15 พฤศจิกายน 2547 20:34 น.
เมฆห่มหมอก
ใต้ร่มไม้ใหญ่ข้างหน้าคือจุดมุ่งหมายที่ฉันกำลังจะเดินไป ฉันไม่ค่อยได้มาในที่แห่งนี้บ่อยครั้งนักนานๆทีหลังจากที่ฉันว่างจากการทำงาน ที่นี่มีอะไรหลายอย่างที่เปลี่ยนแปลงไป ลมที่พัดมากระทบกับดอกไม้ใบไม้ส่งกลิ่นหอมทำให้ฉันรู้สึกผ่อนคลายยิ่งนัก ดอกไม้แข่งกันเบ่งบานอวดความสวยงามต่อสายตาผู้พบเห็น สองข้างทางเล็กๆที่ฉันกำลังเดินอยู่นี้มันช่างดูงดงามเหลือเกิน
ทุกครั้งที่ฉันมาที่นี่ฉันเหมือนได้กลับมาหาความรู้สึกของตัวเอง กลับมาหาความทรงจำและเขาคนนั้นที่ไม่เคยจากฉันไปไหน เวลามันอาจจะผ่านไปนานแล้วแต่ความคิดถึงมันไม่เคยผ่านไปจากฉันสักที ฉันก็เฝ้าแต่หวังว่าฉันจะได้เจอเขาอีกสักครั้งในฐานะอะไรก็ได้
ฉันนั่งลงตรงโต๊ะหินอ่อนใต้ร่มไม้ฉันก็มักจะนึกถึงประโยคหนึ่งที่เขาเคยบอกฉันว่า เขาจะไม่ยอมจากฉันไปไหน จะไม่ยอมให้ฉันต้องรู้สึกว่าฉันอยู่เพียงลำพัง แต่ตอนนี้ทุกอย่างดูตรงกันข้ามไปหมด
ความรักของฉันกับเขามันค่อยๆเริ่มต้นขึ้นและก็พัฒนามาเรื่อยๆฉันรู้จักเขาเพราะเคยเรียนโรงเรียนมัธยมเดียวกันมาก่อน เขาเป็นรุ่นพี่ฉันเอง จากความรู้สึกดีๆที่มีให้กันวันละนิดหลายวันหลายปีเข้าความรักมันก็เริ่มมากขึ้น ตลอดระยะเวลาที่ผ่ามมา 3ปีมันทำให้ฉันมั่นใจว่าคนนี้แหละที่ฉันจะรักและดูแลตลอดไป ทั้งที่เราต้องอยู่ห่างกัน 2ปีหลัง แต่เขาไม่เคยทำให้ฉันรู้สึกว่าเขาเปลี่ยนไป แต่อยู่มาไม่นานนักเขาก็ขาดการติดต่อโดยสิ้นเชิงทั้งที่ไม่มีเรื่องอะไรที่ต้องทะเลาะกันเลย ตลอดระยะเวลาที่เขาหายไปฉันพยายามติดต่อแต่ก็ไม่สามารถที่จะรู้ได้เลยว่าเขาอยู่ไหน ทำอะไร มีความสุข หรือกำลังเศร้าใจ นี่คือคำถามที่ฉันอยากรู้ จนกระทั่งเวลาผ่านไป 2 ปี 4 เดือน อยู่ๆเขาก็ติดต่อมาทาง จ.ม.มีใจความสั้นๆว่า........ไม่เคยคิดจะจากไปไหนยังคงเป็นห่วงเสมอ ..............
วันที่ฉันได้รับ จม.ฉันก็รีบติดต่อกลับไปแต่ไม่มีวี่แววว่าเขาจะตอบกลับมา จนถึงเวลาที่ฉันต้องไปเรียนที่ต่างประเทศ ยิ่งดูเหมือนว่าหนทางระหว่างฉันและเขามันก็ห่างกันไปอีก ฉันได้แต่ถามจากทางบ้านว่าเขาตอบมาบ้างไหม ทุกครั้งที่ฉันถามก็ได้แค่คำตอบเดิม เวลาผ่านไป 1 ปี ฉันก็ได้รับข่าวดีจากแม่ว่าเขาติดต่อมาที่บ้านโดยโทรศัพท์มาแม่จึงให้ที่อยู่ฉันไปแล้วเขาก็ส่งจดหมายมาหาฉันอีกครั้ง จดหมายฉบับนี้เขาเขียนยาวกว่าเดิม
มันมีใจความว่า.............. วันเวลาผ่านไปทุกๆอย่างหมุนไปตามวัน จิตใจต้องมั่นคง จะรอวันที่เธอจะกลับมา
จะรออยู่ตรงที่เดิม .......... ถ้อยคำในจดหมายฉบับนี้ทำให้ฉันมีกำลังใจขึ้นมามากทีเดียว หลังจากนั้นฉันก็ตอบกลับฉบับแล้วฉบับเล่าแต่ทุกอย่างก็เงียบอีกเช่นเคย เวลา 3 ปีที่นี่ผ่านไป ฉันกำลังจะกลับเมืองไทยฉันจึงส่ง
จดหมายไปบอกวันเวลาที่ฉันจะกลับแน่นอน ในใจหวังเพียงแค่ว่าฉันจะได้เจอเขาอีกสักครั้ง ฉันตัดสินใจเขียนความรู้สึกของฉันทั้งหมดไปบอกเขาประโยคที่ฉันอยากให้เขารับรู้บ้างมีอยู่ว่า
................ ห่างกันจนไกลสุดปลายฟ้า
แต่เวลาไม่เคยทำให้เธอ จากฉันไปไหน
ยังคงคิดถึงและคอยห่วงใย
ถึงแม้เธออาจจะจากไปก็ตามที
หากย้อนเวลากลับไปได้.............
ฉันคงจะไม่รักเธอมากมายขนาดนี้
จะไม่สนใจหรือใยดี
.............. เพราะทุกอย่างในวันนี้ฉันปวดใจ...........
จนกระทั่งฉันกลับมาเมืองไทยได้ 1 ปี กว่า ๆก็ยังไม่เห็นว่าเขาจะมาหาฉันตรงนี้ที่ๆฉันรอเขาอยู่
เมื่อเวลาทำให้ฉันได้เรียนรู้ว่าความรักมันมี 2 ด้าน ในวันที่รักยังสดใส ทุกสิ่งทุกอย่างดูสวยงาม
แต่ในอีกด้านถ้ารักไม่สมหวังทุกอย่างช่างดูเศร้าเหลือเกิน ความรักก็คงเหมือนกับต้นไม้สินะ ที่ต้องการดูแลเอาใจใส่ต้องคอยรดน้ำ พรวนดิน แต่การรดน้ำของความรักคือการมีน้ำใจ รู้จักการเป็นผู้ให้ มีความอาทรต่อกัน
ส่วนการพรวนดินก็เหมือนการรู้จักปรับปรุงอารมณ์พยามยามเติมเต็มในความรักให้กันและกัน ฉันคิดว่าฉันเป็นคนหนึ่งที่น่าจะดูแลความรักของตัวเองได้ดี แต่มันก็จบลงด้วยการแยกจากอยู่ดี เพราะความรักที่จะงอกงามเติบโตไปได้ คนสองคนต้องช่วยกันทะนุถนอม หากแต่มีอีกคนดูแลคอยเติมเต็มหาสิ่งที่ดีมาให้ ส่วนอีกคนกลับเป็นฝ่ายหยิบทิ้งไปเลย ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ความรักถึงจะลงตัว ฉันกำลังพยายามทำใจและอยู่โดยไม่มีใครคนนั้นกลับมาให้ฉันต้องลำบากใจอีก
ความรัก ใช่ว่าจะเกิดขึ้นได้ง่ายดาย
ความรัก ใช่ว่าจะพัฒนาไปได้เองถ้าไม่ดูแลใส่ใจ
ความรัก คือ ความห่วงใย
ความรัก คือหัวใจเรารวมกัน
หากมีวันหนึ่งที่เธอรู้จักความรักที่แท้จริง เธอจะรู้ว่าสิ่งที่ฉันทำเพื่อเธอนั้นมันมีค่ามากมาย
อยากบอกเธออีกครั้งสุดท้าย และฉันจะไม่เอ่ยมันอีก
ฉันคิดถึงเธอนะ
ปล. รักคือความอบอุ่นของหัวใจที่ใครๆอยากสัมผัส ฝากถึงคนที่กำลังมีรักดูแลหัวใจให้กันและกันห้ดีนะคะ