8 เมษายน 2546 23:14 น.
เพื่อนของพระจันทร์
พรุ่งนี้เราก็จะต้องจากกันแล้วนะ
ถึงแม้ว่ามันจะไม่สลักสำคัญอะไรนักในความรู้สึกของเธอเมื่อเราห่างไกลกัน
แต่ขอเอ่ยถ้อยคำจากใจที่เก็บมันมานานให้เธอรับฟังมันบ้าง..... ได้หรือเปล่า
วันนี้ก็เป็นอีกวันหนึ่งที่เราไม่เข้าใจกัน
(ถึงจะไม่ได้แสดงออกมาชัดเจน แต่ในความรู้สึกเราสองคนต่างรับรู้ได้ใช่ไหม)
ตั้งแต่วันที่เราเจอกัน ตกลงคบเป็นเพื่อนกัน
ไม่มีวันไหนเลยที่ทำให้รู้สึกว่าเราเป็นเพื่อนกันได้อย่างสนิทใจ
มันเหมือนมีอะไรบางอย่างบอกใจว่าถึงแม้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนมันก็ไม่ใช่ ไม่ใช่จริงๆ
คำว่า...ลาจาก...เป็นอีกคำหนึ่งที่เราต่างก็ไม่อยากได้ยิน
คำว่า...ห่างไกล...เป็นอีกคำหนึ่งที่เราต่างก็ไม่อยากรับรู้ความเจ็บปวดที่เกิดจากมันเลย
แต่เราก็ต้องลาจาก ต้องห่างไกลกันอยู่ดี
ขึ้นอยู่กับว่าวันเวลาจะมาถึงเมื่อไหร่เท่านั้นเอง
อยากรู้ว่าเธอเหนื่อยไหม ที่จะต้องมาเดินในเส้นทางที่กลับไม่ได้ไปไม่ถึงร่วมกับฉันอย่างนี้ทุกวัน
บางครั้งเราก็ดูเหมือนคนรู้ใจกัน แต่บางครั้งก็ดูเหมือนคนที่ไม่มีวันจะเข้าใจกันเลยซักนิด
อยากรู้ว่าทำไมเราสองคนไม่มีจุดยืนเลย
ถ้าวันนี้เราเหงา เราเศร้า ใครจะนั่งอยู่ข้างๆคอยปลอบโยนเราให้ความทุกข์บรรเทาเบาบางลง
แต่นั่นไม่ใช่สิ่งจำเป็นสำหรับเราหรอก
ป่วยการเปล่าที่จะมาใช้คำถามเพื่อเรียกร้องให้ใครอยู่เคียงข้างใครตลอดเวลา
ฉันไม่มีสิทธิ์เรียกร้องอะไรจากเธอ และเธอก็ไม่มีสิทธิ์เรียกร้องอะไรจากฉันเช่นกัน
แม้ว่าใจเราสองคนมันจะตรงกันหรือไม่ก็ตาม ....ใช่ไหมเธอ...คนที่อาจจะตอบคำถามฉันได้
"Love is like war : easy to begin but very hard to stop"
4 เมษายน 2546 23:59 น.
เพื่อนของพระจันทร์
ผมไม่เคยรู้สึกดีกับพ่อมาก่อนอย่างนี้
ผมไม่เคยรู้สึกรักพ่อมาก่อนเท่าครั้งนี้
ถึงเวลานี้ผมได้แต่นั่งรอเวลาที่ผมจะโผเข้าสวมกอดร่างของพ่ออีกครั้ง
จะนานแค่ไหนไม่รู้
จะนานกี่ชั่วโมงไม่รู้
กว่าที่ประตูห้องฉุกเฉินนั่นจะเปิดออก
แล้วผมจะกลับเข้าบ้านหลังนั้นอีกครั้ง กลับเข้าไปสู่อ้อมแขนของพ่ออีกครั้ง
และครั้งนี้มันคงทำให้ผมเขียนเรื่องสั้นได้ทันส่งต้นฉบับวันพรุ่งนี้แน่นอน
ผมตั้งชื่อเรื่องรอไว้ก่อนแล้วว่า นิทานของพ่อ
พ่อคนเดียวที่สอนให้ผมรู้จักตัวเอง ให้ผมเข้มแข็ง
ให้ยืนหยัดได้ด้วยความฝัน สองแขนสองขาของตัวเอง
ผมอยากบอกว่า ผมรัก รักมาก อย่างที่ไม่เคยรักมาก่อน
และผมก็รักพ่อไม่น้อยกว่าที่รักแม่หรอก
4 เมษายน 2546 22:46 น.
เพื่อนของพระจันทร์
แต่ผมก็ยังไม่ละทิ้งความฝันที่อยากจะเป็นนักเขียนหรอก
ผมเฝ้าฝึกฝีมืองานเขียนจนคิดว่าดีพอถึงได้ลองส่งไปลงยังนิตยสารฉบับหนึ่ง
จนในที่สุดก็ได้รับการตีพิมพ์
ผมเริ่มมีความสุขกับการเขียนหนังสือมากขึ้น
เมื่อความฝันของผมเป็นจริง
หนังสือเล่มแรกในชีวิตของผมพิมพ์เสร็จเป็นรูปเล่มเรียบร้อยแล้ว
ผมรับหนังสือจากพี่ใหม่มา เปิดออกดูทีละหน้า ๆ ครั้งแล้วครั้งเล่า
ไม่อยากเชื่อเลยว่าผมจะมีโอกาสแบบนี้จริง ๆ
นี่มันสุดยอดความฝันของผมเลยครับพี่ ขอบคุณมากครับ
เอ้า!นี่หนังสือของนัทเก้าเล่ม พี่ให้นัทเอาไว้แจกเพื่อน ๆ
ถ้าไม่พอยังไงก็เข้ามาเอาใหม่ล่ะกัน พี่ใหม่หยิบห่อกระดาษยื่นให้ผม และนี่เช็คเงินสดค่าเรื่อง
ขอบคุณมากครับ พี่ใหม่
ผมรับเช็คค่าความคิด ค่าน้ำหมึกของผมมาถือไว้ด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก
แต่ที่แน่ ๆ มันเต็มเปี่ยมจนล้นไปด้วยความภาคภูมิ
มาถึงตอนนี้ผมมั่นใจได้แล้วว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นความจริง ไม่ใช่ความฝัน
ผมอยากให้พ่อรู้เหลือเกินว่าในที่สุดผมก็ทำความฝันของผมได้สำเร็จ
ผมละภาพความหลังเก่า ๆ
ละสายตาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ด้วยการไปเดินเล่นที่ท่าน้ำ
สายน้ำแห่งเจ้าพระยายังคงไหลเวียนไม่ขาดสาย
ประกายแสงจากดวงอาทิตย์สะท้อนผืนน้ำระยิบระยับ
เรือลำน้อย เรือลำใหญ่แล่นว่ายอย่างเช่นเคย
ที่ตรงนี้ล่ะที่ทำให้ผมมีความสุข รู้สึกสบายอกสบายใจทุกครั้ง
และมักจะได้คำตอบหรือแนวพล็อตเรื่องอยู่เสมอ ๆ
วันนี้ผมก็หวังไว้เช่นนั้นเหมือนกัน