หลายครั้ง หลายหน เรื่องราวแห่งโลกอินเตอร์เน็ต ก็คงไม่พ้นการเอาข้อมูล บทกวี หรือวรรณกรรมของผู้อื่นมา โดยมิได้เอ่ยอ้างแหล่งที่มา จนเกิดเหตุการณ์ที่เป็นข้อถกเถียงกันมากมาย.. วันก่อนได้เขียนเรื่อง สะ-หมอง โดยที่มิได้รับรู้ว่าที่นี่เกิดอะไรกันขึ้น แต่เมื่อโพสข้อมูลเรียบร้อยแล้ว กลับได้รับรู้ข้อมูล ซึ่งอาจทำให้หลายคนเข้าใจไปในทางที่ไม่ถูกได้ แต่มิเห็นเหตุที่จะต้องแก้ต่าง เพราะอาจเหมือนกับแก้ตัว.. เหตุการณ์แบบนี้ เช่นนี้ คงเกิดขึ้นไม่รู้จักจบจักสิ้น ถ้าผู้ที่นำข้อมูลของผู้อื่นมานั้น มิได้มีการเอ่ยอ้างถึงแหล่งที่มา และเอ่ยอ้างถึงผู้เขียน ซึ่งถือเป็นการให้เครดิตอย่างหนึ่งสำหรับผู้ที่เขียนบทความ วรรณกรรมนั้น จากความรู้สึกของตัวเองที่ผ่านมา เมื่อพบว่ามีคนคัดลอกเรื่องราวของตัวเองไปนั้น อดรู้สึกลึก ๆ ไม่ได้ว่า กว่าจะคิด กว่าจะเขียน ออกมาได้สักเรื่องหนึ่งนั้น ถึงแม้มันจะไม่ได้ทรงคุณค่ามากมายในสายตาใคร แต่มันเป็นคุณค่าทางใจสำหรับผู้เขียน และเห็นใจในความรู้สึกของผู้ที่ถูกพาดพิง แต่เหตุบังเอิญสำหรับเรื่องราวการเขียน บทกวี บทความนั้น ถ้าจะพูดตามความจริง ซึ่งเป็นสิ่งไม่ตาย แต่คนพูดอาจจะตายได้ เพราะไม่ถูกใจใครหลายคนว่า.. การเขียนบทกวี บทความนั้น มันเป็นไปได้ยากยิ่งที่ แต่ละคนจะเขียนได้ละม้าย คล้ายคลึงกันจนแทบจะแยกไม่ถูก หัวข้ออาจจะตรงกันได้ แต่เนื้อในนั้นคงหาไม่ เรื่องที่เขียนในวันนี้ อาจไม่ถูกใจใครหลายคน แต่..อยากจะบอกว่า อย่าเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาล..ในการตัดสินใจว่า ใครถูก ใครผิด เพราะบางครั้งเรื่องราวบางเรื่อง ไม่สามารถหาคำตอบได้ว่า อะไรเกิดก่อน อะไรเกิดหลัง และอย่าตัดสินด้วยเหตุเพราะว่า ฉันเป็นพวกเธอ และเธอเป็นเพื่อนฉัน เพราะเหตุว่า ถ้าวันหนึ่งเรื่องราวมันมาถึงตัวเองแล้ว มันคงเป็นอะไรที่ตัดสินลำบากยากยิ่ง ปล. เขียนเรื่องนี้แล้ว ก็ไม่รู้จะโดนอะไรบ้าง สำหรับศูนย์กลางจักรวาล..แห่งโลกใบนี้ ขอบคุณสำหรับหัวข้อเรื่อง ที่เพื่อนเอ่ยออกมา และขอนำมาเป็นหัวข้อในการเขียน
28 กุมภาพันธ์ 2552 20:20 น. - comment id 104143
คุณแม่มดใจร้าย .. สะ-หมอง , อวัยวะส่วนหนึ่งที่เรียกว่าสมอง คนที่คัดลอกงานไป ก็ยังอุตส่าห์แปลงชื่อนิดหน่อย นับว่ายังมีสมอง แต่สมองที่มีนั้น น่าจะบรรจุสิ่งที่ดี ๆ กว่านั้น ... จริงมั๊ย เอาน่ะ .. เรื่องราวบนอินเตอร์เน็ต แบบเรียนหนังสือเล่มโตมีให้ศึกษาไม่รู้จบ คำว่า "ศูนย์กลางจักรวาล" .. ในความหมายที่อัลมิตราคิด มีหลายแง่มุมนะ เช่น .. บุคคลที่ต้องการอยู่ในสภาพแวดล้อมของการยอมรับ เขียนไม่เป็น .. ก็หยิบโน่น ฉวยนี่มา เพื่อให้คนอื่นเข้าใจว่าเขียนเป็น เขียนได้ ทั้งนี้ทั้งนั้น หลงอิ่มเอมไปกับคำชม ป้อยอ .. ทำไม่ได้ .. ก็พยายามแสดงตนว่า กิจกรรมนั้นนี่ มีส่วนร่วมเป็นตัวสำคัญ ทั้งที่ทั้งนั้น เพื่อกลบสิ่งที่เป็นข้อบกพร่องจิตพาธ โดยเปรียบตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาล ..ไม่สามารถที่จะโดดเดี่ยวเป็นเอกเทศได้ เรื่องการลอก .. ของนักลอกมือทองคนนั้น ซึ่งก็ได้แต่ไถถ้อยคำออกเพ้อเจ้อออกมาแก้ตัว อัลมิตรากลับมองว่า .. หมดเป็นความมืออาชีพเสียจริง ๆ เลย ภาษาชาวบ้านคือ ไม่เนียน แต่ก็อย่าไปหวังว่า นักลอกมือทองคนนั้นจะเกิดการปรับปรุงตัว เพราะสังเกตแล้ว ยากมาก บางทีสาเหตุอาจเกิดจากอวัยวะที่เรียกว่าสมองก็ได้นะ ..
28 กุมภาพันธ์ 2552 21:19 น. - comment id 104145
อัลมิตราเอ๋ย.. ดูว่า..สะ-หมอง เราจะฝ่อไปในบันดล คิดไม่ออก เขียนไม่ได้ ใจไม่กล้า แต่ยังไม่บ้านะ อัลมิตรา เอาน่ะ ขนาดองค์กรใหญ่ ๆ มีหลักเกณฑ์ หลักการ รวมถึงหลักกู หรือรวมทั้งพวกข้าใครอย่าแตะ เพราะถ้าแตะมีหวังโดนเตะ เราก็เลยเลือกที่จะเดินจากมา ก่อนที่..สะ-หมองเราจะฝ่อไปมากกว่านี้ ถึงอย่างไรเขาก็มี สะ-หมอง ที่จะหยิบ จับ และดัดแปลง แต่ไม่ยักดัดนิสัย นี่เราจะโดนข้อหาใด ๆ จากผู้ใดอีกมั้ยเนี่ย
28 กุมภาพันธ์ 2552 21:37 น. - comment id 104146
ข้อหา . .?? ถ้าความถูกต้องคือข้อหา ก็ขอให้จักรวาลนี้เจริญด้วยความผิด เถอะ
28 กุมภาพันธ์ 2552 21:49 น. - comment id 104147
ที่นั่นทำให้เราเห็นว่า ไม่สามารถทำได้ตามที่พูด ถึงแม้จะมีหลักฐานพยาน แต่ก็หากระทำใดไม่ เหตุเพราะว่าเป็นเพื่อนเป็นกลุ่มกิจกรรม ที่ร่วมแรงร่วมใจกันมาเนิ่นนาน แทนที่จะแนะนำให้กล่าวคำขอโทษหรือ ชี้แจงเหตุผลที่แท้จริง หรือมิจริงแท้ กลับปล่อยนิ่งเฉยไว้ นี่แหละโลกอินเตอร์เน็ต โลกการศึกษาใบใหญ่
1 มีนาคม 2552 07:54 น. - comment id 104149
คุณแม่มดใจร้ายครับ สวัสดี คร้าบตอนเช้า5555จริงๆผมตื่นสายมากๆๆ เห็นบ่นๆๆแต่เช้าเลย ให้กำลังใจกับนักเขียนที่เพิ่งหัดเขียน(บางคน) บางครั้งจะเขียนเองโดยตัวเองไม่ได้ อาจเผลอยืมบางตอนมาก็ได้ เราแค่เอาโลเคชั่นมาทำให้สวนสวยแค่นั้นเอง5555 จริงๆต้องบอกว่าหากตัวจริงเขารู้อาจโกรธมากถึงมากที่สุดหากไม่ใส่ชื่อของพี่เขา เคยมีนักเขียนรุ่นพี่(ยายแล้ว)5555 เล่าว่าครั้งแรกที่เขียนมันนึกไม่ออก แวบไปมองงานเขียนคนเก่าๆเขาเขียนแบบไหน แล้วก็......ไม่บอก5555(อันตราย) แต่ผมก็มั่นใจว่าหากผ่านช่วงแรกไปแล้ว หัวมันแล่นจนเขียนไม่ทันโน้นล่ะ แต่พอเขียนเสร็จ ก็ต้องโยนทิ้งถังขยะเพราะ เฮ้อ..ขนาด ตัวเองอ่านยังบอกว่า เพิ่งเจอะฝันร้ายผ่านมานี่เอง555 เอาเป็นว่าผมเข้าใจความรู้สึกของคนเขียนเก่าๆว่ามันยากแค่ไหนที่จะคิดได้ซักเรื่อง แต่ผมก็เห็นใจนักเขียนใหม่ๆบางคนที่เพิ่งหัดเขียน ไกล่เกลี่ยนะ55555 ซักวันเมื่อเขาเหล่านั้นโตเป็นผู้ใหญ่(เขียนเก่ง) เขาเหล่านั้นก็จะมีแนวของตัวเองคร้าบผม ขอพวกพี่ๆ เมตตาหน่อยนะครับ ผมเป็นนักอ่าน เขียนหนังสือไม่เป็น แต่กล้าบอกได้ว่างานไหนดี งานไหนไม่ดี มีคุณค่าไหม คิดถึงใจเขาใจเรานะคร้าบทุกท่าน เป็นกำลังใจให้คุณแม่มดใจร้ายนะครับ สวัสดีครับ
2 มีนาคม 2552 16:54 น. - comment id 104179
สวัสดีครับแม่มดน่ารักแสนสวย งานเขียน นั้นไม่ยากหรอกหากเราอ่านหนังสือมากๆ และรู้ จักคิดค้นขึ้นเอง แต่ยากตอนสัมพันธ์กันซิครับซึ่ง น้อยคนจะเข้าใจถึงเหตุผลข้อนี้ การเลียนแบบก็ ดีการลอกเขาก็ดีจะเป็นปัจจัยทำให้สมองเราหยุด ชะงักการทำงานด้วยการผลิตพลังงานนั้นลดทอน ลงอย่างน่าเสียดาย ช่างเถอะถือว่าเป็นสถุลใจของ ผู้นั้น งานผมเองผมไม่เคยลอกเลียนแบบใครๆ จึงไหลลื่นเองโดยอัตโนมัติเพราะด้วยการฝึกหัด ใหม่ๆก็กระท่อนกระแท่นแต่ก็ภูมิใจ เมื่อผ่าน การใช้สมองเรามากขึ้นย่อมขยายใหญ่ตามมา เอง โลกใบนี้มีหลายสิ่งหลายอย่างที่จะนำมา เขียนได้ทั้งสิ้นอยู่ที่ว่าการประพันธ์ผลงานนั้น จะเนียนราบรื่นไหวพลิ้วถูกใจคนอ่านหรือไม่ เท่านั้น แต่ที่ได้รับคือความภาคภูมิใจที่ผลงาน ของเราเอง ผมถึงไม่สนใจงานเขียนใดๆเลย เอาใจของผมเองเป็นบรรทัดฐานในการเขียน งานนั้นๆแม้จะเป็นเรื่องสั้นหรือกลอนก็ตาม ผมจะเอาชีวิตจริงๆที่ผมเห็นและประสบการณ์ ที่ผมได้รับไว้เป็นวัตถุดิบมากลั่นกรองอีกทีหนึ่ง ฉนั้นผมถึงไม่แคร์ใดๆทั้งสิ้น ปกติผมเป็นคน เชื่อมั่นตัวเองสูงมาก และหยิ่งในศักดิ์ศรียิ่งนัก ไม่คำนึงว่างานนั้นจะดีหรือไม่ แต่ที่ได้รับคือ ความสบายใจเราสนุกสนานเป็นสำคัญ ขอบ คุณที่แวะมาเยี่ยมครับ คิดถึงเสมอ แก้วประเสริฐ.
4 มีนาคม 2552 08:45 น. - comment id 104212
คุณแม่มดใจร้าย เรื่องการลอกงาน ลอกบทความ ฉกฉวยถ้อยคำ ดูเป็นปกติไป เพราะการเขียนอาจจะมาจากการอ่าน การเลียนแบบ(แบบอย่าง)จึงมีความรู้สึกว่า ท่ามกลางภาวะที่โลกไซเบอร์เหมือนศูนย์ข้อมูล ก็คงต้องทำใจ แม้มันจะยากนะคะ ก็เข้าใจและเห็นใจค่ะ