19 เมษายน 2549 18:50 น.
เรียงร้อยเป็นเรื่องราว
ทัศนัยกวาดตาไปรอบห้องที่ยืนอยู่ น้ำตาพร่าเมื่อพบเพียงความว่างเปล่า ใจหวิว ๆ แทบหลุดลอย "ฉะ..ฉันกำลังจะสูญเสียคนที่รักไปอีกแล้วหรือนี่!"
. . .
"ก๊อก..ก๊อก..หวาน"
"ปล่อยให้หลานอยู่คนเดียวไปก่อนเถอะ"
อุษาทำตามที่ผู้เป็นแม่บอก เธอเดินตามหลังผู้เป็นแม่ออกไปจากตรงหน้าห้องที่หวานกำลังนอนอยู่ เมื่อคืนเธอกับผู้เป็นแม่ต้องตื่นขึ้นมายามวิกาล เมื่อได้ยินเสียงกดออดดังลั่นบ้านและหมาพากันส่งเสียงเห่า เมื่อออกมาดูก็พบว่าหวานกำลังยืนร้องห่มร้องไห้อยู่หน้าประตูกับชายวัยกลางคน
"ยายจ๋า!" ทันทีที่เห็นยาย หวานโผเข้ากอดด้วยความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความเสียใจ ผู้เป็นยายเองก็รู้สึกใจหาย เมื่อสัมผัสได้ถึงความสะท้านในตัวหลานสาว
"อย่าหาว่าผมพูดมากเลยนะครับ" ชายวัยกลางคนเกริ่นขึ้นมา
"คราวหลังอย่าปล่อยให้เด็กตัวแค่นี้ไปไหนมาไหนตามลำพังสิครับ
ดึกดื่นขนาดนี้ถ้าไม่เจอผมก็ไม่รู้จะได้เจอกับอะไรบ้าง โชคดีไม่ได้มีหลายหนนะครับ" ทุกประโยคของชายวัยกลางคนล้วนแล้วแต่สื่อถึงความเป็นห่วงเป็นใยทั้งสิ้น เขายืนคุยกับหญิงชราและอุษาเพียงไม่นานจึงขอตัวกลับไปที่รถแท็กซี่ที่จอดอยู่
. . .
"กริ๊งงงง!!!!"
"ยัยหวานอยู่นั่นหรือเปล่าครับ" ทัศนัยร้อนรนถามออกไปทันทีเมื่ออุษารับสาย
"อยู่"
"ถ้างั้นเดี๋ยวผมไปรับแกกลับนะพี่ษา"
"พี่ว่าแกอย่าเพิ่งมาเลยทัศ ปล่อยให้เจ้าหวานอยู่นี่ไปก่อน แล้วพี่จะพากลับเอง"
"แต่..
"พี่มีอะไรต้องคุยกะเจ้าหวานมันเยอะเลยนะทัศ"
"ครับพี่" ทัศนัยคุยกับอุษาสักพักจึงได้ขอตัว
. . .
"ก๊อก..ก๊อก...ให้น้าเข้าไปได้ไหมหวาน"
"คะน้าษา"
เมื่อเปิดประตูเข้ามา อุษาก็รู้สึกหดหู่กับสภาพหลานสาวตอนนี้ยิ่งนัก ดวงหน้ารูปไข่ที่เปื้อนคราบน้ำตา นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนที่มองมายังตน เหตุไฉนจึงเก็บความแค้นไว้มากมายขนาดนี้ เธอหย่อนร่างลงไปนั่งข้างหลานสาวบนเตียง สองมือโอบไหล่หลานสาวพร้อมกับคำถามที่ว่า
"ที่หวานกำลังอยู่ในห้องนี้กับน้า หวานอยู่ในอดีตหรือว่าปัจจุบันลูก"
"ปัจจุบันคะ" หวานตอบคำถามของผู้เป็นน้าด้วยความแปลกใจ เหตุใดจึงถามตนเช่นนี้
"แต่น้าว่าหนูยังอยู่ในอดีตนะ" อุษาหยุดพูดมองหน้าหลานสาวนิ่ง
"อดีตที่มันไม่ได้เกี่ยวข้องกับหนูสักนิด"
"ทำไมจะไม่เกี่ยวคะ คนที่ตายเป็นแม่ของหวานนะคะ แล้วเป็นพี่สาวน้าษาด้วย
น้าษาไม่รักน้องสาวตัวเองหรือคะ" หวานพูดด้วยความรู้สึกไม่พอใจน้าสาว
"รักสิทำไมจะไม่รัก แต่อย่างที่น้าบอก มันไม่ได้เกี่ยวกับหนูเลยนะหวาน
แม้กระทั่งน้าหรือใครก็ตาม มันเป็นเรื่องของคนสองคนนะ"
"แต่เขาทำให้แม่จ๋าต้องทุกข์ทรมานและเสียใจ"
"แม่จ๋าของหวานต่างหากที่ทำตัวเองไม่ใช่พ่อเขาทำ" อุษาไม่ได้ตั้งใจพูดให้หลานสาวโกรธ แต่เพราะหวานยังจมอยู่กับอดีตของแม่ จึงโพลงออกมาด้วยความโกรธ
"ทำไมจะไม่ใช่เขา! น้าษาไม่ได้มาเห็นสภาพแม่จ๋าในช่วงเวลานั้น น้าษาจะไปรู้อะไร!" อุษาไม่ตอบโต้อะไร แม้ไม่พอใจคำพูดของหลานสาวก็ตาม เธอนิ่ง ๆ เพื่อมองลึกเข้าไปในจิตใจของหลานสาว
"ถ้าหวานอยากจมอยู่กับอดีตก็ตามใจนะ แต่น้าขอถามหน่อย ที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ หวานมีความสุขดีแล้วหรือ!!!"
17 เมษายน 2549 21:34 น.
เรียงร้อยเป็นเรื่องราว
"ยู้ฮู!! พี่เรียวขาาา"
เรียวหันรีหันขวางมองหาเสียงที่กำลังเรียกตนว่าอยู่ไหน แต่แล้วหัวใจแทบวาย เมื่อมองเห็นลิงตัวใหญ่ เอ๊ย! ไม่ใช่ ยายชีสจอมแก่นนั่งยอง ๆ ยิ้มแป้นแล้นอยู่บนหลังคาบ้าน
"เฮ้ย! ขึ้นไปทำอะไรบนนั้นน่ะ" นายเรียวร้องถามอย่างตกใจ
"ขึ้นไปซ่อมหลังคา ๆ มันรั่ว เนี่ยเสร็จแล้ว โอ้โฮ้! ใครไม่รู้
ซ่อมหลังคา เก่งจัง อ๋อ..คนสวยนี่เอง" อานะ..น้องชีสขา เล่นชมตัวเองบนหลังคาบ้านตัวเองนี่เลยนะคะ
"เสร็จแล้วก็รีบลงมาเร็วเลย" นายเรียวส่งเสียงบอกใจก็เต้นตุ๊บตั๊บด้วยความเป็นห่วง
"จ้า..ลงเดี๋ยวนี้แหละจ้า..วะ..ว้ายยย!!!"
ว้ายยย!!! นางเอกของฉ๊านนน โอว์ว์ว์!!!ไม่นะ..ไม่ นางเอกของดิฉันต้องไม่พิการนะ คนเขียนอย่างดิฉันรับไม่ด๊าย รับไม่ได้ เอ๊ะ..เดี๋ยว ดิฉันรับไม่ได้ แต่พ่อหนุ่มเรียวรับได้คะ ดูสิคะ รับได้ทั้งตัวและครบทุกชิ้นส่วนเลยล่ะคะ แต่แหม! เมื่อกี้ทำเอารู้สึกเหมือนตอนกำลังวิ่งหนีเจ้าหนี้เลยล่ะเจ้าคะ ตื่นเต้ลล์! ตื่นเต้น! แล้วเมื่อกี้ลงมาอีท่าไหนเจ้าคะคุณน้องชีสขา ถีงได้กลิ้งหลุน ๆ ตกลงมาในอ้อมแขนของพ่อเรียวเขาน่ะ
"ทีหลังถ้าหลังคารั่ว คุณอาผู้ชายไม่อยู่ก็เรียกพี่นะ อย่าขึ้นไปทำเองแบบนี้อีก ดูสิเนี่ยแข้งขาไม่หัก"
"พี่เรียวทายาหม่องเบา ๆ ดิเจ็บนะ"
"เจ็บสิดีจะได้ไม่ทำอะไรแก่นแก้วแบบนี้อีก"
"โฮะ..โฮะ..เห็นทีจะย๊ากส์"
"นี่แน่ะ!"
"โอ๊ย! พี่เรียวน่ะเดี๋ยวคืนนี้ชีสก็ฉี่ราดรดที่นอนหรอก เขกมาได้"
"แล้วนี่คุณอาทั้งสองไม่อยู่หรอ"
"ไปออกเดทกันน่ะ"
"มิน่า ถึงได้ปล่อยนิสัยลิงออกมาได้เต็มที่ขนาดนี้"
"นั่นพี่เรียวหันไปพูดกะใครน่ะ"
"ไอ้ที่บอกเมื่อคืนน่ะว่ามีบางคนนั่งอยู่ในหัวใจของพี่เรียวแล้ว บางคนที่เธอพูดถึงน่ะใครกันยายโรส"
คำพูดโรสเมื่อคืน ยังเป็นที่เคลือบแคลงของบิวและแอนนี่ ลามมาถึงเดนนี่ที่รู้เรื่องทางมือถือจากบิวอีกคน วันนี้ก็เลยต้องมาแชทเอ็มต่อให้หายเคลือบแคลง
"จะมีใครก็ยายชีสไงล่ะ" โรสส่งข้อความบอก
"ยายชีสเนี่ยนะ!" ทั้งบิว เดนนี่ และแอนนี่ต่างพิมพ์ข้อความนี้ขึ้นมาโดยมิได้นัดหมายกันแต่อย่างใด
"เอ่อ..แต่ว่าไปฉันก็เห็นเหมือนกันนะ" แอนนี่ส่งข้อความขึ้นมา ซึ่งแน่นอนคนอื่นก็ไม่ได้คิดต่างอะไรจากเธอเลย
"งั้นชัวร์เลยพี่เรียวแอบมีใจให้ยายชีสเพื่อนรักของพวกเรา" เดนนี่พิมพ์ข้อความขึ้นมา ซึ่งทุกคนก็เห็นด้วยเป็นอย่างดี
"แล้วยายชีสของพวกเราล่ะ" แอนนี่ส่งข้อความเป็นเชิงถามเพื่อน ๆ
"ไม่ต้องสงสัยเลยล่ะแอนนี่จ๋า" ข้อความของโรสทำให้เพื่อน ๆ ยิ้มไปตามกัน
17 เมษายน 2549 18:19 น.
เรียงร้อยเป็นเรื่องราว
"เฮ้! ชีสทางนี้"
บิวกวักมือเรียกชีสที่กำลังมองหาเธอกับเพื่อนคนอื่น ท่ามกลางคนหมู่มากที่พากันหลั่งไหลเข้ามาเที่ยวในผับแห่งนี้อย่างหนาตา ชีสเดินนำเรียวไปยังโต๊ะที่มีเพื่อน ๆ นั่งอยู่
"มากันนานแล้วหรอ" ชีสถาม
"มากันได้สักพักแล้วล่ะ" โรสตอบ
"พี่เรียวนี่เดนนี่ บิว โรส และแอนนี่คะ"
ชีสแนะนำเพื่อน ๆ ให้เรียวได้รู้จัก จังหวะนั้นเองเหมือนหัวใจมันเจ็บจี๊ด เมื่อเห็นว่าเรียวกับโรสสบตากัน คล้ายกับมีความรู้สึกบางอย่างแฝงอยู่ในดวงตาของสองคนนี้
"สวัสดีครับ"
เรียวกล่าวทักทายพลางยิ้มให้ทุกคนอย่างเป็นกันเอง รอยยิ้มที่มีเขี้ยว ทำให้โรสคิดว่าเขาดูน่ารักมีเสน่ห์ชวนมอง ไม่แพ้เวลาที่หน้าเขาดูนิ่ง ๆ แม้แต่น้อย คิดพลางก็ส่งยิ้มให้เขา และเธอจะรู้หรือไม่ว่า ทำให้เพื่อนบางคนรู้สึกไม่พอใจเหลือเกิน
"เฮ้ย! เป็นอะไรชีสเงียบเชียว"
"ปะ..เปล่าชีสคงฟังเพลงเพลินไปหน่อยน่ะ" ชีสตอบคำถามของบิว
"ไงล่ะยะพวกหล่อน หล่ออย่างที่ฉันบอกใช่ไหมล่ะ" เดนนี่จีบปากจีบคอพูดแล้วก็หันไปหาเรียว
"พี่เรียวขา ออนเดอะร็อคหรือว่ามิกซ์ดีคะ" แม่กระเทยสุดสวยถามอย่างเอาใจ
"ขอน้ำอัดลมดีกว่าครับ เพราะพี่ไม่ดื่มพวกแอลฮอลล์"
"ว้าย! กรี๊ด! ไม่ดื่ม เลิศคะ เลิศม๊ากกก" เสียงของเดนนี่ที่เปล่งออกมา ช่างบาดแก้วหูเสียเหลือเกิน
"ดีแล้วคะ เพราะของพวกเนี่ยบั่นทอนสุขภาพ อีกอย่างก็
ไม่มีประโยชน์อะไรเลยด้วย"
ถะ.......ถูกต้องนะคร๊าบบบ!!! เอ่อ..ว่าแต่ว่าน้องเดนนี่ขา แล้วไอ้ที่กระดกแก้วเอา กระดกแก้วเอายู่ตอนเนี่ย น้ำเก๊กฮวยใช่ป่ะคะ น้ำเก๊กฮวยที่นี่เขาดีนะคะ ดื่มแล้วผิวพรรณเปล่งปลั่ง เลือดสูบฉีดบนใบหน้าอย่างดี อุ๊ยต๊าย! ดูหน้าน้องสิคะ เลือดฝ๊าดเลือดฝาด
"ตลอดเส้นทางกลับบ้านตั้งใจจะไม่พูดกับพี่เลยใช่ไหมนี่" เรียวถามออกมา เพราะตั้งแต่ขับรถมาเขายังไม่ได้ยินเสียงของแม่สาวน้อยเลย
"ก็ไม่รู้จะพูดอะไรนี่ อ่อ..พูดก็ได้ โรสเขาสวยดีนะ"
"อืมม์ใช่ เป็นผู้หญิงสวยใช้ได้ทีเดียว" ไอ้คนพูดน่ะไม่คิดอะไรหรอกคะ ก็พูดไปตามที่เห็น แต่คนฟังสิคะ
"ชีสก็สวย!" แม่สาวน้อยโพลงออกมาด้วยอาการมีงอนแก้มป่องเป็นปลาปักเป้า เล่นเอานายเรียวแอบชื่นอกชื่นใจ อย่างน้อยก็พอมีหวังขึ้นมาบ้างล่ะว่ะ
"พี่เรียวนี่หล่อมากเลยเนอะ" โรสแชทเอ็มกับบิวและแอนนี่ หลังจากกลับถึงบ้านเป็นที่เรียบร้อย
"เธอชอบพี่เขาล่ะสิ เพราะสายตาเธอตอนที่มองพี่เขาน่ะมันฟ้อง" ข้อความของบิวขึ้นตรงหน้าจอ
"แน่นอน" โรสส่งข้อความตอบกลับไป
"ไม่จีบเป็นแฟนเลยล่ะ" แอนนี่ส่งข้อความมาสนับสนุน
"ไม่ล่ะ เพราะพี่เรียวเขามีบางคนนั่งอยู่ในหัวใจแล้วล่ะ" โรสพิมพ์ข้อความเหล่านี้ขึ้นมาพร้อมเผลอยิ้มให้ภาพที่เรียวมองชีสด้วยแววตาที่อ่อนโยนและจริงใจ
11 เมษายน 2549 06:32 น.
เรียงร้อยเป็นเรื่องราว
"แน่ใจนะว่ากินน่ะ" นายเรียวส่งเสียงถามขึ้นมา
เมื่อเห็นว่าแม่สาวน้อยที่นั่งกับเขาอยู่ในร้านเบเกอร์รี่ในห้างแห่งหนึ่ง กำลังตักขนมเค็กชิ้นที่สามเข้าปาก ใช่คะ อ่านกันไม่ผิดหรอกคะ ชิ้นที่สามคะ ชิ้นที่สาม แถมไม่ใช่ชิ้นเล็กด้วยนะคะ คุณผู้อ่านขา ลองนึกภาพขนมเค็กรูปทรงสามเหลี่ยมชิ้นโตสิคะ อ้า!...นั่นแหละคะ นั่นแหละ ที่แม่สาวน้อยหน้าญี่ปุ๊น หน้าญี่ปุ่นกำลังทานอย่างหน้าชื่นตาบานเลยล่ะคะ
"กินแบบนี้เดี๋ยวได้อ้วนเป็นหมูกันหรอก" นายเรียวพูดเป็นแกมหยอก
"อ้วนสิดี แต่เอ๊ะ..ไม่เอาดีกว่า แค่อวบ ๆ ก็พอ หุ่นจะได้น่ามอง"
"แล้วจะให้ใครมองงั้นหรอ!" นายเรียวถามเป็นเชิงไม่พอใจเล็กน้อย
แหม! จะไม่ให้เกิดอารเช่นนี้ได้อย่างไรกันล่ะคะ ชื่อเรื่องมันก็บอกแจ่มแจ๋วขนาดนี้แล้วนี่คะ แต่พ่อพระเอกสุดเปอร์(เพอร์เฟ็ค)ก็ยังคงสงวนท่าทีเอาไว้อยู่คะ ของแบบนี้จะให้อาการหลุดได้อย่างไรกันล่ะคะ คุณผู้อ่านทั้งหลายของดิฉันขา ขืนบุ่มบ่ามไม่ดูตาม้าตาเรือ สาวเจ้าไม่เล่นด้วย มิต้องชีช้ำกะหล่ำปลีหรอกหรือเจ้าคะ เพราะฉะนั้นเรื่องแบบนี้มันต้องกั๊กฟอร์มกันไว้เยอะ ๆ คะ
"ใส่ให้พี่เรียวดูไงล่ะ" แม่สาวน้อยพูดโดยที่ไม่ได้ใส่ใจคำพูดของตัวเองนัก แต่นายเรียวสิคะ หุบยิ้มแทบไม่ทันเชียวล่ะคะ
"ศุกร์นี้พี่เรียวว่างไหม"
"ว่างสิ พี่ไม่มีเรียน ทำไมหรอ"
"จะชวนพี่เรียวไปเที่ยวน่ะ อีกอย่างเพื่อน ๆ ในกลุ่มชีสอยากเจอพี่เรียวด้วย"
"ได้สิ"
หุ! หุ! จะไม่ให้นายเรียวแกตอบตกลงง่ายดายอย่างนี้ได้อย่างไรกันล่ะคะ ถึงไม่ได้เรียกว่าการออกเดท มีเพื่อนพ่วงท้ายไปด้วย ก็ถือว่าได้บรรยากาศสุนทรีย์ไปอีกแบบ อีกอย่างนายเรียวจะได้ทำคะแนนให้เพื่อน ๆ ของเจ้าหล่อน ช่วยเชียร์เขาอีกแรงด้วยไงล่ะเจ้าคะ
"อิ่มไหม" ต๊าย! ถามออกมาได้นะคะคุณเรียวขา ทานเสียขนาดนั้นน่ะ ถ้าไม่อิ่มก็ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรแล้วนะคะ
"ฮื่อ"
ยังคะ ยังตอบไม่ได้ กำลังดื่มน้ำอยู่ ขืนพูดออกมาสิคะ สำลักน้ำแย่เลย ดีไม่ดีภาพลักษณ์ของนางเอ๊กนางเอกที่ดิฉันอุตส่าห์ปลุกปั้นมากับมือ จะขายไม่ออกเอานะคะ
"อิ่มแล้ว แต่ซื้อกลับบ้านด้วยนะ เพื่อดึก ๆ หิวอยากกินเค็กขึ้นมาอีก" และเมื่อนายเรียวทำการชำระเงินเป็นที่เรียบร้อย ทั้งคู่จึงได้เดินออกจากร้านไป
"เดินเล่นกันต่อไหม" นายเรียวเอ่ยถามเป็นเชิงชวน หลังจากที่ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเห็นว่ายังไม่มืดเท่าไรนัก
"ดีเหมือนกันคะ"
. . .
"ชอบหรอ" เรียวถามเมื่อเห็นชีสกำลังจับจ้องอยู่ที่สร้อยคอที่ร้อยด้วยไข่มุกเม็ดเล็กสีเขียวมรกตด้วยท่าทีสนใจ
"คะ แต่แพงมากเลย ขอดูเฉย ๆ ดีกว่า แค่นี้ชีสก็พึงพอใจในความงดงามของมันแล้วล่ะ ไปเถอะคะ ไปดูตรงอื่นกันบ้างดีกว่า" แล้วชีสจึงได้คว้ามือเรียวให้เดินมากับตน
. . .
"รอพี่อยู่ตรงนี้ก่อนนะ พี่ลืมซื้อของบางอย่างน่ะ" เรียวบอกแล้วจึงได้เดินออกไปจากตรงนี้ ที่เป็นใกล้ ๆ บริเวณที่จอดรถของห้าง....เวลาผ่านไปประมาณ20นาทีเห็นจะได้ เขาถึงได้เดินกลับมา
"พี่เรียวไปซื้ออะไรมาน่ะ" เรียวไม่ตอบแต่ยื่นถุงใบจิ๋วส่งให้ชีส และเมื่อรู้ว่าภายในถุงคืออะไร แม่สาวน้อยจึงได้อุทานออกมาอย่างแปลกใจ
"อุ๊ย! นี่มันหมายความว่าไงน่ะพี่เรียว"
"พี่ซื้อให้น่ะ"
"เนื่องในโอกาสอะไรกันคะ"
"เอ่อ....เนื่องในโอกาส....อ่อ! วันนี้อากาศดีทั้งวันไงล่ะ"
ต๊าย! ว่าไปโน้นนะเจ้าคะพ่อพระเอกเจ้าขา แต่เอาเถอะคะ เจ้าหล่อนยินยอมรับสร้อยมุกเส้นนี้ก็ถือว่าโอเคแล้วล่ะคะ แม้จะแอบมีการอมยิ้มให้กับเหตุผลที่แสนจะน่าร๊าก น่ารัก ของคุณชายก็ตามเถอะ
"ขอบคุณนะคะ"
10 เมษายน 2549 20:49 น.
เรียงร้อยเป็นเรื่องราว
"คุณมีความสุขไหมคะที่คิดกับแม่จ๋าแบบนี้?!"
ทัศนัยนิ่งงันอยู่อย่างนั้น คำถามที่เปล่งออกมา เหมือนราวกับโดนลูกกระสุนที่พุ่งออกจากปากกระบอกปืน พุ่งตรงเข้าใส่หัวใจให้ต้องรู้สึกเจ็บร้าว
"มีความสุขมากใช่ไหมคะที่ทำร้ายจิตใจแม่จ๋าได้น่ะ?!"
"หวาน! พ่อขอโทษ!"
"ขอโทษ! คุณพูดว่าขอโทษงั้นหรอ..คนที่คุณควรขอโทษคือผู้หญิงที่
ชื่อนวลปรางค์ต่างหาก! แต่มันสายไปแล้วล่ะ เพราะแม่ได้ตาย
ไปแล้ว! ตายไปเพราะคุณเป็นคนฆ่า!..ฆ่าด้วยความคิดโง่ ๆ
ของคุณอย่างไงล่ะ!"
หวานโพลงออกมาอย่างสุดแค้น น้ำตาไหลนองหน้า ร่างบางที่ยืนอยู่สะท้านไปด้วยความโกรธ
"พ่อไม่ได้ตั้งใจลูก!"
"คุณรู้ไหม ทำไมหนูถึงรู้เรื่องราวระหว่างคุณกับแม่ เพราะเพื่อนสนิท
แม่คนหนึ่งเป็นคนเล่าให้หนูฟัง แต่สำหรับแม่ แม่ไม่เคยพูดถึงคุณว่า
ไม่ดีเลย สักครั้งก็ไม่เคยมี ทุกประโยคที่หนูได้ฟังแม่เล่านั้น มันมี
แต่เรื่องดี ๆ ของคุณทั้งนั้น" หวานหยุดพูดยกหลังมือเช็ดน้ำตาที่มันเริ่มทำให้ตาของเธอพร่ามัว
"มีครั้งนึงหนูเคยถามแม่ว่า.."
. . .
"แม่จ๋า แม่โดนเขาทำร้ายจิตใจขนาดนี้ แม่ไม่รู้สึกโกรธ เกลียด
เขาบ้างหรือไงจ๊ะ"
"ไม่หรอกจ๊ะหวาน"
"ทำไมล่ะจ๊ะแม่"
"เพราะในหัวใจดวงนี้ของแม่เก็บแต่สิ่งดี ๆ ของพ่อจ๋าไว้เยอะแยะ
เลยน่ะสิจ๊ะ เยอะจนไม่มีที่พอให้เก็บสิ่งไม่ดี ของพ่อจ๋าไว้"
. . .
"นี่ไงคะคำพูดของผู้หญิงคนหนึ่ง ที่คุณเคยคิดว่าเธอเสแสร้ง!" แล้วหวานก็วิ่งพรวดพราดขึ้นข้างบนไป ไม่สนแม้แต่จะหันมามองผู้เป็นพ่อว่า ตอนนี้จะรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวกับสิ่งที่ตนเคยทำไว้อย่างไรบ้าง
"ทำไมล่ะปรางค์ ในเมื่อผมทำเลวกับคุณถึงขนาดนี้ ทำไมคุณยังดี
กับผมอยู่ ทำไมล่ะปรางค์ ทำไม!!!!!!!!!!!!!"
น้ำตาลูกผู้ชายอย่างทัศนัยได้ไหลออกมา ด้วยความรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าว ผสานกับความรู้สึกผิด เขาทำร้ายผู้หญิงคนหนึ่งที่รักเขาสุดหัวใจอย่างนี้ได้อย่างไร จิตใจของเขามันทำด้วยอะไร ทำไมถึงได้เลวเพียงนี้ มันสมควรแล้วล่ะที่จะโดนลูกสาวว่า เป็นฆาตกร
ภายในห้องของหวาน
"แม่จ๋า! ไม่เอาแล้ว หวานไม่อยากอยู่กับเขาอีกแล้ว ไม่เอาอีกแล้วนะแม่"
. . .
แม้เมื่อคืนมันจะเต็มไปด้วยเรื่องราวที่เจ็บปวด แต่ทัศนัยก็ตื่นแต่เช้ามาหุงหาอาหารให้ลูกสาวเหมือนเช่นทุกวัน กับความรู้สึกเสียใจที่ยังคงติดค้างอยู่ มันทำให้เขาไม่มีกระจิตกระใจที่จะทำอะไร จึงเลือกที่จะทำครัวซองแฮมชีส อย่างง่าย ๆ ให้ลูกสาวทานก่อนไปโรงเรียน
"หวานแต่งตัวเสร็จยังลูก" เขาตะโกนถามลูกสาวที่อยู่ข้างบนอย่างแปลกใจ เพราะปกติลูกสาวจะต้องลงมานานแล้ว ด้วยความรู้สึกเป็นห่วงอย่างบอกไม่ถูก ทำให้เขาต้องรีบวิ่งไปดูลูกสาวทันทีพร้อมความรู้สึกที่มันหวิว ๆ ยังไงชอบกล
"ก๊อก..ก๊อก..ก๊อก" เขาเคาะประตูตามด้วยเสียงตะโกนเรียกลูdสาวอย่างอดที่จะเป็นห่วงไม่ได้
"หวานครับ ลงมากินอาหารเช้าได้แล้วลูก" .... เงียบไม่มีเสียงตอบออกมาจากห้องของลูกสาว ไม่ว่าจะเรียกสักกี่ครั้งก็ตาม และเมื่อลองบิดลูกบิดประตู ทัศนัยก็ต้องพบกับความแปลกใจที่มันไม่ได้ทำการล็อคแต่อย่างใด เขารีบเปิดประตูพรวดพราดเข้าไปทันที และสิ่งที่เขาพบมันก็คือ....