9 มีนาคม 2531 .....เพล้ง...!!!!!!! เสียงกรอบรูปกระจกที่แขวนไว้บนหัวนอนหล่นกระแทกหัวข้าพเจ้าอย่างแรง แต่แปลก..กลับไม่มีร่องรอยของบาดแผลแม้แต่นิดเดียว...มันเป็นกรอบรูปของ ย่าทวดที่แขวนไว้มานานพอดู..... ข้าพเจ้าค่อยค่อยลุกขึ้นแล้วเก็บเศษกระจกที่เกลื่อนเตียงจนหมด...ในใจไม่ได้ คิดอะไรคงเป็นเพราะทั้งลวดและเหล็กที่ผูกรั้งกรอบรูปคงเป็นสนิมทำให้เกิด เหตุการณ์แบบนี้........กริ๊งๆๆๆๆ.....กริ้งๆๆๆๆๆ...เสียงโทรศัพท์บ้านดังลั่น ข้าพเจ้าคิดว่าคงเป็นพวกเพื่อนๆ โทรตามไปงานเลี้ยงในวันที่สำเร็จการศึกษา เพราะวันนี้การสอบทุกอย่างสิ้นสุดลงแล้ว.........!!!!
"....เลิก...เลิกได้แล้ว..เล่นกันก็ทะเลาะกัน.......ไม่เลิกเดี๋ยวเห็นดีแน่ๆ............"ไม่รู้ว่าพ่อของข้าพเจ้าดุให้ใครระหว่างข้าพเจ้ากับเพื่อนที่กำลังวางมวยกันกันอุดตลุดด้วยเหตุที่มันแกล้งน้องของข้าพเจ้าก่อน...." เลิกเล่น..เลิกทะเลาะกัน..แล้วกลับบ้านไปอาบน้ำ " ...เสียงสำทับอีกรอบของพ่อ ทำให้ข้าพเจ้าและเพื่อนต้องหยุดวางมวยกันโดยที่ยังไม่รู้ผลแพ้ชนะ...เพียงแต่ปรากฏร่องรอยเขียวเป็นจ้ำรอบเบ้าตาและเลือดที่กลบปากของแต่ละฝ่าย.... " พี่กลับบ้านไปพี่ต้องโดนแม่หวดอีกรอบแน่แน่ "....น้องชายตัวดีของข้าพเจ้าพูดด้วยความเป็นห่วง... " แม่ไม่เท่าไหร่หรอก กลัวพ่อมากกว่า " พูดพลางพร้อมกับกอดคอน้องชายเดินกลับบ้าน..ในใจนึกถึงคำพูดของพ่อเสมอว่าหากเกเรจนมีเรื่องมีราวสอบสวนแล้วไม่มีเหตุผลเพียงพอต้องโดนฟาดเท่ากับอายุ...นึกแล้วข้าพเจ้าใจหายโดนพ่อสิบสองไม้ตายแน่ๆ...น้องชายอีกสิบไม้...ยิ่งตัวเล็กอยู่คงเจ็บน่าดู........... ข้าพเจ้ากอดคอน้องชายกระชับขึ้นเหมือนเป็นการปลอบโดยที่น้องของข้าพเจ้าไม่รู้หรอกว่าข้าพเจ้าคิดอะไรอยู่...แต่ที่แน่ๆ...ต้องผ่านด่านแม่ให้ได้เสียก่อน....!!!!!! ...ตามคาด...โดนแม่หวดซะหลายไม้ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงสิบสองไม้เพราะไม่มีโอกาสได้นับและไม่มีการสวบสวนจากแม่....ข้าพเจ้าร้องไห้สองคนกับน้องตามประสาเด็ก...ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าโดนแม่ตีเลือดไม่ไหลซักหยดกลับร้องไห้....แล้วทีเลือดกลบปากจากการวางมวยกับเพื่อนกลับไม่ร้องไห้.!!!! ......แล้วพ่อหายไปไหน..???...ยังต้องผ่านด่านการสวบสวนของพ่ออีก...หรือพ่อลืมไปแล้ว ....ค่อนคืนก่อนเข้านอนข้าพเจ้าได้ยินเสียงใครค้นอะไรกุกกุกกักกักข้างนอกสักพักมีเสียงเปิดประตูห้องนอนเข้ามา...เป็นพ่อนั่นเอง...ในมือพ่อถือตลับอะไรไม่รู้สีเหลืองเหลืองเอามาวางตรงที่นอนแล้วเดินออกไป...ก่อนออกจากประตูห้องนอนพ่อหันกลับมาพูดว่า " ทาขี้ผึ้งซะ แผลที่ฟกช้ำจะได้ทุเลา...ที่หน้าทีหลังการ์ดมวยให้มันสูงกว่านี้หน่อย " พูดจบพ่อก็เดินออกห้องไป..ปล่อยให้ข้าพเจ้ากับน้องชายนั่งมองหน้ากันก่อนที่น้องชายข้าพเจ้าทาขี้ผึ้งตามรอยช้ำรอบเบ้าตาให้....ไม่โดนพ่อตีแฮะ..!!!!!
".............ฮัลโหล...แม่สบายดีไหมครับ..อากาศหนาวแล้วแม่ดูแลสุขภาพด้วยนะครับแม่ครับพ่ออยู่ไหม?? ผมซื้อเสื้อกันหนาวให้พ่อแล้วนะเอาไว้เสาร์อาทิตย์หยุดเรียนแล้วผมจะกลับบ้านเอาเสื้อไปให้พ่อนะครับ..." .................................................... "........ฮัลโหล...แม่..พ่อเป็นไงมั่ง ไปหาหมอหรือยัง หมอบอกพ่อเป็นอะไร...แม่อย่าลืมเตือนพ่อเรื่องกินยานะ..เสาร์-อาทิตย์นี้ผมก็จะกลับบ้านแล้ว..บอกพ่อด้วยนะแม่ " ในวัยเรียนข้าพเจ้าใช้เงินอย่างประหยัดที่สุดเพราะพ่อและแม่อุตส่าห์ตรากตรำเสาะหาเท่าที่แรงของท่านจะมี...ส่วนหนึ่งข้าพเจ้าก็ใช้น้ำพักน้ำแรงของข้าพเจ้าหามาเพื่อแบ่งเบาภาระอันหนักอึ้งของทั้งสองท่านเพราะท่านต้องส่งลูกเรียนทั้งสองคน อีกทั้งสุขภาพของพ่อก็ไม่ค่อยจะดีนัก....แต่ทุกครั้งที่ข้าพเจ้ากลับบ้านท่านจะดูมีความสุขไม่เหมือนกับคนที่สุขภาพไม่ค่อยดี...ข้าพเจ้าจึงกลับบ้านค่อนข้างบ่อยเพราะอยากเห็นทั้งพ่อและแม่มีความสุข....
....ข้าพเจ้าเหม่อมองไปจนสุดเส้นขอบฟ้าอย่างเลื่อนลอย...เหตุการณ์เก่า ๆ ย้อนเข้ามาในความทรงจำหลากหลายเรื่อง...ท่ามกลางสังคมปัจจุบันที่มีการปากกัดตีนถีบในหลายๆ เรื่องสังคมที่แบ่งฝักแบ่งฝ่าย...แบ่งสีแบ่งข้างกันอย่างชัดเจน...ข้าพเจ้านึกถึงวัยเด็ก....นึกถึงวัยเรียนที่สนุกสนานกับเพื่อนฝูง ภาพความทรงจำเก่าเก่าดูช่างงดงาม...ตราบจนปัจจุบันซึ่งข้าพเจ้าผ่านช่วงชีวิตมามากมายเรียนรู้และปรับตัวกับเหตุการณ์ต่างๆของวัยทำงาน พบเจอกับผู้คนมากหน้าหลายตา...พบความความผิดหวัง..สมหวังปนเปกันไป...แต่ลึกลึกในใจของ ข้าพเจ้ายังอยากที่จะหวนย้อนไปสู่ช่วงวัยเด็กอีกครั้ง...ไปทำไม???...ไปแก้ไขอะไร??
....ข้าพเจ้าค่อยค่อยพลิกดูอัลบั้มรูปเก่าเก่าซึ่งจำไม่ได้ว่าดูไปกี่รอบแล้ว...แต่มันทำให้ข้าพเจ้านึกถึงพ่อและแม่ทุกครั้ง..ยามที่ข้าพเจ้าเหนื่อยล้า...ท้อแท้...มักจะหยิบอัลบั้มนี้ขึ้นมาดูเสมอซึ่งมันทำให้ข้าพเจ้าสุขใจอย่างบอกไม่ถูก...กับการมองดูอดีตที่ผ่านมา...แต่บางรูปก็ทำให้ข้าพเจ้าน้ำตาซึม...หลายครั้งที่ต้องเช็ดน้ำตาเมื่อมองรูปบางรูปของวันวาน....... ................................................... " แม่ครับ อาทิตย์นี้ผมจะกลับบ้านะครับ....ผมลาพักร้อน แม่อย่าลืมแกงที่ผมชอบทานนะครับผมรักแม่ครับ..แล้วเจอกันนะครับ " ......แล้วทำไมข้าพเจ้าไม่ถามถึงพ่อ????
9 มีนาคม 2531 .....เพล้ง...!!!!!!! เสียงกรอบรูปกระจกที่แขวนไว้บนหัวนอนหล่นกระแทกหัวข้าพเจ้าอย่างแรง แต่แปลก..กลับไม่มีร่องรอยของบาดแผลแม้แต่นิดเดียว...เป็นกรอบรูปของ ย่าทวดที่แขวนไว้มานานพอดู.....ข้าพเจ้าค่อยค่อยลุกขึ้นแล้วเก็บเศษกระจกที่เกลื่อนเตียงจนหมด...ในใจไม่ได้คิดอะไรคงเป็นเพราะทั้งลวดและเหล็กที่ผูกรั้งกรอบรูปคงเป็นสนิมทำให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้........กริ๊งๆๆๆๆ.....กริ้งๆๆๆๆๆ...เสียงโทรศัพท์บ้านดังลั่นข้าพเจ้าคิดว่าคงเป็นพวกเพื่อนๆ โทรตามไปงานเลี้ยงในวันที่สำเร็จการศึกษาเพราะวันนี้การสอบทุกอย่างสิ้นสุดลงแล้ว.......... ..... " ฮัลโหล ว่าไงพวกแก " ข้าพเจ้ากรอกเสียงไปก่อนโดยที่ยังไม่รู้ว่าเป็นใครโทรมา!!!!!!!!! " พี่...พ่อเสียแล้ว...เสียที่โรงบาลศิริราช...แม่โทรหาพี่ที่บ้านไม่มีคนรับสายพี่คงไป......... ???????? !!!!!!!!!!!!! ...หลังจากนั้นข้าพเจ้าก็ไม่ยินอะไรอีกเพราะกอย่างอื้ออึง...โลกนี้เหมือนมืดสนิทตัวข้าพเจ้าสั่นเทาไม่มีเรี่ยวแรงพอที่จะจับหูโทรศัพท์ฟังน้องของข้าพเจ้าพูดต่อ....มันเหมือนข้าพเจ้าอยู่ในโลกนี้...คนเดียว !!!! ทำไม???ต้องเป็นวันนี้เป็นวันที่ข้าพเจ้ากับน้องเรียนจบ ทำไม???พ่อต้องทำงานหาเงินส่งข้าพเจ้ากับน้องเรียนแล้วไม่รอดูลูก ทำไม???พ่อไม่รอข้าพเจ้ากับน้องได้ทำงานเสียก่อนเหมือนที่พ่อบอกว่าอย่าเลือก งาน ทำไม???พ่อไม่ยอมให้ข้าพเจ้ากับน้องตอบแทนบุญคุณที่ได้เลี้ยงดูมาจนเติบใหญ่ .....ทำไม???.....ข้าพเจ้ากลับไปแก้ไขอดีตไม่ได้...ทำไม??????????????
๏ ภาพเก่าก่อนงดงามมีความหมาย คือใจกายวิญญาณทุกวารผัน ยี่สิบเอ็ดปีผ่านเนิ่นนานวัน ยังผูกพันพ่ออยู่มิรู้คลาย จากเด็กน้อยเติบใหญ่ในโลกกว้าง ผ่านหนทางยากเข็ญหลากเส้นสาย ยึดคำพ่อก้าวย่างทุกทางกราย สู่ที่หมายฝากฝั่งดั่งตั้งใจ ลูกมิได้แทนคุณเกื้อหนุนพ่อ ได้เทียมพอคุณอนันต์อันยิ่งใหญ่ ขอตั้งสัตย์อธิษฐานทุกกาลไป เกิดภพใดขอแทนทดตราบหมดปราณ ภาพเก่าก่อนงดงามมีความหมาย คือใจกายถักทอก่อประสาน พ่อกับลูกผูกพันอนันต์กาล จักรวาลฤๅเทียมน้อย...รอยผูกพัน๚ะ๛ ***งานเขียนชิ้นนี้ข้าพเจ้าขออุทิศให้คุณพ่อของข้าพเจ้า คุณพ่อทรงบุญ มากมูล ชาตะ 4 มีนาคม 2488 มรณะ 9 มีนาคม 2531
9 มีนาคม 2552 20:28 น. - comment id 104285
สวัสดีค่ะ พี่บินเดี่ยวหมื่นลี้ ความทรงจำที่อยากลืม แต่กับจำ พี่บินเดี๋ยวยังพรากเมื่อโตแล้ว หรือนี้คือบททดสอบของชีวิตให้เราต้องกล้า ต้องแกร่ง พร้อมทั้งอ่อนโยนไปพร้อมกัน พ่อตายคือฉัตรกั้น หายหัก แม่ดับดุจรถจักร จากด้วย โฃคดี มีแต่ความสุขค่ะ
10 มีนาคม 2552 16:44 น. - comment id 104288
นั่นสินะทำไม ถ้าเราสามารถหยั่งรู้อนาคตได้ เราก็คงไม่มีคำถามเหล่านี้ แม้ว่าคำถามบางคำถาม อาจจะไม่ได้ต้องการคำตอบ แต่อย่างน้อย สิ่งที่เราทำก็คือความภาคภมูใจของท่าน ไม่ว่าจะอยู่ที่ตรงไหน ท่านย่อมรับรุ้ได้เสมอ และหากเรายิ่งนำพาชีวิตไปในทางที่ถูกที่ควร ท่านคงยิ่งยิ้มใหญ่...ว่ามะ..
12 มีนาคม 2552 13:18 น. - comment id 104294
เป็นความทรงจำและความผูกพันที่ดี ที่คุณบินเดี่ยวมีต่อพ่อ ขอให้คุณเก็บความทรงจำที่งดงามนี้ไว้ตลอดไปนะค่ะ ขอน้อมคารวะคุณพ่อทรงบุญ มากมูล ด้วยความเคารพค่ะ