19 กันยายน 2553 11:22 น.
เมธาวีรำลึก
อิจฉา
อิจฉาอยากเกิดมา......เป็นเขา หวังว่าเธอจะรักเรา.........ได้บ้าง
แต่เราต้องเศร้าเธอ-...... รักเขา มากนา
รักเรามันเจือจาง.............อิจฉาเต็มที
กรองรสพจนาเต็มปรารถนา
บรรจงอักษราจากดวงใจ
ลงฉันทลักษณ์สลักไว้แม้ห่างไกล
ชั่วกาลกัลป์อสงไขยใจรักเธอ
เราไม่อยากอยู่ต่อโดยไร้เธอ
รู้เสมอรักครวญได้แค่เพ้อ
ฟ้ากำหนดมิหลั่งลดความรักเธอ
แม้ไม่มีสิทธิเจอสำนึกดี
เธอรักใครในโลกาฟ้าจวบดิน
ยังมิสิ้นความรักในหทัยนี้
ตราบให้ตายวิญญานจะต้องพลี
เพราะชีวีเพราะเธอเป็นเจ้าของ
ก่อนจะสิ้นวิญญานพรากจากโลก
จะสิ้นทุกข์ดับโศกโลกมัวหมอง
จะต้องสิ้นสลายตามครรลอง
ฉันขอร้องแค่เธอมาหากัน
มาหาเราในวันที่เราเศร้า
มาหาเราในวันเหงาเหนื่อยแรงฝัน
มาหาเราได้ห่วงใยกันและกัน
มาหาเราได้คุยกันมันก็ดี
บางครั้งคราอิจฉาคนเธอรัก
ได้รู้จักได้รักกันอย่างน้องพี่
ห่วงใยกันเขานั้นช่างโชคดี
ที่ได้มีเธออยู่ข้างกายใจ
เราเห็นเธอซื้อขนมนมให้เขา
เราหมองเศร้าชีวีนี้ไร้คนให้
เราเจ็บป่วยระโรยแรงไม่มีใคร
เขาเป็นไรใจของเธอเพ้อห่วงหา
ยอมรับเรานั้นเศร้าและเหนื่อยอ่อน
ทุกวรรคตอนคลอนจากใจที่อ่อนล้า
คิดถึงเธอเสมอกาลเวลา
แต่ว่ามันมิอาจพาเธอมารักเรา
นอนร้องไห้เมื่อคืนฝืนอัดอั้น
แต่ละวันฉันอิจฉาอยากเป็นเขา
คงโชคดีที่เธอมารักเรา
อาจจะเพลาทุเราเศร้าให้หายไป
เขาช่างโชคดีที่ได้เกิดมา
ฟ้านำพาให้เธอมาอยู่ใกล้
เราช่างโชคร้ายเศร้าเหลือใจ
เกิดมาเป็นอะไรก็ไม่รู้
18 กันยายน 2553 22:51 น.
เมธาวีรำลึก
ฝันร้าย
มิติที่ฉันอยู่คือโลกกว้าง
ที่กระจ่างแจ่มแจ้งแถลงไข
นี้คงเป็นโลกลวงหรือยังไง
ทำไมใจเจ็บช้ำตอกย้ำจริง
บ้านหลังนี้คงจะเป็นภาพลวง
ทั้งหมดปวงคงจะลวงหลอนทุกสิ่ง
ในโลกที่เขียนกลอนอยู่คงไม่จริง
เพราะมันยิ่งโหดร้ายเหลือคณา
หน้าจอคอมที่เขียนกลอนคงหลอนฉัน
นี้คงฝันร้ายแน่แท้แสนอ่อนล้า
ไม่อยากทำอะไรทุกเวลา
ในโลกหล้าลวงหลอกฉันทำไม?
ฉันคงตื่นนอนอีกไม่ช้านี้
ชีวีที่โหดร้ายอาจไม่ใช่
เอ..ชีวิตจริงเรานั้นเป็นอย่างไร
ฉันเป็นใครกันแน่แผ่บอกหน่อย
โลกที่เธอรักเขามากกว่าฉัน
เธอรักกันดูไม่จะด่างพร้อย
เธอรักเขาตามติดดั่งเงารอย
ฉันแค่คอยมองดูเธอแต่ห่างไกล
เวลาเขาป่วยไข้ใจเจ็บปวด
เธอก็พรวดตามหาไปอยู่ใกล้
ถามสารทุกข์สุขดิบเป็นอะไร
ฉันเป็นไงไม่มีใครมาหาเลย
เวลาฉันเจ็บปวดระทมไข้
ไม่มีใครแลเหลียวไม่มีเลย
ในโรงเรียนปวกหัวอย่างไม่เคย
ไม่มีเลยใครเคยรักมาหาเรา
คงจะมีแต่พ่อและก็แม่
ฉันมีคนดูแลเพียงแค่นี้
คิดในใจเออ..มันก็ยังดี
ทุกนาทีมีพ่อแม่ก็สุขใจ
เวลาหิวท้องกิ่วไร้เงินทอง
ไม่มีของขนมนมจากใคร
นั่งหิวเศร้าคนเดียวเปลี่ยวเหลือใจ
ไม่มีใครมาใส่ใจหิวหรือยัง
เธอห่วงหาอาวรณ์เขาตลอด
ได้ถักยอดสายใยรักให้เหนี่ยวรั้ง
ฉันได้แค่ร้องไห้เศร้าโศกสัง
อยุ๋ในห้วงภวังค์แสนชังเกลียด
ถ้าเธอซื้อขนมให้แก่เรา
จะจมเจ่าอยู่กับมันค่อยละเลียด
กินช้าช้ารับรสอย่างละเอียด
ไม่ชังเกลียดเป็นไปได้จะเก็บไว้
แต่รู้ว่าเธอส่งขนมแก่เขา
ได้ผ่อนเพลาความอ่อนล้าความหิวได้
มีความรักของเธอเป็นผู้คลาย
ฉันนั่งหน่ายในห้องเรียนเขียนกลอนเศร้า
ไม่ได้มีสิทธิเจอแสนอ่อนล้า
เหนื่อยจนเหลือคณามิผ่อนเพลา
ชีวีนี้มีแต่ห้วงความเศร้า
เราโง่เขลาจมเจ่ากับห้วงฝันร้าย
วอนใครทีช่วยเรานี้ให้ตื่นฝัน
เพราะว่ามันควรจะสิ้นสลาย
เพราะฝันดวงนี้มันโหดร้าย
เมื่อไรจะทลายลงเสียซักที
นอนเขียนกลอนใจเศร้าเหงาในจิต
ยิ่งพินิจจบเสียทีความฝันนี้
จะจบลงเมื่อไรสักนาที
ให้ฉันมีโอกาสพบความจริง
ปวดหัวเหลือนอนหลับพับลงไป
หวังในใจฝันร้ายนี้จะทอดทิ้ง
ให้ฉันนั้นได้มาพบความจริง
ได้พึ่งพิงความสุขล้นเธอรักเรา
ความจริงนั้นเราคงเป็นคนเท่หล่อ
ไม่ดูท้อหน้าเน่าเศร้าแสนเศร้า
ไม่โดนล้อดูถูกโอ้หนอเรา
คงไม่เขลาเง่าเหลือเหมือนความฝัน
เราคงจะเป็นคนที่เธอรัก
เก่งกาจนักคู่ควรกับเธอมั่น
ความจริงนั้นฉันกับเธอได้รักกัน
ส่วนความฝันมันโหดร้ายเหงาแสนเศร้า
โอ้..ฉันเอ๋ยเคยอยู่ในความจริง
แต่ทำไมทอดทิ้งเราไปเล่า
ทำไมไป..ทำไมไม่ปลุกเรา
ผ่อนทุเลาฝันร้ายนี้เสียที
มือที่เขียนอักษรแสนอ่อนล้า
มีคนบ้าหยามเหยียดรักเรานี้
เหนื่อยแสนเศร้าเหงาก็เหงาทุกนาที
ช่วงชีวีมีบ้างมั้ยตื่นจากฝัน
ก่อนกินยาขอฉันตื่นขึ้นด้วยเถิด
จะบังเกิดห้วงคำนึงถึงในฝัน
รักของเราครั้งนี้ได้รักกัน
ไม่เหลือแรงให้มันทำอะไร
ที่วานเพื่อนให้ลงบทกลอนให้
ไม่มีใจจะพิมพ์จะเขียนให้
ที่เป็นงี้ป่วยไมเกรนเป็นยังไง
มันเป็นไงฝันร้ายของตัวฉัน
แล้วก็ด้วยป่วยเป็นโรคกะเพาะ
ไม่มีสิทธิออเซาะคนงามในฝัน
คิดถึงเธอเสมอแทบทุกวัน
ความจริงนั้นเราคงเป็นรักเธอ
ความจริงนี้ทุกนาทีแสนบอกช้ำ
ร่ำระกำงึมงำ..เพื่อนว่าเพ้อ
ทำไงได้ฉันนั้นคิดถึงเธอ
รู้เสมอว่ารักเธอไม่มีวัน
พอหลับแล้วเช้านี้เราคงตื่น
ลุกขึ้นยืนโทรหาเธอไม่ใช่ฝัน
เราก็คง..ก็คงได้คุยกัน
ได้เจอกันเธอยิ้มให้กับเรา
เธอคงห่วงใยเราตอนเจ็บไข้
ได้ถามว่าเป็นยังไง..เป็นยังไง
ถามแค่นี้เราก็หายป่วยไข้
กำลังใจพอกพูนขึ้นอีกครั้ง
เธอคงซื้อขนมให้แกเรา
เวลาเหงาก็ได้นั่งสรรค์สัง
ได้คุยกันคุยกันรักจีรัง
ได้ครวญนั่งคิดถึงเธอเสมอไป
หวังว่าเราจะตื่นจากฝันร้ายนี้
มันไม่มีความโหดร้ายตามอยู่ใกล้
สุขเหลือเกินไม่ว่าทำอะไร
แต่ยังไงฝันร้ายคลายไปสักที
ขอโทษครับ...ผมเป็นเพื่อนเอก(คนเขียนกลอนนี้)มันวานให้ผมมาพิมพ์กลอนลงในเว็บนี้ให้มันหน่อย..แค่นั้นครับ..คือมันป่วยนิดหน่อย..ก็เรื่องรักๆใคร่ๆนี้แหละครับพ่อแม่มันๆไม่อยู่บ้านนาน ตอนนี้มันกำลังเพ้อหนักผมต้องปั่นจักรยานไปซื้อยามาให้มันกินเนี่ย(จะสอบแล้ว..ไอ้บ้าเอ็ย)ถ้าพิมพ์อะไรผิดก็ขอโทษด้วย(ไอ้เอกก็พิมพ์ไม่ค่อยถูกหรอกผมรู้)
ตอนนี้ผมกำลังกล่อมมันให้รู้ว่าตัวเองอยู่ในความจริงอยู่..ค่อนข้างหนักเอาการครับ..วันจันทร์คงจะหายละมั้งยิ่งเป็นคนเบื่อโลกง่ายเหลือเกินไอ้เอกเนี่ย ฝากกลอนนี้ด้วยนะครับ
จาก.ต๊ะ..มิตรของเอก(มั้ง)
26 สิงหาคม 2553 21:45 น.
เมธาวีรำลึก
๑.
คาบเช้า...
หวนรำลึกถึงนวลน้องที่ครองใจ
ถึงแก้มใสที่ใจอยากซมหอม
อยากเจอเธอกอดแน่นซบดมดอม
ก่อนจะตรอมด้วยเธอนั้นมีแฟน
อยากจะเจอ..เพียงเธอ...แม้สักเดี๋ยว
ใจห่อเหี่ยว..อ่อนโรยเป็นหนักแสน
เทียบดั่งไฟในฝันที่โรยแร้น
เห็นเธอ-แฟน..มีความสุขก็สุขใจ
ทำใจได้เสมอมีความสุข
ลืมเลือนทุกข์ไปได้เพียงเลือนไล้
เธอนั้นหาย..หายไป..ไปอยู่ไหน
อยู่ที่ไหนไม่ใช่ในโรงเรียน
๒.
คาบเที่ยง..
ปวดเวียนเคืองอัดอั้นในหัวอก
สะท้านทกเห็นเก้าอี้ที่ว่างเปล่า
เธอนั้นอยู่ที่ไหนต้องสืบสาว
ใจร้องป่าวประกาศ...เธอเป็นไร
ผ่านพ้น...คาบเยอรมันอย่างอัดอั้น
ปวดหัวสั่นโลกโคลงเคลงเห็นรวนไร
เธอนั้นทุกข์..สุขดี...อยู่ที่ไหน
เป็นยังไง..ถึงไม่ใช่คนควรถาม
โหยหาเธอเสมอเธออยู่ไหน
เธอเป็นไง..เธอเป็นไง..ใจยากปราม
เก็บโลกไว้ความคิดถึงพึงแบกหาม
ทนดัดดามอารามใจไม่เคยได้
๓.
ในห้องพยาบาล..
เข้าห้องพยาบาลสมานใจ
เดินตรงไปในห้องสี่เหลี่ยมแคบ
ปวดหัวใจรวดร้าวจนปวดแสบ
น้ำเย็นแปลบผ่านคอพร้อมกับยา
นอนลงเตียงหันข้างชนเพดาน
พักเรื่องงานผสานความอ่อนล้า
พร่ำหาเธอ...เม..เม..อยู่ไหนน้า
อยู่ใกล้ไกล...คร่ำครวญหา...บอกข่าวบ้าง
นอนนิ่งงันพลันคิดถึงพึงความจริง
รู้ทุกสิ่งยิ่งตอกย้ำความเปลี่ยวร้าง
เธอไม่มีดวงใจให้หนทาง
ที่จะสร้างความสัมพันธ์อยู่กับเธอ
รู้ตัวว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์
ที่มีสิทธ์ห่วงใยใคร่ครวญเพ้อ
ไม่มีสิทธิ์ได้เจอ...ได้พบเธอ
ร้องละเมอเพ้อคนเดียวอยู่บนเตียง
ร้องเบาแผ่วจนเตียงข้างหันมามอง
พร่ำครวญร้องด้วยเบาแผ่วในน้ำเสียง
รักแต่เธอ...รักแต่เธอ..ก็มีเพียง
ไม่โอนเอียงโอนเอนใจให้ใครได้
อยากจะถามเธอนั้นเป็นไงบ้าง
จวนฟ้าสางเร่งรวดรีบคล้ายไปตาย
คิดถึงเธอ..คิดถึงเธอ..มิเสื่อมคลาย
แม้โลกร้ายแค่ไหนใจมีเธอ
มาถึงโรงเรียนที่เขียนกลอนมอบให้เธอ
แต่ว่าเธอนั้นหายจนเราเก้อ
เธออยู่ไหนอยู่ไหนแล้วเล่าเธอ
อยากเจอหน้าเธอเพียงคนเดียว
ปวดหัวมัวหมองสองความคิด
อยากพินิจเห็นหน้าเธอคนเดียว
แต่รู้ว่าไม่มีสิทธิ์ใจเปล่าเปลี่ยว
ทนห่อเหี่ยวเปลี่ยวใจขมระทม
น้ำตาไหลรดรินเปียกขอบหมอน
ใจล้ารอนเกินจะคลอนทนอัดอั้น
ในความฝันเรานั้นได้รักกัน
แต่ต้องสั่นยามคืนวันฝันนั้นลวง...
ร้องไห้คลายระบายความอัดอั้น
แต่ละวัน...แต่ละวัน..รักทั้งปวง
บูชาเธอเอาไว้แทบบวงสรวง
ใจร้าวรวงหัวสั่นมั่นรักเธอ
ส่ายหัวยิ้มขมขื่นทั้งน้ำตา
ความอ่อนล้ากลายละลายเป็นความเพ้อ
ฉันรักเธอ..ฉันรักเธอ..ฉันรักเธอ
แม้ไม่มีสิทธิ์เจอก็รู้ดี
๔.
เลิกเรียน..
ปวดหัวค้าง..ค้างคาใจ..อยู่ในห้วง
ความรักควงหัวใจไว้หมดมั่น
ภาพของเม..ของเม..ตราตรึกสั่น
ร้องไห้เศร้าเงียบงันใจละล่อง
เดินออกมาครางครวญเธออยู่ที่ไหน
หวังในใจ..หลอกตัว...เธอ...อยู่ในห้อง
แม้จะรู้เธอไม่อยู่ใจก็ท่อง
ใจลอยล่อง...เม...คงอยู่..โกหกใจ
เดินแวะเวียนผ่านห้องเรียนเธอเคยอยู่
แม้จะรู้เธอไม่อยู่ก็ยังฝัน
เราจะได้..จะได้..มองหน้ากัน
จนวันนั้นไม่อยากเลือนไปจากใจ
ทราบข่าวคราวจากปากเพื่อนเธอสนิท
นั่งรอฤทธิ์ความจ็บปวดรวดรานฆ่า
ฉันรักเธอเสมอทุกเวลา
ยามอ่อนล้าก็ยังรัก..ก็ยังรัก
๔.
กลับบ้าน...
เธอไปเรียนรอ.ดอ.ตามตั้งใจ
นึกทีไรใจขมระทมขื่น
เราน่าจะเรียนบ้างยากมันฝืน
แต่ละคืนแม่พ่อค่อยว่ากัน
ร้องใจสลายคล้ายดั่งเหมือน
ดั่งดาวเดือนที่เลือนแสงแร้นแรงฝัน
กลัวว่าเธอจะเลือนหายชั่วชีวัน
จากฉันนั้นเธอหายไปไร้แรงเดิน
รู้ว่าเธอสบายดีก็ดีใจ
แม้ไม่มีโอกาสห่วงใยเกิน
คำว่าแฟนไม่อาจร่วมเคียงเดิน
รักผ่าวเผินเธอคงเมินไม่สนใจ
ไม่..เคยกลัวความตายพร้อมเสมอ
ไม่..มีวันได้เธอได้อยู่ใกล้
ไม่..วันที่เธอจะมอบใจ
ไม่..กลัวไกล..กลัวไม่ได้พบเจอเธอ
กลัวอย่างเดียวเธอ..เธอจะหายไป
ไม่มีโอกาสได้ใกล้ละเมอเพ้อ
อยากเจอหน้าแค่นั้นขอเพียงเธอ
ได้พบเจอแค่นี้สุขล้นคลาย
แม้ไม่มีสิทธิ์ที่จะได้ห่วงใย
ได้อยู่ใกล้แต่เธอทุกข์เลือนหาย
แม้ไม่มีสิทธิ์ได้รักเธอจนวันตาย
ก็มิคลายความคิดถึงพึงเธอเดียว
0.
เธออยู่ที่ไหน?...คิดถึงเธอ...แม้ไม่มีสิทธิ์เจอ...
เธอ..อยู่ไหนใกล้ไกล.....คิดถึง อยู่..ที่ไหนคะนึง...........หาค้น
ที่..เธออยู่ได้ไปพึง..........ดั้นด้น
ไหน..มีเธอสุขล้น.....เกินคำบรรยาย
คิด..แต่เธออยู่ใน.......ห้วงใจ
ถึง..เธออยู่ไกลใกล้....รักรั้น
เธอ..นั้นครองหทัย....ไปหมด
เรารักเธอสุขล้น....ยากพ้นพรรณา
แม้...ไร้โอกาสได้....จากเธอ
ไม่..เคยคิดพร่ำเพ้อ....รักม้วย
มีสิทธิ์..ได้หลงเก้อ......แต่เธอ หมดแฮ
เจอ..พบความร่ำรวย....ขอรักเธอแทน
25 สิงหาคม 2553 20:55 น.
เมธาวีรำลึก
๑.
ในความฝัน..
กอดนวลนางครางครวญนวลเนื้อหญิง
หมอบแอบอิงพิงใจให้สุขใกล้
ห้วงความสุขรุกล้นในหัวใจ
รักไม่ไหม้ไม่มอดแล้วเธอรักเรา
บอกกระซิบ..กระซิบเธอข้างหูเธอ
ยามพบเจอหน้าเธอใจหายเศร้า
ดั่งไฟรักหักโหมรุกสุขระเร้า
ห้วงรักเก่าเปลี่ยวเหงารักแท้ท่อง
เรารักเธอ...เสมอนะรู้มั้ย
ในหัวใจมีเธออยู่ทั้งสามห้อง
ดั่งประทีบฉาดฉายสาดแสงส่อง
ใจลอยล่องเพ้อถึงหนึ่งดวงใจ
ได้ยินเสียงเพียวเผ่วแน่วนิ่งฟัง
กอดพิงนั่งซบแก้มหน้านางอยู่ใกล้
หอมแกมฟอดกอดเธอแน่นน้ำตาไหล
ในหัวใจสุขล้นปนเปรมปรีดี
ฉันรักเธอยินจากปากของนวลน้อง
ที่หมายปองน้องนานระรนรี้
ได้กอดเธอสมที่ตั้งความหวังดี
กอดน้องพี่ยลข้างแก้มแง้มหัวใจ
วาดภาพฝันมานานได้เป็นจริง
ไม่รนหาทุกสิ่งถ้าได้ใกล้
เงินทองล้านมากแสนนั้นห่างไกล
เลี้ยงพ่อแม่จนได้มีเธอเคียง
มีความฝันเล็กๆดวงน้อยๆ
เฝ้ารอคอยมีเธอคอยเคียงเลี้ยง
ฉันจะไม่ทำให้เธอเศร้าเหงาเพียง
ความหลีกเลี่ยงห่างรักไปจากเธอ
ตอบแทนคุณบุพการีที่รัก
ตรึงสลักขึงรักให้หนักแน่น
มีเธออยู่ในหัวใจทั่วผืนแผ่น
ยังรักแน่นแน่วแน่เธอเพียงคนเดียว
ฝันที่เฝ้า..ฝันที่คอย..ร้อยรวมจริง
จนทุกสิ่งในโลกหล้าสุขข้องเกี่ยว
ไม่ต้องอยู่..ไม่ต้อวอยู่..เพียงดายเดียว
เพราะมีเธออยู่คนเดียวเคียงข้างกัน
กอดเธอแน่นแน่วกอดรักเดียว
ได้แลเหลียวเหมือนอยู่ในความฝัน
ฉันรักเธอ..เธอรักฉัน..เรารักกัน
อ้อมกอดนั้นยังไม่เสื่อมเคลื่อมจางหาย
๒.
ความจริง..
กอดหมอนข้างเปลี่ยวร้างระทมใจ
และนี้ไงความจริงที่ฉันสร้าง
ฉันนั้นอยู่คนเดียวเปลี่ยวกายร้าง
ความฝันนั้นที่สร้างเป็นภาพลวง
น้ำตาไหลบนเตียงเคียงห้องอัด
ที่มันรัดกัดกินหัวใจทั้งปวง
บูชารักเธอไว้แทบบวงสรวง
แต่รักรวงนวลนางเกลียดชังเรา
ละเมอเพ้อฉันรักเธอกับหมอนข้าง
น้ำล้นจางเบ้าตาจนใจเศร้า
รู้เสมอว่าเธอไม่รักเรา
เราต้องเศร้ากอดหมอนข้างอย่างเดียวดาย
ลูบไล้เนื้อใยฝ้ายคล้ายคนบ้า
คิดเป็นกายกาสาของน้องสาว
หอมใยนุ่นคิดกลิ่นสาวพราวแพร่งพราว
ใจรวดร้าว..เห็นหมอนข้าง..เห็นความจริง
๓.
ขณะนี้..
ฉันยังคงหลงรักเธอเสมอ
รู้ตอนเจอว่าเป็นรักละเมอ
ฉันยังรัก..ยังรัก..รักเสมอ
แม้ว่าเธอ..นั้นเอง..คือหมอนข้าง
24 สิงหาคม 2553 19:29 น.
เมธาวีรำลึก
เราไร้สิทธิ์แต่จิตก็ยังรัก
ยากจะหักราญใจสุดแสนยาก
แม้จะรู้อนาคตต้องลำบาก
รู้ว่าหากรักเธอต้องรอคอย
รู้ว่าการรอคอยต้องทั้งชาติ
คล้ายคมบาดมีดเฉือนใจเศร้าศร้อย
ต้องทำใจให้ปลงวางและต้องปล่อย
แล้วค่อย..ค่อยปล่อยใจให้ตายช้าช้า
คนเธอรักยากเทียบ..เรานั้นได้
รู้เมื่อสาย..รู้เมื่อตรม..รู้เมื่อล้า
เธอไม่รักกึ่งชังด้วยสายตา
แต่ฉันบ้ารักเธอคงหนักมั่น
กลอนบทนี้คงขาดความไพเราะ
มีทำนองเสนาะเพราะรื่นหู
ก็เชิญเบิกหัวใจให้ออกดู
แล้วจะรู้ทุกบทประพนธ์ใจ
ยังคงรักเสมอรักแต่เธอ
แม้จะเพ้อภาพเธออยู่ในใจ
ไม่มีวันได้รักได้อยู่ใกล้
หวังลูบไล้กายเธอ..ได้แค่ฝัน
รู้เสมอเธอคงจะรักเขา
ส่วนเราเศร้าเหงาเหนื่อยหน่ายแต่รักมั่น
หวังว่าเธอจะมาอยู่ได้ด้วยกัน
แต่แค่ฝันพรั่นถึงเธอเสมอแน่ว
ยามกินข้าวนึกภาพสาวมาเคียงใกล้
ในหัวใจร่ำไห้เสียงเบาแผ่ว
คิดถึงเธอเสมออย่างแน่แน่ว
ทนนั่งแก่วรักข้างเดียวเปลี่ยวรุ่มกาย
ยามหลับฝันมีเธออยู่เคียงข้าง
ไอเบาบางความจริงยังโหดร้าย
เธอรักเขาฉันรักเธอมิรู้คลาย
ร้องร่ำไห้ใจสลายเพียงเดียวดาย
วันนี้เห็นเธอเดินเคียงกับแฟน
ใจหวงแหนยิ้มขมขื่นฝืนไม่ได้
เราจะหึงแต่เธอมิรู้คลาย
แม้โลกร้ายคล้ายบอกทำ..ได้แค่นี้
ใจระทมเห็นเธอก้าวมากับเขา
เรานั้นเศร้าบนสะพานลอยแห่งนี้
ที่ที่ได้มองเห็นเมธาวี
สุรศักดิ์มนตรีที่เจอเธอ
รู้เสมอว่าเธอนั้นรักเขา
ส่วนฉันเศร้าเหงาแต่..รักเธอเพ้อ
รู้ว่าเขารักมั่นรักแต่เธอ
ฉันละเมอรักเธอเพียงคนเดียว