13 พฤษภาคม 2549 14:42 น.
เรียงร้อยเป็นเรื่องราว
"กระเป๋าสวยดีนะ" นุ้ยกล่าวชมกระเป๋าสีชมพูที่หนังของมันเป็นเงาวับ
"ขอบใจจ๊ะ ใบละแค่หมื่นกว่าบาทเอง" ดูเหมือนเจ้าของกระเป๋าจงใจโอ้อวดอย่างเต็มที่ และนุ้ยเองก็รู้ดี
" ฉันยังไม่ได้ถามเลย รีบบอกขึ้นมาทันทีเชียว ยัยขี้โอ่เอ๊ย!
หมู่นี้รู้สึกทำตัวตีซี้กลุ่มฉันมากขึ้นทุกทีแล้วนะ กะจะหา
โอกาสใกล้ชิดนายเรียวล่ะสิท่า นึกหรือว่าฉันจะไม่รู้ยัยแพรไหม"
ยังคงจำแพรไหมกันได้นะคะ แม่สาวที่สุขล้นไปกับการสร้างสัมพันธไมตรีกับผู้ชายหน้าตาดีและกระเป๋าตังค์หนักทั้งหลาย พอเบื่อก็เฉดหัวส่งอย่างไร้เยื่อใย
ตอนนี้ได้เข้ามาสนิทกับกลุ่มนายเรียวแล้วนะคะ เข้ามาตั้งแต่เมื่อไรน่ะหรอคะ ก็เข้ามาตอนหลังจากแผนสองดำเนินการสำเร็จไปได้แค่วันเดียวเท่านั้นแหละคะ วุ๊ย! แผนการไม่ได้ลึกลับซับซ้อนอะไรหรอกคะ แค่ใช้ประวัติศาสตร์
เป็นตัวช่วยเท่านั้นเอง
* * *
"เจอกันอีกแล้วนะคะ" แพรไหมเข้ามาทักทายเรียวที่กำลังเดินเข้าหอสมุดกลางของมหาลัย
"แพรไงจำไม่ได้แล้วหรอคะ" หล่อนต้องแนะนำตัวเองอีกครั้ง เมื่อนายเรียวทำท่าว่าจำไม่ได้ พร้อมเอ่ยถามเป็นเชิงต่อว่าอย่างน้อยใจนิด ๆ
"อ่อ คุณแพรนั่นเอง"
"มาใช้บริการห้องสมุดเหมือนกันหรือคะ เอ..หวังว่า
เราคงไม่ได้สนใจในหนังสือประเภทเดียวกันหรอกนะคะ"
"ถ้านั่นไม่ใช่หนังสือเกี่ยวกับประวัติศาสตร์นะครับ"
"แต่บังเอิญมันใช่จริง ๆ เสียด้วยสิคะ"
"มันเป็นเรื่องน่ายินดีที่เราได้มาเจอคนที่ชอบอะไรเหมือน ๆ กันนะครับ"
"ใช่แล้วคะ แต่แพรเพิ่งเริ่มสนใจเกี่ยวกับเรื่องราวต่าง ๆ ในประวัติศาสตร์เท่า
นั้นเองน่ะคะ"
เพิ่งชอบหรือไม่เคยสนใจกันแน่จ๊ะแม่คู๊ณ วัน ๆ เห็นชอบหยิบแต่หนังสือแฟชั่น หรือไม่ก็พวกปาปาราสซี่ ยิ่งไอ้ประเภทหลังนี่ เห็นชอบนักชอบหนา ที่บอกว่าสนใจในประวัติศาสตร์ อย่าไปเชื้อ อย่าไปเชื่อคะ ขนาดตำราเรียนยังไม่
เคยเห็นแตะ คุณเธอเล่นไปสืบรู้มาสิคะว่า นายเรียวของเราชอบอ่านเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ คนเรามันต้องชอบอะไรที่เหมือนกัน ถึงจะคุยกันรู้เรื่องและคุยกันได้นาน แม่นี่เขาเลยใช้วิธีนี้ปูทางสู่การชิดใกล้ และมันก็สำเร็จถึงได้มานั่งหน้าสลอนอยู่ในกลุ่มนายเรียวได้อย่างงี้ยังไงล่ะคะ
* * *
"ศุกร์นี้จะไปทะเลกันหรือคะ"
"ครับ พวกเราจะไปเที่ยวทะเลกันที่ชล ไปด้วยกันสิครับแพร" นายกวางบอกพร้อมชวน
"อืมม์..ดีเหมือนกันคะ แพรเองก็ไม่ค่อยได้เที่ยวไหนกับใครเขาเหมือนกัน
วัน ๆ ถ้าไม่เรียนก็คลุกอยู่แต่บ้าน ไปเที่ยวกับเขาบ้างมันก็ดีเหมือนกัน"
เหอะ! เหอะ! แหลเชียวนะคะ แหลมั๊กมาก ใครกันหว่าที่แทบทุกคืนเริงร่าอยู่กับแสงสียามราตรี ยักย้ายส่ายสะโพกไปตามจังหวะเพลงอย่างเมามันส์ ท่วงท่าที่ดีดดิ้น เสื้อผ้าสวมใส่ที่รัดเน้นสัดส่วนและเผยผิวกายขาวผ่อง เรียกสายตาและอารมณ์ของเหล่าหนุ่มทั้งหลายได้เป็นอย่างดี
"แพรขอไปด้วยคนนะคะเรียว"
"อ้อนได้น่าตบเชียวนะยะหล่อน" นุ้ยแอบหมั่นไส้อยู่ในใจ แล้วก็เหลือบตาไปมองนายเรียว
"ไอ้เพื่อนบ้านี่ก็เหมือนกัน กำลังโดนผู้หญิงเขาใช้มารยาสาไถหลอก
มันยังไม่รู้ตัวอีก เบิดกระโหลกเสียหลายทีดีไหมเนี่ย เผื่อตามันจะได้สว่างขึ้นมาบ้าง"
และแล้วก็มาถึงวันศุกร์วันที่ทุกคนรอคอย...
"โอว์เย้!! ในที่สุดก็มาถึงวันเที่ยวทะเลจนได้ โอว์! น้ำทะเลจ๋า
วันนี้แล้วสินะจ๊ะ ที่เราจะได้สู่อ้อมกอดของกันและกัน"
ไอ้อาการลิงโลดพร้อมท่าประกอบสุดทะเล้น ทำปากจูจุ๊บส์ แล้วเอาแขนโอบกอดตัวเอง ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอกคะ นางเอกจอมแก่นของพวกเราไงคะ ขนาดนายเรียวอยู่ตรงนี้ด้วย น้องแกยังไม่เห็นถึงความสะทกสะท้านในความอายเลยคะ
"พี่เรียว พอถึงทะเลก็แก้ผ้าล้อนจ้อนวิ่งโทง ๆ ลงน้ำเลยนะ" เออแน่ะยังจะมาชวนสุดหล่อของเขาทะเล้นไปด้วยอีกคน
"นี่ใช่ไหมน้องชีสที่เคยเล่าให้นุ้ยฟัง" นุ้ยกระซิบถามแฟนหนุ่ม
"นี่แหละเป็นไงบ้างล่ะ" ต้นถาม
" แสบเกินคาดกว่าที่คิดไว้เลยแหละ" นุ้ยพูดกับตาที่มองชีสอย่างเอ็นดู ซึ่งตรงกันข้ามกับบางคน
"ฉันว่ายัยเด็กนั่นมันแพรวพราวไปด้วยจริตจะก้านเสียจริง
เชอะ! ทำเป็นทำตัวน่ารักให้คนเขาเอ็นดู สร้างภาพล่ะสิ" แพรพูดกับกิ๊บและ
มายด์ที่มาเที่ยวทะเลด้วย แววตาที่มองชีส แสดงถึงความเป็นนางอิจฉาอย่างเต็มพิกัด
"เอ้า! ในเมื่อพร้อมแล้วก็ขึ้นรถกันได้แล้วนะครับ" เรียวส่งเสียงบอกทุกคน และ
หลังจากที่ทุกคนเข้านั่งในรถตู้เป็นที่เรียบร้อย ล้อทั้งสี่ของมันก็พาพวกเขาทั้ง 11 ชีวิตสู่ชลบุรี
"ว้าย! มีคาราโอเกะด้วย เดนนี่งี้ช๊อบชอบค่า"
จากกรุงเทพฯสู่ชลบุรี มิใช่สุไหงโกลก จึงไม่ต้องใช้เวลาอันยาวนานในการเดิน
ทาง เพียงแค่ชั่วโมงกว่าก็เห็นน้ำทะเลและหาดทรายมาอยู่ต่อหน้าแล้ว เมื่อล้อรถจอดเทียบพื้นสนิท ประตูรถถูกเปิดออก ทั้ง 11 ชีวิตก็พากันเดินลงมาพร้อมมือที่แบกสัมภาระของตัวเอง
"ทำไมไม่นอนโรงแรมระดับ 5 ดาว หรือเช่าบังกะโลที่มันเลิศกว่านี้นะ
โทรมขนาดนี้ไม่รู้ว่าเตียงนอนจะทำให้ผิวฉันระคายเคืองหรือเปล่า" แพรบ่นกับเพื่อนอย่างไม่พอใจ แต่ก็ต้องจำยอมตามทุกคนเข้าไปในบังกะโล เรียว กวาง ต้น อยู่หลังเดียวกัน ชีสกับพวกเพื่อน ๆ อยู่ถัดมาอีกหลัง ส่วนหลังสุดท้าย
ถัดต่อคือแพรกับพวกเพื่อน ๆ รวมทั้งนุ้ยอีกคน
"ชุดว่ายน้ำของเธอเซ็กซี่จังเลยแพร ดูสิมายด์เซ็กซี่เนอะ" กิ๊บบอกแล้วยื่นชุดว่ายน้ำทูพีซของแพรให้มายด์ดู
"จริงด้วย แพรรับรองเลยนะใส่ชุดนี้หนุ่ม ๆ ต้องพากันมองเธอเป็นตาเดียวแน่" มายด์พูดออกมา
"สวย ขาว และหุ่นดีอย่างฉันมันก็แน่นอนอยู่แล้วล่ะจ๊ะ" แพรกล่าวอย่างมั่นใจในตัวเอง และแล้วจินตนาการของเธอก็โลดแล่นไปหานายเรียวอย่างเคลิบเคลิ้ม ตัวเองในชุดว่ายน้ำทูพีซอันแสนสุดเซ็กซี่ ข้างกายมีนายเรียวเดินจับมืออยู่เคียงข้าง ปล่อยเท้าเปล่าย่ำหาดทรายไปด้วยกัน และเริงร่าหยอกล้อกันในทะเล แต่เมื่อภาพของชีสที่จู่ ๆ ก็โผล่พรวดเข้ามา มันทำให้เจ้าหล่อนรู้สึกขัดใจเป็นที่สุด
"นี่นุ้ย ยัยเด็กที่ชื่อชีสอะไรนั่นน่ะ เป็นอะไรกับเรียวงั้นหรอ" แพรถามนุ้ยที่กำลังจับไม้กวาด ๆ ฝุ่นละอองที่อยู่บนพื้น ตอนนั่งมาในรถหล่อนเห็นเรียวได้ให้ความสนิทสนมกับชีสเป็นพิเศษ มันทำให้หล่อนรู้สึกอิจฉาและไม่พอเป็นอย่างมาก
"จะเป็นอะไรก็เป็นคนพิเศษไงล่ะจ๊ะ" คำตอบของนุ้ยทำให้แพรแทบร้องกรี๊ด ๆ และกระทืบเท้าปึงปังอย่างลืมตัว
วันนี้ยังไม่ใช่วันหยุดของใครอีกหลายคน ท้องทะเลจึงบางตาไปด้วยผู้คนที่มาเล่นน้ำ ส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ ผมสีทอง ตาสีฟ้าเสียมากกว่า พวกเรียวเลือกเล่นน้ำกันใกล้ ๆ ที่พัก ต่างพากันหยอกล้อ กวักน้ำที่เค็มแสนเค็มสาดใส่กันอย่างสนุกสนาน ชีสกับเดนนี่เลือกที่จะเพลิดเพลินนั่งอยู่บนห่วงยางสีดำ ปล่อยให้มันลอยตุ๊บป่อง ๆ พาตัวเองไหลไปกับคลื่นน้ำ
"ชีสอย่าไปให้ลึกนักนะ ยิ่งว่ายน้ำไม่ค่อยเป็นอยู่ด้วย" เพราะความเป็นห่วง เรียวจึงตะโกนสั่งห้ามออกมา ชีสเอามือสองข้างทำเป็นพาย ตีกระทุ้งน้ำลอยห่วงยางเข้ามาหาเรียว
"พี่เรียวเป็นห่วงชีสหรอ"
"เป็นห่วงสิ และก็ห่วงมากด้วย" มือของเรียวถูกยกขึ้นมาลูบแก้มขาวเนียนของชีสอย่างเบามือ สายตาที่ส่งผ่านมามันเต็มล้นด้วยความห่วงใย
"หัวใจพี่มันคงทนไม่ได้หรอกนะ ถ้าชีสต้องเป็นอะไรไป"
จากเด็กสาวแสนแก่นแก้ว ณ. เวลานี้กับรู้สึกเขินอายจนแทบทำอะไรไม่ ถูก พูดอะไรไม่ออก แปลกใจเหลือเกินทำไมเขาถึงต้องเอ่ยออกมาเช่นนี้ มีความหมายบางอย่างแฝงอยู่ในหัวใจเขาหรือเปล่าน่า น้ำทะเลที่สะอาดจนใส เป็นสิ่งน่า
มองที่สุดในยามนี้ ที่สาวน้อยจะก้มหน้าลงไปมองเพราะความเขินอาย แต่ถึงอย่างไรก็รู้สึกอบอุ่นในหัวใจเหลือเกิน
"หนอยนังเด็กเสแสร้ง!" แพรหลุดปากสบถออกมาด้วยความไม่พอใจกับภาพบาดตาบาดใจที่กำลังเห็น และยิ่งเมื่อยายกิ๊บพูดขึ้นมาว่า
"ดูสนิทกันดีจังนะ ถ้าว่าคงเป็นแฟนกันแน่เลย" มันยิ่งทำให้หล่อนรู้สึกเจ็บใจเป็นที่สุด ของที่สุด และที่สุด ขนาดใส่ชุดว่ายน้ำแสนสุดเซ็กซี่มา หวังให้นายเรียวสนใจ แต่เปล่าเลย เขาไม่สนใจสักนิด
"ทำไมเธอไม่ทำให้พี่เรียวเขาเกลียดยายเด็กนั่นล่ะแพร" แพรหันควับมาหามายด์ทันที
"เธอมีวิธีอะไรดี ๆ งั้นหรอ" แล้วถามออกมาอย่างสนใจ
"มีสิ!"
3 พฤษภาคม 2549 12:41 น.
เรียงร้อยเป็นเรื่องราว
"จะไปเที่ยวทะเลกับเพื่อน ๆ หรือลูก" คุณเกรียงไกรถามออกมาท่ามกลาง
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารยามเช้า
"คะพ่อ"
"แล้วมีผู้ใหญ่ไปด้วยหรือเปล่าจ๊ะ" คุณวัลภาถามขึ้นอีกคนอย่างเป็นห่วง
"มีคะแม่ พี่เรียวกับเพื่อนอีกสองคนของพี่เรียวไปด้วยคะ" เมื่อรู้ว่ามีนายเรียว
ไปด้วย ความเป็นห่วงของคุณเกรียงไกรกับคุณวัลภาจึงได้เบาลง
"แล้วจะไปกันเมื่อไรล่ะ" คุณเกรียงไกรถาม มือก็ตักกุ้งชุบแป้งทอดใส่จานให้
บุตรสาว
"ขอบคุณคะพ่อ จะไปกันศุกร์หน้านี้แล้วคะ"
เมื่อเสียงเพลง My heart will go on ดังออกมาจากมือถือ..
"สวัสดีคะ น้องเดนนี่สุดสวยกำลังกรอกเสียงหวาน ๆ อยู่คะ" แม่กระเทยสุดสวย
จีบปากจีบคอกรอกเสียง ทั้งที่รู้ว่าอีกฝ่ายที่โทรมาคือชีส
"ชีสบอกพ่อกับแม่เรื่องเที่ยวทะเลกันแล้วนะ"
"แล้วว่าไงบ้างล่ะ" เดนนี่หมายถึงว่าชีสได้รับอนุญาตหรือไม่
"ไฟเขียวผ่านตลอดจ๊ะ" น้ำเสียงชีสที่เดนนี่ได้ยินจากมือถือรับรู้ได้ถึงความดีใจ
"ถ้างั้นตกลงพวกเราทุกคนไม่มีปัญหาสำหรับการเที่ยวทะเลครั้งนี้"
"งั้นยายโรสก็ได้รับอนุญาตจากพ่อแม่ด้วยสิ" ชีสถามด้วยความดีใจกับโรสด้วย
ในกลุ่มมีเธอกับโรสเท่านั้นที่อยู่กับพ่อแม่ ส่วนเดนนี่ บิว แอนนี่ เช่าแมนชั่น
หรือคอนโดอยู่ตามลำพัง
"ถูกต้องแล้วล่ะจ๊ะแม่ชะนีน้อยของฉัน"
"จะไปชลกันหรอ" นุ้ยเพื่อนร่วมชั้นของนายเรียวส่งเสียงออกมา พลางหันหน้า
หาแฟนหนุ่ม นั่นก็คือนายต้น แล้วถามว่า
"จะไปกันเมื่อไรล่ะ"
"ศุกร์หน้าไปด้วยกันไหมล่ะ" ต้นบอกพร้อมชวนไปในตัวด้วย
"ไปสิ" นุ้ยตกลงทันทีอย่างไม่ลังเล
"เรื่องเที่ยวทะเลน่ะขอให้บอกของชอบ" และได้หันหานายเรียวเหมือนจะนึก
อะไรบางอย่างได้
"นี่เรียว เมื่อวานฉันเห็นนะ" สีหน้าราบเรียบของเรียวเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นเหลอ
หลาทันทีที่นุ้ยเอ่ย
"เห็นอะไร?!" เรียวถามพร้อมสีหน้าที่แสดงถึงความไม่เข้าใจ
"เห็นเธออยู่กับผู้หญิง" แค่ประโยคบอกเล่าธรรมดา แต่ก็ทำให้นายต้นกับนายก
วาง ตาโตหูผึ่งได้เหมือนกันนะคะ
"อยู่กับผู้หญิงงั้นหรอ?!" มันเป็นเสียงที่ไม่อาจคาดเดาได้ว่า พวกเขาสองคนจะ
เปล่งออกมาพร้อมกัน
"ใช่" น้ำเสียงของนุ้ยฟังดูหนักแน่น
"สวยเปล่านุ้ย" นายกวางถามอย่างใคร่รู้
"เห็นแค่ด้านข้างก็โอเคอ่ะนะ แต่ที่แน่ ๆ
จัดได้ว่าเป็นคนเปรี้ยวจนเข็ดฟันทีเดียวเชียวแหละ" นุ้ยบอกออกมา ซึ่งเธอ
เห็นได้จากการแต่งตัวของผู้หญิงคนนั้นเมื่อวานนี้
"เฮ้ย!" นายกวางและนายต้นต่างพร้อมใจหันหาเจ้าของเหตุการณ์เมื่อวาน ดวง
ตาสาดส่องประกายระยิบระยับของความอยากรู้อยากเห็น ส่งคลื่นความอยากนั้น
สู่สมองเพื่อสั่งงาน
"บอกมาเดี๋ยวนี้เลยนะเอ็ง ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครกัน" และนี่ก็คือสิ่งที่สมองสั่ง
งาน
เรียวลำดับเหตุการณ์เมื่อวาน ตั้งแต่ลุกจากเตียงในยามเช้า จนถึงเข้านอน
ในยามค่ำ ตลอดช่วงระยะเวลา 24 ชั่วโมงของวันนั้น การดำเนินชีวิตเป็นไปตาม
ปกติ แต่มีช่วงนึงที่เขาไปแสดงความมีน้ำใจ ช่วยเหลือหญิงสาวที่รถของเธอเกิด
เกเรขึ้นมา และนั่นทำให้เขาถึงกับร้อง..
"อ๋อ..จำได้แล้ว" และจึงเล่าเรื่องเมื่อวานนี้ให้เพื่อนฟัง
"เธอนี่ใจดีกับคนอื่นเสมอเลยนะเรียว" นุ้ยกล่าวออกมา เรียวไม่พูดอะไรเพียงแค่ยิ้มให้
1 พฤษภาคม 2549 20:29 น.
เรียงร้อยเป็นเรื่องราว
'แท่ด..แท่ด..'
"รถเป็นอะไรหรือเปล่าครับ"
"มันสตาร์ทไม่ติดน่ะคะ"
"ถ้างั้นผมขอดูหน่อยได้ไหมครับ"
"ยินดีเลยคะ ช่วยหน่อยนะคะ"
'บรื้น..บรื้น..'
"ก็สตาร์ทติดนี่ครับ"
"อ้าว!แต่ว่า
"อาจเป็นเพราะช่วงนั้นเครื่องยังไม่เดินเต็มที่
ก็เลยทำให้คุณสตาร์ทไม่ติดก็เป็นได้ครับ"
"อย่างงั้นหรือคะ ขอบคุณมากนะคะคุณเอ่อ..
"ผมรวินทร์ หรือจะเรียกว่าเรียวก็ได้ครับ"
"คะ ขอบคุณนะคะเรียว แพรคะมาจากแพรไหม"
"คิดว่ารถคุณคงไม่มีปัญหาอะไรแล้ว งั้นผมขอตัวเลยแล้วกัน" แล้วนายเรียวก็ส่งยิ้มให้ก่อนจะหันหลังไป
พอคล้อยหลังนายเรียวไม่เท่าไร สีหน้าหญิงสาวก็เปลี่ยนทันที แผนเดิม ๆ สุดเชย แต่ได้ผลดีสำหรับการเปิดฉากแรกที่สืบรู้มาว่า เขาเป็นคนชอบช่วยเหลือคนเดือดร้อน เธอจึงแสร้งทำเป็นสตาร์ทรถไม่ติด เพื่อเรียกให้เขามาติด
กับดัก และมันก็ได้ผลตามคาด ยิ่งกว่านั้นสายตาของเขาที่ไม่ต่างอะไรจากผู้ชายทั่วไป ที่ชมชอบในความงามของผู้หญิงเช่นเธอ จึงไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่เพื่อนเธอบอกสักนิด
"คอยดูต่อไปเถอะ ว่าฉันจะใช้แผนอะไรต่อไปในการล่าเหยื่ออย่างนาย"
"ดูยายแพรสิ ท่าว่าวันนี้อารมณ์ดีเป็นพิเศษ" กิ๊บพูดกับมายด์ เมื่อเห็นใบหน้าที่ฉาบด้วยเครื่องสำอางค์ราคาแพงของแพร เปิดยิ้มอย่างสดชื่นเดินเข้ามาในห้องเรียน
"ก่อนหน้าจะเข้ามาเนี่ย ไปเจออะไรดี ๆ มางั้นหรือ" แพรไม่ตอบคำถามมายด์ในทันที จนเธอหย่อนก้นที่งอนได้รูปสวยในกระโปรงนักศึกษาที่รัดจนฟิตลงบนเก้าอี้แล้ว เธอถึงได้บอกออกมา
"ฉันก็ไปเจออะไรดี ๆ สำหรับความสุขของฉันมาน่ะสิ" ลองได้พูดแบบนี้ ทั้งกิ๊บและมายด์ต่างก็รู้ถึงความหมายของมันเป็นอย่างดี
"นี่แสดงว่าหล่อนไปเจอเหยื่อรายใหม่มางั้นสิ" มายด์พูดพร้อมถามออกมาด้วยในตัว
"ใช่แล้วล่ะจ๊ะ และรู้ไหมว่าเหยื่อฉันคนนี้น่ะเป็นใคร" กิ๊บและมายด์อยากรู้แล้วสิว่า คนที่แพรกล่าวเป็นปริศนานี้คือใครกัน
"นายเรียวไง"
"พี่เรียว!!" มายด์และกิ๊บพร้อมใจกันส่งเสียงอุทานออกมาด้วยความตกใจ
"พวกหล่อนสองคนได้ยินไม่ผิดแล้วล่ะจ๊ะ เนี่ยฉันไม่เห็นว่ามันจะยากอย่างที่พวกหล่อนบอกเลยนะ มันเป็นอะไรที่ง๊ายง่ายมาก" น้ำเสียงที่เปล่งออกมาของยายแพรไหมคนนี้ ทำให้คนเขียนอย่างดิฉันนึกถึงอะไรบางอย่างที่อยู่ในสวนสัตว์ อ้าว! นึกเหมือนกันหรือคะ นั่นแหละคะ ไอ้ตัวนั้นแหละคะ
"นายเรียวก็เหมือนกับคนแล้วคนเล่าที่ผ่านมาของฉันนั่นแหละ ที่หลงใหลเสน่ห์ผู้หญิงสวย ๆ อย่างฉัน" หล่อนยังคงพูดอย่างมั่นใจในตัวเองต่อไป ซึ่งคุณเธอไม่ได้สะกิดใจสักนิดเลยว่า เพื่อนสองคนที่นั่งฟังด้วยใบหน้าที่เรียบเฉยอยู่นี้ ข้างในจะแสดงออกถึงความหมั่นไส้อย่างชัดเจน แถมยังมีการแอบเบ้ปากด้วยนะคะ
"พี่เรียวอย่าแอบดูกางเกงในชีสนะ"
"ไม่ดูให้เสียสายตาหรอก หน้าคะมำมาเมื่อไรจะหัวเราะให้ก้องโลกเลยคอยดู" นายเรียวพูด สายตาก็ลอบมองแม่สาวน้อยจอมแก่นที่กำลังปีนป่ายจากด้านหน้าไปนั่งด้านหลังรถ
"นี่..แอบมองเปล่าเนี่ย" ข้ามมาได้แล้ว แต่แม่สาวน้อยยังระแวงว่านายเรียวจะแอบมอง เพราะวันนี้ใส่กระโปรงมาเสียเกือบสั้น
"เปล่า ระแวงจังนะเรา"
"ไม่ได้แอบดูก็ดีแล้ว นี่วันนี้ใส่กางเกงในตัวใหม่มาด้วยแหละ สีชมพูรูปหมีพูห์ด้วย" ดูนางเอกของดิฉันสิคะ เฮ้อ! แล้วจะแวงให้เสียเวลาทำไม๊ บอกเขาเสียโจ่งแจ้งขนาดนั้น
"พี่เรียวศุกร์-เสาร์อาทิตย์หน้าว่างหรือเปล่า ถ้าไม่ว่างต้องว่างนะ ห้ามบอกไม่วางเด็ดขาด เพราะชีสกับพวกเพื่อน ๆ จะชวนพี่กับพี่ต้นและพี่กวางไปเที่ยวทะเลด้วยกัน"
"นี่เล่นมัดมือชกกันเลยหรือนี่"
"กลัวพี่เรียวปฏิเสธนี่ ไม่รู้ล่ะห้ามปฏิเสธด้วย ไม่งั้นมีงอน"
"ก็ไม่ได้ปฏิเสธนี่"
"โอว์เย้! พี่เรียวใจดีจัง" สองแขนที่ชูขึ้นพร้อมเสียงที่เปล่ง ทำให้นายเรียวต้องยิ้มออกมา
"แต่พี่ไม่รู้นะว่าถึงวันนั้นต้นกับกวางมันจะว่างหรือเปล่า แต่พี่น่ะว่างแน่"
"กลับมาแล้วคะ" แม่สาวน้อยส่งเสียงก่อนตัวจะเดินเข้าบ้าน....พอพนมมือไหว้พ่อกับแม่แล้ว ก็ทรุดลงนั่งกลางระหว่างพ่อกับแม่ที่นั่งอยู่บนโซฟา
"คิดถึงจังเลยคะ" ออดอ้อนออกมาแล้วก็ซ้ายทีขวาทีหอมแก้มพ่อกับแม่เสียฟอดใหญ่
"วันนี้แม่ทำสาคูไส้หมูกับข้าวเกรียบปากหม้อด้วยนะจ๊ะ" คุณวัลภาบอกลูกสาว
"หรอคะ งั้นชีสรีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าดีกว่า จะได้ลงมากินของอร่อย ๆ ฝีมือภรรยาคุณเกรียงไกร" เมื่อแม่สาวน้อยเดินออกไปจากตรงนี้แล้ว สักพักคุณวัลภาก็พูดกับผู้เป็นสามีขึ้นมาว่า
"ดูท่าว่าลูกสาวเราจะสนิทสนมกับพ่อเรียวเป็นพิเศษนะคะ ไม่รู้ว่าคบกันพิเศษด้วยหรือเปล่า"
"แล้วถ้าเขาสองคนคบกันเป็นแฟนขึ้นมาล่ะ" คุณเกรียงไกรถาม
"ดีน่ะสิคะ ตาเรียวน่ะเด็กดีจะตาย ตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ไม่เคยทำตัวเสียหายเลย รับผิดชอบการเรียนของตัวเองเป็นอย่างดี พอปิดเทอมก็หางานพิเศษทำ"
"ผมก็คิดเหมือนคุณ" คุณเกรียงไกรพูดแล้วยิ้มให้ภรรยา คุณเกรียงไกรและคุณวัลภาเป็นพ่อแม่ที่ค่อนข้างหัวสมัยใหม่ แต่ทั้งนี้การดำเนินชีวิตของบุตรสาวก็ต้องอยู่ในสายตาของพวกเขาที่คอยเฝ้ามองอยู่ห่าง ๆ ด้วยความเป็นห่วงเป็นใย
1 พฤษภาคม 2549 11:17 น.
เรียงร้อยเป็นเรื่องราว
"แหม!หล่อน..ตั้งแต่มีคนมารับมาส่งนี่ รู้สึกว่าไม่เคยใช้รถของตัวเองเลยนะจ๊ะ" บิวส่งเสียงแซว เมื่อเชีสเดินเข้ามา และเช้านี้ก็อีกเช่นกันที่ทั้งเธอ เดนนี่ โรส แอนนี่มารวมตัวกันอยู่ที่ม้าหินแถวตึกเรียน ซึ่งเป็นที่ประจำของกลุ่ม
"ชีสประหยัดช่วยชาติต่างหาก เอ้านี่ซื้อก๋วยเตี๋ยวลุยสวนมาฝากคนละกล่อง ซื้อมาจากแถวบ้าน ร้านนี้ต้องยกนิ้วให้เลย ทำสะอาดด้วย" ชีสแจกก๋วยเตี๋ยวลุยสวนให้เพื่อนทุกคน เรื่องมีน้ำใจ มีอะไรก็แบ่งปัน ตรงนี้สำหรับชีสแล้ว เธอมีให้เพื่อนเต็มเปี่ยม จึงทำให้เธอเป็นที่รัก
ของเพื่อน
"ยิ้มอะไรน่ะ?!" แม่สาวน้อยขยับปากถามพร้อมสีหน้าและแววตาอันสงสัย ที่อยู่ดี ๆ ก็ถูกแจกยิ้มจากเพื่อน ๆ แถมยังมาพร้อมใจจ้องมองเธออีกต่างหาก
"ชีสจ๋าาาา...." เดนนี่เรียกขานชื่อเพื่อนด้วยน้ำเสียงที่หวานจนยดย้อย
"ชีสว่าพวกเธอต้องมีอะไรแน่ ๆ เลย"
"ฮื่อ" โรสส่งเสียงอยู่ในลำคอก่อนจะบอกชีสว่า
"ก่อนเธอจะมา พวกเราได้คุยกันว่าอยากไปเที่ยวทะเลกันที่ชล"
"ทะเลหรอ!" ชีสส่งเสียงอย่างดีใจและตื่นเต้น เมื่อภาพทะเลสีฟ้า หาดทรายขาวสะอาดปรากฎอยู่ตรงหน้า
"ดีสิ ไปด้วยคน แล้วจะไปกันเมื่อไรล่ะ"
"อาทิตย์หน้าเราหยุดสามวัน คงเป็นช่วงนั้นแหละ แต่ว่า.." โรสบอก และดูเหมือนมีบางอย่างที่ทำให้เธอกับคนอื่นลังเลไม่กล้าพูดออกมา
"แต่อะไร" ชีสถาม
"ไปกันตามลำพังแบบนี้ แถมยังออกต่างจังหวัดด้วย กลัวว่าพ่อกับแม่พวกเราจะไม่อนุญาตน่ะสิ" แอนนี่บอกถึงสิ่งที่ทำให้พวกเธอลังเลออกมา
"ถ้ามีผู้ใหญ่ไปด้วยมันก็ไม่มีปัญหาแล้ว" ชีสบอกกับเพื่อน
"ใช่แล้ว และผู้ใหญ่นั้นก็ต้องเป็นพวกพี่เรียว" เดนนี่พูดขึ้นทันที แล้วหันไปยิ้มกับพวกบิวอย่างรู้กัน
"มันเป็นเรื่องของอนาคต ชีสยังไม่รู้เลยว่าถึงเวลานั้นพวกพี่เรียวจะไปกับพวกเราได้หรือเปล่าน่ะสิ"
"เธอก็ต้องทำให้พี่เรียวเขาไปกับพวกเราให้ได้สิ" โรสบอกแกมขอร้อง และหลังจากนั้นเธอกับทุกคนก็ช่วยกันออดอ้อนชีสเป็นการใหญ่
"น่า..นะจ๊ะชีสจ๋า ช่วยพวกเราทีนะ"
"ผู้ชายคนนั้นน่าสนดีนะ" แพรพูดกับสายตาที่มองไปยังเรียวที่กำลังนั่งอยู่พร้อมด้วยเพื่อน ๆ อีกฝั่งนึงตรงข้ามเธอ ท่วงท่าอิริยาบทที่แสดงออกมาในรูปแบบต่าง ๆ ของเรียว ถูกบันทึกไว้ในเลนส์ตาของหญิงสาวอย่างพึงพอใจ
"คนนั้นน่ะหรอ พี่เรียวไง คนที่กำลังฮอทในหมู่สาว ๆ ตอนนี้" มายด์บอกเพื่อน และเธอเองก็เป็นหนึ่งในจำนวนสาว ๆ หลายคนที่ชื่นชอบเรียว
"นี่น่ะหรอนายเรียวที่ใครต่อใครพากันพูดถึง" แพรพูดออกมา สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่นายเรียว หน้าตาที่หล่อ รูปร่างที่เท่ห์ของเขาทำให้เธอรู้สึกสนใจไม่น้อย และยิ่งเมื่อเธอได้ยินยายกิ๊บบอกถึงฐานะการเงินของเขา ทำให้เธอยิ่งสนใจเขามากขึ้นอีก
"ฉันอยากได้เขามาควงเสียแล้วสิ!" คำพูดของเธอทำให้มายด์และกิ๊บต่างหันมองอย่างตกใจ
"หล่อ ๆ แบบนี้คงมีแฟนแล้วมั้ง" กิ๊บพูด
"มีก็มีไปสิ ฉันไม่สนหรอก อะไรที่ฉันจะเอาฉันต้องเอาให้ได้!" แพรพูดออกมา ด้วยนิสัยที่แสดงถึงความั่นใจและเอาแต่ใจ คนอย่างเธอถ้าต้องการสิ่งใดแล้ว ไม่ว่าจะสิ่งนั้นจะเป็นอะไรแล้วแต่ ต้องเป็นของเธอให้ได้ และไม่สนด้วยซ้ำว่า จะได้มาด้วยวิธีใดก็ตาม
"แต่ถ้าคนนี้เธอจะเล่นด้วยยากนะแพร" มายด์พูด.. แพรไหมเพื่อนของเธอคนนี้มีนิสัยสนุกกับการเปลี่ยนคู่ควงเป็นว่าเล่น และแต่ละคนที่เธอควงต้องหล่อ เท่ห์ ที่สำคัญต้องรวยระดับมีเงินให้เธอใช้ได้อย่างสบาย ๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เมื่อเธอเอ่ยปากบอกพวกเขาว่า "ฉันเบื่อแล้ว!" พวกเขาจะมายึดติดกับเธอต่ออีกไม่ได้เด็ดขาด
"ใช่นะแพร" กิ๊บเสริม และพูดต่อไปว่า
"ฉันได้ยินมาว่า พี่เขาไม่เคยยอมคบกับผู้หญิงคนไหนที่ใจกล้ามาขอคบด้วยเลยนะ พี่เขาก็ปฏิบัติตัวเป็นกันเองกับทุกคน ไม่ได้แสดงท่าทีกับใครเป็นพิเศษเลย"
"ต่อไปคงมีแล้วล่ะ ฉันนี่ไงที่เขาต้องเห็นฉันสำคัญและพิเศษกว่าใคร เขาต้องเป็นของฉันคนเดียวจนกว่าฉันจะเจอของเล่นชิ้นใหม่นั่นแหละ" แพรพูดพร้อมกับอะไรบางอย่างที่ผุดขึ้นมาในความคิด
"ทำไมน่าข้าถึงไม่เกิดมาหน้าตาดีเหมือนเอ็งบ้าง พวกผู้หญิงนี่ก็จริง ๆ เล้ย
ชอบแต่คนหล่อ คนไม่หล่อก็มีหัวใจเหมือนกันนะคร๊าบบบ" นายต้นส่งเสียงพูดออกมาเป็นชุด
"ใครที่ชอบเราเพราะความหล่อ เอ็งคิดหรือว่าคนนั้นเขาจะจริงจังกับเราจริง" เรียวพูดเป็นเชิงให้เพื่อนได้คิด
"มันก็จริงอย่างเอ็งพูด ถ้าคนเรารักใครชอบใครมันก็ต้องคบกันด้วยใจ ไม่ใช่หน้าตา
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นนะ โอว์! สวรรค์เสกหน้าตาของติ๊ก เจษฎามาให้กระผมบ้างได้
ไหมขอรับ ขอแค่เศษเสี้ยวหนึ่งก็ได้"
"อย่างเอ็งเอาแค่หน้าอย่างหม่ำ จกม๊กก็ดีถมไปแล้วเว้ย" นายกวางที่นั่งอยู่ด้วยพูดแกมกัดเพื่อนออกมา
"เอ่อกัดกันเข้าไปนะไอ้กวาง หน้าเหมือนมหาโจรอย่างเอ็งงดงามตายล่ะ"
"เอ่อดิ.. ไม่งั้นไอ้เรียวมันไม่แอบปิ๊งข้าหรอกเว้ย" พอสิ้นเสียงของนายกวางก็ตามมาด้วยลูกถีบของนายเรียวทันที เพียงไม่นานร่างทั้งร่างของนายกวางก็ไปนอนแอ้งแม้งอยู่กับพื้น สร้างความตลกขบขันให้กับคนที่อยู่แถวนั้นไม่น้อย
29 เมษายน 2549 22:24 น.
เรียงร้อยเป็นเรื่องราว
"ตั้งใจเรียนนะลูก ทำใจให้สบาย ไม่ต้องคิดอะไรมาก" ผู้เป็นยายกล่าวขึ้นมาในเช้าวันหนึ่ง ขณะหวีผมให้หลานสาวอยู่ตรงหน้ากระจก
"หวานไม่เอาเรื่องส่วนตัวมาปนกับเรื่องเรียนหรอกจ๊ะยาย" หลานสาวพูดขึ้นมา
"แล้วหนูก็ต้องไม่เอาอดีตมาปะปนกับปัจจุบันด้วยลูก" ผู้เป็นยายกล่าวชวนให้คิด และหลังจากนั้นไม่ได้กล่าวสิ่งใดอีกเลย
"หวาน! ทันทีที่เห็นเพื่อนไอซ์และตุ๊กตาก็ตรงดิ่งเข้าหาทันที
"พวกฉันดีใจนะที่เห็นเธอมาเรียนวันนี้น่ะ เป็นห่วงกลัวว่าจะมาไม่ได้เสียอีก" ไอซ์พูดขึ้นมาอย่างดีใจ
"ไปหาครูภาวิณีกันเถอะ ว่าเธอมาเรียนแล้ว" ตุ๊กตาบอกแล้วจูงมือหวานให้เดินมาด้วยกัน พร้อมกับไอซ์ที่ตามมา
"หายดีแล้วหรือเบญจลักษณ์" ครูผู้ชายที่สอนวิชาพละส่งเสียงถาม เมื่อเห็นหวานเดินเข้ามาในห้องพักครูกับเพื่อนอีกสองคน
"คะครู" หวานเอ่ยพร้อมยกมือไหว้ แล้วเดินตามเพื่อน ๆ ไปหาครูภาวิณีที่นั่งอยู่ด้านในสุดของห้อง
"ครูขาสวัสดีคะ" ภาวิณีเงยหน้าจากงานขึ้นมองหวานที่กำลังยกมือไหว้เธอ รอยยิ้มที่เปิดออกแสดงให้เห็นถึงความดีใจ
"ดีขึ้นแล้วใช่ไหมจ๊ะ"
"คะครู"
"แล้วหัวใจของหนูล่ะ..มันแข็งแรงขึ้นมาด้วยไหม" คำถามของภาวิณีไม่ได้ทำให้หวานตอบสิ่งใดออกมา เด็กสาวนิ่งเงียบอยู่อย่างนั้น และภาวิณีเองก็ไม่ได้ถามต่อเช่นกัน เพียงแค่เอ่ยอะไรบางอย่างออกมาว่า
"เดี๋ยวสักวันมันก็จะแข็งแรงขึ้นด้วยตัวหนูเองจ๊ะ"
"ฉันว่าแทนที่แกจะโทรหาลูกแล้วถามว่าเป็นไงบ้าง ดีกว่ามานั่งคิดมากอยู่อย่างนี้อีกนะ" พนัศพูดขึ้นมา ช่วงระหว่างหยุดพักร้อนนี้ เขามักมาหาทัศนัยที่ทำงานทุกวัน
"ฉันโทรหาหลายครั้งแล้ว แต่ยัยหวานไม่ยอมรับสักครั้ง" ทัศนัยบอกด้วยน้ำเสียงที่บ่งชัดถึงความท้อแท้
"ถ้างั้นแกก็ต้องไปหาที่บ้านแม่ยายแก" ทัศนัยส่ายหน้าก่อนจะโต้ประโยคนี้ของเพื่อนขึ้นมาว่า
"ไม่มีทาง ขนาดโทรไปยังไม่รับ แล้วถ้าฉันไปหา คิดหรือว่าจะยอมเจอหน้า" "แต่การหนีปัญหามันก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นมาเหมือนกัน" พนัศพูดเป็นเชิงให้สติ ซึ่งมันก็ทำให้ทัศนัยได้คิดตาม และรู้สึกหวาดกลัวกับการสูญเสีย ซึ่งเขาเองไม่อยากให้มันเกิดขึ้นมาอีกครั้งเช่นกัน
"ขอบใจแกมากนะนัศ"
"เพื่อเพื่อนน่ะฉันยินดีเสมอเว้ย แล้วว่าแต่แกเหอะจะไปหาลูกเมื่อไรกัน ฉันจะได้ขอตามไปด้วย อยากเห็นหน้าหลานเต็มทีแล้ว"
"เย็นนี้เลย"
"นั่นไงเจ้าหวานกลับมาพอดี หวาน เข้ามานี่ก่อนลูก" อุษาร้องเรียกหลานสาว
"เป็นยังไงบ้างลูก" ทัศนัยถามลูกสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่ห่วงหาและคิดถึง
"หนูสบายดีคะ" หวานบอกด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่กระนั้นก็ยังถูกจับได้ด้วยความรู้สึกของพนัศว่า ปากกับใจของเธอมันสวนทางกัน เมื่อความเศร้าที่อยู่ในแววตาของเธอมันฟ้อง และเมื่อมองลึกลงไปได้มีบางอย่างอิงแอบอยู่ใน ดวงตาคู่นี้ และสิ่งนั้นมันก็ทำให้เขายิ้มออกมา
"คืนนี้หนูไม่ต้องเหงาเพราะคิดถึงพ่ออีกแล้วนะหวาน เพราะคืนนี้พ่อเขาจะค้างกับหนูที่นี่" คำพูดของพนัศทำให้หน้าของหวานแดงก่ำ ด้วยความที่พูดอะไรไม่ ออก และเกิดความสับสนกับความรู้สึกของตัวเอง ทำให้เธอต้องรีบเดิน ออกจากตรงนี้ทันที ทั้งทัศนัยและอุษาต่างมองมาที่พนัศอย่างงุนงง สายตาของพวกเขาที่ส่งมา เหมือนกับจะถามพนัศว่า "มันเกิดอะไรขึ้นกับเด็กสาวในตอนนี้อย่างงั้นหรือ"
"คุณปรางค์ไม่ได้คอยแกคนเดียวนะทัศ"
"นี่แกหมายความว่า!" ทัศนัยโพลง หัวใจของเขาเริ่มเต้นถี่
"ใช่..ยัยหวานคอยแกมาพร้อมกับคุณปรางค์ตลอด" คำพูดของพนัศได้สร้างความตะลึงจนพูดอะไรไม่ออกให้กับทัศนัยอย่างมากมาย
"จริง ๆ แล้วลูกก็รักแกนะทัศ" พนัศพูดพลางเอามือตบไหล่เพื่อนเบา ๆ
"ความเป็นสายเลือดมันตัดกันไม่ขาดหรอกนะ" อุษาที่เงียบไปพูดขึ้นมา
"แต่เป็นเพราะคนที่เจ้าหวานมันรักต้องเจ็บปวดทรมาน มันจึงรู้สึกโกรธแค้นขึ้นมาไง แต่ขณะเดียวกัน... เด็กที่ปราศจากพ่ออย่างมันก็โหยหาไออุ่นจากคำ ๆ นี้เหมือนกัน
"อย่าเพิ่งท้อนะเพื่อน อีกไม่นานหรอก.. อีกไม่นาน" พนัศพูดเป็นเชิงให้กำลังใจ
คืนนี้ที่หวานร้องไห้ เธอไม่ได้ร้องเพราะความโกรธแค้น หรือเสียใจแต่ประการใด น้ำตาอันร้อนผ่าวมันรินไหลพร้อมกับความรู้สึกที่ไหวหวั่น เหตุใดหนอ เหตุใด เมื่อเขาทำให้แม่ของเธอเจ็บปวดมากมายขนาดนี้ ใยหัวใจเธอยังร่ำร้องเรียกหาเขายามเมื่อต้องห่างไกลกัน ตลอดเวลาที่เธอเห็นแม่ต้องทรมาน เป็นเพราะความใจร้ายของเขามิใช่หรือ แล้วทำไมกัน แล้วทำไม หัวใจเธอมันจึงเต้นตึกตักด้วยความยินดีเมื่อได้เห็นเขา ภาพวันวานมันหวนคืน เด็กสาวยามเยาว์วัยในครานั้น ร้องเรียกหาพ่ออยู่ทุกคืนวันว่าพ่อจ๋า! พ่อจ๋า!อยู่ไหนกัน มาหาหนูหน่อยได้ไหม หนูคิดถึงพ่อเหลือเกิน....แต่แล้วเมื่อภาพอันแสนชอกช้ำของแม่มาเทียบซ้อน ไฟแค้นที่เกือบดับมอดกับลุกโชนในทันตา มาลุกโหมบดบังความต้องการอันจริงแท้ให้แอบซ่อนลึกในหัวใจ....จู่ ๆ ดูเหมือนมันกำลังฝ่าเปลวไฟออกมา ไฟที่มันพยายามโหมซัดกระหน่ำด้วยพลังอันแค้นเคือง
"จริง ๆ แล้วฉันต้องการอะไรกันแน่นะ" หวานกล่าวกับถามตัวเองขึ้นมา ด้วยความที่นอนไม่หลับ และไม่อยากคิดสับสนอยู่บนเตียง เธอจึงลุกออกจากห้อง เพื่อหาน้ำเย็นดื่มบรรเทาให้ใจได้ดีขึ้น
"ห้องมันแคบไปหน่อยนะลูก" หญิงชราพูดออกมาอย่างเกรงใจ กลัวว่าผู้มาเยือนจะลำบาก เพราะเคยนอนแต่ห้องที่กว้างขวาง
"ไม่แคบหรอกครับแม่ ผมชอบห้องนี้ครับ เพราะมันเคยเป็นห้องของปรางค์ เขา" ทัศนัยพูดออกมา เขาเห็นแม่ยายเหม่อมองไปที่หน้าต่างตรงหัวเตียง
"ทัศรู้อะไรไหม หน้าต่างบานนั้นน่ะ เป็นหน้าต่างที่ปรางค์เฝ้ามองหาแกอยู่ทุกวันนะ" หญิงชราบอกออกมา
"แม่ครับและแม่รู้อะไรไหม ตลอดหลายปีที่ชีวิตผมปราศจากปรางค์ หลายปีนั้นหัวใจของผมก็ไม่เคยให้ใครมาครอบครองหัวใจของผมอีกเลย เพราะชีวิตทั้งชีวิตผมมีแต่เธอคนเดียว"
"จริงหรือคะ!!!" เสียงของหวานทำให้พ่อและยายหันมามองเธอพร้อมกันที่ประตู...หวานที่ก่อนหน้าลุกออกจากห้องเพื่อไปหาน้ำดื่มที่ชั้นล่าง แต่ต้องเดินผ่านห้องของแม่ก่อน เธอจึงได้ยินเสียงของยายกับพ่อที่คุยกันอยู่ตลอด แต่ประโยคที่พ่อเพิ่งกล่าวมา มันทำให้เธออยากได้ยินชัด ๆ อีกครั้ง
"คุยกันไปนะ แม่ขอตัวก่อน" หญิงชรากล่าวแล้วก่อนที่จะเดินผ่านพ้นประตูไป เธอยังเอ่ยกับหลานสาวขึ้นว่า
"อย่าให้อะไรมาเอาชนะความต้องการที่แท้จริงของตัวเองไปได้นะลูก"
"พ่อยังรักแม่อยู่หรือคะ" หวานถามเมื่อผู้เป็นยายเดินออกไปจากห้องแล้ว
"ใช่ลูก พ่อยังรักแม่จ๋าของหนูอยู่"
"แต่ทำไมตอนนั้น" สีหน้าของหวานตอนนี้มันฉายแววแห่งความสงสัยและงุนงงออกมา
"ตอนนั้นพ่อยังไม่รู้ความต้องการที่แท้จริงของตัวเองยังไงล่ะลูก แต่ตอนนี้พ่อรู้แล้วว่าชีวิตทั้งชีวิตและหัวใจของพ่อมีแต่แม่จ๋าของหนูคนเดียว" ทัศนัยพูดออกมา และเขาจะรู้หรือไม่ว่า ไฟแค้นที่อยู่ในใจของลูกสาวได้ดับมอดลงด้วยคำพูดของเขาในทันใด
"พ่อไม่ได้โกหกหนูนะคะ!"
"ไม่ลูก เพราะพ่อไม่อยากสูญเสียหนูไปอีกคน มันทรมานนะลูก มันทรมานมากเลย!"
"พ่อคะ!!!" หวานโผเข้ากอดพ่อ ร้องไห้ฟูมฟายอยู่บนอกพ่ออยู่อย่างนั้น ร่างบางของเธอถูกร่างของพ่อกระชับแน่น ราวกับกลัวเธอหนีจากไปอีกครา และหวานเองก็เช่นกันกอดพ่ออยู่อย่างนั้น ในใจพลันคิดว่า ถ้าคลายกอดจากพ่อแล้ว พ่อจะหายลับไปในทันทีหรือไม่ ยิ่งคิดร่างสองร่างก็ยิ่งกระชับด้วยสายสัมพันธ์แห่งรักในสายเลือดอันยิ่งใหญ่
"หนูขอโทษนะคะพ่อ หนูขอโทษ!!!!"
"ไม่เป็นไรลูก" ทัศนัยกล่าวพลางค่อย ๆ บรรจงเช็ดน้ำตาให้ลูกสาว
"มากับพ่อตรงนี้สิครับ" เขาบอกแล้วจูงมือลูกสาวให้เดินมาที่หน้าต่างตรงหัวเตียงด้วยกัน
"หนูเห็นดวงดาวดวงนั้นไหมลูก" หวานมองตามพ่อไปยังดาวดวงนั้นที่ส่องประกายระยิบระยับราวดั่งกากเพชรอันหลากสี
"ดาวดวงนั้นเห็นไหมมีแม่จ๋ายิ้มให้พ่อกับหนูอยู่ในนั้น"
"โอว์! จริงด้วยคะพ่อขา ดูยิ้มของแม่สิคะ เป็นรอยยิ้มที่ช่างเต็มไปด้วยความสุขเหลือเกิน"
"ใช่ลูก แม่เขามีความสุขแล้ว มีความสุขพร้อมกับเราสองคนในตอนนี้ไงลูก"
"แม่คะพ่อเขากลับมาหาแม่แล้วนะคะ!" หวานกล่าวขึ้นในใจพลางยิ้มออกมาให้กับดาวดวงนั้น และข้าง ๆ เธอนั่นเองได้มีเสียงนึงดังขึ้นจากในใจของพ่อเธอเช่นกัน
"ชีวิตนี้ทั้งชีวิตผมมีแต่คุณคนเดียวนะปรางค์..ผมรักคุณนะครับ!" ทั้งทัศนัยและหวานหันมายิ้มให้กันและกัน
"พ่อคะหนูรักพ่อคะ!"
"พ่อก็รักหนูลูก!" แล้วสองพ่อลูกก็ยิ้มให้กันอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ดูเหมือนจะเนิ่นนาน หัวใจสองดวงมันสุขล้น เพราะว่า..
*แล้วเราก็เข้าใจกัน*