25 ธันวาคม 2546 15:39 น.
เมธี หล่อประจักษ์ศิริ
ในยามนี้ไม่รู้เธออยู่ไหน
รู้เพียงแต่ว่าไกลเกินใฝ่ฝัน
เธอเป็นเหมือนดอกฟ้าค่าเคียงจันทร์
แต่ตัวฉันเหมือนหมาไม่คู่ควร
***เอาสั้นๆ ก่อน ไม่ได้แต่งนาน ขอฟื้นสักหน่อย
25 พฤศจิกายน 2546 13:26 น.
เมธี หล่อประจักษ์ศิริ
มาเขียนกลอนบอกกล่าวชาว thaipoem
ว่าตัวผมตอนนี้มีงานหนัก
ทำทุกวันทุกวันไม่ทันพัก
หนักแสนหนักเหนื่อยยากลำบากกาย
อยากจะมาเขียนกลอนต่อกับเพื่อน
แต่ไม่อาจลาดเลื่อนงานที่หมาย
ไม่อย่างนั้นอาจารย์คงเอาตาย
อยากสบายในภายหน้าต้องทำใจ
ถึงแม้ว่ามาไม่ได้ใจเฝ้าคิด
ถึงผองมิตรหมู่เพื่อนเคยเอื้อนเอ่ย
เคยเล่นกลอนโต้กันทุกวันเคย
ไม่อาจเฉยขอสักหน่อยก่อนทำงาน
***ช่วงนี้ทำรีบทำงานวิทยานิพนธ์ ไม่ค่อยได้มาตอบกลอนเพื่อนๆ ไว้มีเวลาแล้วจะเจอกันนะครับ
23 พฤศจิกายน 2546 11:42 น.
เมธี หล่อประจักษ์ศิริ
ยามเจ้าห่างร้างไปไกลจากพี่
ดวงฤดีรันทดสุดทนไหว
จะนั่งลุกยืนเดินไม่เพลินใจ
ในฤทัยใฝ่เฝ้าเจ้ากลับมา
ยามเวลาเจ้าหายที่ชายห่วง
วันคืนล่วงแลลับพี่ถามหา
เป็นไปได้อยากเร่งวันเวลา
นาฬิกาหมุนไวดั่งใจดล
พี่เผ้าถามตามเมลล์เจ้าเคยให้
ส่งเมล์ไปก็ตีกลับมาทุกหน
ทำอย่างไรจึงจะได้ดังใจดล
ไม่ได้ยลน้องนางพี่ปางตาย
เจ้าหายไปไม่ส่งข่าวมาหาบ้าง
ไม่รู้นางห่างไปที่ไหนหมาย
พี่กับน้องต้องไกลกันเป็นพันไมล์
โอ้ใจชายท้อแท้นะเม่เอย
แม้ถ้าได้เคียงคู่อยู่กับน้อง
คงสมปองครองคู่ไม่อยู่เฉย
จะเฝ้าดูปลุกรักให้งอกเงย
แต่ไม่เคยได้ใกล้เจ้าไกลตา
พอคิดไปอกพี่นี้แสนทุกข์
ไม่มีสุขทุกข์เศร้าเฝ้าถามหา
พี่สุดแสนเป็นห่วงเจ้าดวงตา
แม่กานดาน้องอนงค์จงรับฟัง
อันตัวพี่เป็นชายจากบางกอก
เคยสำรอกทุกข์ทนแต่หนหลัง
มันเจ็บแปลบแสบอกนรกดัง
พะว้าพะวังรั้งรอไม่ขอใคร
อยู่คนเดียวเปลี่ยวเอกามาห้าเดือน
คล้ายมีเงื่อนเตือนจิตไม่คิดใหม่
กลัวจะซ้ำรอยเดิมเติมรอยใจ
ซ้ำเข้าไปให้ยิ่งชัดถนัดตา
แล้ววันนั้นน้องนี้พี่มาพบ
พอได้คบได้คุยได้ค้นหา
แม้ไม่ได้เห็นนางด้วงดวงตา
แต่เชื่อว่าใช่เจ้าที่เฝ้ารอ
เริ่มแรกคุยสนทนาตามประสา
แต่เวลาผ่านไปแปลกใจหนอ
ยิ่งคุยกันเรานั้นยิ่งถูกคอ
เรื่องสองหน่อเรานั้นเหมือนฝันไป
แต่พี่นั้นยังยับยั้งชั่งใจอยู่
พี่ไม่รู้ว่าต้องจิตคิดไฉน
ครั้นจะถามเจ้านั้นให้มั่นใจ
แต่รอยใจคอยย้ำทำไม่ลง
แล้วเจ้านั้นแง้มใจให้ได้เห็น
ว่าเจ้าเป็นอย่างจิตคิดลุ่มหลง
พี่จึงได้มั่นใจเจ้าอนงค์
จึงตกลงบอกรักเข้าจับจอง
จึงเอื้อนเอ่ยเผยใจที่ใฝ่ฝัน
อยากกระชับผูกพันสัมพันธ์สอง
หวังว่ารักเรานั้นจะสมปอง
เป็นคู่ครองเคียงกันทุกวันไป
พอเจ้ารับคำนั้นพี่พลันชื่น
จิตแช่มชื้นตื่นเต้นเป็นไหนไหน
ว่าเรานั้นจะได้ชื่นรื่นฤทัย
ทั้งสองใจพร้อมกันให้สัญญา
ว่าตัวพี่คนนี้จะรักมั่น
ไม่ทิ้งกันแม่ยอดปราถนา
จะเคียงคู่เจ้าไปไม่คลาดคลา
ทุกเวลาอยู่ข้างเจ้าเฝ้าดูแล
และอยากให้น้องนี้รอพี่ก่อน
น้องว่าตอนนี้น้องรอพี่แน่
เมื่อเราสองครองคู่คงสุขแท้
ไม่ท้อแท้รอได้ถึงหลายปี
คงไม่นานอย่างนั้นหรอกขวัญจิต
ด้วยพี่ติดงานเรียนอยู่อย่างนี้
ขอเวลานะที่รักสักสองปี
แล้วจะรี่รีบตลบไปพบนาง
21 พฤศจิกายน 2546 03:47 น.
เมธี หล่อประจักษ์ศิริ
น้องบอกพี่เอาไว้ว่าวันนี้
จำเปลี่ยนที่สถานทำงานใหม่
ไม่อาจตามติดต่อเจ้าต้องใจ
เป็นอย่างไรไม่ได้ข่าวเจ้าสาวเลย
ธรรมดาเรานั้นห่างกันอยู่
ยิ่งหดหู่เมื่อไม่ได้คุยอย่างเคย
ต้องห่อเหี่ยวเปลี่ยวเหงาตายเปล่าเลย
ทำเฉยเฉยก็ไม่ได้ใจมันรวน
หากแม้เจ้าเข้ามาอ่านข้อความนี้
รู้ไว้ว่าพี่นี้ไม่มีผวน
เมื่อกล่าวคำกำชับกับเนื้อนวล
ไม่แปรปวนรวนเรเกเรไป
อยากให้รู้ว่าในจิตคิดถึงเจ้า
พี่นั้นเฝ้าให้เจ้ากลับเจอกันใหม่
จะถนอมเจ้าไว้ดั่งดวงใจ
ถึงจากไกลกายห่างอย่าหมางเมิน
ถึงตัวห่างใช่ใจจะห่างด้วย
แม่คนสวยได้ฟังคงอาจเขิน
แต่อยากบอกที่พี่บอกไม่มีเกิน
ให้ข้ามเนินเขินเขาเราก็ยอม
***เธอมาอ่านคงรู้ว่าผมเขียนเพราะคิดถึงเธอ***
18 พฤศจิกายน 2546 00:12 น.
เมธี หล่อประจักษ์ศิริ
ก่อนจะนอนนึกถึงเจ้าที่เฝ้าหา
นึกถึงตางามเหมือนพระจันทร์ฉาย
เปล่งประกายพริ้วพริ้วเป็นริ้วลาย
ไม่มีหายจากห้วงคำนึงฝัน
มองดวงจันทราเวลาคิดถึงเจ้า
อยากให้เราสองคนได้ผูกผัน
หากได้อยู่ด้วยกันคงเหมือนฝัน
เธอกับฉันคู่กันตลอดไป
จันทร์เต็มดวงดวงใหญ่ในฟากฟ้า
คนบอกว่าช่างสวยเหมือนอย่างฝัน
แต่ถ้าถามกับพี่ว่างามจันทร์
ยังไม่ทันเทียบเจ้าที่เรารอ
พี่เฝ้ารอเมื่อไหร่จะใกล้เจ้า
น้องนั้นเหล่าคิดเห็นอย่างไรหนอ
หวังว่าเจ้าน้องนั้นก็เฝ้ารอ
ให้สองหน่อเรานั้นได้มั่นใจ
เห็นเมฆาบดบังจันทร์ส่องแสง
สุดแสลงในจิตคิดไฉน
เหมือนดังพี่กับน้องที่ต้องใจ
อยู่กันไกลมองไม่เห็นหน้ากานดา
***มอบให้กับเจ้าหญิงแห่งกาลเวลาฯ