10 เมษายน 2549 20:49 น.
เรียงร้อยเป็นเรื่องราว
"คุณมีความสุขไหมคะที่คิดกับแม่จ๋าแบบนี้?!"
ทัศนัยนิ่งงันอยู่อย่างนั้น คำถามที่เปล่งออกมา เหมือนราวกับโดนลูกกระสุนที่พุ่งออกจากปากกระบอกปืน พุ่งตรงเข้าใส่หัวใจให้ต้องรู้สึกเจ็บร้าว
"มีความสุขมากใช่ไหมคะที่ทำร้ายจิตใจแม่จ๋าได้น่ะ?!"
"หวาน! พ่อขอโทษ!"
"ขอโทษ! คุณพูดว่าขอโทษงั้นหรอ..คนที่คุณควรขอโทษคือผู้หญิงที่
ชื่อนวลปรางค์ต่างหาก! แต่มันสายไปแล้วล่ะ เพราะแม่ได้ตาย
ไปแล้ว! ตายไปเพราะคุณเป็นคนฆ่า!..ฆ่าด้วยความคิดโง่ ๆ
ของคุณอย่างไงล่ะ!"
หวานโพลงออกมาอย่างสุดแค้น น้ำตาไหลนองหน้า ร่างบางที่ยืนอยู่สะท้านไปด้วยความโกรธ
"พ่อไม่ได้ตั้งใจลูก!"
"คุณรู้ไหม ทำไมหนูถึงรู้เรื่องราวระหว่างคุณกับแม่ เพราะเพื่อนสนิท
แม่คนหนึ่งเป็นคนเล่าให้หนูฟัง แต่สำหรับแม่ แม่ไม่เคยพูดถึงคุณว่า
ไม่ดีเลย สักครั้งก็ไม่เคยมี ทุกประโยคที่หนูได้ฟังแม่เล่านั้น มันมี
แต่เรื่องดี ๆ ของคุณทั้งนั้น" หวานหยุดพูดยกหลังมือเช็ดน้ำตาที่มันเริ่มทำให้ตาของเธอพร่ามัว
"มีครั้งนึงหนูเคยถามแม่ว่า.."
. . .
"แม่จ๋า แม่โดนเขาทำร้ายจิตใจขนาดนี้ แม่ไม่รู้สึกโกรธ เกลียด
เขาบ้างหรือไงจ๊ะ"
"ไม่หรอกจ๊ะหวาน"
"ทำไมล่ะจ๊ะแม่"
"เพราะในหัวใจดวงนี้ของแม่เก็บแต่สิ่งดี ๆ ของพ่อจ๋าไว้เยอะแยะ
เลยน่ะสิจ๊ะ เยอะจนไม่มีที่พอให้เก็บสิ่งไม่ดี ของพ่อจ๋าไว้"
. . .
"นี่ไงคะคำพูดของผู้หญิงคนหนึ่ง ที่คุณเคยคิดว่าเธอเสแสร้ง!" แล้วหวานก็วิ่งพรวดพราดขึ้นข้างบนไป ไม่สนแม้แต่จะหันมามองผู้เป็นพ่อว่า ตอนนี้จะรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวกับสิ่งที่ตนเคยทำไว้อย่างไรบ้าง
"ทำไมล่ะปรางค์ ในเมื่อผมทำเลวกับคุณถึงขนาดนี้ ทำไมคุณยังดี
กับผมอยู่ ทำไมล่ะปรางค์ ทำไม!!!!!!!!!!!!!"
น้ำตาลูกผู้ชายอย่างทัศนัยได้ไหลออกมา ด้วยความรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าว ผสานกับความรู้สึกผิด เขาทำร้ายผู้หญิงคนหนึ่งที่รักเขาสุดหัวใจอย่างนี้ได้อย่างไร จิตใจของเขามันทำด้วยอะไร ทำไมถึงได้เลวเพียงนี้ มันสมควรแล้วล่ะที่จะโดนลูกสาวว่า เป็นฆาตกร
ภายในห้องของหวาน
"แม่จ๋า! ไม่เอาแล้ว หวานไม่อยากอยู่กับเขาอีกแล้ว ไม่เอาอีกแล้วนะแม่"
. . .
แม้เมื่อคืนมันจะเต็มไปด้วยเรื่องราวที่เจ็บปวด แต่ทัศนัยก็ตื่นแต่เช้ามาหุงหาอาหารให้ลูกสาวเหมือนเช่นทุกวัน กับความรู้สึกเสียใจที่ยังคงติดค้างอยู่ มันทำให้เขาไม่มีกระจิตกระใจที่จะทำอะไร จึงเลือกที่จะทำครัวซองแฮมชีส อย่างง่าย ๆ ให้ลูกสาวทานก่อนไปโรงเรียน
"หวานแต่งตัวเสร็จยังลูก" เขาตะโกนถามลูกสาวที่อยู่ข้างบนอย่างแปลกใจ เพราะปกติลูกสาวจะต้องลงมานานแล้ว ด้วยความรู้สึกเป็นห่วงอย่างบอกไม่ถูก ทำให้เขาต้องรีบวิ่งไปดูลูกสาวทันทีพร้อมความรู้สึกที่มันหวิว ๆ ยังไงชอบกล
"ก๊อก..ก๊อก..ก๊อก" เขาเคาะประตูตามด้วยเสียงตะโกนเรียกลูdสาวอย่างอดที่จะเป็นห่วงไม่ได้
"หวานครับ ลงมากินอาหารเช้าได้แล้วลูก" .... เงียบไม่มีเสียงตอบออกมาจากห้องของลูกสาว ไม่ว่าจะเรียกสักกี่ครั้งก็ตาม และเมื่อลองบิดลูกบิดประตู ทัศนัยก็ต้องพบกับความแปลกใจที่มันไม่ได้ทำการล็อคแต่อย่างใด เขารีบเปิดประตูพรวดพราดเข้าไปทันที และสิ่งที่เขาพบมันก็คือ....
9 เมษายน 2549 20:36 น.
เรียงร้อยเป็นเรื่องราว
"อุ๊ย! นั่นพี่เรียวใช่ไหมล่ะนั่น"
"ไหน! ไหน!"
"ว้าย! ใช่จริง ๆ ด้วย คิดไม่ถึงเลยนะเธอ ว่าตัวจริงจะล้อหล่อขนาดนี้"
มันเป็นธรรมดาสำหรับนายเรียวไปแล้ว ที่ไม่ว่าก้าวเท้าไปทางไหนมักถูกห้อมล้อมไปด้วยเสียงกรี๊ดกร๊าด กับสายตาที่เต็มไปด้วยความชื่นชอบของบรรดาเหล่าแม่พวกสาว ๆ ทั้งหลาย ที่มีใจปรารถนาในตัวเขาไม่น้อย แหม!! จะไม่ให้แม่พวกสาว ๆ พวกนี้รู้สึกแบบนี้ได้ยังไงกันล่ะคะ นายเรียวน่ะสิคะ ทั้งหล่อ ทั้งสมาร์ท เรียนเก่ง กีฬาเด่น แถมยังรวยอีกต่างห่าง เปอร์(เพอร์เฟ็ค) ไปเสียทุกอย่างขนาดนี้ เป็นใคร ๆ ก็ต้องชมชอบกันเป็นเรื่องปกตินั่นแหละคะ
"เรียวขาาา!!!" ถ้าหากว่า เสียงที่ร้องเรียกนายเรียวอยู่ตอนนี้ เป็นหญิงสาวในอุดมคติของหนุ่ม ๆ ทั้งหลายประมาณว่า ขาว สวย หมวย อึ๋มล่ะก็ หัวใจนายเรียวคงเบ่งบานเหมือนดอกไม้ที่แรกแย้มเลยทีเดียว แต่ทว่า....
"ตะเอง.. ตะเองทำรายงานเสร็จอ๊ะยังอ่ะ ขอเขาลอกหน่อยดิน้า น้า" เสียงห้าวที่บีบให้เล็ก กับหน้าที่เรียกได้ว่า น้อง ๆ มหาโจร กำลังส่งสายตาอันหยดย้อยมายังนายเรียว ขนตาที่ดูแข็งถื่อ กระพริบ ปริบ ๆ ดูช่าง....
"พอ..พอเว้ย! คืนนี้ข้าไม่อยากฝันร้าย" เรียวส่งเสียงห้ามอย่างขำ ๆ
"ให้ตายเถอะว่ะ ไอ้ท่าทางดัดจริตเมื่อกี้น่ะ"
" 'ไมหรอตะเอง เขาน่ารักใช่ปะล่ะ เนอะ เนอะ" น้องโจร เอ๊ย! นายกวางยังไม่วายที่จะสนุกกับการกระทำของตัวเองต่อ
"น่าถีบล่ะไม่ว่า..รายงานน่ะเสร็จแล้วจะลอกก็รีบลอกอาจารย์ขวัญขีดเส้นตายส่งวันนี้นะเว้ย อย่ามัวอีดอยู่" คำพูดท้ายประโยคของนายเรียวบ่งบอกได้ว่าเป็นห่วงเพื่อนไม่น้อยทีเดียว
. . .
"ถามอะไรหน่อยดิว่ะเรียว" นายกวางกล่าวแต่หน้ายังก้มจดรายงานอยู่โดยที่ไม่ยอมปล่อยให้เสียเวลาไปโดยใช่เหตุ
"เอ่อ..ว่ามาสิ"
"ตอนนี้เราอยู่ปีสองกันแล้ว เมื่อไรเอ็งจะมีแฟนสักทีว่ะ ไอ้พวกซี้ย้ำปึกเรามันก็มีกันหมดแล้ว"
"ยังไม่อยากคิดที่จะมีว่ะ" ดูเหมือนคำตอบของนายเรียวจะไม่ตรงใจกับใจสักเท่าไร แหม! มันยังไม่ชัวร์นิเจ้าคะ ไอ้ที่ไม่ชัวร์น่ะ เห็นทีคงไม่ใช่นายเรียวหรอกคะ ทางนั้นคะทางนั้นต่างหาก ที่นายเรียวไม่ชัวร์ว่า จะมีใจให้เขาหรือเปล่าน่ะสิคะ
"อุ๊ย!" นายกวางส่งเสียงอุทาน พลางเงยหน้าขึ้นมา
"หรือว่าตะเองแอบชอบเขาอยู่ หือ..ไม่อยากเชียว!" ปากกาที่ถืออยู่ในมือดี ๆ นายกวางก็เอาไปกัดเล่น แสร้งทำท่าเป็นเขินอาย นายเรียวเองได้แต่ส่ายหน้ายิ้ม ๆ เพื่อนฝูงนั้นมีมากหน้าหลายตา เพราะนายเรียวเป็นคนมีน้ำใจ ใจคอกว้างขวางกับทุกคนที่รู้จัก แต่เพื่อนที่ทำให้เขามีความสุขได้ เห็นจะมีนายกวางนี่แหละ ถึงจะดูต๊องไปหน่อยก็เถอะ
"แล้วเอ็งล่ะทำไมยังไม่มี" เขาย้อนถามนายกวางกลับไปบ้าง
"เขารอตะเองชวนเข้าบ้านอยู่อ่ะ ชวนมะไรก็โอเค๊ะทันที"
"ไอ้บ้า! ขนลุกว่ะ" แล้วชายหนุ่มทั้งสองต่างได้พากันหัวเราะออกมาอย่างสุขสำราญบันเทิงใจไปตามกัน
"ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า!"
. . .
ณ.โรงเรียนนานาชาติ
"โน้น..พวกยัยบิวเดินมาโน้นแล้ว" เดนนี่แม่กระเทยสุดสวยส่งเสียงบอก ขณะกำลังนั่งกินขนมและผลไม้อยูกับชีสตรงม้าหินแถว ๆ ตึกเรียน หลังจากที่ออกมาจากโรงอาหารกัน
"ว่าไงย่ะหล่อน ๆ ทั้งหลาย หายส่างเมากันแล้วหรือไงย่ะ"เดนนี่จีบปากจีบคอถามเพื่อน ๆ ที่ตอนนี้มาอยู่ตรงนี้แล้ว
"โหย! นี่ยัยเดนนี่เสียดายเมื่อคืนหล่อนไม่ไปกะพวกฉัน" คำพูดของแอนนี่สาวลูกครึ่งไทย-แคนนาดาทำให้เดนนี่และชีสต่างอยากรู้ความหมายที่แฝงอยู่ในคำพูดของเพื่อน
"ทำไม เมื่อคืน ทำไมหรอ" ชีสถามด้วยท่าทีสนใจ
"เมื่อคืนนะ...."แล้วแอนนี่จึงได้เล่าเรื่องเมื่อคืนที่ไปเที่ยวกับบิวและโรสให้ฟัง ท่าทาง น้ำเสียง และเสียงหัวเราะ ทำให้เรื่องที่เล่าดูมีรสชาติในจินตนาการของผู้ที่ไม่ได้ไปด้วย อย่างเดนนี่และเชีสเป็นอย่างดีทีเดียว
"ศุกร์นี้เลิกเรียนไปกันอีกไหมล่ะ" ชีสถามเป็นแกมชวนไปในตัว ทำให้เพื่อนแปลกใจไปตามกัน แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา เพราะรู้เป็นอย่างดีว่า เพื่อนที่แสนน่ารักของพวกเขาคนนี้ ไม่นิยมชมชอบในการเที่ยวราตรีนัก ถ้าลองเอ่ยปากชวนแบบนี้แสดงว่า อารมณ์ในการอยากท่องราตรีของแม่เพื่อนสาวคนนี้ ได้เกิดขึ้นแล้ว
"เอาสิ หล่อนไปด้วยนะเดนนี่จะได้ครบทีมสาวสวยรวยเสน่ห์" บิวพูดพร้อมกับหันไปทางเดนนี่ที่กำลังซุกซนกับการจับเจ้าลิงที่ห้อยอยู่กับกระเป๋าแบรนด์เนมชื่อดังของเธอ
"ไปสิ วันศุกร์ฉันไม่มีนัดที่ไหนอยู่แล้ว เอ่อนี่..เธอไม่ลองชวนพี่เรียวไปด้วยล่ะชีส" คำว่าพี่เรียวสร้างความสนใจและแปลกใจให้กับ บิว โรส และ แอนนี่ไม่น้อย
"ดีเหมือนกัน เดี๋ยวชีสจะลองชวนดู"
"ใครกันหรอพี่เรียว บอยเฟรนด์เธอหรอชีส" แอนนี่ส่งเสียงถาม แล้วเรื่องของนายเรียวจึงได้ออกมาจากปากของผู้เล่าที่ไม่ใช่ชีสแต่เป็นเดนนี่แทน
"ชวนมาให้ได้นะชีส..ว้าย!"
"เป็นอะไรไป อยู่ดี ๆ ดันร้องออกมา"บิวถามออกมาอย่างตกใจ
"ก็กลัวพี่เรียวจะมาหลงเสน่ห์ความงามของน้องโรสน่ะสิ" พอจบเสียงของสาวโรส ก็มีเสียงของเดนนี่ดังขึ้นตามมาทันที
"อ๊วกกก!!!"
9 เมษายน 2549 01:27 น.
เรียงร้อยเป็นเรื่องราว
"คุณรู้อะไรไหม!..หลายปีที่คุณไม่เคยมาหาแม่จ๋าเลย
หลายปีนั้นแม่จ๋าก็เฝ้าคอยคุณอยู่ทุกวัน"
"อะไรนะ!" ทัศนัยอุทานออกมาด้วยความตกใจ พร้อมกับร่างที่เซถลาจนแทบล้ม
"มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน!"
. . .
"ฉันไม่คิดเลยนะทัศว่าคุณจะเป็นคนแบบนี้ ต่อหน้าอย่าง
ลับหลังอีกอย่าง ถามจริงเหอะ! ฉันไปทำอะไรให้คุณนักหนาหรอ
ถึงต้องมาทำกันขนาดนี้ด้วย!"
"เป็นอะไรของคุณไปอีกน่ะปรางค์!"
ชายหนุ่มถามออกมาอย่างคนหัวเสีย ที่จู่ ๆ ก็ถูกปลุกขึ้นมาด้วยเสียงโทรศัพท์ แถมยังโดนแฟนสาวที่ไม่รู้ว่าไปกินรังแตนมาจากไหน มาวีนใส่แต่เช้าขนาดนี้
"คุณเลิกเสแสร้งแกล้งเล่นละครเป็นคนดีได้แล้วทัศนัย!"
"พร่ำอะไรของคุณน่ะปรางค์ เป็นบ้าไปแล้วหรือไง!"
"อ๋อ! ใช่สิ..ฉันมันบ้า! บ้าไปแล้ว บ้าอย่างเดียวไม่พอ ยังโง่หลงเชื่อคนอย่างคุณอีกด้วย"
น้ำเสียงของหญิงสาวที่พูดกรอกใส่หูโทรศัพท์ มันได้สั่นเครือไปตามแรงอารมณ์ น้ำตาเริ่มไหลอาบแก้ม เมื่อรู้สึกถึงความน้อยเนื้อต่ำใจ
"ไหน! คุณบอกฉันเสมอไม่ใช่หรือว่า ฉันแสนดีอย่างนั้นแสนดีอย่างนี้
คุณมีความสุขที่ได้ผู้หญิงที่ทำอะไรเพื่อคุณอย่างฉันมาเป็นแฟน
ถ้ามีความสุข แล้วไปเที่ยวบอกชาวบ้านเขาทำไมล่ะว่า ฉันน่ะ
เป็นผู้หญิงเสแสร้ง ทำทุกอย่างเพื่อหวังอะไรจากคุณ!"
หญิงสาวหยุดพูด สะอึกสะอื้นร้ำไห้ รู้สึกเจ็บแปล๊บขึ้นในอก
"ฉันจะบอกอะไรให้นะ..ไม่มีใครที่ไหนเขาจะทนเสแสร้งได้นาน
เป็นปี ๆ ขนาดนี้หรอก พอกันทีกับคนเลว ๆ อย่างคุณ!!!"
"เดี๋ยว..ยังไม่ทันที่ชายหนุ่มจะได้กล่าวอะไรออกมา ทางนั้นก็วางหูโทรศัพท์ลงเป็นที่เรียบร้อยไปแล้ว และหลังจากนั้น.... เขาก็ไม่ได้รับการติดต่อจากเธออีกเลย และเขาเองก็เช่นกัน ที่ตัดสินใจเดินหน้าต่อไปตามเส้นทางของตน แม้ผิดก็ไม่คิดย้อนกลับมาเอ่ยวาจาขอโทษสักครั้ง เพราะยึดมั่นในสิ่งที่ตัวเองคิดว่ามันคงต้องเป็นไปตามอย่างที่คิด
. . .
" แม่จ๋าแอบร้องไห้คิดถึงคุณแทบทุกวัน และเกือบทุกคืนที่
แม่จ๋าละเมอเพ้อพกเรียกหาแต่ชื่อคุณโดยที่แม่ไม่ได้รู้สึกตัวสักนิด"
ร่างทั้งร่างของทัศนัยทรุดลงไปคุกเข่ากับพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง สติสัมปชัญญะในช่วงเวลานี้หยุดนิ่งไปชั่วขณะ แววตาที่จ้องมองไปยังพื้นเบื้องหน้า ดูมันช่างเวิ้งว้างเหลือเกิน
. . .
"แกไม่ไปหาคุณปรางค์เขามั้งล่ะว่ะ ไหน ๆ คนก็เคยรักกันมาก่อน" พนัศเอ่ยถามออกมาในช่วงเวลาหนึ่ง
"ป่านนี้เขาคงลืมกันไปแล้วมั้ง" ทัศนัยพูดออกมา
"แกรู้ได้ไงว่ะ บางทีเขาอาจยังรักแกอยู่ก็ได้"
"หายไปนานขนาดนี้คงมีคนอื่นไปแล้วล่ะ" คำพูดที่เปล่งออกมา มันอิงแอบไว้ด้วยความรู้สึกที่เต็มไปด้วยการเหยียดหยาม
. . .
"ปรางค์จะไม่รักใครอีก เพราะตลอดชีวิตปรางค์มีแต่คุณคนเดียวเท่านั้น"
"แล้วสักวันคุณก็จะลืมมัน!" แม้เสียงมันจะดังก้องอยู่ข้างใน แต่แววตาของทัศนัยหาได้ปิดไม่ มันแสดงความดูถูกออกมาอย่างเห็นได้ชัด ถ้านวลปรางค์จะสังเกตเห็นทีสักนิด
. . .
"หนูขอถามอะไรคุณหน่อยได้ไหม"หวานเอ่ยถามออกมา ทัศนัยพยักหน้าให้แทนคำตอบ
"คุณมีความสุขไหมคะที่คิดกับแม่จ๋าอย่างนี้?!"
7 เมษายน 2549 22:30 น.
เรียงร้อยเป็นเรื่องราว
ลูกกลม ๆ ที่กลิ้งไปบนสนามหญ้าด้วยแรงส่งของแต่ละฝ่าย พร้อมเสียงของผู้พากษ์ที่สร้างความตื่นเต้นและลุ้นระทึกให้กับเกมส์กีฬาชนิดนี้ให้น่าดูยิ่งขึ้น ได้อยู่ในความสนใจของทัศนัยตลอดเวลาครึ่งแรก ที่ต่างฝ่ายต่างหวุดหวิดเกือบจะยิงเจ้าลูกกลม ๆ เข้าประตูได้ ทำให้ผู้ที่ชื่นชอบกับกีฬาชนิดนี้เป็นพิเศษอย่างเขา ต้องคอยลุ้นอย่างใจหายใจคว่ำ พร้อมแรงเชียร์ให้ทีมโปรดของตนเตะเจ้าลูกกลม ๆ เข้าประตูได้สักลูกสองลูกนำไปก่อนก็ยังดี
"จะออกไปไหนหรือหวาน" เขาหันไปถามลูกสาวที่กำลังเดินลงบันไดมา ชุดประโปรงสีฟ้ามีโบว์ผูกติดที่ด้านหลัง พร้อมด้วยรองเท้าส้นสูงแบบเด็ก ๆ ที่สีเข้ากับชุดที่ใส่ จึงทำให้วันนี้หวานดูน่ารักเป็นพิเศษในสายตาของผู้เป็นพ่ออย่างทัศนัย ที่กำลังแอบชื่นชมลูกสาวอยู่ในใจ
"ไปงานวันเกิดเพื่อนคะ"
"แล้วจะกลับมากินข้าวเย็นกับพ่อไหม"
"คิดว่าไม่คะ"
"ถ้างั้นก็อย่ากลับดึกนะลูก"
. . .
"จำเรื่องที่ฉันคุยโทรศัพท์กับนายเรื่องยัยหวานได้ไหม" ภาวิณีเอ่ยถามพนัศออกมา วันนี้เธอนัดเขาออกมาทานมื้อเที่ยงกันที่ร้านอาหารในห้างแห่งหนึ่งใกล้ ๆ บ้าน
"จำได้มีอะไร"
"ฉันว่าฉันไม่ได้คิดไปเองนะนัศ"
"นี่แกกำลังบอกว่า แววตาของยัยหวานที่แกเห็นในวันนั้นน่ะ
มันเป็นอย่างที่แกเข้าใจจริง ๆ "
"ฉันก็พยายามคิดอย่างที่นายเคยบอกว่า ฉันคิดไปเอง
แต่ดู ๆ ไปแล้วมันไม่ใช่"
"แล้วแกคิดว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้แกถึงคิดเช่นนี้ล่ะ"
"การที่ยัยหวานปฏิบัติตัวเองกับทัศแตกต่างจากคนอื่นไง" เมื่อหญิงสาวเห็นว่าเพื่อนเริ่มที่จะสนใจในคำพูดของเธอ ๆ จึงเริ่มเล่ารายละเอียดเกี่ยวกับตัวหวานที่เธอเฝ้าสังเกตให้ฟังอย่างละเอียด
. . .
'กริ๊ก' ทัศนัยก้มลงไปเก็บบางสิ่งบางอย่างที่หล่นลงพื้น และมองมันด้วยแววตาที่ไม่ต่างอะไรกับใจที่โหยหาใครคนนี้ที่เป็นคนมอบเจ้าสิ่งนี้ให้เขา
"ทัศคะหลับตาสิ" ชายหนุ่มหลับตาอย่างว่าง่าย สักพักจึงรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างวางอยู่บนมือ
"รู้อะไรไหม! ปรางค์ดีใจมากเลยที่ซื้อเจ้าตัวนี้มาได้ หาแทบตายกว่าจะได้มาให้ทัศ" หญิงสาวพูดเมื่อเขาลืมตาขึ้น
เขามองหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า ผู้หญิงที่เขารู้จักแค่ไม่กี่อาทิตย์ แต่กับมีความตั้งใจซื้อเจ้าตุ๊กตาตัวนี้ที่เขาเคยเปรยว่าอยากได้เมื่อตอนที่เห็นในหนังโฆษณา ซึ่งเขาเองไม่ได้คิดจริงจังกับมันสักเท่าไร แต่เธอกับพยายามหามันมาเพื่อเขา และพอเธอเห็นเขายิ้ม เธอกับยิ้มกว้างกว่าเขาเสียอีก
. . .
"ทัศคะคุณรู้ไหมว่าทำไมปรางค์ถึงทำทุกอย่างเพื่อคุณ"
"เพราะคุณต้องการความรักจากผมน่ะสิ" แต่นั่นเป็นสิ่งที่เขาไม่กล้าพอที่จะพูดออกมาให้เธอได้ยิน
"ไม่รู้สิ แล้วทำไมล่ะ"
"ก็เพราะอยากเห็นรอยยิ้มของคุณน่ะสิคะ"
. . .
"ฉันว่ายัยหวานต้องมีอะไรสักอย่างกับทัศเขาแน่ ๆ และบางที
การตายของคุณปรางค์อาจเกี่ยวข้องกับทัศก็เป็นได้" ภาวิณีพูดด้วยความที่ค่อนข้างจะมั่นใจอยู่สักหน่อย
"มันจะเป็นไปได้ยังไง แกจำไม่ได้หรอ..ว่าไอ้ทัศมันเคยทำเลว
กับคุณปรางค์ไว้อย่างไรบ้าง ทำจนคนที่เคยรักมันสุดหัวใจอย่าง
คุณปรางค์ ต้องกลายเป็นคนที่เกลียดมันไปเลย"
"บางทีที่เกลียดอาจเป็นเพราะอารมณ์โกรธในตอนนั้นของคุณปรางค์
ก็ได้นะ อย่าลืมสิช่วงที่พวกเราขาดการติดต่อจากคุณปรางค์ไป
เราไม่รู้ความเป็นไปของเธอเลยนะ" บางที่สิ่งที่ภาวิณีกำลังพูดถึงอยู่นี้ มันอาจไม่ได้เป็นแค่เพียงความกังวลของเธอเท่านั้น ในความรู้สึกของพนัศที่กำลังครุ่นคิดอยู่ในขณะนี้
. . .
"กลับบ้านดึกอย่างนี้พ่อไม่ว่าหรอหวาน" ตุ๊กตาถามอย่างเป็นห่วง ขณะกำลังเดินเล่นอยู่ในห้างกับหวาน หลังที่เสร็จจากงานวันเกิดของไอซ์
"ไม่ว่า เพราะเขาไม่มีสิทธิ์ที่จะว่าอะไรหวาน" ถึงหวานจะพูดอะไรที่ทำให้ตุ๊กตาไม่เข้าใจ แต่เด็กหญิงก็ไม่ต้องการถามอะไรให้มากความ
. . .
บ่อยครั้งแล้ว ที่ทัศนัยคอยมองนาฬิกาที่แขวนอยู่บนฝาพนังตลอดเวลา ผุดลุกผุดนั่งด้วยความรู้สึกร้อนรน และบ่อยครั้งที่คอยชะโงกหน้าออกไปดูว่า เมื่อไรที่ลูกสาวจะกลับมา ท้องฟ้าข้างนอกที่มืดสนิท ไร้ซึ่งแม้ดวงดาราที่พร่างพราย สร้างความเป็นห่วงกังวลให้กับเขา ว่าป่านนี้ทำไมลูกสาวยังไม่กลับ โทรเข้ามือถือก็ไม่ยอมรับ และขณะที่กำลังเป็นห่วงอยู่นั้นเอง บานประตูก็ถูกเปิดออก พร้อมร่างของลูกสาวที่เดินเข้ามา
"ทำไมถึงกลับมาเอาป่านนี้ รู้ไหมนี่มันกี่ทุ่มกี่ยามเข้าไปแล้ว!" ไม่มีเสียงตอบจากหวาน เหมือนไม่ใส่ใจว่ามีผู้เป็นพ่อยืนอยู่ตรงนี้
"พ่อถามทำไมไม่ตอบ!" ปากของหวานยังคงปิดสนิท กระตุ้นความโกรธให้กับผู้เป็นพ่อเป็นยิ่งนัก
"มันเป็นอะไรนักหนาฮะหวาน! รู้ไหม!ว่าพ่อเป็นห่วงขนาดไหน" เสียงเขาขึ้นสูงจนเกือบสุดที่จะทน
"คุณไม่มีสิทธิ์มาขึ้นเสียงกับหนูนะ!"
"ทำไมฉันจะไม่มีสิทธิ์ ในเมื่อฉันเป็นพ่อของเธอ!"
"พ่อหรอ!..คุณกล้าบอกว่าตัวเองเป็นพ่องั้นหรอ
เป็นพ่อแบบไหนกันที่ไม่รู้ว่าตัวเองมีลูกน่ะ!"
"แล้วมันเป็นความผิดของฉันหรือไง! ที่แม่เธอไม่เคยบอก
ฉันเลยว่ามีเธอที่เกิดมาจากฉันน่ะ"
"ก็เพราะคุณไม่เคยที่จะใส่ใจน่ะสิ คุณไม่เคยหันหลังกลับมา
มองแม่จ๋าเลยสักนิดว่าเป็นไงบ้าง ทำไมแม่จ๋าต้องตายเพราะคุณ!"
"เธอก็บอกฉันมาสิหวาน บอกฉันมาว่าทำไม เพราะอะไร!!!" ความโกรธทำให้ทัศนัยเข้าไปเขย่าร่างบาง ๆ ของลูกสาวอย่างลืมตัว
"ปล่อยหนูนะ หนูเจ็บ!"
"เจ็บหรอ!แล้วฉันล่ะ..ฉันไม่เจ็บยิ่งกว่าเธองั้นหรอ เจ็บตรงนี้ไง!!" เขาพูดพร้อมกับกำปั้นที่ทุบลงไปบนอกเต็มแรง
"เจ็บที่ไม่รู้ว่าฉันทำอะไรผิด!!" คราวนี้น้ำเสียงของเขาเริ่มสั่นคลอน ขอบตาเริ่มมีน้ำใส ๆ มาเอ่อ
"คุณบอกว่าคุณเจ็บ แล้วกับผู้หญิงคนหนึ่ง ที่รอคอยการกลับมา
ของคุณจนลมหายใจสุดท้ายล่ะ!"
. . .
"หวาน!เมื่อไรพ่อเขาจะมาหาแม่จ๋าเสียที..แม่จ๋าไม่น่าทำร้าย
ตัวเองเลย.. แม่จ๋าน้อยใจพ่อจ๋าของหวานจัง..แม่จ๋าง่วงเหลือเกิน!!..
ถ้าแม่จ๋าลืมตาตื่นขึ้นมา แม่จ๋าจะเจอกับพ่อจ๋าไหมจ๊ะหวาน"
ผู้เป็นแม่ค่อย ๆ พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ขาดเป็นห้วง ๆ พร้อมกับลมหายใจที่พ่นออกมาอย่างแผ่วเบาเหลือเกิน
. . .
"คุณรู้อะไรไหม!...
6 เมษายน 2549 16:54 น.
เรียงร้อยเป็นเรื่องราว
"ชีส..แต่งตัวเสร็จหรือยังลูก เดี๋ยวจะสายเอานะ"
คุณวัลภาส่งเสียงไปยังบุตรสาวที่อยู่ข้างบน อย่างอดที่จะเป็นห่วง กลัวไม่ทันเวลาเข้าเรียน และสักพักเมื่อบุตรสาวเดินลงบันไดมา พร้อมเรือนร่างที่ถูกห่อหุ้มด้วยกางเกงส์ยีนเอวต่ำรัดช่วงเรียวขายาว กับเสื้อยืดสีครีมแนบเนื้อ ทำให้นางถึงกับร้องอุทานออกมาอย่างตกใจ
"ว้าย! อกอีแป้นจะแตก"
"ถ้าว่าอกคนชื่อแป้นนี่คงใหญ่มากนะแม่ ดูสิ..ใหญ่จนแตกเลย"
เมื่อชีสพูดจบ ต้นแขนที่ขาวเนียนของเธอก็ถูกผู้เป็นมารดาหยิกไปด้วยควาหมั่นไส้กับมุกตลกที่แสนจะสุดฝืดของเธอ
"แม่ว่าไปเปลี่ยนชุดดีกว่านะลูก แบบนี้มันโป๊ไป"
"แม่ขา..เดี๋ยวนี้ใคร ๆ เขาใส่แบบนี้กันทั้งนั้นแหละ
แต่งอย่างนี้ยังน้อยไปด้วยซ้ำ จะนั่งจะลุกจะเดินที
รถหวอเปิดไซเรนออกมากันพรึ่บ"
"ว้าย! ตายแล้ว พูดอะไรคะลูก ไม่งามเลยไม่เอาไม่พูดนะคะ
มากับแม่ดีกว่า เดี๋ยวแม่หาชุดที่สวยกว่านี้มาให้ใส่ มาเร็วสิคะ
มัวชักช้าเดี๋ยวไปเรียนไม่ทันเอานะ"
ลองให้มารดาหาเสื้อผ้ามาให้ใส่ คงหนีไม่พ้นกระโปรงสุ่มไก่จีบรอบตัว และเสื้อแขนตุ๊กตาสุดเชยเป็นแน่
"แม่ขา! นั่น ๆ !"
"อะไรคะลูกขาอะไร!"
"แมลงสาบคะแม่แมลงสาบ!"
"ว้าย! ไหนคะมันอยู่ไหน"
ด้วยความที่เป็นคนกลัวแมลงสาบจนขึ้นสมอง ทำให้คุณวัลภาต้องเต้นแร้งเต้นกามองหาเจ้าตัวน่าขยะแขยงไปทั่วว่าอยู่ตรงไหน เจอแล้วจะได้กระโดดหลบทัน ชีสเองได้ใช้โอกาสที่แม่มัวแต่มองหาแมลงสาบรีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
"เป็นอะไรไปคุณ ร้องสะดังลั่นบ้านเลย"
"แมลงสาบคะคุณแมลงสาบ!"
คุณวัลภาบอกผู้เป็นสามีด้วยเสียงตื่น ๆ พลางวิ่งเข้าหาหวังให้สามีเป็นเกราะกำบัง
"ไหนล่ะแมลงสาบผมไม่เห็นมีสักตัว"
คุณเกรียงไกรบอกเป็นแกมถาม หลังจากที่ควานหาเจ้าศรัตรูตัวฉกาจของผู้เป็นภรรยาไปทั่วทุกซอกทุกมุม พบแต่เพียงความว่างเปล่า แม้กระทั่งวิญญาณของเจ้าตัวร้ายก็ยังไม่มีให้เห็น
"ก็เมื่อครู่นี้ยัยชีสบอกกับฉันว่าเห็นนี่คะ อ้าว..นี่ยัยชีสไปตั้งแต่เมื่อไรกันนี่"
"เห็นทีคุณจะโดนแม่ลูกสาวตัวดีหลอกเข้าให้แล้วล่ะ"
"หะ! ว่าไงนะคะ หนอย! ยัยชีสมาหลอกแม่ได้นะ"
"ปิ๊น! ปิ๊น!"
"วันนี้ไม่ขับรถไปเรียนหรือชีส" เรียวชะโงกหน้าออกมาถาม
"มันเสียน่ะพี่เรียวก็เลยเอาเข้าอู่ สองอาทิตย์น่ะกว่าจะได้"
ชีสยืนบอกท่ามกลางแสงแดดยามเช้าอันร้อนระอุ
"งั้นขึ้นรถมา เดี๋ยวพี่ไปส่ง"
เรียวอาสาอย่างคนมีน้ำใจ อีกอย่างโรงเรียนที่แม่สาวน้อยเรียนอยู่ ก็ไปทางเดียวกับมหาลัยเขาด้วย
"ดีจัง!จะได้ไม่ต้องไปเบียดเสียดกับคนบนรถเมล์"
ชีสพูดแล้วได้ก้าวขึ้นรถไปนั่งเคียงข้างกับเรียว
"พี่เรียวใส่น้ำหอมอะไรน่ะห๊อมหอมจัง"
ชีสพูดพร้อมกับโถมตัวเข้าไปจนดูเหมือนจะกอดเรียว ลมหายใจที่รดสัมผัสไปตรงซอกคอ ทำให้หัวใจเรียวเต้นแทบไม่เป็นจังหวะ
"ชีสพี่กำลังขับรถอยู่เดี๋ยวก็ได้ชนกะเสาไฟฟ้าหรอก"
"ชอบกลิ่นน้ำหอมนี้ของพี่เรียวจัง ไม่ฉุนเหมือนคนอื่น"
คำพูดของแม่สาวน้อยทำให้ความรู้สึกเรียวเป็นกังวลอย่างบอกไม่ถูก คำว่าคนอื่นของเจ้าหล่อนหมายถึงใครกัน หรือจะเป็นผู้ชายคนไหนที่ได้ใกล้ชิดหัวใจหล่อน
"นี่..เราเคยไปดมกลิ่นน้ำหอมผู้ชายคนไหนใกล้ ๆ แบบนี้หรือเปล่า"
"เคย"
แม่สาวน้อยจะรู้ไหมว่า คำตอบของเธอช่างทำร้ายจิตใจชายหนุ่มคนนี้แทบคลั่ง ใครกันหนอ ผู้ชายคนนั้นเป็นใครกัน
"แต่ไม่ไหว พ่อชีสเขาใส่น้ำหอมฉุนไป ไม่เหมือนพี่เรียว
กลิ่นน้ำหอมที่พี่เรียวใส่ หอมแบบเย็น ๆ สบาย ๆ"
"เฮ้อ!โล่งอก"
"โล่งอะไรหรอพี่เรียว"
"เปล่าไม่มีอะไร ถึงแล้วเลิกเรียนจะให้พี่มารับไหม วันนี้พี่มีเรียนแค่ครึ่งวัน"
"คะมารับก็ดี ขอบคุณนะคะ บ๊าย-บายคะ"
ชีสโบกไม้โบกมือให้จนเรียวขับรถลับตาไป
"ใครน่ะชีสผู้ชายที่อยู่ในรถคันที่มาส่งเธอเมื่อกี้ หล๊อหล่อจังเลย
แถมยังเท่ห์อีกต่างหาก"
"พี่เรียวน่ะ"
"ว้าย! กรี๊ด!ชื่อเรียวด้วย ชื่อออกญี่ปุ๊นญี่ปุ่นจัง ชื่อน่าร๊ากน่ารัก"
"เฮ้ย!นี่สงวนท่าทีเอาไว้หน่อย อย่าลืม อย่าลืม ว่าแกยังไม่ได้ไปนอนแก้ผ้าให้หมอแปลงเพศให้นะ"
"ว้าย! ยัยบ้ามาล้อเดนนี่ได้ นี่แน่ะ นี่แน่ะ"
"ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า!"
ชีสส่งเสียงหัวเราะกับท่าทางที่เรียกว่าดัดจริตแต่ดูน่ารักของเพื่อนที่กายเป็นชาย แต่ใจเป็นหญิงคนนี้อย่างชอบอกชอบใจ แม่เดนนี่เองก็ได้แต่ทุบไปบนไหล่เพื่อนเบา ๆ ไม่ได้คิดจริงจังอะไร
"พวกยัยบิวล่ะยังไม่มาหรอ" ชีสถามไปถึงพวกเพื่อนคนอื่น ๆ
"มาสายน่ะ เมื่อคืนพวกยัยบิวออกไปปล่อยแรดกันที่ผับแถว ๆ
สุขุมวิท ป่านนี้ยังไม่ตื่นกันเลยมั้ง"
แม่เดนนี่ตอบพลางไม่วายที่จะถามไปถึงเรียวอย่างสนใจอีก
"หล่อนกะพี่เรียวนี่เป็นแฟนกันหรอ"
"ไม่ใช่แต่สนิทกันมาก เพราะบ้านอยู่ติดกัน"
"งั้นหรอ ฉันก็นึกว่าใช่สะอีก แบบว่านะหล่อนสายตาที่พี่เรียว
เขามองหล่อนน่ะ มันใช่ชัด ๆ "
"หรอ..แล้วสายตาพี่เรียวที่มองชีสน่ะมันเป็นยังไงหรอ"
"มันก็เป็นสายตาที่ทำให้หล่อนสามารถรู้สึกว่าหวาบหวามในหัวใจได้น่ะสิ"
คำพูดของเพื่อนทำให้ชีสนึกไปถึงวันนั้น วันที่เรียวแอบมองเธอ ความรู้สึกอันหวาบหวามที่เพื่อนบอก มันจะใช่ความรู้สึกของเธอในวันนั้นหรือเปล่านะ