถอะ
ช่วงอายุ 71-80 ปี เป็นผู้สูงอายุที่ เริ่มมีปัญหา ทั้งเรื่องสุขภาพ เรื่องการทำงาน สมองเริ่มจำอะไรไม่ดีเหมือนก่อน บางคนเป็น อัลไซเมอร์ สมองฝ่อ ต้องพึ่งลูกหลานเป็น ส่วนใหญ่
ช่วงอายุ 80 ปีขึ้นไป ถือเป็นวัยชราโดยสมบูรณ์แบบ ต้องพึ่งลูกหลาน ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้
แต่นั่นล่ะ เพราะสังคมที่เจริญขึ้น คนชราก็เลยถูกทอดทิ้งมากขึ้นเช่นกัน ซึ่งเป็นเรื่องน่าสลดใจมาก ใครมี พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย ที่ยังมีชีวิตอยู่ ก็ขอให้ช่วยกันดูแลให้ดี แม้บางท่านจะจู้จี้ ขี้บ่น เอาแต่ใจตัวเอง ก็ขอให้อดทน ถือว่าได้ทำบุญกับพระอรหันต์ที่บ้าน
ไม่อย่างนั้น อาจต้องมานั่งเสียใจ ตอนท่านเหล่านี้เสียไปแล้ว ทำไมตอนนั้นเราไม่ดูแลท่านให้ดีกว่านี้นะ ส่วนคนแก่ทั้งหลาย ก็ต้องปรับตัว อย่าทำตัวให้น่าเบื่อหน่าย เอาแต่ใจตัวเองจนเกินกำลัง อะไรที่ช่วยตัวเองได้ ก็ช่วยตัวเองไปก่อน ไปเข้ากลุ่มทำประโยชน์อะไรได้ก็ดี จะได้สนุกด้วย
เท่านี้แหละ ทั้งคนแก่ คนหนุ่ม คนสาว ก็จะอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข
ก่อนจบ อยากฝากไว้ซักนิดว่า หากเห็นพ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย เดินไม่ได้ อย่าเหมารวมว่า ท่านเป็นโรคคนแก่ หรือกระดูกผุอย่างเดียว เพราะอาจเป็นโรคที่เกี่ยวกับเส้นประสาทที่ควบคุมการทรงตัวด้วย โดยเฉพาะคนวัยนี้เป็นโรคสมองฝ่อ หกล้มก็บ่อย ยิ่งจะทำให้เกิดโรคซ้ำซ้อน
เป็นอัมพาตและสมองฝ่อในเวลาเดียวกัน การรักษาจะซับซ้อนและยากเป็นเท่าตัว
ทางที่ดีที่สุด คือ หากเห็นท่านเดินไม่ดี เดินกะโผลกกะเผลก หรือปวดเข่า ก็อย่านิ่งนอนใจ พาไปหาหมอจะดีที่สุด อย่าลืมให้เช็กสมองด้วย จะได้รีบตรวจรักษาแต่เนิ่น ๆ ท่านจะได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีในบั้นปลาย
ที่เขียนเพราะมีประสบการณ์ตรง เลยอยากฝากเป็นข้อเตือนใจไว้ สำหรับการดูแลผู้สูงอายุในบ้าน ซึ่งเป็นที่รักของเราทุกคน
และสำหรับสงกรานต์ปีนี้ ก็ขอให้คนไทยสุขสันต์สงกรานต์ ขออย่าให้มี “สงกรานต์เลือด” เลย.